เว็บติดตามสถานการณ์ในยูเครนแบบ Live Map

[deaddy]

แล้วแบบนี้ ไทยจะล้าหลัง ประเทศ ที่ อเมกา หนุนใหมนิ

ตอนนี้ไทยก็พยามดึงเงินทุนต่างชาติเพียบเลยครับ
แต่ดูๆแล้วแค่ยืดเวลามากกว่า


เพราะถ้าดูภูมิศาสตร์ ไทยมีแค่เส้นทางรถไฟจากจีน
ลงสู่มาเลเซียที่เป็นจุดได้เปรียบ


ส่วนเส้นทางเรือจากเอเชียตะวันออก ยังไงก็ผ่านเวียดนามอินโด


ส่วนเว้นทางแลนด์บริจ ที่ไทยจะทำ มาเลเซียเริ่มนับไปแล้วครับ


คือเค้ามีท่าเรือตะวันตกตะวันออกของประเทศแล้ว
เหลือแค่ทำรางรถไฟเชื่อม


ในขณะที่ไทยยังเถียงไม่จบ รถไฟ หรือท่าเรือยังไม่มีซักอย่าง
ถ้าไทยขุดคลองชนะมาเลเซียแน่นอน
แต่ทำแลนด์บริจ เจอมาเลย์แย่งลูกค้าไปก่อนแน่นอน


เว้นแต่มาเลย์จะชิบหายไม่มีตังสร้างเลยพับโครงการรอไทย

ส่วนโรงงานโลกถัดไปจากจีน มีโอกาสเป็นเวียดนามสูงเลยครับ
เพราะเป็นจีนเองด้วยที่ไปลงทุนเวีนดนาม

คือเวียดนามไปทำ สัญญาการค้าเสรีกับหลายประเทศไว้
คือจีนโดนแบน เลยจะมาตั้งโรงงานในเวียดนาม
แล้วใช้โควต้าเวียดนามส่งสินค้าขายตะวันตก

แล้วยังค่าแรงถูก กับการเมืองนิ่งอีก
แต่ก็นะ พอประเทศเจริญๆมากๆ แต่แนวคิดตะวันตกเข้ามา
การเมืองก็คงไม่นิ่งเอง แต่คงเจริญไปแล้วนั่นแหล่ะ

ส่วนเวียดนามจะแซงไทยไหม อันนี้ไทยก็ยังมีมูลค่าอยู่
ถ้าไทยพยายามวิ่งให้ไวขึ้นก็อีกนานครับ

แต่ถ้าไทยพึ่งธุรกิจต่างชาติ บอกเลยไทยไม่ได้เป็นเทียแรก
สุดท้ายก็แค่นับวันแพ้

แต่เท่าที่ดู บ. เอกชนไทยก็พยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งอยู่ครับ
หน่วยงานรัฐ ก็พยายามข่วยเหมือนกัน 
แต่จะช่วยแบบน่าเกลียดแบบจีนคงไม่ได้

[samuison]

ท่านสีทุมงบพัฒนาไปพัฒนาชิปนับแสนล้าน


สรุปเจอยักยอก เอาเงินไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์


คิดค้นเทคโนโลยีไม่ใช่ว่าอยากคิดก็คิดได้นะครับ


มันต้องมีความคิดนอกกรอบ เพราะเราต้องคิดถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ณ ตอนนั้น

[sariora123]

]จิณตนาการ สำคัญกว่าความรู้  คำพูดของ ไอสไตล์


ความหมายที่แท้จริงคือ


ความรู้เดิมนั้นเหมือนกรอบที่ตีเส้นแนวทางความคิด
 เป็นเหมือนหลุมหรือกำแพง ที่ขังตัวเราไว้


มนุษย์ต้องการจิณตนการ ที่ไม่ยึดโยง หรือข้องเกี่ยวกับความรู้เดิมๆ ที่เรามีอยู่
เพื่อที่จะสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือสร้างความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมา


ก็แบบเรื่องการเดินทางเร็วกว่าแสง ตามหลักการปัญจุบันมันเป็นไปไม่ได้
แต่ก็มีคนคนค้นทฤษฎีการเดิน ทางที่ไวกว่าแสงขึ้นมา
เพียบ เพื่อที่ว่าวันนึง มนุษย์จะเดิน างระหว่างดาวได้

[samuison]

ผมฟังมาส่าท่านสีก็ทุมเทเต็มที่เพื่อเทคโนโลยีนั่นล่ะ


ก็ได้ผชดีบางอย่างจนอเมริกายังตกใจ


แต่พบว่าทางเนเธอแลนด์ยังทำได้ดีกว่า เลยพยายามปกป้องไต้หวันยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ในเรื่องเทคโนโลยี




ถามผม


ไบเด้นโหดกว่าทรัมป์เยอะ


กีดกันบริษัทที่ได้รับเงินจากรัฐว่าจะตัดเงินหากสร้างฐานในจีน


มองในภาพรวม
ผมว่า สายเสนาธิดารของอเมริกา มองว่าทรัมป์ใจร้อนไป ไม่ปรึกษาพันธมิตร ทำให้ไก่ตื่นก่อน


แต่โดยนโยบายหลักนั้นเห็นตรงกัน

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 204 ของสงคราม Part 1

1. ดูเหมือนว่าสหภาพยุโรปจะสามารถตกลงได้ในระดับหนึ่งแล้วเรื่องมาตรการรับมือกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงในช่วงเวลานี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้เสนอมาตรการกำหนดเพดานอัตรารายได้ของผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียน ร่วมกับการวางมาตรการจัดเก็บภาษีลาภลอย (Windfall Tax) กับผู้ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีกด้วย

ต้องเท้าความก่อนว่าในปัจจุบัน สหภาพยุโรปจะคิดราคาค่าไฟโดยการคิดราคาเหมารวมของต้นทุนพลังงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นราคาต้นทุนของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ หรือจากก๊าซธรรมชาติ และเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาตินั้นพุ่งสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาค่าไฟแบบเหมารวมนั้นถูกกระชากให้สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติไปด้วย แม้ว่าราคาต้นทุนของพลังงานอื่นๆ จะไม่ได้แพงขึ้นแต่อย่างใดก็ตาม

ตรงจุดนี้เอง ทางคณะกรรมการธิการยุโรปจึงได้เสนอมาตรการรับมือกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น โดยเสนอให้สมาชิกสหภาพกำหนดเพดานอัตรารายได้ (Profit Cap) ของผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีแหล่งมาจากพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากราคาต้นทุนของแหล่งพลังงานทั้งสองนั้นต่ำกว่าราคาต้นทุนของก๊าซธรรมชาติ ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้รับกำไรมากถึง 550% ของราคาต้นทุน ซึ่งทางคณะกรรมการธิการยุโรปเสนอให้กำหนดเพดานอัตรารายได้ของบริษัทเหล่านี้ที่ 180 ยูโร/เมกะวัตต์ชั่วโมง (6,600 บาท/เมกะวัตต์ชั่วโมง) ซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันที่อัตรารายได้ของบริษัทพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 212 ยูโร/เมกะวัตต์ชั่วโมง (7,770 บาท/เมกะวัตต์ชั่วโมง)

อีกด้านหนึ่ง คณะกรรมการธิการยุโรปเสนอให้วางมาตรการจัดเก็บภาษีลาภลอยกับบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่ทำกำไรมหาศาลจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งทางคณะกรรมการธิการยุโรปเสนอให้ทำการจัดเก็บภาษีลาภลอยกับบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ทำกำไรมากกว่า 20% ของค่ากำไรเฉลี่ยในช่วง 3 ปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการธิการยุโรปไม่ได้ให้ความเห็นว่าสหภาพยุโรปและชาติสมาชิกสมควรจัดเก็บภาษีลาภลอยกับบริษัทเหล่านี้ในอัตราเท่าใด

ทางคณะกรรมาธิการยุโรปเชื่อว่า การวางมาตรการทั้งสองจะช่วยให้สภาพยุโรปจัดเก็บเงินภาษีเพิ่มเติมได้ถึง 140,000 ล้านยูโร (5.13 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระของชาติสมาชิกในการรับมือกับราคาพลังงานและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงระยะเวลานี้ โดยในปัจจุบัน ทั้งสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรได้ประกาศวางเงินอุดหนุนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากราคาและค่าครองชีพพุ่งสูง รวมกันแล้วมากถึง 500,000 ล้านยูโร (18 ล้านล้านบาท)

