แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: เกิดใหม่่ต่างโลก-ร่ายเวทย์แบบสั้นหรือไร้การร่ายมันควรจะเป็นการโกงขนาดไหนครับ?  (อ่าน 6943 ครั้ง)

ออฟไลน์ gaiar33

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,229
  • ถูกใจแล้ว: 6563 ครั้ง
  • ความนิยม: +295/-263
  • เพศ: ชาย
  • หัวหน้าองค์กร(ไม่)ลับ
ไม่ก็ลองแต่งเรื่องที่  "ทุกคนบนโลก ใช้เวทไร้ร่าย และ MP ไม่มีหมด" ดูสิครับ แล้วหาวิธีจบให้ได้ใน 100 ตอน  ???
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20713 ครั้ง
  • ความนิยม: +363/-6
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
ไม่ก็ลองแต่งเรื่องที่  "ทุกคนบนโลก ใช้เวทไร้ร่าย และ MP ไม่มีหมด" ดูสิครับ แล้วหาวิธีจบให้ได้ใน 100 ตอน  ???
มันยากพอๆกับให้ทุกคนบนโลกมีสแตนด์ Gold E Requiem แล้วมาสู้กันเองเลยนะนั่น  :)
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,402
  • ถูกใจแล้ว: 3115 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
ปัญหาของเวทไร้ร่ายจริงๆมันไม่ใช่อะไรหรอกท่าน สมดุลของเรื่องมันห่วยต่างหากอย่างเรื่องรูดี้นี่ถ้าจำไม่ผิดมันก็มีเวทไร้ร่ายนะแต่ฝ่ายนักดาบนี่โหดสลัดผักไปเลยครับ  ถ้าท่านทำให้นักเวทมันโหดสัสๆก็ควรจะทำให้พวกนักรบมันโหดพอๆกัน  อย่าทำให้นักรบมันกลายเป็นตัวประกอบห่วยๆก็พอแล้วครับ

ผมว่ามันมาจากแนวคิดเล่นเกมส์ dnd ตั้งแต่ดั้งเดิมน่ะครับว่า warrior linear,wizard quadratic
ว่าความก้าวหน้าของนักรบและนักดาบจะเป็นเส้นตรง ความก้าวหน้าของนักเวทย์จะเป็นทวีคูณ
หากไปในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
นักดาบจะสู้นักเวทย์ไม่ได้

แน่นอน เราต้องเล่นมุกว่า นักเวทย์ระดับนั้นในหน้าประวัติาสตร์มีไม่กี่คน แต่จำนวนของคนเป็นนักรบธรรมดานั้นมากกว่านักเวทย์
[quote/] มันยากพอๆกับให้ทุกคนบนโลกมีสแตนด์ Gold E Requiem แล้วมาสู้กันเองเลยนะนั่น  :)  
มันจะตัดสินผลแพ้ชนะกันตรงที่ใครจะวิวัฒนาการแสตนด์ของตนเองไ้ดก่อนกันน่ะครับ
ไม่ก็ลองแต่งเรื่องที่  "ทุกคนบนโลก ใช้เวทไร้ร่าย และ MP ไม่มีหมด" ดูสิครับ แล้วหาวิธีจบให้ได้ใน 100 ตอน  ???  
เอาแบบจริงจัง ผมว่าผลปพ้ชนะจะตัดสินกันที่ว่าใครจะใช้พลังได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากันและอัดพลังได้มากที่สุด
แบบมุกเรื่อง วอร์ลอร์ด การ์ตูนฮ่องกง ที่เล่นมุกประจุพลังร้อยล้านว่ากันไป
ถ้าเป็นมังงะ มันไม่สนสมดุลอาชีพ แต่มักขึ้นกับคุณสมบัติ พรสวรรค์ ที่พระเอกโครตจะโกง ส่วนทำไมมีอาชีพนักดาบ ทั้งที่นักเวทย์ ฮีโร่มันโกง เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเป็นนักเวทย์ หรือฮีโร่ได้
ในมังกะพระเอกใช้ไร้เวทย์ได้มักจะทั้งเร็วและทรงพลัง แต่ที่คนอื่นใช้ไม่ได้เพราะมันยากมาก

ถ้าเป็นเกมส์จะมีสมดุลอาชีพมากกว่า อาจจะมีอาชีพโกงบ้างแต่ไม่เว่อร์ขนาดมัวกะ อาชีพอื่นๆยังพอมีที่ยืนบ้าง

ในเกมส์ พระเอกใช้ไร้ร่ายได้ก็มักจะเบาแต่เร็ว อย่าง linage2 

นั่นล่ะครับ ไปเจอแนวคิดว่าการเป็นนักเวทย์น่ะ อาจจะทำให้เราเก่งระดับคนตำนานได้หากเรารอดชีวิตไป แต่เลือกดาบมากกว่าเพระาใช้ง่ายและมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า หรอืไปสายผสมที่แม้ไม่ทรงพลังเท่าทั้งสองอย่าง แต่ก็เล่นได้หลากหลายเอาตัวรอดได้มากกว่า มุ่งไปอย่างเดียว

มีอย่างเสียอย่าง
ก็ถ้าเอาแบบ อิเซไกไปโลกล้าหลังแบบนั้น ไร้ร่ายมันก็ดูโกงนั่นแหละ
ถ้าเอาไปเทียบกับโลกที่โดนดาว์นเกรด เนิร์ฟมันทุกอย่างเพื่อให้ตัวเอกต่างโลกเด่นน่ะ
หากไปเจอกับโลกที่วิทยาการไปไกลแล้ว ไร้ร่ายบางอย่างมันก็ไร้สาระเลยล่ะ

โลกนาโนฮะเนี่ย อาวุธที่มีผลกายภาพจัดเป็นของล้าสมัย เพราะมันทิ้งหลักฐานให้สืบได้
การทำเมจิกมายด์ดาแมจหรือเบรกกิ้งคอร์นี่ ถือว่าโหดมาก เพราะสืบยากหาหลักฐานกันก็แทบจะไม่เจอ
ประชาชนในโลกนั้นเลยต้องขึ้นทะเบียนตรวจวัดระดับพลังเวททุกคน เพื่อตั้งดีไวซ์คอนโครล และเป็นมาร์กเกอร์
เพราะมันมีเรื่อง พลังเวทเสียการควบคุมจนสร้างความเสียหาย และทำอันตรายกับตัวเองและผู้อื่นรอบข้างน่ะ
ถ้าบาดเจ็บร่างกายภายนอกยังรักษาได้ แต่เจอเมจิกมายด์แดเมจหรือเบรกกิ้งคอร์ขึ้นมาล่ะก็
เบาสุดก็ประสาทสั่งการพิการ หนักสุดคือตายคาที่


แล้วโลกนาโนฮะ ... มันมีแบตเตอรี่พลังเวทใช้งานอยู่ ถ้ามีตังค์หรือมีปัญญาหามาใช้ได้ล่ะก็
จะสูตรเวทใหญ่เท่าไหร หรือใช้พลังมากแค่ไหน คุณก็สามารถใช้ ไร้ร่าย ได้สบายต่อให้คนนั้นไม่มีพลังเวทก็ตาม...
ไอ้ปืนใหญ่ข้ามมิติอาร์คันเซลที่ยานอาสร่าใช้น่ะ จะใช้แต่ล่ะทีต้องรอเวลาชาร์จใช่ม่ะ
แต่พรีเซียนางยิงไอ้ปืนนี่ได้แบบรัวๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาชาร์จเลยน่ะ ไม่ใช่เพราะนางมีพลังเวทแบบที่ไปไถ่พระเจ้ามา
แค่นางมีแบตเตอรี่พลังเวทที่เรียกว่า เตาปฏิกรณ์ปรมณูเวท เท่านั้นเอง...
โฆษณาของใหญ่ไปแล้ว มาดูของเล็กบ้าง ... ผมเพิ่งรู้ว่าเรื่องนาโนฮะมันมีอุปกรณ์เวทมนต์สำหรับปรับอากาศแบบพกพา
สะดวกเพียงแค่ชาร์จพลังเวทจากแหล่งจ่ายตามบ้าน คนไม่มีพลังเวทก็สามารถก็ใช้งานได้แล้ว
 

ขอบคุณครับ
ผมนึกถึงตอนแรกคือเรื่อง Risou Himou ชีวิตแมงดาน่ะครับ
ที่เล่นมุกว่าพลังเวทย์มากไม่มีผล ทำให้เวทย์ใช้ไม่ได้

