[quote/]
Witcher ไงครับ ไม่มีการร่าย เงียบและใช้ออกเร็วมาก อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัวก็โดนแล้ว
แต่เวทย์จะอยู่ในระดับแรกเริ่ม Tier ต่ำๆ ไม่ได้อลังการแบบพวกพ่อมดแม่มด
ก็นั่นล่ะครับ ออกแนววิจารณ์ว่าสายนั้นคือสายนักผจญภัยว่าหากเราต้องการไปผจญภัยต้องใช้เวทย์ที่สู้ได้จริงและรวดเร้วประมาณวิทเชอร์แต่หากจะศึกษาเวทมนตร์ให้ลึกล้ำมากขึ้น ต้องศึกษาในหอคอยพ่อมดนั่นล่ะว่าทั้งสองอย่างแล้วแต่คนจะตั้งเป้าหมายไปในทางไหนนั่นเอง
[quote/] จริงครับดูแล้วน่าเบื่อสุดๆ ถ้านักเวทมันopขนาดนี้แล้วจะมีนักดาบเอาไว้ทำอัลไล? มังงะเรื่องที่ผมไม่ชอบมากที่สุดก็คือเนกิมะ ตอนแรกๆที่ยังเป็นนักเวทมันก็สนุกอยู่นะครับมีนักรบเป็นกองหน้า มีนักเวทเป็นกองหลัง แต่มาถึงกลางๆเรื่องนี่มันนักเวทหรือซุปเปอร์ไซย่า?
ผมกะจะใช้มุกแบบยูจิโร่ว่า"คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้นที่จริงเก่งทุกอย่าง"
เพื่ออธิบายว่าพอจุดสูงสุดแล้วแต่ละสายแทบไม่ต่างกันว่าอย่างนั้นท่านสงสัยเมหือนคนเขียน game of throne ครับว่า หากพ่อมดมันเ่กง เราจะมีกองทัพไว้ทำไม?
และนั่นก็มาที่เดิม ว่าเราจะสร้างขีดจำกัดของเวทยืไว้แค่ไหนนั่นเอง
เดี๋ยวนี้ พวก ตัวเอกแนวเทพทรูมีแต่ "ไร้ร่าย" กันทั้งนั้น เพราะอิงจากเกม กด F1 F2 F3 F4 ออกท่าจบ
แถมท่าแรง MP ไม่จำกัด
ไม่ต้องฝึกวิชา เกิดมาก็ใช้ได้เลยตั้งแต่อนุบาล ประถม
ผมกำลังมองว่าแต่ละคนเล่นมุกนี้มากจนเกินไปหรือเปล่า?เลยลืมคิดว่ามันควรจะมี กระบวนการบางอย่างของมัน
อย่างตอนผมจะโรลเพลย์ พ่อมดแบบแฮร์รี่ ถ้าเสียไม้กายสิทธิ์ไปนี่พลังจะตกฮวบร่าบยแบบไร้เสียงไม่ให้ก็อบลินรู้ตัวอัตราการสำเร็จก็ต่ำลง ก็อบลินอาจจะต่อต้านคาถาเราได้
เรียกว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในการไม่ใช้ไม้ ไม่ใช้เสียง ร่ายแบบไม่ใช้อะไรเลย..ซึ่งมันจะยากกว่าปรกติแต่ก้นั่นล่ะครับ
มันเล่นมุกว่าพระเอกอิเซไคทำเรือ่งพวกนี้ได้เป็นเร่องธรรมดานั่นเอง
ก็มีวิธีลัดอย่างประจุเวทที่ต้องร่ายยาวๆลงในวัตถุอย่างไพ่ หรือยันต์ พอจะใช้ก็ร่ายเวทปล่อยออกมา หรือถ้าจะเอาแบบไฮเทคหน่อยก็สมาร์ทโฟน
ในเฟทสเตไนท์ เล่นมุกว่าตราเวทย์ ใส่วงจรไปด้วยวิญญาณที่สืิบกันมาหลายชั่วรุ่น เล่นมุกแบบนิยายกำลังภายใน ว่าตระกูลใหย่จะได้เปรียบ ตระกูลที่พึ่งเข้ามาในวงการนั่นเอง
