ส่วนตัว ฟิกชั่นที่วางโครงเรื่องไว้ คือ เวทคือการแทรกแซงความจริง แบบ ปกติ เราจุดไฟ โดย ความร้อน อากาศ เชื้อเพลิง
เวทมนต์จะข้ามส่วนประกอบพวกนี้ไปได้โดยข้ามไปที่ผลลัพเลย
ต้องสร้างกฏบางคุมไว้อีกนั่นอหละครับ
และจะมีขีดจำกัด เป็นปริมาณเวลา หรืออำนาจทำลาย
และข้ามขึ้นไปอีกขั้นคือการสร้างหรือ เปรี่ยนแปลงความจริง
ประมาณว่า ปกติวัตถุก้อนนึง หนัก1 กก. แต่ไปเปรี่ยนแปลงให้มันหนัก100 กก. มันก็จะหนัก100 กก. ไปตลอดกาลไม่เปรี่ยนแปลง หรทอจนกว่าจะมีใคร หรืออะไร เปรี่ยนแปลงความจริงของมันอีกครั้ง
ระดับนี้คือเริ่มขึ้นไปอีกมิตินึง เซตจักวาลที่ตั้งไว้ คือระดับนี้คือประมาณเทพ พระเจ้า สร้างของขึ้นมาจากความว่าเปล่าได้
เจอแนวคิดประมาณนั้นเหมือกันครับคือสาย
wizard จะพยายามท่องคาถาตามกฎเกณฑ์ของโลก
sorcerer จะพยายามเปลี่ยนโลกตามใจตนเอง
divine เทพเจ้าจะสามารถควบคุมได้แทบทุกอย่างในขอบเขตของตนเอง
แต่กระนั้นมันก้ต้องมีคนในตำนานหรอืตัวบั๊กของระบบที่ต้องสร้างหรือทำอะไรบางอย่างที่ต้องทำให้เทพและคนใช้เวทย์ทั้งหมดร่วมมือกันได้เพื่อขัดขวาง
จึงจะเป็นที่มาของเหตุการร์ในเรื่องต่างๆได้น่ะครับ
ว่าเหตุกาณร์อย่างการสร้างศิลาอาถรรพ์หรือ เอกธำมรงค์มันคือเหตุากร์พิเศษจริงๆ
เอาแบบแขนกลคนแปรธาตุ ทุกคนที่แปรธาตุ มีกฎของการแปรธาตุที่ต้องเคารพ
แต่การทำวงเวทย์ลอ้มเมือง ศิลาอาถรรพ์ ประตูแก่นแท้นั้นมันต้องมีอะไรมากวก่านั้นที่เกินขอบเขตของการแปรธาตุธรรมดาจะทำได้
มันขึ้นกับเนื้อเรื่องว่าต้องการจะให้คนอ่านได้ลิ้มลองเสพย์อารมณ์แบบไหน
ในแฮรี่ นี่จุดขายก็คือความรู้สึกอัศจรรย์ตื่นตาตื่นใจในโลกเวทย์มนต์ สิ่งแปลกๆเหลือเชื่อที่เวทย์มนต์ทำได้ อันนี้เลยแทบไม่ต้องมีสเกลหรือขีดจำกัด
ในจอมมารมหาเมพอานอส จุดขายคือ ความเทพเหนือเทพไร้เทียมทาน 1 ในใต้หล้าแบบนิยายจีนหลายๆเรื่อง อันนี้เรียกว่าทุ่นแรงงานสมองมาก ไม่ต้องมีสเกลห่าอะไรทั้งนั้น
ในเกม ส่วนใหญ่จุดขายมักจะเป็นฉากต่อสู้อลังการณ์ หรือแข่งชิงไหวชิงพริบ เลยต้องมีกฏเกณฑ์ข้อจำกัดระดับหนึ่ง
พูดแล้วนึกถึงเกมไฟนัลแฟนตาซีภาค 6 ฉากศึกดวลเวทย์มนต์ที่หอคอยแห่งเวทย์ ที่การโจมตีกายภาพทุกชนิดไม่มีผล ตัวละครทุกตัวฝั่งเราต้องแข่งกันร่ายเวทย์สู้กับศัตรู ปากนี่ขยับขมุบขมิบร่ายคาถากันแทบไม่หยุด น่ารักมาก
ผมคดิถึงจักรวาลนาสุน่ะครับที่มี"กฎ"ก็จริง
แต่"กฎ"นั้นมีไว้แหก
คนที่เราเห้นในเรือ่งไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาทุกคนคือคนที่สามาถรทำสิ่งที่กฎของเวทย์ธรรมดาไม่สามารถทำได้