ในกรณีของสหราชอาณาจักรที่สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากกว่าที่อื่น ราคาค่าไฟฟ้าต่อปีในแต่ละครัวเรือนมียอดเฉลี่ยที่ 1,971 ปอนด์ (83,300 บาท) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากถึง 54% และคาดว่าราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อปีอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ปอนด์ (148,000 บาท) หรือมากกว่านั้นตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นตนไป ทำให้เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ประกาศมาตรการเงินอุดหนุนภาครัฐสำหรับธุรกิจและครัวเรือนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยแต่ละครัวเรือนจะถูกจำกัดให้ชำระค่าไฟฟ้าไม่เกิน 2,500 ปอนด์ (105,700 บาท) หากเกินกว่านั้นรัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายที่เหลือให้ เป็นระยะเวลาทั้งหมด 2 ปี ขณะที่ภาคธุรกิจและภาคประชาสังคมนั้นรัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายด้านราคาพลังงานส่วนเกินเป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือมากกว่านั้น ด้านนักวิเคราะห์คาดว่ามาตรการฉบับนี้จะต้องใช้เงินมากถึง 150,000 ล้านปอนด์ (6.3 ล้านล้านบาท) ในการดำเนินงานทั้งหมด



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[deaddy]

ท่านสีทุมงบพัฒนาไปพัฒนาชิปนับแสนล้าน


สรุปเจอยักยอก เอาเงินไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์


คิดค้นเทคโนโลยีไม่ใช่ว่าอยากคิดก็คิดได้นะครับ


มันต้องมีความคิดนอกกรอบ เพราะเราต้องคิดถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ณ ตอนนั้น

ความคิดนอกกรอบมันไม่สำคัญเท่าทุนที่มีหรอกครับ


อย่างเราจะเดินทางจาก กทม.ไปเชียงใหม่
ความเป็นไปได้ที่ไวสุดดีสุด คือขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไม่เสียค่าใช้จ่าย
ต่อให้คิดนอกกรอปแค่ไหนก็ได้แค่นั้น


แต่ทุนจีนสามารถเนรมิตร เชียงใหม่มาอยู่ในจีนได้เลย




สมัยนี้การค้นเทคโนโลยีไม่ได้สำคัญแค่แนวทางครับ
แต่ประเทศบางประเทศไม่ได้คิดหาวิธีที่ถูกที่สุด
แต่ทดลองโดยลองมันทุกเส้นทางเลย


เขาถึงสร้างซุปเปอร์คอมไงครับ
คือไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร ก็ใช้คอมคำนวนความเป็นไปได้ไล่ๆไป
ทดลอง 100 ตัวอย่างใน 1 วันมันช้าไป
สร้างห้องแลบที่ทดสอบได้ 1 หมื่น 1 แสนตัวอย่างพร้อมๆกัน


ถ้าสิ่งที่คิดๆถูก ก็ได้คำตอบอย่างไว
ถ้าผิด ก็เปลี่ยนวิธีได้ไว


ถึงจะคิดนอกกรอป ได้คำตอบที่ถูกต้อง
แต่กว่าจะได้คำตอบที่ดีที่สุด ทุนมันสำคัญมาก


สตีฟจ็อปจะไม่มีวันผลิต ไอโฟนขึ้นมาได้เลย ถ้าเขาตั้ง บ. อยู่ที่พม่า หรือลาว


ความคิดน่ะใครๆก็คิดได้ แต่ที่มันผลิตออกมาไม่ได้เพราะมันไม่มีทุนพอ


ทุนในที่นี้ไม่ได้นับแต่เงิน แต่รวมถึงเทคโนโลยี
ความรู้ ลูกน้อง เส้นสาย


เรียกว่าที่ อเมริกามีอะไรใหม่เทคโนโลยีแปลกๆมามากมาย
เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากมรดกของคนรุ่นเก่า
สร้างเมืองที่เต็มไปด้วยคนหัวก้าวหน้ามารวมกัน


คนที่สร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่ก่อนได้ ก็เพราะเคยเห็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่เคยเห็น


เทคโนโลยีทุกวันนี้มันก้าวข้ามแนวคิดไปนานแล้วครับ


ถ้าพูดตามสไตล์จีนก็คือ แค่ทุกคนที่นี่ช่วยกันถ่มน้ำลายใส่ เจ้าก็จมน้ำลายตายแล้ว




จะสร้างหลังคากันสาด องศาไหนดีสุด
คนมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องไปดูหลังคามากมายเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจ


พวกนายทุน ก็ทำมันทุกองศาไปเลย แล้วทดสอบพร้อมๆกัน


ประเทศที่ทุนหนาที่สุดในโลกคืออเมริกาครับ
ไม่ว่าจะเงินหรือเทคโนโลยีมีครบ


ไม่ใช่ว่าบริษัทแอพเปิ้ลมีความครีเอทสูงสุดในโลก
ถึงสร้างมือถือล้ำยุคออกมาได้
แต่เพราะเทคโนโลยีล้ำยุค มันอยู่ในอเริกา


พอเห็นว่ามีอะไรจะยัดเข้ามาในมือถือได้ มันก็ได้ของใหม่


แต่บ.อื่นๆในต่างประเทศมันไม่เห็นเทคโนโลยีนั้นๆมาก่อน หรือไม่เจอ บ. ผู้ผลิต มันก็ไม่ได้คิดว่ามันทำได้
หลายๆ บ. เลยกลายเป็นคนลอกเลียน ไอโฟน


ก็ดูเอาครับ บ. ผู้ผลิตเทค ต้นฉบับ แทบจะอยู่ที่อเมริกาหมดเลย


คือไม่ใช่ต่างชาติทำไม่ได้ แต่มันต้องไล่ตามไกลมากทุนมันเลยต้องใช้เยอะ
เขาเลยนิยมซื้อเทคโนโลยีมาส่วนนึงแล้วพัฒนาต่อ


ถ้าดูที่กลุ่มเก่าๆที่อเมริกายึดหัวหาดไปหมดแล้ว ไม่มีใครชนะอเมริกาได้


แต่กลุ่มเทคที่มาใหม่ๆไม่มีผู้ครองตลาด
ส่วนใหญ่เมกาก็ไม่ได้เหนือกว่าอะไรขนาดนั้น


อย่าง 4g รถยนต์ รถไฟต่างๆ
ยอดขายรถ อันดับต้นๆก็เป็นจากบ. ญี่ปุ่น กับยุโรป


tesla ถึงจะมาแรงเป็น บ. อเมริกา แต่เจ้าของก็เป็นคนต่างชาติที่มาหาตัง


สรุปคือ ไม่ใช่คนไทยไม่คิดนอกกรอปเลยแพ้ตะวันตก
แต่เพราะไม่มีทุนด้านเทคโลยี
คนเลยไปนอกกรอปด้านไสยศาสตร์แทน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[raraniyay]

[quote/]


ความคิดนอกกรอบมันไม่สำคัญเท่าทุนที่มีหรอกครับ


อย่างเราจะเดินทางจาก กทม.ไปเชียงใหม่
ความเป็นไปได้ที่ไวสุดดีสุด คือขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไม่เสียค่าใช้จ่าย
ต่อให้คิดนอกกรอปแค่ไหนก็ได้แค่นั้น


แต่ทุนจีนสามารถเนรมิตร เชียงใหม่มาอยู่ในจีนได้เลย




สมัยนี้การค้นเทคโนโลยีไม่ได้สำคัญแค่แนวทางครับ
แต่ประเทศบางประเทศไม่ได้คิดหาวิธีที่ถูกที่สุด
แต่ทดลองโดยลองมันทุกเส้นทางเลย


เขาถึงสร้างซุปเปอร์คอมไงครับ
คือไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร ก็ใช้คอมคำนวนความเป็นไปได้ไล่ๆไป
ทดลอง 100 ตัวอย่างใน 1 วันมันช้าไป
สร้างห้องแลบที่ทดสอบได้ 1 หมื่น 1 แสนตัวอย่างพร้อมๆกัน


ถ้าสิ่งที่คิดๆถูก ก็ได้คำตอบอย่างไว
ถ้าผิด ก็เปลี่ยนวิธีได้ไว


ถึงจะคิดนอกกรอป ได้คำตอบที่ถูกต้อง
แต่กว่าจะได้คำตอบที่ดีที่สุด ทุนมันสำคัญมาก


สตีฟจ็อปจะไม่มีวันผลิต ไอโฟนขึ้นมาได้เลย ถ้าเขาตั้ง บ. อยู่ที่พม่า หรือลาว


ความคิดน่ะใครๆก็คิดได้ แต่ที่มันผลิตออกมาไม่ได้เพราะมันไม่มีทุนพอ


ทุนในที่นี้ไม่ได้นับแต่เงิน แต่รวมถึงเทคโนโลยี
ความรู้ ลูกน้อง เส้นสาย


เรียกว่าที่ อเมริกามีอะไรใหม่เทคโนโลยีแปลกๆมามากมาย
เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากมรดกของคนรุ่นเก่า
สร้างเมืองที่เต็มไปด้วยคนหัวก้าวหน้ามารวมกัน


