พูดถึงที่นาทำโลกร้อน บ้านอื่นไม่รู้ เคมีไม่นับ
เอาแค่เท่าที่เห็นๆของไทยละกัน
ช่วงเวลาที่ข้าวเขียวคิดเป็นกี่ % ของทั้งปี
เทียบกับการปลูกต้นไม้อื่นๆไม่ได้เลยมั้ง
แถม แอบเผาสร้างมลพิษอีก
เห็นควรให้ลดพื้นที่ปลูก หรือปลูกต้นไม้อื่นๆที่มีค่าแซมตามคันนาด้วย โดยเฉพาะขอบแปลงเป็นกำแพงเลย
แบบถ้าเอ็งเผา ต้นไม้ใหญ่ก็ชิบหายหรือ ช่วยกันลมหน่อย
เพราะพวกสารเคมีที่ฉีดๆกันจะได้ไม่ฟุ้งไปที่อื่น
เรื่องเผา อล้ว มลพิษ แีญญาอ่อน รุนแรง ล่ะครับ
พื้นที่น่าปัจจุบัน ลดลงจากอดีต เยอะ
ในอดีตทำนาจบเผาซัง เรื่องปกติ มีควันเท่าปัจจุบันไหม
สมัยก่อนไทยประเทศเกษตร ปลูกข้าวเยอะมาก
ยุคลุค นี่แหละปัญหา ผมเคยด่าไปแล้วว่า แก้พื้นที่สีเขียวเป็นแดง
แถมบางะื้นที่ อณุญาติให้ตั้งโรงงานได้โดยไม่ต้องผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
ได้ดมควันสมใจอยาก แล้วตอนนี้
สรุป นามันลดลง แต่สฝอุสาหกรรมเพิ่มขึ้น แต่โทษเกษตร
ไอ้ตอนควันท่วมกรุงเทพ นี่โทษมั่ว ไปถึงพม่า พม่าอยู่ใต่ลมจากไทยนะสึด
อยู่ภาคตัวันออก เอาตามตรง ยังไม่เจอคใันลอย าจากเขมร เลย แต่กทม โทษไปยันลาว กับเขมร
และฤดูปัจจุบัน แถวบ้านไม่มีการเผา เพราะข้าในนามันเกี่ยวไปหลายเดิอนก่อน
และ
จะให้ลดพื้นที่เกษตร คืออยากกินสินค้าราคาแพงกันหรือไง
สวิตเซอเเลนก็ตัวอย่าง แบน อุตสาหกรรม การทำเกษตรในประเทศ ผลคือ
สินค้าราคาแพงขึ้น
อีกเรื่อง ไม่เคยทำนา มันก็พูดได้ ว่าปลูกกนั่นนี่สารพัด เอาจริงๆ มันปลูกไม่ได้
ถ้ามันทำได้ จะทำนาให้เมื่อยทำไม เพลีย
คือไม่รู้เรื่องเกษตร มันก็พผุดได้นั่นแหลั แต่ทำจริงมันไม่ได้
ต้นไม้ ไม่ได้ช่วยผลิด ออกซิเจนเยอะ อย่างทึ่คิด หากคิด กันตามปริมาณพื้นที่แล้ว
ต้นเไม้ 1ต้น กับ แพรงตอนพืชในสระที่พื้นที่เท่ากัน รับแสงเท่ากัน 1วัน
แพลงตอน สามารถสร้าง ออกซิเจน พลังงาน มากกว่าต้นไม้ แบบทิ่งห่างไม่เห็นไฟท้าย
เพราะขนาดเล็กพื้นที่ผิวรับแสง มากกว่า
โลกร้อนมันคือป่าหี่เอาไว้จบหลอกคนแบบทรัมป์มันด่าไว้นั่นแหละ