ก็กลับมาที่เดิมนั่นล่ะครับ
ผมจะเล่นแบบตรงไปตรงมาว่าได้พรจากเทพธิดามาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม
แบบเดียวกับนารุโตะที่มีวสัตว์หาง
ความแตกต่างระวห่างนารุโตะกับซากุระนั่นล่ะ ระหว่าง คนมีเทพธิดาอวยพรกับอัจฉริยะที่หนึ่งของรุ่น
เผื่อทุกคนจะลืม ซากุระคือที่หนึ่งของรุ่น ไม่ใช่ซาสึเกะนะครับคาถา ทฤษฎี ประสานจักระ ซากุระเก่งที่สุดในทีม
อืมแต่มันก็จะมีประเด็นอีกเรื่องในกรณีที่ร่ายผิดและไม่จำเป็น
แบบว่ามันจะทำให้คนอ่านรู้สึกว่าคนมันโง่ทั้งเรื่อง ยิ่งเรื่องที่มีโรงเรียนมี อ. มีวิจัย ใหญ่โต ด้วยแล้วยิ่งดูโง่ไปเลย
ถ้าเป็นเวทหายากก็พอได้ แต่เวททั่วๆ ไม่มีคนลองเลยหรือ มีตัวเอกตัวเดียวที่นึกได้
ไปเจอคนเล่นมุกว่า สภาเวทย์และห้องสมุด หนังสือที่อยู่ในห้องสมุด จงใจเขียนภาษาให้เข้าใจยากๆเอาไว้น่ะครับ
การทำให้เข้าใจง่ายๆ มีแต่ในห้องสมุดส่วนตัวของพ่อมดคนนั้นและจถ่ายทอดกลเม็ดเคล้ดลับให้กับลุกศิษย์ส่วนตัวของตนเองเท่านั้นพวกเราใช้ระบบสำนักวรยุทธนั่นเอง
ถ้ามีปริมาณพลังงานตั้งต้นเพียงพอต่อการกระตุ้น มันก็โกงได้แหละครับ
เหมือนปืนยุคโบราณที่คุณต้องแบกดินปืนให้มากพอจะใช้ยิงกระสุนขนาดต่างๆ ให้พุ่งออกไปได้นั่นแหละ
ไม่ใช่ว่า อยากจะยิงกระสุน 11 มม. แต่ดันใช้ดินปืนแค่สำหรับ .22 ... แบบนั้นมันก็แป๊ก
กลับกัน ถ้าคุณใช้ดินปืนมากเกินไป โครงสร้างของตัวปืนจะเสียหายเนื่องจากทนแรงระเบิดของดินปืนไม่ไหว
[quote/]เอลน่าซาก้า ... เวทสูงสุดนี่ เรียกได้ว่า มันก็คือระเบิดนิวเคลียร์บ้านเรานี่แหละ (ก็ชื่อเดียวกันนี่น่ะ)
แต่ก็แลกกับเวลา และสมาธิที่ใช้ในการร่ายแล้วรวบรวมพลังงานมากระตุ้นล่ะนะ
แล้วถ้ายิ่งร่นขั้นตอนมากเท่าไหร โอกาสที่เวทจะไม่แสดงผลยิ่งมากขึ้นแบบทวีคูณ
แถมยังสิ้นเปลืองพลังงานสูงกว่าปกติไปแบบเปล่าๆ อีก...
ส่วนตัวผมคงแนะนำตัวอย่างอย่างเรื่อง นาโนฮะ ละนะ...
เพราะเรื่องนี้แยกประเภทชัดเจน มีทั้งกฏตายตายตัว แล้วก็ความยืดหยุ่นเกี่ยวกับการใช้เวทอยู่หลากหลายทีเดียว
อย่างถ้าไม่ใช่พวกเวทหมวดพิธีกรรม ที่มีขั้นตอนบังคับไม่สามารถละเว้นได้ อย่างเวทข้ามมิติของเฟท หรือเวทล้างแมพของฮายาเตะ...