คนที่สร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่ก่อนได้ ก็เพราะเคยเห็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่เคยเห็น


เทคโนโลยีทุกวันนี้มันก้าวข้ามแนวคิดไปนานแล้วครับ


ถ้าพูดตามสไตล์จีนก็คือ แค่ทุกคนที่นี่ช่วยกันถ่มน้ำลายใส่ เจ้าก็จมน้ำลายตายแล้ว




จะสร้างหลังคากันสาด องศาไหนดีสุด
คนมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องไปดูหลังคามากมายเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจ


พวกนายทุน ก็ทำมันทุกองศาไปเลย แล้วทดสอบพร้อมๆกัน


ประเทศที่ทุนหนาที่สุดในโลกคืออเมริกาครับ
ไม่ว่าจะเงินหรือเทคโนโลยีมีครบ


ไม่ใช่ว่าบริษัทแอพเปิ้ลมีความครีเอทสูงสุดในโลก
ถึงสร้างมือถือล้ำยุคออกมาได้
แต่เพราะเทคโนโลยีล้ำยุค มันอยู่ในอเริกา


พอเห็นว่ามีอะไรจะยัดเข้ามาในมือถือได้ มันก็ได้ของใหม่


แต่บ.อื่นๆในต่างประเทศมันไม่เห็นเทคโนโลยีนั้นๆมาก่อน หรือไม่เจอ บ. ผู้ผลิต มันก็ไม่ได้คิดว่ามันทำได้
หลายๆ บ. เลยกลายเป็นคนลอกเลียน ไอโฟน


ก็ดูเอาครับ บ. ผู้ผลิตเทค ต้นฉบับ แทบจะอยู่ที่อเมริกาหมดเลย


คือไม่ใช่ต่างชาติทำไม่ได้ แต่มันต้องไล่ตามไกลมากทุนมันเลยต้องใช้เยอะ
เขาเลยนิยมซื้อเทคโนโลยีมาส่วนนึงแล้วพัฒนาต่อ


ถ้าดูที่กลุ่มเก่าๆที่อเมริกายึดหัวหาดไปหมดแล้ว ไม่มีใครชนะอเมริกาได้


แต่กลุ่มเทคที่มาใหม่ๆไม่มีผู้ครองตลาด
ส่วนใหญ่เมกาก็ไม่ได้เหนือกว่าอะไรขนาดนั้น


อย่าง 4g รถยนต์ รถไฟต่างๆ
ยอดขายรถ อันดับต้นๆก็เป็นจากบ. ญี่ปุ่น กับยุโรป


tesla ถึงจะมาแรงเป็น บ. อเมริกา แต่เจ้าของก็เป็นคนต่างชาติที่มาหาตัง


สรุปคือ ไม่ใช่คนไทยไม่คิดนอกกรอปเลยแพ้ตะวันตก
แต่เพราะไม่มีทุนด้านเทคโลยี
คนเลยไปนอกกรอปด้านไสยศาสตร์แทน
[spoiler/]

ไสยศาสตร์ ใครเชื่อบ้างครับ จะสร้างความเชื่อยังไงให้นำเงินเข้าประเทศได้ อะไรจะเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใหม่หรือครับ ต่างประเทศก็มีความเชื่อของแต่ละประเทศอยู่แล้วนะ

[samuison]

[quote/]


ความคิดนอกกรอบมันไม่สำคัญเท่าทุนที่มีหรอกครับ


อย่างเราจะเดินทางจาก กทม.ไปเชียงใหม่
ความเป็นไปได้ที่ไวสุดดีสุด คือขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไม่เสียค่าใช้จ่าย
ต่อให้คิดนอกกรอปแค่ไหนก็ได้แค่นั้น


แต่ทุนจีนสามารถเนรมิตร เชียงใหม่มาอยู่ในจีนได้เลย




สมัยนี้การค้นเทคโนโลยีไม่ได้สำคัญแค่แนวทางครับ
แต่ประเทศบางประเทศไม่ได้คิดหาวิธีที่ถูกที่สุด
แต่ทดลองโดยลองมันทุกเส้นทางเลย


เขาถึงสร้างซุปเปอร์คอมไงครับ
คือไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร ก็ใช้คอมคำนวนความเป็นไปได้ไล่ๆไป
ทดลอง 100 ตัวอย่างใน 1 วันมันช้าไป
สร้างห้องแลบที่ทดสอบได้ 1 หมื่น 1 แสนตัวอย่างพร้อมๆกัน


ถ้าสิ่งที่คิดๆถูก ก็ได้คำตอบอย่างไว
ถ้าผิด ก็เปลี่ยนวิธีได้ไว


ถึงจะคิดนอกกรอป ได้คำตอบที่ถูกต้อง
แต่กว่าจะได้คำตอบที่ดีที่สุด ทุนมันสำคัญมาก


สตีฟจ็อปจะไม่มีวันผลิต ไอโฟนขึ้นมาได้เลย ถ้าเขาตั้ง บ. อยู่ที่พม่า หรือลาว


ความคิดน่ะใครๆก็คิดได้ แต่ที่มันผลิตออกมาไม่ได้เพราะมันไม่มีทุนพอ


ทุนในที่นี้ไม่ได้นับแต่เงิน แต่รวมถึงเทคโนโลยี
ความรู้ ลูกน้อง เส้นสาย


เรียกว่าที่ อเมริกามีอะไรใหม่เทคโนโลยีแปลกๆมามากมาย
เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากมรดกของคนรุ่นเก่า
สร้างเมืองที่เต็มไปด้วยคนหัวก้าวหน้ามารวมกัน


คนที่สร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่ก่อนได้ ก็เพราะเคยเห็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่เคยเห็น


เทคโนโลยีทุกวันนี้มันก้าวข้ามแนวคิดไปนานแล้วครับ


ถ้าพูดตามสไตล์จีนก็คือ แค่ทุกคนที่นี่ช่วยกันถ่มน้ำลายใส่ เจ้าก็จมน้ำลายตายแล้ว




จะสร้างหลังคากันสาด องศาไหนดีสุด
คนมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องไปดูหลังคามากมายเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจ


พวกนายทุน ก็ทำมันทุกองศาไปเลย แล้วทดสอบพร้อมๆกัน


ประเทศที่ทุนหนาที่สุดในโลกคืออเมริกาครับ
ไม่ว่าจะเงินหรือเทคโนโลยีมีครบ


ไม่ใช่ว่าบริษัทแอพเปิ้ลมีความครีเอทสูงสุดในโลก
ถึงสร้างมือถือล้ำยุคออกมาได้
แต่เพราะเทคโนโลยีล้ำยุค มันอยู่ในอเริกา


พอเห็นว่ามีอะไรจะยัดเข้ามาในมือถือได้ มันก็ได้ของใหม่


แต่บ.อื่นๆในต่างประเทศมันไม่เห็นเทคโนโลยีนั้นๆมาก่อน หรือไม่เจอ บ. ผู้ผลิต มันก็ไม่ได้คิดว่ามันทำได้
หลายๆ บ. เลยกลายเป็นคนลอกเลียน ไอโฟน


ก็ดูเอาครับ บ. ผู้ผลิตเทค ต้นฉบับ แทบจะอยู่ที่อเมริกาหมดเลย


คือไม่ใช่ต่างชาติทำไม่ได้ แต่มันต้องไล่ตามไกลมากทุนมันเลยต้องใช้เยอะ
เขาเลยนิยมซื้อเทคโนโลยีมาส่วนนึงแล้วพัฒนาต่อ


ถ้าดูที่กลุ่มเก่าๆที่อเมริกายึดหัวหาดไปหมดแล้ว ไม่มีใครชนะอเมริกาได้


แต่กลุ่มเทคที่มาใหม่ๆไม่มีผู้ครองตลาด
ส่วนใหญ่เมกาก็ไม่ได้เหนือกว่าอะไรขนาดนั้น


อย่าง 4g รถยนต์ รถไฟต่างๆ
ยอดขายรถ อันดับต้นๆก็เป็นจากบ. ญี่ปุ่น กับยุโรป


tesla ถึงจะมาแรงเป็น บ. อเมริกา แต่เจ้าของก็เป็นคนต่างชาติที่มาหาตัง


สรุปคือ ไม่ใช่คนไทยไม่คิดนอกกรอปเลยแพ้ตะวันตก
แต่เพราะไม่มีทุนด้านเทคโลยี
คนเลยไปนอกกรอปด้านไสยศาสตร์แทน
[spoiler/]

ผมหมายถึงท่านสีก็ทุ่มเงินไปแล้ว สนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานก็แล้ว