แต่ถูกอย่างที่ท่านว่าครับ หากโลกหนึ่งมีสถานศึกษาค้นคว้าจริงๆ ก็จะได้เปรียบคนที่มีความรู้ครึ่งๆกลางๆแน่นอน

อย่างโลกนาโนฮะ มีแผนกวิจัยแล้ว

ผมไปเจอในแนวwarhammer ก็กำหนดไว้ประมาณว่า นกัเวทย์บ้านนอก ไม่ว่าเก่งแค่ไหนก็ได้ไม่เกินนักเวทย์ฝึกหักของวิทยาลัยเวทมนตร์

เพระาการค้นคว้าวิทยาลัยทำได้ดีกว่าและมีทรัพยากรเยอะกว่า
มามุกเดียวกับแนวสำนักยุทธเลยล่ะครับ

ซึ่งก็จริง การคิดค้นอะไรต้องใช้เวลา สำนักใหญ่ๆ มีคนค้นคว้าให้อยู่แล้ว

ผมแซวเรื่องนารุโตะกับนาโนฮะ

เพราะทางเทคนิค นารุโตะก็มีแผนกวิจัยครับ เผื่อหลายคนจะลืมกัน
และอัจฉริยะของโลกนั้นคิดค้นการคืนชีพ ข้ามมิติ ข้ามเวลาก็มี

แค่นินจาเน้นไปที่ความอดทน ไม่ดูถูกพลังกายโดยตรงเท่านั้นเอง ???

พอดีคิดว่าการร่ายมันก็น่าจะเหมือนใส่สูตรดำเนินการแบบมาโฮกะอะมั้ง

แล้วพอมานึกดู ... ไอ้เจ้าคำร่ายใครเป็นคนกำหนดละนั่นว่าต้อออกเสียงแบบนี้.... เวทมันถึงจะทำงาน  

ไปเจอมุกใน warhhamer นั่นคือภาษาบรรพกาลครั้งหอคอยบาเบลที่หายสาบสูญไปน่ะครับ

หากมีคนพบเจอจะสามารถควบคุมหรือทำลายจักรวาลได้

เราอาจจะเล่นมุก พระเจ้าเลยส่งทููตสวรรค์มาทำลายหอคอยบาเบล
และคาถาที่เราเห็นคือเศษซากของภาษาดั้งเดิมที่มีอยู่ ในการ"ขานชื่อ"ของสรรพสิ่งในจักรวาล

ผู้ที่รวบรวมได้ทั้งหมด คือผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ TheFakeMan

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,726
  • ถูกใจแล้ว: 1788 ครั้ง
  • ความนิยม: +43/-31
ในมุมมองผมนะ มันขึ้นอยู่กับว่า  Setting ของเรื่องนั้นๆ วางไว้แบบไหน เช่น ปราชญ์กาวมาติอัส เวทย์ไร้ร่ายทำไมถึงแรง ที่มันแรงเพราะอะไร ในเรื่องมีบอกไว้อยู่

ส่วนกลุ่มที่เป็น ทำไมเวทย์ร่ายถึงแรง อันนี้หลายๆ เรื่องก็จะมีบอกฐานเอาไว้อยู่ เช่น การร่ายคือการวิงวอนต่อผู้มีพลัง เพื่อขอยืมพลังมาใช้  หรือร่ายเพื่อให้เราเห็นภาพของเวทย์ อะไรประมาณนี้ครับ

ส่วนพวกไม่ร่ายแล้วแรงเป็นสูตรโกงแบบ Unlimit พลังเวทย์ ไม่มีเหตุผลรองรับ อันนี้ก็เกินไปครับ ตามความคิดผมนะ  :D

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,402
  • ถูกใจแล้ว: 3115 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
ในมุมมองผมนะ มันขึ้นอยู่กับว่า  Setting ของเรื่องนั้นๆ วางไว้แบบไหน เช่น ปราชญ์กาวมาติอัส เวทย์ไร้ร่ายทำไมถึงแรง ที่มันแรงเพราะอะไร ในเรื่องมีบอกไว้อยู่

ส่วนกลุ่มที่เป็น ทำไมเวทย์ร่ายถึงแรง อันนี้หลายๆ เรื่องก็จะมีบอกฐานเอาไว้อยู่ เช่น การร่ายคือการวิงวอนต่อผู้มีพลัง เพื่อขอยืมพลังมาใช้  หรือร่ายเพื่อให้เราเห็นภาพของเวทย์ อะไรประมาณนี้ครับ

ส่วนพวกไม่ร่ายแล้วแรงเป็นสูตรโกงแบบ Unlimit พลังเวทย์ ไม่มีเหตุผลรองรับ อันนี้ก็เกินไปครับ ตามความคิดผมนะ  :D

ความจริง"แรงขึ้น" แต่ต้องคิดภาพในหัว"ซับซ้อนขึ้น"
มันก็ไม่น่าแปลก

แต่หากได้"แรงขึ้น" และยัง"เรียบง่ายขึ้น" ก็คงทำให้หลายคนสงสัยเพิ่มมากขึ้นได้น่ะครับ

อาจจะเป็นเรื่องของ"ความสะดวกในการใช้" มากกว่าตามสไตล์เคล้ดวิชาหนังจีน
เราก็ต้องแก้ตัวว่า เคล้ดสายธรรมะ ฝึกช้าหน่อยแต่ชัวร์

สายนมารเก่งโคตรเร็ว แต่อาจจะตายอนาถ ธาตุไฟแตก เสียสติกลางทางได้

มุกหนังจีนมีอย่างนี้บ่อยๆ ในการที่ต้องให้คนที่ฝึกเกือบตายไปตอนที่จะได้พลังเทพๆมาเพราะรูตัวว่าต้องอธิบายว่าชาวยุทธธรรมดานั้นทำอย่างนั้นไม่ได้ หากฝึกตามแบบปรกติ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ jatupal

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,565
  • ถูกใจแล้ว: 667 ครั้ง
  • ความนิยม: +32/-0
เวทย์ร่ายนานๆที่มีแต่คำสรรเสริญเทพธิดาไปกว่า80% ประมาณนั้นหรือเปล่า :)
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20713 ครั้ง
  • ความนิยม: +363/-6
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
เวทย์ร่ายนานๆที่มีแต่คำสรรเสริญเทพธิดาไปกว่า80% ประมาณนั้นหรือเปล่า :)
สรรเสริญเทพธิดา?  ถ้าเป็นนิยายสมัยก่อนนี่น่าทำอยู่หรอกครับแต่หันไปมองเทพธิดารุ่นใหม่ๆแล้วปวดหัว(ฮา) ไม่ขาดก็เกิน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TheFakeMan

ออฟไลน์ tidday2521

  • เทพแรร์
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,773
  • ถูกใจแล้ว: 5263 ครั้ง
  • ความนิยม: +152/-102
  • ...ร่องนมและซอกอก...
นารุโตะ เห็นอย่างนั้นมันก็ปูพื้นฐานที่ร่างกายยังไงล่ะท่าน ผลสรุปคือ จะมีพลังมากแค่ไหน แล้วจะใช้วิชาโคตรแรงยังไง
ถามก่อนเลยว่า ร่างกาย รองรับการใช้งานพลังกับวิชานั้นๆ หรือเปล่า ...นินจาหลายคนในเรื่อง บาดเจ็บพิการ เพราะสาเหตุนี้เยอะ
อัดพลังลงในวิชามากๆ ผลลัพธ์ออกมาโคตรแรงเวอร์ก็จริง แต่คนใช้ก็เดี้ยงตามไปด้วย เพราะร่างกายทนแรงสะท้อนไม่ไหวน่ะ
นินจาถึงต้องฝึกฝนร่างกายกับจิตวิญญาณกันหนักทีเดียว

แต่ถ้าเป็นแบบพระเจ้าทุ่มให้แบบหนูแมรี่ เลกาเลีย ล่ะก็.... ถึงจะคิดหนักหน่อยแต่ก็ตามสบายเลย
พลังเวท กับสเตตัสร่างกายถึงซะอย่าง จะวิชาระดับไหนก็ใช้ได้สบาย ที่เหลือคือวัดกันที่สภาพจิตใจเท่านั้นแหละ
 ;D

เวทย์ร่ายนานๆที่มีแต่คำสรรเสริญเทพธิดาไปกว่า80% ประมาณนั้นหรือเปล่า :)  
[quote/] สรรเสริญเทพธิดา?  ถ้าเป็นนิยายสมัยก่อนนี่น่าทำอยู่หรอกครับแต่หันไปมองเทพธิดารุ่นใหม่ๆแล้วปวดหัว(ฮา) ไม่ขาดก็เกิน 
นึกถึงโลลิบางคนที่โดนบังคับให้พล่ามคำสรรเสริญพระเจ้าถึงจะปลดลิมิตเตอร์พลังเวทมนต์ได้น่ะ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, Black7nos

