เราต้องสร้างเรื่องให้ไอโอจับตามอง ตามด้วยปล่อยข้อมูลกำกวมเพื่อให้ไอโอออนเยอะๆ
นั่นหมายความว่าไอโอคือลูกค้าของเรา เราต้องรักษาไอโอ ไอโอจ๋า~~ โปรดออนหน่อย
ไอโอก็เอาตัวแทบไม่รอดเหมือนกันจังหวะนี้ ไอโอเองก็มีหลายประเภท หลักๆก็ 3 ประเภท
1.ไอโอจากกองทัพเอง(อันนี้ลดลงไปมากเหมือนกัน ตั้งแต่โดนแฉ)
2.ไอโอรับจ้าง contractor (หลังๆใช้แบบนี้มากกว่าครับ เพราะโดนตรวจสอบยากกว่าครับ (ต้องหาเอกสารสัญญา Purchasing Order)
3.ไอโอการกุศล อย่างที่รู้ๆกันครับ คือ ตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากพวกนี้เลย แต่ดันเอาข้อมูลที่ไม่ตัดต่อก็บิดเบือน(แบบกากๆหยาบๆ)ไปถ่ายทอดอีกทีด้วยความเต็มใจและมั่นใจเต็มประดา(พวกนี้น่าสงสารและสมเพชที่สุดแล้ว) แต่มักจะอ้างว่าตนเองฟังข้อมูล 2 ด้าน เป็นกลาง อันนี้ไม่เรียกว่าฟังข้อมูล 2 ด้านครับ เพราะแค่วิจารณาญาณแยกแยะว่าสารใดมาจากต้นกำเนิดหรือถูกตัดต่อบิดเบือนยังไม่มีเลย
จริงๆฝ่ายขวาที่ดีก็มีครับ ผมเองก็สนทนากับพวกเขาหลายครั้งแล้ว ผมรู้ว่าฝ่ายขวาจริงๆแบบที่ควรจะเป็นไม่ใช่ไอโอคือแบบไหน เช่น ศ.ศิวลักษณ์ และก็อีกคนที่เคยโผล่กลางม็อบของทั้งสองฝ่าย ผมเคยถ่ายรูป จับมือและพูดคุยสัมภาษณ์แล้วครับ
ฝ่ายขวาจริงๆ คือฝ่ายที่รักและต้องการปกป้องขนบธรรมเนียมและจารีต มันควรจะต้องเข้าใจทั้งประวัติศาสตร์+ทุนนิยมในระดับที่ดีนะ จริงๆควรจะเก่งด้านนี้กว่าฝ่ายซ้ายเสียอีก(ไม่ใช่โดนฝ่ายซ้ายแบบผมสอนมวยครั้งแล้วครั้งเล่า)
อย่าง Magna Carta เองถ้าย้อนกันไปอ่านจริงๆ มันก็กำเนิดมาจากฝ่ายขวานะครับ และเป็นต้นแบบของระบอบ Constitutional Monarchy ในยุคปัจจุบันของอังกฤษและประเทศอื่นๆที่ระบอบเดียวกัน
ปกติทั่วโลกฝ่ายขวาจะเก่งประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์มากกว่าฝ่ายซ้ายนะ ถ้าเป็นต่างประเทศส่วนใหญ่ฝ่ายซ้ายมักจะเป็นพวก Union หรือ NGOs เสียมากกว่า
มีของไทยนี่แหละที่ฝ่ายขวาดันอ่อนประวัติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์กว่าฝ่ายซ้ายแบบเห็นได้ชัดเลย แม้แต่เรื่องพื้นฐานง่ายๆ ขอแค่คิดเป็นเหตุเป็นผลอย่างเรื่องอุปสงค์อุปทานมันควรจะเข้าใจได้แต่ก็ไม่ หรือเรื่องง่ายที่สุดก็คือ พม่าเผากรุงหรือไม่เผากรุง หลักฐานมันชัดเจนมากนะว่า อิฐที่สร้างกรุงเทพฯมันคืออิฐจากอยุธยา เพราะ การสร้างเมืองใหม่มันมีค่าใช้จ่ายการก่อสร้างมาก จะให้มาเผาทำอิฐใหม่หมด ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มหาศาล ดังนั้นถ้ารื้อโบราณสถาน เช่น วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วัดสุทัศน์ อิฐที่ใช้ก่อสร้างมันเป็นอิฐที่มีเทคโนโลยีการเผาแบบยุคอยุธยาผสมกับอิฐสมัยรัตนโกสินทร์
วิธีที่นักโบราณสถานเช็คว่าสิ่งก่อสร้างนั้นมาจากยุคไหนก็คือคุณภาพและวิธีการเผาและทำอิฐนี่แหละ เพราะเทคโนโลยีการเผาอิฐแต่ละยุคมันจะไม่เหมือนกัน มันเป็นหลักฐานเลย ซึ่งวัดหรือวังในสมัยร.1 มันจะเป็นอิฐผสมกันระหว่างอิฐที่มีเทคโนโลยีสมัยอยุธยาปนกับอิฐที่มีเทคโนโลยีสมัยรัตนโกสินทร์ นี่ถึงเป็นสิ่งที่อธิบายเหตุผลว่าทำไมกรุงศรีอยุธยาถึงมีสภาพทรุดโทรม ก็เพราะเขารื้ออิฐไปสร้างเมืองใหม่ไงครับ
บวกกับหลักฐานล่าสุดที่กรมศิลปากรขุดค้นก็ไม่พบชั้นขี้เถ้า นี่จึงชัดเจนว่าพม่าไม่เคยเผากรุงครับ
(ถ้าเผาแล้วจะเหลืออะไรให้ปกครองละครับ ไม่มีใครเขาทำกัน สมัยก่อนเขาตีเมืองเพื่อให้ส่งบรรณาการ กับเกณฑ์ทาสแรงงานเพื่อเพิ่มกำลังผลิต)