มันไม่ใช่ของที่ำทกันได้ง่ายๆน่ะครับ

อันที่จริงผมก็ฟังมาว่า จีนเนหือกว่าอเมริกาด้านคอมแล้วนะครับ
แต่เมหือนวง่า ฝั่งเชียร์จีนยังไม่เชื่อเรือ่งนี้ คงเพราะคิดว่าอเมริกาชอบกั๊กของ

[deaddy]

[quote/]

ผมหมายถึงท่านสีก็ทุ่มเงินไปแล้ว สนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานก็แล้ว

มันไม่ใช่ของที่ำทกันได้ง่ายๆน่ะครับ

อันที่จริงผมก็ฟังมาว่า จีนเนหือกว่าอเมริกาด้านคอมแล้วนะครับ
แต่เมหือนวง่า ฝั่งเชียร์จีนยังไม่เชื่อเรือ่งนี้ คงเพราะคิดว่าอเมริกาชอบกั๊กของ

ปลูกต้นไม้มันใช้เวลา จีนเพิ่งก้าวรวดเร็วมา 30 ปีเอง
เรียกได้ว่ากว่าจะได้ซุปคอมไวๆมาก็คงไม่เกิน 5 ปี
ต้องรอพักใหญ่ๆแหล่ะกว่าจะพัฒนา

[gundam666]

หลังจบสงครามรัสเซียคงโดยจีน กะอินเดีย กดหัวทิ่มแหง่มๆ

[samuison]

[quote/]


ปลูกต้นไม้มันใช้เวลา จีนเพิ่งก้าวรวดเร็วมา 30 ปีเอง
เรียกได้ว่ากว่าจะได้ซุปคอมไวๆมาก็คงไม่เกิน 5 ปี
ต้องรอพักใหญ่ๆแหล่ะกว่าจะพัฒนา

หมายถึงตอนนี้หยุดไปสกัพัก เพราะท่านสีให้เงินห้าพันล้านดอลล่าร์ไปพัฒนาชิป แต่จับเจ้าหน้าที่วิจัยคอมพิวเตอร์ว่ายักยอกเอาเงินไปลงทุนอสังหาน่ะครับ
ตลกร้ายสำหรับการคิดบริหารแนว"น้ำร้อนน้ำชา"
..
ผมสังเกตตลอดว่าพระเอกอิเซไคจีน มองเรือ่งการหาเศษหาเลยเป้นเรื่องธรรมดา
มองว่าหาเงินมาโปะได้ก็จบ
เรื่องนี้ผมว่าคงคล้ายกัน หากอสังหาไปได้ดี คงเอาเงินมาโปะได้
อสังหาเจ๊ง มันเลยมีผลเป็นลูกโซ่

[sariora123]

[quote/]

ผมหมายถึงท่านสีก็ทุ่มเงินไปแล้ว สนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานก็แล้ว

มันไม่ใช่ของที่ำทกันได้ง่ายๆน่ะครับ

อันที่จริงผมก็ฟังมาว่า จีนเนหือกว่าอเมริกาด้านคอมแล้วนะครับ
แต่เมหือนวง่า ฝั่งเชียร์จีนยังไม่เชื่อเรือ่งนี้ คงเพราะคิดว่าอเมริกาชอบกั๊กของ

คน อเมริกา สมัยก่อน เรียนสายที่ไม่ใช่สายเทคโนเยอะนะ  โอบาม่า มาหนุนให้เรียนสายเทคโนเยอะ แทน ตอนนี้ นักเรียน สายเทคโน(วิท คณิต ทั้งหลาย เกือบเท่าตัว)




แค่มีเงินมะนไม่สร้างเทคโนใหม่ได้ง่ายๆนะ
หลักเบื้องต้นของการพัฒนา คือ  ความไม่พอใจในสภาพที่เป็นอยูปัจจุบัน ต้องการ หาสิ่งที่ ดีกว่าหรือไม่เคยมีอยู่




แต่การมีเงินสร้างลอกเทคโนได้ง่ายกว่าคิดเอง แน่นอน  ถ้าเข้าใจหลักพื้นฐานการทำงาน มีผู้เชี่ยวชาญเฉาะด้าน และทุนที่มากพอมันก็ลอก เทคโนกันได้




ลองสังเกตดูก็พอจะรู้ว่าแนวทางด้านเทคโนแต่ล่ะฝั่ง.ฝ่าย ประเทศ มันมี เอกลักษณ์ต่างๆ กัน แม้จะเป็น เทคโนเดียวกันก็เถอะ

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 204 ของสงคราม Part 2

2. ทางด้านยูเครนยังคงได้รับความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเยอรมนีได้อัพเดตรายการความช่วยเหลือแก่ยูเครนชุดใหม่ โดยความช่วยเหลือชุดนี้ประกอบไปด้วย

2.1 ตู้เย็นทางการแพทย์ จำนวน 65 ตู้ เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่ได้บริจาคให้แก่ยูเครนไปแล้ว 2 ตู้ ทำให้ตอนนี้ยูเครนได้รับบริจาคตู้เย็นทางการแพทย์จากเยอรมนีรวมทั้งสิ้น 67 ตู้
2.2 ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานอัตตาจรแบบ Flakpanzer Gepard จำนวน 4 คัน เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่ได้ส่งมอบไปแล้ว 20 คัน ทำให้ตอนนี้ยูเครนได้รับมอบ ปตอ.อัตตาจรแบบ Gepard รวมทั้งสิ้น 24 คัน จากทั้งหมด 30 คันที่เยอรมนีให้คำมั่นจะทำการส่งมอบให้แก่ยูเครน

จนถึงปัจจุบัน ความช่วยเหลือทางการทหารทั้งหมดที่เยอรมนีได้ส่งมอบให้แก่ยูเครน สามารถคิดเป็นมูลค่ารวมได้มากถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (44,000 ล้านบาท)

อีกด้านหนึ่ง นายมอร์เต็น เบิร์ดสกอฟ (Morten Bødskov) รมว.กลาโหมเดนมาร์ค ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการเดินทางเยือนกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่าทางกองทัพเดนมาร์คจะเริ่มดำเนินการฝึกทหารยูเครนภายในประเทศของตน นับเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากสหราชอาณาจักรที่เปิดโครงการฝึกกำลังพลทหารราบของยูเครนภายในประเทศของตน เพื่อช่วยฝึกฝนทักษะของพลทหารยูเครนให้ทัดเทียมกับมาตรฐานนาโต้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วเพื่อการต่อสู้กับรัสเซีย

ทั้งนี้ ทางกองเสนาธิการทหารกองทัพยูเครน (General Staff of the Armed Forces of Ukraine) ได้รายงานว่าจนถึงปัจจุบัน มีทหารราบยูเครนที่สำเร็จการฝึกทหารใน “ปฏิบัติการอินเตอร์เฟล็กซ์” (Operation INTERFLEX) ของสหราชอาณาจักรไปแล้วกว่า 5,000 นาย

นอกจากเดนมาร์ค ยังมีรายงานอีกว่าอิตาลีจะเริ่มดำเนินการฝึกฝนกองกำลังรบพิเศษของยูเครนภายในประเทศอิตาลี ซึ่งนายโลเรนโซ เกอรินี่ (Lorenzo Guerini) รมว.กลาโหมอิตาลี กล่าวว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารชุดที่ห้าของอิตาลี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นได้อย่างเป็นทางการก่อนหน้าการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่จะแล้วเสร็จ โดยการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ของอิตาลีจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 22 ก.ย. นี้


3. ผลกระทบจากสงครามยูเครนไม่ได้ส่งผลกับแค่ภายในชาติตะวันตกหรือรัสเซียเพียงเท่านั้น แต่ยังทำให้อิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคเอเชียกลางถดถอยลง หลังจากที่กองทัพรัสเซียยังคงประสบความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องในการทำสงครามกับยูเครน แม้เวลาจะล่วงเลยมานานถึง 7 เดือนแล้วก็ตาม ล่าสุด ปธน.สี จิ้นผิงของจีนได้ทำการเดินทางเยือนคาซัคสถาน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประชุมในงาน “การประชุมสภาประมุขแห่งรัฐสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ครั้งที่ 22” (22nd Meeting of the Council of Heads of State of the Shanghai Cooperation Organisation) ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นภายในวันที่ 15-16 ก.ย. นี้ ณ กรุงซามาร์กันด์ (Samarkand) ประเทศอุซเบกิสถาน

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ปธน.สี จิ้นผิงได้เดินทางเยือนกรุงนูร์-ซุลตัน (Nur-Sultan) เมืองหลวงของคาซัคสถาน นับเป็นครั้งแรกที่ ปธน.สีทำการเดินทางออกนอกประเทศจีน ภายหลังการเกิดโรคระบาดวิด-19 (Covid-19) ในปี 2020 การเลือกเดินทางเยือนคาซัคสถานเป็นประเทศแรกหลังจาก 2 ปีที่ ปธน.สี เลือกจะเก็บตัวอยู่ภายในประเทศจีน ไม่ใช่เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำของ SCO เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเพื่อย้ำเตือนในเจตนารมณ์ของจีนและตัว ปธน.สี ที่ต้องการชูนโยบาย “ข้อริเริ่มเข็มขัดและเส้นทาง” หรือ BRI (Belt and Road Initiative) เพื่อการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจระหว่างเอเชียตะวันออกกับยุโรป โดยมีภูมิภาคเอเชียกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาซัคสถานเป็นจุดศูนย์กลาง