ออฟไลน์ Mortem

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,218
  • ถูกใจแล้ว: 744 ครั้ง
  • ความนิยม: +54/-45
  • เพศ: ชาย
  • ก็แค่แมวที่ผ่านทางมา
เห็นคุยถกเถียงกันเยอะละขอเอาระบบเวทมนตร์ที่ผมเคยอ่านเจอจากนิยายเรื่องหนึ่งมาดีกว่า
ในนิยายเรื่องนี้การใช้เวทมนตร์คือการสื่อสารกับธาตุในธรรมชาติให้ทำในสิ่งที่เราต้องการโดยแลกกับพลังเวทในตัวเรา โดยจำเป็นที่จะต้องกล่าวคำร่ายเพื่อเป็นการบอกให้พวกธาตุในธรรมชาติได้รับรู้
เพราะแต่งจินตนการในหัวมันทำให้สื่อสารกับพวกธาตุไม่ได้ แต่ก็มีวิธีที่จะใช้เวทมนตร์ไร้ร่ายได้อยู่คือการทำให้พวกธาตุในธรรมชาติมารับใช้ตัวเองให้ได้ จำนวนหนึ่งถ้ามากพอก็จะสามารถใช้เวทมนตร์ในธาตุนั้นๆได้แบบไม่ร่ายเลย แถมยังสามารถสร้างเวทมนตร์ของตัวเองให้คนอื่นเอาไปใช้ร่ายเวทโดยใช้ชื่อของตัวเองด้วย อืมมมยังไม่ค่อยตรงเท่าไหร่แฮะเพราะไม่ได้อ่านมานานบวกกับมึนๆหน่อยย
แต่ก็ประมาณนี้มั้ง
 

ออฟไลน์ KAGUYA

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY2
  • จอมพลหมีผู้เกรียงไกร
  • ****
  • กระทู้: 21,216
  • ถูกใจแล้ว: 7163 ครั้ง
  • ความนิยม: +588/-548
ก็คงเหมือนกับที่นาโอฟุมิในผู้กล้าโล่ห์พูดไว้นะแหละครับ ว่าไร้ร่ายนี่ดูเหมือนจะเจ๋งแต่มันมีจุดด้อยหลายอย่าง
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,389
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
[quote/]

ผมว่ามันมาจากแนวคิดเล่นเกมส์ dnd ตั้งแต่ดั้งเดิมน่ะครับว่า warrior linear,wizard quadratic
ว่าความก้าวหน้าของนักรบและนักดาบจะเป็นเส้นตรง ความก้าวหน้าของนักเวทย์จะเป็นทวีคูณ
หากไปในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
นักดาบจะสู้นักเวทย์ไม่ได้

แน่นอน เราต้องเล่นมุกว่า นักเวทย์ระดับนั้นในหน้าประวัติาสตร์มีไม่กี่คน แต่จำนวนของคนเป็นนักรบธรรมดานั้นมากกว่านักเวทย์
[quote/]
มันจะตัดสินผลแพ้ชนะกันตรงที่ใครจะวิวัฒนาการแสตนด์ของตนเองไ้ดก่อนกันน่ะครับ
[quote/]
เอาแบบจริงจัง ผมว่าผลปพ้ชนะจะตัดสินกันที่ว่าใครจะใช้พลังได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากันและอัดพลังได้มากที่สุด
แบบมุกเรื่อง วอร์ลอร์ด การ์ตูนฮ่องกง ที่เล่นมุกประจุพลังร้อยล้านว่ากันไป
[quote/]

นั่นล่ะครับ ไปเจอแนวคิดว่าการเป็นนักเวทย์น่ะ อาจจะทำให้เราเก่งระดับคนตำนานได้หากเรารอดชีวิตไป แต่เลือกดาบมากกว่าเพระาใช้ง่ายและมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า หรอืไปสายผสมที่แม้ไม่ทรงพลังเท่าทั้งสองอย่าง แต่ก็เล่นได้หลากหลายเอาตัวรอดได้มากกว่า มุ่งไปอย่างเดียว

มีอย่างเสียอย่าง
[quote/]

ขอบคุณครับ
ผมนึกถึงตอนแรกคือเรื่อง Risou Himou ชีวิตแมงดาน่ะครับ
ที่เล่นมุกว่าพลังเวทย์มากไม่มีผล ทำให้เวทย์ใช้ไม่ได้

แต่ถูกอย่างที่ท่านว่าครับ หากโลกหนึ่งมีสถานศึกษาค้นคว้าจริงๆ ก็จะได้เปรียบคนที่มีความรู้ครึ่งๆกลางๆแน่นอน

อย่างโลกนาโนฮะ มีแผนกวิจัยแล้ว

ผมไปเจอในแนวwarhammer ก็กำหนดไว้ประมาณว่า นกัเวทย์บ้านนอก ไม่ว่าเก่งแค่ไหนก็ได้ไม่เกินนักเวทย์ฝึกหักของวิทยาลัยเวทมนตร์

เพระาการค้นคว้าวิทยาลัยทำได้ดีกว่าและมีทรัพยากรเยอะกว่า
มามุกเดียวกับแนวสำนักยุทธเลยล่ะครับ

ซึ่งก็จริง การคิดค้นอะไรต้องใช้เวลา สำนักใหญ่ๆ มีคนค้นคว้าให้อยู่แล้ว

ผมแซวเรื่องนารุโตะกับนาโนฮะ

เพราะทางเทคนิค นารุโตะก็มีแผนกวิจัยครับ เผื่อหลายคนจะลืมกัน
และอัจฉริยะของโลกนั้นคิดค้นการคืนชีพ ข้ามมิติ ข้ามเวลาก็มี

แค่นินจาเน้นไปที่ความอดทน ไม่ดูถูกพลังกายโดยตรงเท่านั้นเอง ???

[quote/]

ไปเจอมุกใน warhhamer นั่นคือภาษาบรรพกาลครั้งหอคอยบาเบลที่หายสาบสูญไปน่ะครับ

หากมีคนพบเจอจะสามารถควบคุมหรือทำลายจักรวาลได้

เราอาจจะเล่นมุก พระเจ้าเลยส่งทููตสวรรค์มาทำลายหอคอยบาเบล
และคาถาที่เราเห็นคือเศษซากของภาษาดั้งเดิมที่มีอยู่ ในการ"ขานชื่อ"ของสรรพสิ่งในจักรวาล

ผู้ที่รวบรวมได้ทั้งหมด คือผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้