ผมกำลังพยายามแกยระหว่างคนระดับ"๐ตำนาน" กับคนระดับ"อัจฉริยะ"น่ะครับ
ไปเจอคนบอกว่า เฮอร์ไมโอนี่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็ยังไม่เท่าดัมเบิ้ลดอร์มันมีควาแมตกต่างของการใช้เวทืย์แม้จะอยู่ในกฎเดียวกันก็ตาม
ขึ้นอยู่กับ world setting ละครับผมว่า
คุณอยากเล่นสเกลระดับไหน มันเลือกได้
HP เนี่ยสนุกดี เพราะเราได้เห็นว่าเวททำอะไรได้บ้างในชีวิตประจำวัน ของเล่นแผลงๆ 9ล9
ซึ่งแตกต่างจากเวท ของเรื่องสไตล์ knight and magic ที่มันเอาเวทยิงกันอย่างเดียว (ยิง บิน ฮีล)
แต่ส่วนใหญ่ วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้พลังตัวเอกไม่โกง ก็คือ ตัวร้ายพลังแบบเดียวกันนี่แหละ ลองดูพวก superhero ก็ได้ ตัวร้ายมันก็พลังเดียวกับพระเอกนั่นแหละ
ส่วนตัวชอบเวทแบบ rezero ชื่อเวทไม่ซับซ้อน มีระดับพลังในชื่อเวทอยู่แล้ว
ที่ต้องแถว่าพลังของไรน์อาร์ดต่ำกว่าพลังของตัวเทพในเรือ่ง เพระาเผลอรู้ตัวว่าให้พลังของไรน์ฮาร์ดโกงเกินไป คนที่เาอชนะได้ จะต้องเป็นคนทีพ่ลบังคอนเซปสูงกว่าเท่านั้น ฮานี่ล่ะครับ ความมึนของการเขียนพลังสเกลสูงๆ
ซึ่งอันที่จริงผมว่าการเอาชนะเชิงคอนเซปนี่ผมก้จเอเถียงกันมาตั้งแต่ช่วงเฟทก่อนการมาถึงของ fgo แล้ว
ทุกวันนี้ เวทมนตร์ในทุกเรื่องอ้างอิงเกม ไม่มีหลักการใดๆ ไม่มีขีดจำกัด คุณแทบไม่ต้องศึกษาเรียนรู้แมวอะไร ขอแค่เกิดใหม่ คุณจะใช้ได้หมดทุกเวทที่มีในโลก
กด F1 F2 F3 โดยที่ MP ระดับ infinity พร้อม DEX 99 ดีเลย์ 0.5 วิ
ผมมองว่าคือการพยายามทำให้เวทย์ดู"สะอาด"และมีหลักการตัวเลขแน่นอนที่เด็กยุคใหม่ถุกใจมากกว่าน่ะครับ
ว่าเวทย์ไม่ใช่แบบมหาสงครามชิงบัลลังก์ที่ต้อง ผ่าหัวใจม้ามากินท่ามกลางกองไฟถึงจะฟักไข่มังกรได้
คนอ่านยุคใหม่คงไม่มีความสุขเท่าไรเวลาอ่าน
[quote/]
ไม่จำเป็นเลยครับสเกลหรือขีดจำกัดไม่เกี่ยวกับความสนุกของเรื่องครับ การไส่หรือไม่ไส่ขีดจำกัดมันแค่พล็อดของเรื่องเท่านั้น เรื่องที่ไม่มีขีดจำกัดในการไช้บอกเลยว่าเยอะมากในอดีตแค่เรื่องในปัจจุบันมักจะไส่ขีดจำกัดมาแค่นั้น นิยายสมัยก่อนไม่มีค่าร่ายและค่าไช้จ่ายสักนิดเลยครับอย่างซุสก็ร่ายเวทได้รัวๆกิลกาเมสเอนคิดูก็ไม่มีขีดจำกัดในการร่ายเวท แม้แต่ยุคปัจจุบันอย่างชาแซมก็ไม่มีขีดจำกัดในการไช้ดังนั้นขีดจำกัดมันแค่พล็อดเรื่องครับ
ขีดจำกัดปรกติจะเป็นเรือ่งกาแรพ้ทางกันมาตั้งแต่ตำนานโบราณน่ะครับเช่ยบางคนแพ้จดุอ่อนที่เอ้ฯร้อยหวายอย่างอคลลีสเป็นต้น
มันจะถูกจำกัดด้วยค่าร่ายจะจำนวนพลังเวทครับ
ถ้าทำตรงนี้ดีๆอย่างอื่นก็จะลงตัวเอง