การเยือนครั้งนี้ยังสามารถตีความได้ถึงการเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลของจีนเข้ามาในภูมิภาคเอเชียกลางที่มากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับที่ประเทศในภูมิภาคเริ่มตีตัวออกห่างจากรัสเซียมากยิ่งขึ้น ภายหลังจากรัสเซียทำการรุกรานยูเครน จุดที่น่าสนใจที่สุดคือสุนทรพจน์ของ ปธน.สีที่กล่าวไว้ภายหลังการพบปะกับ ปธน.คัสซิม-โฌมาร์ต โตกาเยฟ (Kassym-Jomart Tokayev) แห่งคาซัคสถาน ความว่า “ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองโลกจะเป็นอย่างไร เราจะยังคงรักษาไว้ซึ่งการสนับสนุนและปกป้องเอกราช อำนาจอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนคาซัคสถาน รวมถึงการสนับสนุนกระบวนการปฏิรูปที่ท่านประธานาธิบดี(โตกาเยฟ)กำลังดำเนินการเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและการพัฒนาประเทศ และเราคัดค้านการกระทำใดๆ ของกลุ่มภายนอกที่เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศของท่าน” แน่นอนว่าคำพูดดังกล่าวย่อมเป็นเสมือนคำเตือนทางอ้อมไปยังรัสเซียไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามในคาซัคสถาน เหมือนเช่นกับที่รัสเซียทำกับยูเครนอยู่ในตอนนี้

นอกจากนี้ การออกเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า ปธน.สีนั้นมั่นใจว่าตนจะได้รับชัยชนะใน “การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20” (20th National Congress of the Chinese Communist Party) ซึ่งจะจัดขึ้นภายในวันที่ 16 ต.ค. นี้ โดยคาดการณ์ว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่ที่จะกำลังจะมาถึง ปธน.สีจะได้รับการลงมติจากสมาชิกพรรคให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีเป็นวาระที่สาม หลังจากที่ ปธน.สี ประสบความสำเร็จในการยกเลิกกฎการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีไว้ที่สองสมัย เมื่อครั้ง “การประชุมสมัชชาประชาชนครั้งที่ 13” (13th National People's Congress) เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2018 หากว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่เดือนตุลาคมนี้ ปธน.สีได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีเป็นวาระที่สามจริง จะทำให้เขากลายเป็นผู้นำเผด็จการแห่งประเทศจีนอย่างเต็มตัว หลังจากการปฏิรูประบบการเมืองของประธานเติ้ง เสี่ยวผิงในปี 1982



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[sariora123]

เอาจริงๆ คือแม้แต่ ช่องที่แม่งติ่ง รัสเซีย บางที่ก็เริ่มสงสัยแล้วว่า อีกหน่อยรัสเซียจะแตก


ไอ้ช่องติ่งบางที่นี่แทบเลิกลงข่าวบ่อยๆ เหมือนช่วงแรกๆ


มองดูคือตอนนี้เหมือนรัสเซียจะมีปัญหาอ่ะนะ

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 204 ของสงคราม Part 3

ต่อเนื่องจากข้อ 3 ในโพสต์ก่อนหน้า ไม่ใช่แค่คาซัคสถานเท่านั้นที่แสดงท่าทีตีตัวออกห่างจากรัสเซียมากยิ่งขึ้น พร้อมกับจีนที่เริ่มแสดงท่าทีในการแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียกลาง หากแต่ความล้มเหลวของกองทัพรัสเซียในยูเครน ยังทำให้อิทธิพลของรัสเซียในฐานะผู้รักษาสันติภาพในภูมิภาคเสื่อมถอยลงอย่างหนัก จนทำให้ชาติต่างๆ เริ่มแสดงท่าทีปีกกล้าขาแข็งกับคำเตือนของรัสเซียมากกว่าเดิม

4. เริ่มจากในทาจิกิสถานและคีร์กีสถาน อดีตสองชาติสมาชิกสหภาพโซเวียตในเอเชียกลาง ซึ่งปัจจุบันมีข้อพิพาทพรมแดนระหว่างประเทศ ด้วยทั้งสองฝ่ายไม่ยอมรับพรมแดนความยาวกว่า 300 กม. ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคของสหภาพโซเวียต จนนำไปสู่การปะทะกันทางทหารหลายครั้ง เมื่อวานนี้มีรายงานว่าเกิดการปะทะขนาดเล็กกันระหว่างตำรวจตระเวนชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยกองกำลังของคีร์กีสถานซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดบัตเกน (Batken Oblus) ทางใต้ของประเทศ ได้ทำการยิงปืนครกเข้าใส่ด่านตรวจชายแดนประจำตำบลโวรุกฮ์ (Vorukh Jamoat) จังหวัดซักฮัญ์ (Viloyati Sughd) ทางเหนือของทาจิกิสถาน ส่งผลให้ตำรวจชายแดนชาวทาจิกเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 5 นาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่รัฐบาลคีร์กีสถานได้ทำพิธีเปิดใช้งานฐานควบคุมโดรนลาดตระเวนติดอาวุธ TB-2 Bayraktar จากตุรกี

ภาพประกอบ แสดงเขตพรมแดนระหว่างทาจิกิสถานและคีร์กีสถาน พื้นที่เส้นประคือเขตพื้นที่พิพาทระหว่าง 2 ประเทศ จะเห็นว่าตำบลโวรุกฮ์ของทาจิกิสถานนั้นถูกรายล้อมด้วยดินแดนของคีร์กีสถาน อันเป็นผลผลิตจากนโยบายการปรับเปลี่ยนแนวชายแดนของสหภาพโซเวียตในยุคของโจเซฟ สตาลิน ผู้นำเผด็จการของสหภาพโซเวียตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1920-1950

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุหนึ่งที่อาจอธิบายได้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ปะทะกันในครั้งนี้ สำนักข่าว “วิทยุยุโรปเสรี” (Radio Free Europe/ Radio Liberty) รายงานว่าเนื่องจากปัญหาการสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมากของกองทัพรัสเซียในยูเครน และความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจและความไม่มั่นคงทางการเมืองทำให้รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธจะประกาศสงครามกับยูเครนอย่างเป็นทางการ และทำการเรียกระดมพลทั่วประเทศ (General Mobilization) ทำให้รัสเซียจำต้องถอนกำลังทหารบางส่วนออกจากทาจิกิสถานและคีร์กีสถาน โดยก่อนหน้านี้คาดว่ารัสเซียมีทหารประจำการอยู่ในทาจิกิสถานทั้งหมด 7,000 นาย และคีร์กีสถาน 500 นาย ซึ่งรายงานของ “วิทยุยุโรปเสรี” กล่าวว่ารัสเซียได้ทำการโยกย้ายกำลังทหารจำนวน 1,000 - 1,500 นายในทาจิกิสถานไปยังยูเครนแล้ว และกำลังจะทำการโยกย้ายเพิ่มเติมอีกประมาณ 600 นายในไม่กี่วันข้างหน้า

นอกจากนี้ สมรภูมิครั้งนี้ยังเป็นเสมือนสนามประลองกำลังทางอ้อมของอิหร่านและตุรกีในแถบเอเชียกลาง เนื่องจากในเดือนพฤษภาคม พลตรีโมฮัมหมัด บาร์เกอรี (Major-General Mohammad Bagheri) ประธานคณะเสนาธิการกองทัพอิหร่าน ได้ทำการเดินทางเยือนทาจิกิสถานเพื่อทำพิธีเปิดโรงงานผลิตโดรนของอิหร่านภายในประเทศทาจิกิสถาน เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางคีย์กีสถานต้องจัดหาโดรนจากตุรกีเพื่อมาต่อกรด้วย


5. ต่อด้วยสถานการณ์ในประเทศจอร์เจีย ซึ่งเคยทำสงครามกับรัสเซียกรณีพิพาทดินแดนเซาธ์ออสเซเทีย (South Ossetia) และอับคาเซีย (Abkhazia) ในปี 2008 ล่าสุดมีรายงานว่านายอิรักลี โคบาคิดเซ (Irakli Kobakhidze) ประธานพรรคประชาธิปไตยจอร์เจีย “จอร์เจียนดรีม” (Georgian Dream - Democratic Georgia) พรรครัฐบาลปัจจุบันของจอร์เจีย กล่าวขณะการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่าทางรัฐบาลจอร์เจียอาจพิจารณาจัดการลงประชามติในประเทศ ให้ประชาชนตัดสินอนาคตของชาติว่าจอร์เจียสมควรทำสงครามกับรัสเซียหรือไม่