มันอยู่ที่จะแต่งเรื่องแบบไหนยังไงมากกว่าครับถ้าจะแต่งไห้ตัวเอกopก็ไร้ร่ายแรงแบบสุดๆ ถ้าจะแต่งไห้มีความสมดุลก็ไห้คำร่ายมีพลังสุดท้ายก็อยู่ที่ว่า จะแต่งเรื่องออกมายังไงมันมีกระทังเปรียบเวทเหมือนปืนขันตอนในการเตรียมจะยุ่งยากแค่ไหน แต่เวลาไช้ก็เหมือนเหนียวไกปืนดังนั้นเวทมนต์ไม่มีคำว่าสมจริงครับ เพราะมันไม่มีจริงเดิมที่เวทมันคือสิ่งที่เอาไว้ไช้อธิบายสิ่งที่นอกเหนือจิตนาการความเป็นไปได้ครับ อย่างที่ยกตัวอย่างนาโนฮะที่ว่ามีหน่วยวิจัยเวทแต่ทุกภาคแม่งวิทยาการเวทแม่งกากกว่าเวทโบราณทุกที่ มี่ชนะมาทุกที่เพราะนาโนฮะมีพลังโคตรเยอะไม่ไช่เพราะเวทที่ไช้เหนือกว่าแต่เพราะพลังเยอะ ศัตรูแม้จะมีเวทที่โคตรโกง(เรื่องนี้เวทโบราญโคตรโกง)แต่ตัวร้ายระดับพลังโคตรอ่อนถ้าผมยกตัวอย่างสเกาเตอร์ของดราก้อนบอล มาวัดในนาโนฮะศัตรูมีพลังหมื่นแต่มีเวทที่สู้กับนาโนฮะที่มีพลังเป็นล้านได้แต่ต่อไห้มีเวทเจ๋งแค่ไหนแต่ถ้าลากยาวมันก็สู้คนมีพลังเป็นล้านอย่างนาโนฮะไม่ได้
และนะครับเดิมที่คำร่ายคือการไช้งานเวทของคนที่ไม่มีพลังโดยไช้คำร่ายเพื่อขอยืมพลังจากผู้ที่ไช้เวทนั้นๆ เช่นเทพหรือปีศาจเดิมที่เรื่องเวทคนเราไม่มีแต่ขอยืมจึงไช้คำร่ายนี่คือการไช้เวทในเรื่องเล่าเก่าๆ ไม่ทราบว่าสังเกตุกันบ้างไหมว่าเวทสมัยก่อนไม่มีคำร่ายจากผู้ไช้เวทสักคนนะครับ ตัวอย่างเช่นยักจินนี่ก็ไม่ร่ายอะไรซุสโอดินก็ไม่ร่ายอะไร เอาจริงๆผู้ที่ไช้เวทไม่มีใครร่ายสักคนแต่พอมาเป็นคนที่ไม่มีเวท อย่าง16โจรทะเลทรายทางเข้าออกรังต้องมีคำร่ายกำกับเพื่อไห้คนที่ไช้เวทไม่ได้ไช้ได้ อย่างโอเพ่นเซซามี่แต่พ่อมดทะเลทรายหัวหน้าก็ไม่ร่ายเวทนะครับ ซินแบทก็ไม่ร่ายดังนั้นเริ่มต้นจะแบ่งผู้ไช้งานเวทเป็นสองแบบ 1คือผู้ที่มีเวทในตัวพวกนี้จะไม่ต้องไช้คำร่ายใดๆเพราะตัวเองสร้างเวทขึ้นมาเอง กับ2ผู้ที่ขอยืมเวทพวกนี้ต้อกล่าวคำร่ายสรรเสริญผู้ที่ไห้ยืมพลังมาเพื่อไห้ไช้เวทได้ ดังนั้นถ้าไช้เวทเดียวกันจากต้นกำเหนิดเดียวกันคนไม่ร่ายเวทจึงแข็งแกร่งกว่าครับ ไอ้ที่เถียงกันว่าคำร่ายจะแรงไม่แรงปัจจุบันมันก็คือเซตติ้งของคนแต่งเรื่องนั้นๆครับไม่ต้องไปหาเหตุผล เพราะเวทมันก็ไม่มีเหตุผลอยู่แล้วแค่เรื่องสนุกทุกอย่างก็ดีหมดนั้นแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2021, 04:58:14 PM โดย Rumia »
 

ออฟไลน์ ichamkung

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,218
  • ถูกใจแล้ว: 358 ครั้ง
  • ความนิยม: +30/-2
ร่ายสั้นได้ถ้าเข้าใจในหลักการสูตรดำเนินการเวทย์มนต์ ร่ายสั้นบางเรืองรุนแรงนะ แต่ต้องใช้เวลาศึกษา

ไม่ร่ายอาจโกงในบางสถานการณ์เพราะได้เปรียบศัตรู
พระเอกจะเก่งขนาดไรก็ยังต้องเจอคู่ต่อสู้ที่สูสีอยู่ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2021, 06:08:21 PM โดย ichamkung »
 

ออฟไลน์ GoldDigger

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 272
  • ถูกใจแล้ว: 126 ครั้ง
  • ความนิยม: +6/-12
ผมกำลังวิเคราะห์อยู่ในเรื่องนี้ตอนที่เล่นเกมส์โรลเพลย์อยากจะลองทำแบบพระเอกอิเซไค แต่ GM เบรกเอาไว้ด้วยการเล่นมุกว่า

"ยิ่งใช้คำร่ายยาวก็ยิ่งประหยัดพลังเวทย์เท่านั้น และควบคุมรายละเอียดของการใช้พลังไ้ดดีเท่านั้น" ???

ทุกท่านคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?
เหมือนมุกที่คนแซวเรย์ นางเอกแห่งสตาวอส์ว่า "บายพาสคอมเพรสเซอร์"
...เอาอุปกรณ์คอมเพรสเซอร์ออกไปและเคลื่อนที่ผ่านอวกาศ คนในยานก็มีสิทธิตายหมู่สิฟะ ???

หรืออาจจะในทางตรงกันข้ามเล่นมุก power word

คำกล่าวเวทย์ที่ทรงพลัง
ว่าต่อให้คนนั้นเชี่ยวชาญจนร่้ายเวทย์ได้เชี่ยวชาญโดยปล่อเวทย์ได้ทันทีโดยไม่ต้องร่าย การใช้คำกล่าวเวทย์ออกมาก็ทำให้คนที่ใช้คำกล่าวเวทย์นั้นทรงพลังมากกว่าคนที่ไม่ใช้คำกล่าวเวทย์  8)

เรียกว่า มันควรจะเป็นเรื่องของเราต้องการ"พลัง" "ความเร็ว" "ความลับ"
ที่เป็นเงื่อนไขที่ต่างกันในการใช้มากกว่าการที่จะให้บางอย่างเป็นสกิลโกงด้วยตัวของมันเองน่ะครับ

ทุกท่านมองว่าอย่างไรบ้างครับ?

ผมกำลังอธิบายว่า พวกพระเอกอิเซไคที่จริงออกแนวนารุโตะ

อย่างจิไรยะว่าเอาไว้ต้องฝึกการใช้พลังที่มีอยู่มหาศาลออกมาให่ตนเองได้เปรียบสูงสุด
ไม่ใช่ฝึกรีดจักระแบบนินจาทั่วไป


หากตัวเราเองมีพลังมากกว่าคนอื่น การใช้แบบไม่ต้องร่าย แม้จะกินพลังมากกว่าก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่มีพลังมากกว่าชาวบ้านทั่วไปอยู่แล้ว

เป็นการใช้คุณสมบัติที่มีอยู่ของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทุกท่านพอมีไอเดียอะไรเพิ่มเติมไหมครับ?

GM กล่าวถูกแล้ว  บางทีคำร่ายมันก็คือ.....  หลักๆแปลความหมายได้สองแนวคิด 
1.คำร่ายจะช่วยทำให้จินตนาการถึงสิ่งที่ร่ายได้ดี  ได้ละเอียด  มีสมาธิจดจ่อกับ
การรังสรรค์เวทย์ก่อนปล่อยออกไป
2.คำร่ายช่วยให้พันธสัญญากับอณูเวทย์กระชับและเข้มข้นยิ่งขึ้นแน่นขึ้น  และยิ่งถ้า
เป็นการร่ายเวทย์ในแนวขอยืมพลังภูต  ยืมพลังพระเจ้า  ยืมพลังผีปอบนางไม้แบบ
ของไทยแล้ว  คำร่ายยิ่งสำคัญ  เพราะนอกจากจะช่วยให้เราจดจ่อมีสมาธิแล้ว  ยัง
ทำให้ผู้ที่เราจะสื่อ  เพื่อขอยืมพลังหรือสนับสนุนพลังของเรา  ได้เข้าใจด้วยคำร่าย
ในภาษาของเขา  อย่างคำร่ายภาษาขอม  ภาษาบาลี  หรือถ้าในต่างโลก  การที่
จะเอื้อเอ่ยด้วยภาษาโบราณ  ภาษาภูต  เพื่อให้ภูตหรือปีศาจได้เข้าใจ 


ส่วนการย่อคำร่าย  มันอาจทำให้สมาธิเราไม่จดจ่อเพียงพอหรือทำให้ส่งคำร้องต่อ
อณูเวทย์มนต์  ไปถึงแค่บางส่วน  จึงทำให้อณุภาคเวทย์ที่ย่อคำร่ายนั้น  อ่อนพลัง 
ส่วนการส่งคำร้องต่อผู้ที่เราจะหยิบยืมพลัง  การที่เราสั่งห้วนๆ  ประมาณว่า  สั่งว่า
ส่งไฟเลเวล 3 มาที  ส่งเวทย์น้ำเลเวล 5 มาซะ  อีกฝ่ายก็คงส่งแบบส่งๆไป


ยิ่งถ้าร่ายสรรเสริญ  แบบในนิยาย  มังงะหลายๆเรื่อง  หรือในโลกเราก็มีแบบนี้
เหมือนกัน  ที่เรากล่าวคำสรรเสริญต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ  ที่เราจะขอหยิบยืมพลัง  ก็
จำเป็นต้องสรรเสิรญยาว  แล้วต้องสรรเสริญด้วยภาษาที่สิ่งศักดิ์สิทธิเข้าใจ
อย่างงานกฐินเนี่ย  ไม่รู้จะร่าย  เอ๊ย!  สวดยาวอะไรกันนักกันหนา  ทั้งคนฟัง
ทั้งคนสวด  ต่างก็ฟังไม่ออก  น่าจะจับสิ่งศักดิ์ให้มาเรียนภาษาไทยซะจริงๆ
ต่อไปผู้ใช้เวทย์ห่มเหลืองจะได้ร่าย  เอ๊ย!!  สวดด้วยภาษาไทย  ฮา
 