นอกเหนือจากเวทพวกนั้นต่อให้เป็นเวทขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตามคุณจะละคำร่ายก็ได้ หรือจะย่อคำร่ายก็ได้
เพียงแต่ว่าตัวคุณต้องมีปริมาณพลังงานเวท และสมาธิกับสติมากเพียงพอน่ะ
ไม่งั้นจะเป็นแบบเทียน่ากับซุบารุที่ยิงเวทแล้วเวทด้านประจำ จ่ายพลังเยอะเกินบ้าง จ่ายไม่ถึงเกณฑ์บ้าง
นักเวทยุคแรกๆ เองก็ต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด อย่างการร่ายคู่ขนาน การหน่วงเวท การกำหนดอัตราจ่ายพลังเวท
แล้วก็สโตเรจสูตรเวท เพื่อที่จะใช้ร่ายเร็วหรือไร้ร่าย ซึ่งถ้าหากดึงมาใช้เสร็จแล้ว สูตรเวทนั้นก็จะหายไปเลย
จะใช้อีกก็ต้องร่ายใหม่แล้วติดตั้งสโตเรจใหม่ ดังนั้นก่อนจะไร้หรือละคำร่าย ต้องฝึกแบบร่ายให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนก่อน
(พวกดีไวซ์ต่างๆ ถึงถูกพัฒนามาเพื่อช่วยลดความผิดพลาด กับขั้นตอนทำซ้ำตรงนี้)
[quote/]แบบเรื่องอาคาซิคเรคคอร์ดสิน่ะที่เกล็นมันด่านักเรียนว่า โง่หรือเปล่าที่คิดว่าอิมเมจนั้นถูกต้อง ทั้งที่ไม่รู้จักการร่ายเวทที่ถูกต้องน่ะ
ผมไม่ค่อยชอบมุก
"จ่ายพลังเยอะเกินไป ทำให้คาถาไม่ได้ผล" เท่าไร เหมือนกับพยายามจะเนิร์ฟว่าพลังเวทย์มากไม่ค่อยมีความหมายว่าอย่างนั้น
เราเอามาแบบนานรุโตะ ว่พาลังเวทย์มากไปก็แค่จะเปลืองมากกว่าปรกติ หรือจะได้รุนแรงกว่า แต่การควบคุมไม่ดี พลังไหลเข้ารกเข้าพงแบบนารุโตะ
หรือหากเล่นเวทย์แบบนุ๊ก ผลลัพธ์อาจจะเลวร้ายกว่า่นั้น ห้องทดลองระเบิดเป็นต้น
"พลังมกาไปทำให้เวทย์ไมไ่ด้ผล" นี่ต้องอธิบายกระบวนการประมาณไหนครับ?
ว่าไปแล้วการจินตนาการภาพนี่เป็นมุกที่ใช้กันบ่อยมากในแนวนี้น่าจะมาจากดราก้อนเควสต์และเฟทสเตไนท์เป็นแกนนำในเรื่องนี้แน่นอน
ระบบทีเ่หลือเลยตามๆกันมาพอสมควร
ตามหลักคือถ้าร่ายมันจะโหดกว่าไม่ร่ายนะครับ ไม่งั้นใครเขาจะร่ายกัน ไม่ร่ายคือแค่เร็วกว่า
ยกเว้นคนแต่งกะมั่วไม่สนตรรกะ ไม่ก็แต่งให้กระบวนการร่ายมีข้อผิดพลาดหรือไม่จำเป็น ถึงห่วยกว่าแบบไม่ร่าย
มุกแบบพระเอกอิเซไค จะตกใจที่คนในต่างโลกต้องร่ายคาถากันน่ะครับแน่นอน อ้างได้ว่าพระเอกมันได้เรปียบตรงที่พลังเวทย์เยอะกว่า การใช้พลังเยอะกว่า ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวลแบบคนในต่างโลก
แบบเดียวกับซากุระนั่นล่ะ พยายามใช้พลังจักระให้มีประสิทธิภาพที่สุด นารุโตะและซาสุเกะ ทำให้ดีเท่าเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่มันมีผลอะไรในระดับสูงๆไหม? ก็ไม่มี
เพระาระดับสุงๆต้องใช้พลังมหาศาลระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันทั้งนั้น