ภาพประกอบ แสดงอาณาเขตและพรมแดนของจอร์เจียกับรัสเซีย รวมถึงดินแดนเซาธ์ออสเซเทียและอับคาเซีย ซึ่งรัสเซียทำสงครามกับจอร์เจียในปี 2008 และทำให้ทั้งสองกลายเป็นรัฐเอกราชภายใต้ความช่วยเหลือจากรัสเซีย แม้ว่าทั้งสองประเทศจะไม่ได้รับการรับรองจากนานาชาติก็ตาม

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

อย่างไรก็ดี แม้คำพูดของนายโคบาคิดเซจะทำให้เข้าใจว่าทางรัฐบาลจอร์เจียนั้นคิดจะทำสงครามกับรัสเซียเพื่อทวงคืนดินแดนเซาธ์ออสเซเทียและอับคาเซีย แต่ในความเป็นจริง พรรค “จอร์เจียนดรีม” นั้นเป็นพรรคการเมืองสายโปรรัสเซีย ตัวผู้ก่อตั้งพรรค นายบิดซิน่า อิวานิชวิลี่ (Bidzina Ivanishvili) นั้นเป็นมหาเศรษฐีจอร์เจียที่มีสายสัมพันธ์กับคนในรัสเซีย อีกทั้งพรรคฝ่ายค้านที่มีท่าทีโปรตะวันตกยังกล่าวหาว่าพรรค “จอร์เจียนดรีม” นั้นมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลของรัสเซีย เช่นการตัดสินใจไม่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหลังสงครามยูเครนเกิดขึ้น หรือนโยบายเปิดประเทศที่ทำให้นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และผู้ลี้ภัยชาวรัสเซียเข้ามาในจอร์เจียเป็นจำนวนมากจนฝ่ายค้านและประชาชนหลายส่วนมองว่าตนกำลังถูกรัสเซียกลืนชาติ อีกทั้งล่าสุด พรรค “จอร์เจียนดรีม” ยังออกมากล่าวหาว่านักการทูตของชาติตะวันตกเช่นสหรัฐและสหภาพยุโรป พยายามเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในจอร์เจีย เพื่อบีบให้จอร์เจียเปิดศึกทำสงครามกับรัสเซีย และกล่าวหาฝ่ายค้านว่ารู้เห็นเป็นใจกับชาติตะวันตกเหล่านี้ด้วย

นอกจากนี้ คำกล่าวของนายโคบาคิดเซยังเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่นายเฟเดียร์ เวนิสลาฟสกี้ (Fedir Venislavsky) สมาชิกรัฐสภายูเครน และผู้แทนรัฐบาลยูเครนประจำศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกมาให้ความเห็นว่าจอร์เจียสมควรใช้โอกาสที่รัสเซียพึ่งพ่ายแพ้ในศึกคาร์คิฟกับยูเครน ทวงคืนดินแดนเซาธ์ออสเซเทียและอับคาเซียจากรัสเซีย จึงเป็นไปได้สูงที่คำกล่าวของนายโคบาคิดเซในครั้งนี้จะเป็นเพียงการพูดตอบโต้นายเวนิสลาฟสกี้เท่านั้น

เมื่อวิเคราะห์ดูแล้ว จึงเป็นไปได้มากกว่าว่า ท่าทีล่าสุดของพรรค “จอร์เจียนดรีม” นั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อหวังทำสงครามกับรัสเซีย แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสงครามสื่อกับพรรคฝ่ายค้าน โดยการกล่าวเชิงประชดประชัน-เสียดสีว่าประเทศจอร์เจียควรทำประชามติในการทำสงครามกับรัสเซียไปเสียเลย เป็นการดิสเครดิตท่าทีของฝ่ายค้าน มากกว่าคิดจะทำสงครามทวงคืนดินแดนจากรัสเซีย

กระนั้น มันคงเป็นสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนไม่น้อย หากสมมติว่าพรรค “จอร์เจียนดรีม” เกิดมั่นใจในชัยชนะของตนมากเกินไป หรือถูกบีบให้ทำการจัดการลงประมติเพื่อทำสงครามกับรัสเซียขึ้นจริง และเกิดเหตุไม่คาดฝัน ประชาชนจอร์เจียลงมติเป็นเสียงส่วนใหญ่ให้ทำสงครามกับรัสเซียจริงๆ รัฐบาลและกองทัพของจอร์เจีย รัสเซีย เซาธ์ออสเซเทีย และอับคาเซีย จะมีท่าทีอย่างไรต่อจากนั้น



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 204 ของสงคราม Part 4

6. เหตุการณ์สุดท้ายในเอเชียกลางที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการปะทะกันครั้งใหม่ระหว่างกองกำลังของอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยทหารอาเซอร์ไบจันได้ทำการระดมยิงปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องเข้าใส่ที่มั่นของทหารอาร์เมเนียในเมืองแวรินโชร์ซา (Verin Shorzha) จังหวัดแกฆาร์คูนิค (Gegharkunik Province), เมืองเยอร์มุก (Jermuk) จังหวัดวายอทส์ซอร์ (Vayots Dzor Province) และเมืองกอริส จังหวัดซิวนิค (Syunik Province) ทางฝั่งอาร์เมเนียรายงานว่าทหารของตนเสียชีวิต 49 นาย ขณะที่อาเซอร์ไบจันกล่าวว่าทหารของตนเสียชีวิตทั้งหมด 50 นาย ทั้งนี้ อาเซอร์ไบจันกล่าวหาอาร์เมเนียว่าได้ทำการโจมตียั่วยุทหารอาเซอร์ไบจันก่อนซึ่งบีบให้ฝ่ายตนต้องทำการตอบโต้ ขณะที่อาร์เมเนียอ้างว่าอาเซอร์ไบจันได้ทำการรุกรานดินแดนของตน ผิดกับสนธิสัญญาสงบศึกในปี 2020

ภาพประกอบ 1 แสดงดินแดนนากอร์โน-คาราบัคหลังสิ้นสุดสงครามในปี 1994 อาร์เมเนียได้ทำการรุกรานเข้ายึดจังหวัดปกครองตนเองนากอร์โน-คาราบัค (Nagorno-Karabakh Autonomous Oblast) (เส้นสีแดง) จากอาเซอร์ไบจัน เนื่องจากว่านากอร์โน-คาราบัคนั้นมีชาวอาร์เมเนียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามทางอาร์เมเนียกลับทำการยึดครองดินแดนบางส่วนของอาเซอร์ไบจันที่คั่นกลางระหว่างอาร์เมเนียและนากอร์โน-คาราบัคไปด้วย อย่างไรก็ดีเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาจากนานาชาติ อาร์เมเนียเลี่ยงจะทำการผนวกนากอร์โน-คาราบัคเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน และเลือกจะทำการตั้งรัฐบริวารชื่อ “สาธารณรัฐอาร์ทซัค” (พื้นที่สีน้ำตาล) ขึ้นปกครองนากอร์โน-คาราบัคแทน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 แสดงดินแดนนากอร์โน-คาราบัคหลังสิ้นสุดสงครามในปี 2020 อาเซอร์ไบจันได้เปิดฉากสงครามเพื่อปลดแอกดินแดนของตนคืนจากอาร์เมเนีย ด้วยความที่อาเซอร์ไบจันร่ำรวยกว่าจากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ทำให้มีงบประมาณพัฒนากองทัพมากกว่าอาร์เมเนีย ทำให้อาเซอร์ไบจันสามารถเอาชนะอาร์เมเนียได้สำเร็จ สีฟ้าคือดินแดนที่อาเซอร์ไบจันปลดแอกคืนจากอาร์เมเนียได้ระหว่างสงคราม สีเขียวเข้มคือดินแดนอาเซอร์ไบจันเดิมที่อาร์เมเนียยกคืนให้แก่อาเซอร์ไบจันในสนธิสัญญายุติสงครามปี 2020 สีส้มคือรัฐบริวาร “สาธารณรัฐอาร์ทซัค” ของอาร์เมเนีย สีม่วงคือพื้นที่เป็นกลางที่เชื่อมต่อระหว่างอาร์เมเนียกับ “สาธารณรัฐอาร์ทซัค” โดยมีทหารรักษาสันติภาพจากรัสเซียคอยประจำการอยู่ในพื้นที่

จากภาพยังแสดงตำแหน่งของเมืองแวรินโชร์ซา เยอร์มุก และกอริสของอาร์เมเนียที่ถูกทหารอาเซอร์ไบจันโจมตีในการปะทะกันครั้งนี้ด้วย