อย่างเวทถล่มเมือง
ถ้าแต่งให้ร่ายทีพลังงานหมดหรือตายหรือต้องหาของเทพจำนวนมากมาใช้ร่วม
กับ
ร่ายได้หลายรอบแล้วยังซิว
เรื่องมันจะต่างกันเยอะเลย
คือตามระบบเกมส์ก็อย่างนั้นล่ะครับ
ว่าเวทย์แรงๆหรือส่งผลต่อความจริงมากต้องเตรียมพิธีกรรมและอาจจะร่ายนานเป็นวัน
ปัจจุบันพระเอกอิเซไค ร่ายเร็วและแรงไม่มีจุดอ่อนแต่ผมยังให้อภัยเพราะเขาอาจจะมองแบบปัจจุบัน
แต่ผมแค่อยากเพิ่มว่า วงเวทย์ที่ซับซ้อนไม่ได้เขียนมาเล่นๆ แต่มีความหมายของมัน
เมหือนเซฟตี้เน็ตในการร่ายนั่นล่ะ
ขีดจำกัดไม่ต้องมีก็ได้ เช่นเวทย์ขั้นต้นแต่บีบอัดพลังเวทย์สูง ก็สามารถชนะเวทย์ระดับสูงแต่พลังเวทย์งั้นๆก็ทำได้
แต่ก็เบื่อเหมือนกันพวกที่เริ่มมาแล้วตัวเลขพลังเวอร์วังอลังการ ขนาดเป็นที่หนึ่งของโลกได้สบาย แต่อยู่ไปๆ ทำไมมีคู่ต่อสู้ที่พลังทัดเทียมโผล่มาได้เรื่อยๆ
ติดอารมณ์นิยายจีนและดราก้อนบอลตครับผมรุ้กว่าอ.ดทริยาม่ารู้สกึเสียดายที่เผลอเขียนให้ฟรีซเซอร์เก่งที่สุดในอวกาศแน่ๆล่ะในตอนหลังเลยพยายามไปมิติอื่นให้รู้เรือ่งณุ้ราวกันไปเลย
คนที่ใช้เวทย์ธรรมดาเอาชนะยั้นสูงกว่า ผมว่ามีได้ แต่ต้องเป้นระดับดัมเบิ้ลดอร์หรืออมริดเดิ้ลของเรื่องน่ะครับ
ซึ่งหากเทียบตามแฮร์รี่ ทั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็อาจจะเป็นระดับนั้นเมหือนกัน แต่ไม่ใช่สิ่งที่จอมเวทย์ธรรมดาจะทำได้
DnD จำเป็นต้องออกแบบให้บาล้านระดับนึงเพราะมันเป็นเกม
ส่วนนิยาย ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น อยากแต่งแหกสเกลให้เวอร์วังอลังการราวพรี่โล้นผ้าคลุมก็ย่อมทำได้ แต่คนแต่งจะมีฝีมือพอแต่งให้สนุกไหมนี่คนละเรื่อง แต่ส่วนตัวไม่ชอบแบบมีตัวเลขผูกมัด มันดูอึดอัดเหมือนเกมเกินไป อยากให้เก่งก็ยัดๆตัวเลขลงไป มักง่ายดี ชอบแบบสเกลคลุมเคลือ แล้ววัดที่ไหวพริบคนใช้มากกว่า
"ต่อหน้า่พลัง แผนการใดใดไร้ความหมาย"มุกพื้นรฐานของแนวนี้น่ะครับ
แม้แต่อ.โทงาชิ เจ้าแ่หงการบ้าแผนการ
ยังยอมรับว่าไม่มีใครเอาราชาลงได้หากสู้กันยด้วยพลังเวทย์หรือเน็นแล้วล่ะก็
หรอือีกอย่างคือ ของบางอย่างมันต้องเน้นพลังคอนเซปสู้กันไม่อย่างนั้นจะตีกันไม่ได้น่ะครับอย่างที่เราเถียงกันมาสารพัดในจักรวาลเฟทสมัยก่อนเรือ่งคนธรรมดาตีัเวอร์แวนท์ไม่เข้าจนการมาถึงของ Fgo ที่ทำให้เราพบว่าปูเสฉวนหรือลิงก็ตีเซอร์แวนท์เข้า