ออฟไลน์ TamaNeko

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 446
  • ถูกใจแล้ว: 192 ครั้ง
  • ความนิยม: +13/-22
[quote/]ไปเจอแนวความคิดแบบว่า
"ถูก" "เร็ว" "คุณภาพดี"เลือกมาสองอย่างจากสามอย่างนี้ ตามแนวที่คนที่เป็นวิศวกรกล่าวน่ะครับเราไม่สามารถเลี่ยงกฎพวกนีไ้ปได้
แต่แนวอิเซไคเมหือนกับจะเล่นให้การร่ายไร้เสียงมีแต่ข้อดีไม่มีข้่อเสีย
เจเคโรลลิ่งที่เราเห็นว่าบ้าบอก็ยังรู้ตัวให้ช่วงตอนเรียนร่ายไร้เสียงปีหก แม้แต่เฮอร์ไมโอนี่ เด็กอัจฉริยะของรุ่นยังต้องมึนๆหัวไปบ้างเลยครับ ???
ว่ามันต้องมี trade off สิ่งแลกเปลี่ยน ไปจากการร่ายปรกติ หากเราจะเปลี่ยนเป็นร่ายไร้เสียงแทนน่ะ


ถ้าจะให้ผมแถแทนเหล่าผู้ร่ายย่อ  หรือละคำร่ายหล่ะก็  ผมพอจะแถให้ได้นะว่า  มันก็ประมาณว่า
คุณทำอาหาร(ร่ายเวทย์) 2-3อย่าง  กว่าจะเสร็จ  กว่าจะจัดเสิร์ฟให้คนกินได้  อาจเสียเวลาเป็น
ชั่วโมง  นี่ยังไม่รวมเคลียร์ห้องครัวหลังทำกำข้าวเสร็จ


แต่ผู้ละคำร่าย  ก็คล้ายๆแม่ค้าอาหารตามสั่ง  ที่หน้าตู้ของเขา  จะวางเครื่องปรุง  วางวัตถุดิบได้ดี
เขาแค่เหยาะๆฉับๆนาทีเดียวก็เสร็จเมนูนึงแล้ว  ถ้าไม่ทำยังงั้น  คงขายไม่ทัน  จะให้มานั่งทำ2-3
อย่าง  ร่วมชั่วโมง  แถมครัวเละเทะอีก  คงไม่ไหว

และระหว่างคนทำอาหาร 2-3 อย่าง  ร่ายๆนานๆ  ก็เพราะยังไม่มืออาชีพ  มืออาชีพจริงๆแล้ว  แค่
ห้านาทีก็ควรทำเสร็จ  ทั้งกระเพราหมูกรอบ  ข้าวผัด  ต้มยำ  แถมเผลอๆ  อาจอร่อยกว่าคนที่  ทำ
เป็นชั่วโมงก้ได้  เพราะงั้น  ร่ายเวทย์ก็เหมือนกัน  อยู่ที่ตั้งสมาธิ  จัดกระบวนอณูเวทย์ให้ดีๆ  ผสมกัน
ให้กลมกล่อม  คนทำกับข้าว(ร่ายเวทย์)เก่งๆหน่ะ  แค่ตวัดทัพพีไม่กี่ที  นาทีเดียวก็เสร็จแถมอร่อย~
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,402
  • ถูกใจแล้ว: 3115 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
เวทย์ร่ายนานๆที่มีแต่คำสรรเสริญเทพธิดาไปกว่า80% ประมาณนั้นหรือเปล่า :)
คือถ้าเป็นสายศรัทการภาวนาตามพิธีกรรมก็ถูกแล้วนี่ครับ ???
ผมเข้าใจว่าคนปัจจุบันไม่เชือ่ในเทพเจ้ากันแล้วเลยมองมาแบบนี้ แต่ทางเทคนิค "พิธีกรรม" เป้นการทำให้เทพเจ้าแสดงพลังในโลกนี้ได้
หากย่นยบ่อได้ อาจจะทำให้เราต้อง"จ่าย"พลังมากวก่าเดิมในการที่ให้เทพเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ในโลกนี้
ในwarhammer
ที่การใช้เวทย์นั้นอันตรายมากการใช้เวทย์ของเทพจึงปลอดภัยกว่า
เพระาเราอาจจะจ่ายพลังบางส่วนให้เทพเจ้าไป และเทพเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ใช้พลังแทนเรา
ไม่เกิดการระเบิดของเวทย์คามือเราแบบบเดียวกับจอมเวทย์ทั่วไป
หากให้ผมกล่าวขอ้ดีของสายเทพคือจะปลอดภัยกว่าการใช้เวทย์เองเอามากๆ
แต่ก้มีขอ้เสียอย่างที่หลายคนมองคือต้องพึ่งเทพ และอาจจะต้องใช้เวลาในการร่ายมากแต่ความปลอดภัยผมให้สูงที่สุดเพระาเรามีเทพเป็นตัวกลางกันแรกะแทกจากคาถาอีกทีหนึ่ง ???
ร่ายสั้นได้ถ้าเข้าใจในหลักการสูตรดำเนินการเวทย์มนต์ ร่ายสั้นบางเรืองรุนแรงนะ แต่ต้องใช้เวลาศึกษา