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ด้านนายนิโคล ปาชินยาน (Nikol Pashinyan) นายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย ได้กล่าวต่อรัฐสภาอาร์เมเนียเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่ากองทัพอาเซอร์ไบจันไม่เพียงทำการโจมตีด้วยปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องเข้าใส่กองทัพอาร์เมเนียบริเวณชายแดนข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังได้ยกทัพเข้าควบคุมพื้นที่บางส่วนของอาร์เมเนียอีกด้วย ซึ่งหากเป็นความจริง จะถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของอาร์เมเนียโดยตรง ส่งผลให้นายกฯ ปาชินยานเรียกร้องให้สมาชิกขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) ให้ปฏิบัติตามมาตรา 4 ของ CSTO ส่งความช่วยเหลือซึ่งรวมถึงด้านการทหารให้แก่อาร์เมเนียเพื่อปกป้องอธิปไตยของอาร์เมเนียจากการรุกรานของอาเซอร์ไบจันอีกด้วย

แน่นอนว่าในลักษณะนี้ ประเทศเดียวที่สามารถเข้ามาแทรกแซงเหตุการณ์ครั้งนี้ได้คือรัสเซียเท่านั้น แต่เนื่องจากการติดพันสงครามในยูเครน ทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งกำลังทหารเข้ามาเพื่อรักษาสันติภาพในอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจันได้ และทำได้เพียงการทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายยุติการต่อสู้ในครั้งนี้โดยเร็วเท่านั้น

นอกจากรัสเซีย สหรัฐและฝรั่งเศสยังได้เสนอเข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างทั้งสองประเทศ หลังจากที่พึ่งเสร็จสิ้นสงครามระหว่างกันไปในปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ดินแดนที่อาร์เมเนียเคยผนวกไปจากอาเซอร์ไบจัน ถูกกองทัพอาเซอร์ไบจันปลดแอกกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของตนได้สำเร็จ

การปะทะกันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความขัดแย้งทางชายแดนทั่วไป เพราะรัฐบาลอาเซอร์ไบจันนั้นได้รับการสนับสนุนจากตุรกีเนื่องจากทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งร่วมกันกับอาร์เมเนีย อาร์เมเนียจึงต้องอาศัยบารมีอิทธิพลของรัสเซียในการคุ้มครองตนเอง การปะทะกันครั้งใหม่นี้ จึงเป็นเสมือนอาเซอร์ไบจันและตุรกีทำการทดสอบรัสเซีย ว่าจะสามารถเข้าแทรกแซงเหตุความขัดแย้งระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจันได้หรือไม่ ในขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังติดหล่มสงครามในยูเครนอยู่



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[samuison]

ตุรกีนี่ดูรักรัสเซีย แต่ความจริงหักเหลี่ยมโหดกันดีมาก

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 205 ของสงคราม Part 1

1. ชาติตะวันตกยังคงส่งความช่วยเหลือทางทหารมาให้ยูเครนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ประกาศชุดความช่วยเหลือทางทหาร (Military Aid Package) แก่ยูเครนชุดใหม่ รวมมูลค่าทั้งหมด 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (22,220 ล้านบาท) โดยงบประมาณชุดนี้ทั้งหมดจะมาจาก “อำนาจการเบิกถอนตามคำสั่งประธานาธิบดี” หรือ PDA (Presidential Drawdown Authority) ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่พันธมิตรผ่านอำนาจพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยการนำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการในกองทัพสหรัฐมอบให้แก่มิตรประเทศเนื่องในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 21 แล้วที่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้ “อำนาจการเบิกถอนตามคำสั่งประธานาธิบดี” ในการส่งมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนให้แก่ยูเครน สำหรับรายละเอียดของแพ็กเกจชุดนี้ประกอบไปด้วย

1.1 จรวดนำวิถีเพิ่มเติมสำหรับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS (คาดว่าจะเป็นรุ่น M31 ระยะยิง 80 กม. ที่สหรัฐมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)

1.2 กระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. จำนวน 36,000 นัด (ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสหรัฐจะส่งมอบปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. รุ่นใดให้ยูเครน อาจเป็นได้ตั้งแต่รุ่น M101 จากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง M102 จากยุคสงครามเวียดนาม หรือ M119 จากช่วงปลายยุคสงครามเย็น)

1.3 กระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. รุ่นนำวิถี จำนวน 1,000 นัด (คาดว่าจะเป็นกระสุนปืนใหญ่รุ่นนำวิถีด้วยระบบ GPS “เอ็กซ์คาลิเบอร์” (M982 Excalibur) ที่แคนาดาและสหรัฐเคยส่งมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)

1.4 เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ (Counter-Battery Radar) จำนวน 4 ระบบ (คาดว่าน่าจะเป็นเรดาร์รุ่น AN/TPQ-36 Firefinder ที่สหรัฐเคยส่งมอบให้ยูเครนแล้วก่อนหน้านี้)

1.5 รถบรรทุกทหาร 4 คัน และรถพ่วงทหาร 8 คัน สำหรับการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ (ไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีหลักฐานการพบเห็นรถบรรทุกพ่วงรุ่น M984A4 HMMTV ของกองทัพบกสหรัฐถูกใช้งานโดยกองทัพยูเครน จึงเป็นไปได้ว่ารถบรรทุกและรถพ่วงที่สหรัฐจะทำการส่งมอบให้ยูเครนจะเป็นรถบรรทุกตระกูล HMMTV)

1.6 ระบบต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน (Counter-UAV Systems) (ในที่นี้คาดว่าจะหมายถึงระบบอาวุธแบบ “แวมไพร์” (VAMPIRE) ซึ่งเป็นกระเปาะจรวดขนาดเล็กจำนวน 4 ลูก สามารถติดตั้งได้ทั้งบนยานพาหนะและฐานยิงภาคพื้น สามารถโจมตีเป้าหมายได้ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ โดยสหรัฐเคยประกาศจะทำการจัดซื้อระบบอาวุธแบบ “แวมไพร์” ให้แก่ยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา)

1.7 อุปกรณ์เก็บกู้กับระเบิด

1.8 กับระเบิดต่อต้านบุคคลแบบ M18 Claymore ไม่ระบุจำนวน

1.9 ระเบิดแสวงเครื่อง

1.10 อาวุธปืนและเครื่องกระสุน

1.11 กล้องมองกลางคืน เครื่องแบบฤดูหนาว และอุปกรณ์ภาคสนามอื่นๆ

หากนับรวมแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารชุดล่าสุดด้วย จะทำให้นับตั้งแต่นายโจ ไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2021 จนถึงปัจจุบัน สหรัฐได้ส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน รวมมูลค่าทั้งหมด 15,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (585,230 ล้านบาท) หรือถ้าหากนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีคาบสมุทรไครเมียและภูมิภาคดอนบาสขึ้นในปี 2014 มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐมอบให้ยูเครนทั้งหมดจะเท่ากับ 17,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (663,000 ล้านบาท) หรือถ้าหากนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐมอบให้ยูเครนทั้งหมดจะเท่ากับ 15,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (559,300 ล้านบาท)

นอกจากสหรัฐ เยอรมนียังเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประกาศจะทำการส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน โดยนางคริสติน แลมเบร็ค (Christine Lambrecht) รมว.กลาโหมเยอรมนี ได้แถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่าเยอรมนีจะทำการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารชุดใหม่ให้กับกองทัพยูเครน โดยความช่วยเหลือจะประกอบไปด้วย

1) เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องรุ่น M270 MARS II เพิ่มเติมให้แก่ยูเครนจำนวน 2 คัน เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่ได้ส่งมอบไปแล้ว 3 คัน
2) จรวดนำวิถีเพิ่มเติมสำหรับเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง HIMARS, MLRS และ MARS II (คาดว่าจะเป็นรุ่น M31 ระยะยิง 80 กม. ที่สหรัฐ สหราชอาณาจักร และเยอรมนีมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้)
3) รถเกราะลำเลียงพลรุ่น “ดิงโก” (ATF Dingo) จำนวน 50 คัน

นอกจากนี้ นางแลมเบร็คยังกล่าวอีกว่าเยอรมนีกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการเจรจาแลกเปลี่ยนอาวุธ (Ring Exchange) กับรัฐบาลกรีซอยู่ ซึ่งหากประสบความสำเร็จ เยอรมนีจะทำการส่งมอบรถรบทหารราบ “มาร์เดอร์” (Marder) ให้แก่กองทัพกรีซจำนวน 40 คัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับรถรบทหารราบ BMP-1 ของกรีซจำนวน 40 คัน เพื่อนำไปส่งมอบให้ยูเครนต่อไป

