พม่ารบกับอยุธยาในครั้งนี้เป้าหมายหลักๆเพื่อที่จะทำลายคู่แข่งทางการค้าครับ เพราะตอนนั้นเรือสินค้าจากทางยุโรปมาค้าขายมากกว่าพม่าเยอะนะ ปกติพม่าจะไม่ทำลายเมืองมากขนาดนี้หรอกท่าน ครั้งที่1ตีจนน่วมแล้วก็บอกให้ยอมแพ้ ถ้าจะเปรียบเทียบกันก็เหมือนกับตอนที่ไทยเผาเวียงจันทน์นั่นแหละครับ
@pol ถูกครึ่งหนึ่งครับเป็นเรืองการค้า เพียงแต่ไม่ใช่ต้องการทำลายคู่แข่งการค้าครับ แต่พม่าต้องการผูกขาดการค้าทั้งหมดของภูมิภาคนี้ครับ
เราต้องเข้าใจก่อนว่าอาเซียนมี 2 อ่าวสำคัญ คือ อ่าวอันดามัน กับ อ่าวไทย
พม่าเดิมทีคือมีอ่าวอันดามันซึ่งเป็นเส้นทางตะวันตกค้าขายกับอินเดียและไปได้ไกลถึงจักรวรรดิออตโตมัน แต่ทางทิศตะวันออกอ่าวไทยนั้น อยุธยาค้าขายกับจีน
ดังนั้นถ้าพม่าสามารถยึดได้ทั้งสองอ่าว พม่าจะกลายเป็นเสือนอนกินพ่อค้าคนกลางที่เป็นคนกลางแลกเปลี่ยนระหว่างสินค้าจากจีนกับอินเดียได้อย่างชิวๆ รวย รวย รวย
ด้วยเหตุนี้พม่าจึงไม่ต้องการเผากรุงครับ เพราะเผาไปแล้วมันทำลายเส้นทางการค้าทางเรือและจุดรับสินค้าของอยุธยาที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งรับสินค้าจากบางกอกและจันทบุรี ยังไงก็ต้องมาจบที่อยุธยาก่อนจะไปพม่า
แล้วไม่มีใครเสียเวลา+เสี่ยงขับเรืออ้อมช่องแคบมะละกาหรอกครับ แถวนั้นโจรสลัดสิงคโปร์เป็นหนึ่งในชุมโจรสลัดที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 8 ของโลกดักปล้นอยู่ การขนถ่ายสินค้าทางบกจากอ่าวไทย ผ่านด่านเจดีย์สามองค์ไปอ่าวอันดามันและไปอินเดียจึงเร็วกว่าและปลอดภัยกว่าครับ
อีกประเด็นหนึ่งคือนโยบายของพระเจ้ามังระคือต้องการขยายดินแดนแผ่อิทธิพลไปทางยูนนานและเสฉวน ดังนั้นถ้าจะแผ่อิทธิพลก็ต้องพิพาทกับจีนราชวงศ์ชิง แต่ราชวงศชิงเป็นพันธมิตรกับอยุธยา
ถ้าไม่ยึดอยุธยาเสียก่อนจะโดนอยุธยาแทงหลังตอนยกทัพบุกยูนนาน และการยึดอยุธยาหมายถึงการที่พม่าจะได้ผูกขาดเส้นทางการค้าจากจีน ทำให้สามารถกดราคาพ่อค้าสำเภาจากจีนได้ จีนก็จะยิ่งอ่อนแอ ทำให้พม่าสามารถสู้กับจีนได้ง่ายขึ้น จริงๆอยุธยาเองก็อยากยึดพม่าเหมือนกันครับ เพราะจะได้ผูกขาดเส้นทางการค้าทางเรือของอ่าวอันดามัน
การที่พม่าตีอยุธยาจึงเป็นแค่เพียงการอุ่นเครื่องครับ และพม่าไม่ได้เผาครับ เนื่องจากไม่ได้มีความแค้นอะไรที่จะต้องทำขนาดนั้น (ไม่ได้ฆ่าทูตหรืออะไรซะหน่อย)
นั่นแหละพอพม่าเริ่มล้อมอยุธยา จีนก็เลยรีบยกทัพลงมาช่วยแต่สายไปแล้วกว่าข่าวจะไปถึงก็กินเวลานาน ไหนจะระดมพล ก็ช้าไปแล้วครับ อยุธยาแตกก่อน(จริงๆก็ยื้อได้นานแล้วนะ 14 เดือน)