ไม่ร่ายอาจโกงในบางสถานการณ์เพราะได้เปรียบศัตรู
พระเอกจะเก่งขนาดไรก็ยังต้องเจอคู่ต่อสู้ที่สูสีอยู่ดี
นั่นคือการมองว่ามีข้อดีขอ้เสีย อันที่จริง ผมยังรู้สึกว่าคนเรายังยอมรับ"พลังโกงจากเทพเจ้า"ได้มากกว่าการที่จะมองว่า"คิดค้นเวทย์ที่คนในโลกนั้นคิดไม่ได้" มากกว่าอีกนะ
ว่าหากได้พลังเทพ ตามตำนานก็แบบเฮอร์คิวลีส อคิลลีสแนว fate อะไรเทือกนั้น แต่คิดเวทย์ใหม่ได้ เหมือนกับยกตนเองว่าเ่กงกว่าทุกคนในโลกนั้นด้วยตนเองว่าอย่างนั้น อาจจะเป็นความรู้ึกลึกๆในใจเราที่ต้องการเ่กงเองไม่ตอ้งพึ่งเพทเจ้าก้ว่าได้
[quote/]
มันอยู่ที่จะแต่งเรื่องแบบไหนยังไงมากกว่าครับถ้าจะแต่งไห้ตัวเอกopก็ไร้ร่ายแรงแบบสุดๆ ถ้าจะแต่งไห้มีความสมดุลก็ไห้คำร่ายมีพลังสุดท้ายก็อยู่ที่ว่า จะแต่งเรื่องออกมายังไงมันมีกระทังเปรียบเวทเหมือนปืนขันตอนในการเตรียมจะยุ่งยากแค่ไหน แต่เวลาไช้ก็เหมือนเหนียวไกปืนดังนั้นเวทมนต์ไม่มีคำว่าสมจริงครับ เพราะมันไม่มีจริงเดิมที่เวทมันคือสิ่งที่เอาไว้ไช้อธิบายสิ่งที่นอกเหนือจิตนาการความเป็นไปได้ครับ อย่างที่ยกตัวอย่างนาโนฮะที่ว่ามีหน่วยวิจัยเวทแต่ทุกภาคแม่งวิทยาการเวทแม่งกากกว่าเวทโบราณทุกที่ มี่ชนะมาทุกที่เพราะนาโนฮะมีพลังโคตรเยอะไม่ไช่เพราะเวทที่ไช้เหนือกว่าแต่เพราะพลังเยอะ ศัตรูแม้จะมีเวทที่โคตรโกง(เรื่องนี้เวทโบราญโคตรโกง)แต่ตัวร้ายระดับพลังโคตรอ่อนถ้าผมยกตัวอย่างสเกาเตอร์ของดราก้อนบอล มาวัดในนาโนฮะศัตรูมีพลังหมื่นแต่มีเวทที่สู้กับนาโนฮะที่มีพลังเป็นล้านได้แต่ต่อไห้มีเวทเจ๋งแค่ไหนแต่ถ้าลากยาวมันก็สู้คนมีพลังเป็นล้านอย่างนาโนฮะไม่ได้
และนะครับเดิมที่คำร่ายคือการไช้งานเวทของคนที่ไม่มีพลังโดยไช้คำร่ายเพื่อขอยืมพลังจากผู้ที่ไช้เวทนั้นๆ เช่นเทพหรือปีศาจเดิมที่เรื่องเวทคนเราไม่มีแต่ขอยืมจึงไช้คำร่ายนี่คือการไช้เวทในเรื่องเล่าเก่าๆ ไม่ทราบว่าสังเกตุกันบ้างไหมว่าเวทสมัยก่อนไม่มีคำร่ายจากผู้ไช้เวทสักคนนะครับ ตัวอย่างเช่นยักจินนี่ก็ไม่ร่ายอะไรซุสโอดินก็ไม่ร่ายอะไร เอาจริงๆผู้ที่ไช้เวทไม่มีใครร่ายสักคนแต่พอมาเป็นคนที่ไม่มีเวท อย่าง16โจรทะเลทรายทางเข้าออกรังต้องมีคำร่ายกำกับเพื่อไห้คนที่ไช้เวทไม่ได้ไช้ได้ อย่างโอเพ่นเซซามี่แต่พ่อมดทะเลทรายหัวหน้าก็ไม่ร่ายเวทนะครับ ซินแบทก็ไม่ร่ายดังนั้นเริ่มต้นจะแบ่งผู้ไช้งานเวทเป็นสองแบบ 1คือผู้ที่มีเวทในตัวพวกนี้จะไม่ต้องไช้คำร่ายใดๆเพราะตัวเองสร้างเวทขึ้นมาเอง กับ2ผู้ที่ขอยืมเวทพวกนี้ต้อกล่าวคำร่ายสรรเสริญผู้ที่ไห้ยืมพลังมาเพื่อไห้ไช้เวทได้ ดังนั้นถ้าไช้เวทเดียวกันจากต้นกำเหนิดเดียวกันคนไม่ร่ายเวทจึงแข็งแกร่งกว่าครับ ไอ้ที่เถียงกันว่าคำร่ายจะแรงไม่แรงปัจจุบันมันก็คือเซตติ้งของคนแต่งเรื่องนั้นๆครับไม่ต้องไปหาเหตุผล เพราะเวทมันก็ไม่มีเหตุผลอยู่แล้วแค่เรื่องสนุกทุกอย่างก็ดีหมดนั้นแหละครับ
ใช่ครับคนไม่ร่ายแข็งแกร่งกว่า เพระาแสดงว่าต้องเชี่ยวชาญเวทย์นั้นๆมากกว่าจนไม่ต้องใช้วิธีอย่างที่คนปรกติใช้กันได้
เจเคที่เราด่าว่าบ้าบอ ยังต้อให้แม้แต่เฮอร์ฺไมโอนี่อัจฉริยะของรุ่นยังทำไม่ได้ง่ายๆ แม้แต่เรียนคาถานั้นมามากมายหลายปีแล้วก็ตามความยากลำบากมากขึ้นเป้นทวีคุณซึ่งคนที่ไม่ใช่คำร่ายเลยอย่างโวลเดอมอร์หรอืดัมเบิ้ลดอร์ในการต่อสู้ คือการแสดงฝีมือทีเ่หนือกว่าชาวบ้านไปอีกขั้นนั่นเองล่ะครับ
ในเกมส์ dnd การไม่ต้องร่าย เรียกว่าคือทักษะระดับสูงๆอีกนิดหนึ่งชกกับเทพเจ้าได้ด้วยตนเองแล้วล่ะครับ
 ???
ก็คงเหมือนกับที่นาโอฟุมิในผู้กล้าโล่ห์พูดไว้นะแหละครับ ว่าไร้ร่ายนี่ดูเหมือนจะเจ๋งแต่มันมีจุดด้อยหลายอย่าง
ผมว่าหากแสดงว่มีข้อดีคือความรวดเร็วก็ถือว่าคนนั้นเก่งมากๆแล้วหากใช้ความเร็วมากกว่าได้คาถาพลังแรงเท่ากับคนปรกติแต่หากเร็วกว่าและยังแรงกว่าคนปรกติ เรียกว่าความสามรถเกินคนทั่วไปมากๆระดับดัมเบิ้ลดอร์ของเซ็ตติ้งหากจะพิจารณากัน
เห็นคุยถกเถียงกันเยอะละขอเอาระบบเวทมนตร์ที่ผมเคยอ่านเจอจากนิยายเรื่องหนึ่งมาดีกว่า
ในนิยายเรื่องนี้การใช้เวทมนตร์คือการสื่อสารกับธาตุในธรรมชาติให้ทำในสิ่งที่เราต้องการโดยแลกกับพลังเวทในตัวเรา โดยจำเป็นที่จะต้องกล่าวคำร่ายเพื่อเป็นการบอกให้พวกธาตุในธรรมชาติได้รับรู้
เพราะแต่งจินตนการในหัวมันทำให้สื่อสารกับพวกธาตุไม่ได้ แต่ก็มีวิธีที่จะใช้เวทมนตร์ไร้ร่ายได้อยู่คือการทำให้พวกธาตุในธรรมชาติมารับใช้ตัวเองให้ได้ จำนวนหนึ่งถ้ามากพอก็จะสามารถใช้เวทมนตร์ในธาตุนั้นๆได้แบบไม่ร่ายเลย แถมยังสามารถสร้างเวทมนตร์ของตัวเองให้คนอื่นเอาไปใช้ร่ายเวทโดยใช้ชื่อของตัวเองด้วย อืมมมยังไม่ค่อยตรงเท่าไหร่แฮะเพราะไม่ได้อ่านมานานบวกกับมึนๆหน่อยย
แต่ก็ประมาณนี้มั้ง
ขอบคุณครับผมเจอมาคล้ายคือ Naming การเรียกชื่อเลห่าสรรพธาตุต่าง ที่คนยที่รู้ชือ่ธาตุหรอืรู้ชือ่ปีศาจจะสามารถควบคุมสิ่งนั้นได้ ตาม fate ก็คือภาษาต้นกำหนิด origin language ที่ใช้กันก่อนหอคอยบาเบลนั่นเอง
ใน warhammer ก็บอกว่า จักรพรรดิ ได้ตำรา enoch นี้มาจนกลายเป้ฯคนเก่งที่สุดในจักรวาลอย่างทุกวันนี้
นารุโตะ เห็นอย่างนั้นมันก็ปูพื้นฐานที่ร่างกายยังไงล่ะท่าน ผลสรุปคือ จะมีพลังมากแค่ไหน แล้วจะใช้วิชาโคตรแรงยังไง
ถามก่อนเลยว่า ร่างกาย รองรับการใช้งานพลังกับวิชานั้นๆ หรือเปล่า ...นินจาหลายคนในเรื่อง บาดเจ็บพิการ เพราะสาเหตุนี้เยอะ
อัดพลังลงในวิชามากๆ ผลลัพธ์ออกมาโคตรแรงเวอร์ก็จริง แต่คนใช้ก็เดี้ยงตามไปด้วย เพราะร่างกายทนแรงสะท้อนไม่ไหวน่ะ
นินจาถึงต้องฝึกฝนร่างกายกับจิตวิญญาณกันหนักทีเดียว

แต่ถ้าเป็นแบบพระเจ้าทุ่มให้แบบหนูแมรี่ เลกาเลีย ล่ะก็.... ถึงจะคิดหนักหน่อยแต่ก็ตามสบายเลย
พลังเวท กับสเตตัสร่างกายถึงซะอย่าง จะวิชาระดับไหนก็ใช้ได้สบาย ที่เหลือคือวัดกันที่สภาพจิตใจเท่านั้นแหละ
 ;D