อีกประเทศหนึ่งที่แอบทำการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนแบบลับๆ คือฟินแลนด์ โดยมีรายงานการพบเห็นยานเกราะลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่น XA-180 และ XA-185 ของกองทัพฟินแลนด์ถูกใช้งานโดยกองทัพยูเครน เนื่องจากกองทัพฟินแลนด์มียานเกราะรุ่น XA-180 และ XA-185 ในประจำการมากถึง 425 คัน จึงยากจะบอกได้ว่าฟินแลนด์ได้ทำการส่งมอบยานเกราะรุ่น XA-180 และ XA-185 ให้แก่ยูเครนจำนวนเท่าใด 

ภาพประกอบ 1 เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่รุ่น AN/TPQ-36 Firefinder ติดตั้งท้ายรถฮัมวี 2 คัน ที่สหรัฐทำการส่งมอบให้แก่ยูเครน เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2015 หนึ่งปีหลังจากรัสเซียทำการผนวกดินแดนคาบสมุทรไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 ระบบอาวุธแบบ “แวมไพร์” รุ่นติดตั้งบนยานพาหนะ จะเห็นกระเปาะจรวดและเรดาร์ตรวจการณ์ติดตั้งด้านหลังรถกระบะ

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3 เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องรุ่น M270 MARS II จากฐานทัพในเมืองเทรียร์ (Trier) เยอรมนี วันที่ 19 ก.ย. 2009

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 4 รถเกราะลำเลียงพลรุ่น “ดิงโก” ของกองทัพเยอรมนีในอัฟกานิสถาน ณ ค่ายทหารมาร์มัล (Camp Marmal) วันที่ 22 ก.ค. 2009

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 5 ยานเกราะลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก “ปาซี” (Pasi) จากฟินแลนด์ที่ถูกพบในยูเครน คาดว่าจะเป็นรุ่น XA-180 (ลำเลียงทหารได้ 16 นาย) หรือ XA-185 (ลำเลียงทหารได้ 18 นาย)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

อัพเดต - เพิ่มเติมภาพประกอบ

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 205 ของสงคราม Part 2

2. ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับฮังการีจะเริ่มตึงเครียดมากยิ่งขึ้น เมื่อทางรัฐสภายุโรป (European Parliament) ได้ทำการลงมติเสียงส่วนมาก ประณามรัฐบาลฮังการีว่าไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป ซึ่งถือเป็นการขัดต่อหลักการพื้นฐานของสหภาพยุโรปโดยตรง

ภาพประกอบ 1 ภาพมุมสูงของการประชุมในรัฐสภายุโรปเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

เมื่อวานนี้ภายในรัฐสภายุโรป นางเกวนโดลีน แดลบอส-คอร์ฟิลด์ (Gwendoline Delbos-Corfield) สมาชิกรัฐสภาชาวฝรั่งเศสจากพรรคเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งยุโรป (EELV) ได้ยื่นญัตติเสนอต่อรัฐสภาว่ารัฐบาลพรรคพันธมิตรประชาชนฮังการี “ฟิเดสซ์” (Fidesz - Hungarian Civic Alliance) ของฮังการีในปัจจุบันนั้นเข้าข่ายของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ผลปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ลงมติเห็นชอบ 433-123 งดออกเสียง 28 เสียง ทำให้รัฐสภายุโรปมีมติประกาศให้รัฐบาลฮังการีไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป และได้กลายสภาพเป็น “ระบอบเผด็จการเลือกตั้งผสม” (Hybrid Regime of Electoral Autocracy) ซึ่งจะทำให้การคงอยู่ของรัฐบาลฮังการีนั้นละเมิดต่อหลักการพื้นฐานเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของสหภาพยุโรปโดยตรง

ภาพประกอบ 2 นางเกวนโดลีน แดลบอส-คอร์ฟิลด์ สมาชิกรัฐสภาชาวฝรั่งเศสจากพรรคเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งยุโรป ขณะกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรป เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

อย่างไรก็ดี การลงคะแนนเสียงครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เนื่องจากรัฐสภายุโรปไม่มีอำนาจตัดสินใจด้านนโยบายใดๆ ของสหภาพยุโรป และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลฮังการีมีเรื่องกระทบกระทั่งกับรัฐสภายุโรป ย้อนไปในปี 2013 นายรุย ทาวาเรซ (Rui Tavares) สมาชิกรัฐสภาชาวโปรตุเกส ได้นำเสนอเอกสารรายงานที่มีชื่อว่า “รายงานทาวาเรซ” (Tavares Report) ซึ่งได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในฮังการีที่กำลังเผชิญหน้ากับการถดถอยลงของเสรีภาพและความหลากหลายของสื่อ เสรีภาพทางศาสนา สิทธิชนกลุ่มน้อย และความไม่โปร่งใสของระบบการเลือกตั้งและศาลยุติธรรมในประเทศ

ต่อมาในปี 2018 ทางรัฐสภายุโรปได้ลงมติเห็นชอบ 448-197 งดออกเสียง 48 เสียง ประณามรัฐบาลฮังการีว่าได้กระทำการซึ่งขัดต่อหลักการพื้นฐานด้านประชาธิปไตยของสหภาพยุโรป และประกาศให้ทางสหภาพยุโรปดำเนินการกับฮังการีตามมาตรา 7 ซึ่งจะทำให้ฮังการีถูกลิดรอนสิทธิ์การลงคะแนนเสียงใดๆ ภายในสหภาพยุโรปทั้งหมด จนกว่าจะสามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหาของระบอบการเมืองในประเทศได้ แต่โชคร้ายที่ในครั้งนั้น รัฐบาลฮังการีได้จับมือกับรัฐบาลพรรคกฎหมายยุติธรรม (PiS Party) ของโปแลนด์ เพื่อร่วมกันใช้สิทธิ์วีโต้การบังคับใช้มาตรา 7 กับรัฐบาลฮังการี รวมถึงรัฐบาลโปแลนด์ในอนาคตหากว่าต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับฮังการี

ภาพประกอบ 3 นายยาโรสลาฟ คัชชินสกี (Jarosław Kaczyński) ประธานพรรคกฎหมายยุติธรรมของโปแลนด์ตั้งแต่ปี 2003 (คนกลาง) ยืนเคียงคู่กับนายกรัฐมนตรีวิกโตร์ โอร์บาน (Viktor Orbán) จากพรรคพันธมิตรประชาชนฮังการี “ฟิเดสซ์” (คนขวา) และนายมาแตอุช มอราวีแยตสกี (Mateusz Morawiecki) นายกรัฐมนตรีโปแลนด์จากพรรคกฎหมายยุติธรรมเช่นเดียวกับนายคัชชินสกี (คนซ้าย) ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2020

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

อย่างไรก็ดี แม้ทางรัฐสภายุโรปจะไม่สามารถทำอะไรกับฮังการีได้โดยตรง แต่คาดการกันว่าภายในวันอาทิตย์นี้ ทางคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) นำโดยนายโยฮันเนส ฮาน (Johannes Hahn) กรรมาธิการยุโรปด้านงบประมาณและการบริหาร จะเสนอให้ทำการตัดงบประมาณสนับสนุนฮังการีของสหภาพยุโรปลงประมาณ 70% เพื่อเป็นการตอบโต้ท่าทีของรัฐบาลฮังการีที่ไม่ยอมดำเนินการปฏิรูปประเทศตามข้อเรียกร้องของสหภาพยุโรป โดยในปัจจุบัน ฮังการีได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสหภาพยุโรปปีละประมาณ 6,000 ล้านยูโร (221,500 ล้านบาท) หากฮังการีถูกหั่นงบประมาณจริง เท่ากับว่าฮังการีจะได้รับเงินอุดหนุนเพียง 1,800 ล้านยูโร (66,450 ล้านบาท) ต่อปีเท่านั้น

ภาพประกอบ 4 นายโยฮันเนส ฮาน กรรมาธิการยุโรปด้านงบประมาณและการบริหาร ขณะทำการเดินทางเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 18-23 ก.ค. ที่ผ่านมา

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

อัพเดต - เพิ่มเติมภาพประกอบ

[pol]

ตุรกีนี่ดูรักรัสเซีย แต่ความจริงหักเหลี่ยมโหดกันดีมาก

ผมถึงบอกไงท่านว่าพวกนี้มันมหามิด(ด้าม)ไงครับ

เอาจริงๆ คือแม้แต่ ช่องที่แม่งติ่ง รัสเซีย บางที่ก็เริ่มสงสัยแล้วว่า อีกหน่อยรัสเซียจะแตก


ไอ้ช่องติ่งบางที่นี่แทบเลิกลงข่าวบ่อยๆ เหมือนช่วงแรกๆ


มองดูคือตอนนี้เหมือนรัสเซียจะมีปัญหาอ่ะนะ

ช่องติ่งจีนยังบอกว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างหนักเลยครับผม