ผมบอกเลยว่าแนวคิดเวทกับเกมddนั้นคนละเรื่องครับไม่เกี่ยวกันเลย เวทมนต์มันไม่มีขีดจำกัดตามความหมายของมันนั้นแหละ เพราะเวทมนต์คือการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไห้เกิดขึ้นได้ดังนั้นจะมาถามถึงขีดจำกัดของเวทมนต์ไม่ตลกเกินไปเหรอครับ ยกตัวอย่างเวทมนต์ของจินนี่คือทำได้ทุกอย่างเปรี่ยนขอทานเป็นเจ้าชายไปเลย เรียกว่าเปรี่ยนแปลงความเป็นจริงไปเลยมันมีขีดจำกัดตรงไหนครับ อย่างที่บอกเวทมนต์คือของที่เอามาแทนสิ่งที่ไม่มีทางทำได้เป็นไปไม่ได้ปาติหาร ว่าง่ายๆมันคือของที่เอาไว้แถทุกอย่างในแฟนตาซีนั้นแหละครับ ดังนั้นมันจึงไม่มีขีดจำกัดใดๆในตัวมันที่นี่กลับมาที่ddมันคือเกมครับไม่เกี่ยวอะไรกับเวทมนต์แม้แต่นิดเดียว เพราะมันคือเกมดังนั้นจึงต้องมีกฏในการเล่นไงครับมันถึงมีขีดมีระดับ เวทมนต์ที่ไช้ในเกม แต่ddมันก็ไม่ไช่มาตรฐานของเวทมนต์แต่อย่างใดแค่กฏในเกมมันง่ายในการยิบยกมาไช้แค่นั้นเอง นิยายและเกมหลังจากนั้นเลยหยิบมาไช้ตามๆกันมาดังนั้นจะเอากฏเวทในddมาไช้กับเวทมนต์ไม่ได้เลย เพราะเมื่อนักเขียนแต่งเรื่องขึ้นมาย่อมตังกฏหรือขีดจำกัดของเรื่องตัวเองอยู่แล้วครับ การไช้กฏของddเป็นแค่หนึ่งในการอ้างอิงการบรรยายสเกลของเวทมนต์ที่แต่งขึ้นในเรื่องเท่านั้น ดังนั้นจึงมีเรื่องอื่นๆที่ไม่ไช้กฏของddมาไช้เช่นกัน เช่นอินเด็กเทพอาคมคือเวทชนิดหนึ่งในเรื่องที่สามารถเปรี่ยนแปลงอะไรก็ได้ เช่นกำหนดกฏใหม่ไปเลยจาก1+1=2เทพอาคมสามารถเปรี่ยนกฏเป็น1+1=3ไปเลย หรือชุปคนตายเปรี่ยนแปลงความเป็นจริง นี่คือคำจำกัดความของคำว่าเวทมนต์ที่แท้จริงครับเวทมนต์มีความหมายจริงๆคือ อะไรก็ได้ตามตัวอักษรเลยครับมันไม่มีขีดจำกัดอะไรเลยเพราะมันคือตัวแทนของความเป็นไปไม่ได้ ขีดจำกัดของเวทมนต์มันอยู่ที่คนแต่งเรื่องครับไม่ไช่คำว่าเวทมนต์
ทางเทคนิคมีขีดจำกัดนะครับจินนี่
ผมคุ้นๆว่าจินนี่ตะเกียงบอกว่า นกวิเศษ มีอำนาจเหนือจินนี่และด่าอาละดีนตอนที่หใ้ไปเอาไข่ของนกวิเศษมาจินนี่แหวนก้บอกว่าตนเองมีพลังตำกว่าจินนี่ตะเกียง
มันมีระดับพลังของมันอยู่ครับหากเราสังเกตดีดีเพระาไม่อย่างนั้นปัญหาในเรือ่งจะไม่เกิดขึ้น
ย่อ/ย่นวงเวทที่ซับซ้อน คือ Macro ในโลกเวทย์มนต์
ถ้าถามว่าควรมีขีดจำกัดไหม
ตอบ ขึ้นอยู่กับสเกลพลังงานในเรื่องนั้นๆว่า เพดานพลังคือเท่าไร จะได้มีขีดจำกัดพลังเวทย์
เอาแบบ DnD คือบางคนที่เก่งเกินไป สร้างคาถาที่ทำให้กระแสของเวทย์เสีบหายตั้งแต่นั้นมาเทพเจ้าก็แบนพลังเวทย์น่ะครับ
พลังขีดจำกัดอาจจะคล้ายๆกับว่าจะเกิดผลต่อทั้งจักรวาล
เอาแบบ Fgo เป็นตัวอย่าง
คาถาที่ล้างไทม์ไลน์ต่างๆคือคาถาขั้นสดุยอดที่ส่งผลกระทบต่อทั้งหมด
ไม่ใช่ระดับที่จอมเวทย์ธรรดมาเดินไปมาในหอนาฬิกาจะทำได้ต่อให้ศกึษามาชั่วชีวิตก็ตาม