[quote/][quote/]นึกถึงโลลิบางคนที่โดนบังคับให้พล่ามคำสรรเสริญพระเจ้าถึงจะปลดลิมิตเตอร์พลังเวทมนต์ได้น่ะ
ขอบคุณครับผมพยายามเล่นมุกแนวครอสโอเวอร์ที่จะให้สองจักรวาลวิจารณ์กันและกัน แบบดีซีกับมาร์เวลแขวะกันเองน่ะครับ :P
คืออันที่จริงการพัฒนาเทคโนโลยีของนารุโตะจะไปทางนั้นแล้วนะครับ
ในช่วงภาคโบรุโตะ คาถาต่างๆมาใส่โปรแกรมที่ข่้อมือได้แล้ว
แต่โดนนารุโตะเบรกไว้หาว่าโกง การวิจัยเลยโดนตัดงบไปอีกนิดหนึ่งก็จะเป็นอย่างที่ท่านว่าแ้วคือคาถาจะใช้ได้สะดวกมากๆหากมีเครือ่งมือที่โบรุโตะใช้พัฒ?นาขึ้นมากกว่านั้นแต่อนิจจา นินจาคือผู้อดทน
โคโนฮะ เลยตัดงบประมาณการวิจัยนี้ไป ???
ทั้งที่ถ้าหากให้คนบ้าอย่างโอโรจิมารุหรอืคาบุโตะ วิจับสักสิบปีผมว่าเผลอๆ เทคโนโลยีนารุโตะแซงนาโนฮะไปแล้วในเรือ่งนี้ ???
[quote/] สรรเสริญเทพธิดา?  ถ้าเป็นนิยายสมัยก่อนนี่น่าทำอยู่หรอกครับแต่หันไปมองเทพธิดารุ่นใหม่ๆแล้วปวดหัว(ฮา) ไม่ขาดก็เกิน


ผมมองว่าเป็นการแสดงจิตใจปัจจุบันของเราที่ไม่เชือ่เทพเจ้ากันแล้วน่ะครับเป็นการพัฒนาการของสังคม
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ TamaNeko

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 446
  • ถูกใจแล้ว: 192 ครั้ง
  • ความนิยม: +13/-22
ลืมเกี่ยวกับ  การละคำร่าย  ละคำร่าย  ก็คงเหมือน  เราสั่งอณูเวทย์ในร่างกายได้ดั่งใจนึก
แล้วปล่อยเวทย์ออกไปได้ในทันที  คงคล้ายๆเราเคลื่อนมือ  ขยับมือหล่ะมั้ง  คือเราต้อง
ใช้แรงของเราอย่างเดียว  ไม่ต้องร่าย(ส่งเสียงอ้อนวอนหรือสรรเสิรญหรือขอความช่วย)
เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิหรืออณูเวทย์ในอากาศ  มาช่วยเหลือ  ซึ่งทำให้มันเป็นการใช้
พลังเวทย์เพียวๆจากตัวเรา  มันก็คงเปลืองแรงมาก  แต่ถ้าเรามีแรงมาก  ก็ไม่จำเป็นต้อง
เรียกให้ใครมาช่วยก็ได้มั้ง  //พิมพ์จากการอ่านแค่ไม่กี่ คคห.ในหน้าที่หนึ่ง 
 

ออฟไลน์ yojinboo

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 360
  • ถูกใจแล้ว: 111 ครั้ง
  • ความนิยม: +4/-7
ที่นิยายสมัยใหม่นิยมเวทไร้ร่ายเนี่ย ผมคิดง่ายๆเลยว่าแค่ขี้เกียจคิดคำร่ายนั่นละ มันทำให้พาลนึกถึงการ์ตูนแนวแฟนตาซีเวทสมัยก่อนมาก เวลาจะสู้กันทีมันอลังการมากเพราะไม่ใช่แค่ร่ายเวทแต่ต้องมีการลวงมีการคิดแก้ทางเวทอีกฝ่ายด้วย และการ์ตูนแนวนี้ที่ผมชอบคืออสูรร้ายจอมราชันต์นั่นละครับ ชายผู้ที่ทำความหวังของผู้ชายทั่วโลกเป็นจริง
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 17,728
  • ถูกใจแล้ว: 20713 ครั้ง
  • ความนิยม: +363/-6
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
ที่นิยายสมัยใหม่นิยมเวทไร้ร่ายเนี่ย ผมคิดง่ายๆเลยว่าแค่ขี้เกียจคิดคำร่ายนั่นละ มันทำให้พาลนึกถึงการ์ตูนแนวแฟนตาซีเวทสมัยก่อนมาก เวลาจะสู้กันทีมันอลังการมากเพราะไม่ใช่แค่ร่ายเวทแต่ต้องมีการลวงมีการคิดแก้ทางเวทอีกฝ่ายด้วย และการ์ตูนแนวนี้ที่ผมชอบคืออสูรร้ายจอมราชันต์นั่นละครับ ชายผู้ที่ทำความหวังของผู้ชายทั่วโลกเป็นจริง
+1 การร่ายเวทย์มนต์คือความโรแมนติกของมังงะสมัยก่อนจริงๆครับ  เรื่องคุจากุก็สนุกนะท่านนอกจากร่ายเวทย์แล้วยังต้องประสานมือเพื่อใช้คาถาอีกด้วย
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,402
  • ถูกใจแล้ว: 3115 ครั้ง
  • ความนิยม: +188/-432
[quote/]

GM กล่าวถูกแล้ว  บางทีคำร่ายมันก็คือ.....  หลักๆแปลความหมายได้สองแนวคิด 
1.คำร่ายจะช่วยทำให้จินตนาการถึงสิ่งที่ร่ายได้ดี  ได้ละเอียด  มีสมาธิจดจ่อกับ
การรังสรรค์เวทย์ก่อนปล่อยออกไป
2.คำร่ายช่วยให้พันธสัญญากับอณูเวทย์กระชับและเข้มข้นยิ่งขึ้นแน่นขึ้น  และยิ่งถ้า
เป็นการร่ายเวทย์ในแนวขอยืมพลังภูต  ยืมพลังพระเจ้า  ยืมพลังผีปอบนางไม้แบบ
ของไทยแล้ว  คำร่ายยิ่งสำคัญ  เพราะนอกจากจะช่วยให้เราจดจ่อมีสมาธิแล้ว  ยัง
ทำให้ผู้ที่เราจะสื่อ  เพื่อขอยืมพลังหรือสนับสนุนพลังของเรา  ได้เข้าใจด้วยคำร่าย
ในภาษาของเขา  อย่างคำร่ายภาษาขอม  ภาษาบาลี  หรือถ้าในต่างโลก  การที่
จะเอื้อเอ่ยด้วยภาษาโบราณ  ภาษาภูต  เพื่อให้ภูตหรือปีศาจได้เข้าใจ 


ส่วนการย่อคำร่าย  มันอาจทำให้สมาธิเราไม่จดจ่อเพียงพอหรือทำให้ส่งคำร้องต่อ
อณูเวทย์มนต์  ไปถึงแค่บางส่วน  จึงทำให้อณุภาคเวทย์ที่ย่อคำร่ายนั้น  อ่อนพลัง 
ส่วนการส่งคำร้องต่อผู้ที่เราจะหยิบยืมพลัง  การที่เราสั่งห้วนๆ  ประมาณว่า  สั่งว่า
ส่งไฟเลเวล 3 มาที  ส่งเวทย์น้ำเลเวล 5 มาซะ  อีกฝ่ายก็คงส่งแบบส่งๆไป


ยิ่งถ้าร่ายสรรเสริญ  แบบในนิยาย  มังงะหลายๆเรื่อง  หรือในโลกเราก็มีแบบนี้
เหมือนกัน  ที่เรากล่าวคำสรรเสริญต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ  ที่เราจะขอหยิบยืมพลัง  ก็
จำเป็นต้องสรรเสิรญยาว  แล้วต้องสรรเสริญด้วยภาษาที่สิ่งศักดิ์สิทธิเข้าใจ
อย่างงานกฐินเนี่ย  ไม่รู้จะร่าย  เอ๊ย!  สวดยาวอะไรกันนักกันหนา  ทั้งคนฟัง
ทั้งคนสวด  ต่างก็ฟังไม่ออก  น่าจะจับสิ่งศักดิ์ให้มาเรียนภาษาไทยซะจริงๆ
ต่อไปผู้ใช้เวทย์ห่มเหลืองจะได้ร่าย  เอ๊ย!!  สวดด้วยภาษาไทย  ฮา
ขอบคุณครับท่านไข่แมวที่มาตอบอยากเห็นภาพขุดทองอีกแล้ว :P
แบบที่เราต้องร่ายคาถาหอกโมกศักข์สี่สิบเก้าวันอะไรก็ว่ากันไปแนวตำราอินเดียก็เล่นใหย่ไฟกระพิบ วัวห้าร้อยตัว ม้าห้าร้อยตัว อะรว่ากันไป
แต่นั่นอาจจะเป็นสเกลของเวทย์พิะีกรรมที่มีพลังมากกว่าการย่อเวทย์ธรรมดาของคนทั่วไปนั่นเองว่าหลายๆอย่างอาจจะเป็นเรื่องของการบังคับควบคุมอย่างละเอียดและหากใช้ไม่ดีสร้างเงื่อนไขพลาด ของอาจจะเข้าตัวได้
แนวคิดเวทย์แบบไทยๆสะใจในรสชาตินั้น ค่อนข้างจะออกแนวหมอผี เนโครแมนเชอร์อยู่สมควร
หากเน้นความปลอดภัยไว้ก่อน ป้องกันของเข้าตัวร่ายยาวๆเพื่อความปลอดภัยก็ถูกต้องแล้วแนวคิดของญี่ปุ่น น่าจะมาจากการมองดูเวทย์เป็นเรือ่งสะอาดมากเกินไปอันที่จริงแนวคิดเวทย์คืออะไรที่ลึกลับ คนดีมีศีลธรรมควรหลีกหนีให้ห่างนั้นมีอยู่ในหลายๆชาติอนิจจา คนเราไม่คิดอย่างนั้นในปัจจุบันว่ากันตรงๆผมเข้าใจโยสถ์คาทอลลิกอยุ่นิดๆว่าทำไมต่อต้านแฮร์รี่ พอตเตอร์
 ???
ลืมเกี่ยวกับ  การละคำร่าย  ละคำร่าย  ก็คงเหมือน  เราสั่งอณูเวทย์ในร่างกายได้ดั่งใจนึก
แล้วปล่อยเวทย์ออกไปได้ในทันที  คงคล้ายๆเราเคลื่อนมือ  ขยับมือหล่ะมั้ง  คือเราต้อง
ใช้แรงของเราอย่างเดียว  ไม่ต้องร่าย(ส่งเสียงอ้อนวอนหรือสรรเสิรญหรือขอความช่วย)
เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิหรืออณูเวทย์ในอากาศ  มาช่วยเหลือ  ซึ่งทำให้มันเป็นการใช้
พลังเวทย์เพียวๆจากตัวเรา  มันก็คงเปลืองแรงมาก  แต่ถ้าเรามีแรงมาก  ก็ไม่จำเป็นต้อง
เรียกให้ใครมาช่วยก็ได้มั้ง  //พิมพ์จากการอ่านแค่ไม่กี่ คคห.ในหน้าที่หนึ่ง 
ขอบคุณครับท่านไข่แมว ระบบบางระบบก็เล่นมุกนั้นล่ะครับ
ว่าจ่ายพลังให้เทพเจ้าไป เทพเจ้าจะแสดงคาถาแทนเราแตค่หากคิดว่าเราเก่งควบคุมคาถาได้เอง ก็ใช้เองไปเลยว่าอย่างนั้นเราเ่กงพอหรือเปล่าล่ะ?
ของประเทศเราหากมองตรงๆคือสาย divine magic เหมือนกันล่ะครับ
คัมภีร์พระเวทย์ว่าอย่างนั้น
[quote/]

ถ้าจะให้ผมแถแทนเหล่าผู้ร่ายย่อ  หรือละคำร่ายหล่ะก็  ผมพอจะแถให้ได้นะว่า  มันก็ประมาณว่า
คุณทำอาหาร(ร่ายเวทย์) 2-3อย่าง  กว่าจะเสร็จ  กว่าจะจัดเสิร์ฟให้คนกินได้  อาจเสียเวลาเป็น
ชั่วโมง  นี่ยังไม่รวมเคลียร์ห้องครัวหลังทำกำข้าวเสร็จ


แต่ผู้ละคำร่าย  ก็คล้ายๆแม่ค้าอาหารตามสั่ง  ที่หน้าตู้ของเขา  จะวางเครื่องปรุง  วางวัตถุดิบได้ดี
เขาแค่เหยาะๆฉับๆนาทีเดียวก็เสร็จเมนูนึงแล้ว  ถ้าไม่ทำยังงั้น  คงขายไม่ทัน  จะให้มานั่งทำ2-3
อย่าง  ร่วมชั่วโมง  แถมครัวเละเทะอีก  คงไม่ไหว

และระหว่างคนทำอาหาร 2-3 อย่าง  ร่ายๆนานๆ  ก็เพราะยังไม่มืออาชีพ  มืออาชีพจริงๆแล้ว  แค่
ห้านาทีก็ควรทำเสร็จ  ทั้งกระเพราหมูกรอบ  ข้าวผัด  ต้มยำ  แถมเผลอๆ  อาจอร่อยกว่าคนที่  ทำ
เป็นชั่วโมงก้ได้  เพราะงั้น  ร่ายเวทย์ก็เหมือนกัน  อยู่ที่ตั้งสมาธิ  จัดกระบวนอณูเวทย์ให้ดีๆ  ผสมกัน
ให้กลมกล่อม  คนทำกับข้าว(ร่ายเวทย์)เก่งๆหน่ะ  แค่ตวัดทัพพีไม่กี่ที  นาทีเดียวก็เสร็จแถมอร่อย~
จากที่สังเกตหลายๆคน
ผมว่าให้ออกไปในแนวคิดว่า
"แสดงถึงความสามารถทีเ่หนือกว่าของพระเอกอิเซไค"จะดีกว่าออกไปในแนวทาง
"เรื่องง่ายๆที่คนในต่างโลกไม่รู้"
น่าจะดีกว่า
ว่าเพราะพระเอกอิเซไคสะดวกอย่างนี้ ทำให้พวกเขาทุ่มเทไปทางนี้และเก่งจนสามารถใช้ได้จริงในขณะที่คนในต่างโลกนั้นเรียนมาด้วยมาตรฐานและคุณสมทบัติต่างกัน
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ 29Forever

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 517
  • ถูกใจแล้ว: 256 ครั้ง
  • ความนิยม: +12/-53
ที่นิยายสมัยใหม่นิยมเวทไร้ร่ายเนี่ย ผมคิดง่ายๆเลยว่าแค่ขี้เกียจคิดคำร่ายนั่นละ มันทำให้พาลนึกถึงการ์ตูนแนวแฟนตาซีเวทสมัยก่อนมาก เวลาจะสู้กันทีมันอลังการมากเพราะไม่ใช่แค่ร่ายเวทแต่ต้องมีการลวงมีการคิดแก้ทางเวทอีกฝ่ายด้วย และการ์ตูนแนวนี้ที่ผมชอบคืออสูรร้ายจอมราชันต์นั่นละครับ ชายผู้ที่ทำความหวังของผู้ชายทั่วโลกเป็นจริง

บาสตาร์ด  ชอบมากๆ  แต่ชอบในตอนต้นเรื่อง  ชอบแค่ราวๆถึงเล่มสิบหรือสิบเอ็ดของวิบูรณ์กิจหล่ะมั้ง
ชอบฉากควักหัวใจตนเองเพื่อช่วยคาร์คเอลฟ์  ชอบคำพูดหลายอย่าง  อย่างเช่น  ที่ดาร์คเอลฟ์พูดกับ
ดาร์คชไนเดอร์ว่า  "นั่นคือความทรงจำร้อยปีที่ได้อยู่ร่วมกับคุณ"  "สำหรับคุณฉันอาจเป็นแค่เด็ก  แต่
สำหรับฉัน  คุณคือทุกสิ่งทุกอย่าง"  "ทำไมข้าไม่ได้เห็นว่าเธอคิดจะต่อสู้  แต่ข้ากลับเห็นเพียง  เด็ก
คนนึง  ที่กำลังร้องงอแง"


สำหรับผม  ช่วงหลังๆไม่สนุกแฮะ

--------------------------------------------------------------------------------


พิมพ์เพิ่ม  ฮา


ฉากที่อาเชสสู้กับดาร์ช  (ขอเรียกสองคนนี้ด้วยชื่อที่พวกเขาเรียกกันและกัน)  มันเหมือนฉากที่
พ่อลูกทะเลาะกัน  แล้วจบลงที่พ่อควักหัวใจถวายให้ลูก  โคตรซึ้งเลย 

แล้วฉากสุดท้ายในเรื่อง  ก่อนที่ผมจะเทเรื่องนี้ทิ้ง  ก็ตอนที่ขึ้นภาคใหม่หล่ะมั้ง  ที่ฝ่ายของเทียร์
โดนฆ่าเรื่อยๆทีละคนๆ  ตัวละครใหม่โดนฆ่าเกลื่อน  โยโกะก็เลยจะร่ายเวทย์ชุบชีวิตหมู่  โดยที่
เวทย์นี้มีโอกาสสำเร็จต่ำมาก  ตอนนั้น  ตอนที่โยโกพรรณาก่อนจะร่ายเวทย์  เป็นอะไรที่ซึ้งมาก
ทำให้นึกถึงป็อบจากการ์ตูนไดตะลุยแดนเวทมนตร์  ตอนที่ป็อบจะร่ายเวทย์เมกันเต้  ประทัยใจ
มาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2021, 10:37:14 PM โดย 29Forever »
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก