[quote/]
อันที่จริงรัสเซียไม่ได้ถูกจาวาลินทำลายจนราบคาบ รัสเซียยังมีรถถังอีกเยอะครับ แล้วการสูญเสียของรัสเซียน้อยกว่าที่สื่อตะวันตกประโคมมาก ลองไปดูพวกสัมภาษณ์ สไนเปอร์วารี่ ที่โปรยูเครนจัดๆจะเห็นอะไรอีกมุมซึ่งเป็นตรงข้ามกับที่คนไทยเข้าใจเลย ฝ่ายยูเครนต่างหากที่มีคอรัปชั่นหนักมากๆ ขนาดอาวุธ พาหนะ ที่สัญญาก็มาไม่ถึง อาหารก็ไม่มีแต่มีชาวบ้านมาช่วยแจกอาหารให้ แล้วแกบรรยายการปะทะกับรัสเซีย ฝ่ายรัสเซียเอารถถังมายิงนำก่อนทุกครั้งแล้วแกกับทหารยูเครนทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่หนี นี่คือความจริงครับ ขนาดสไนเปอร์เก่งระดับโลกที่คนไทยบอกว่า กองทัพรัสเซียต้องกลัวอกสั่นขวัญแขวน เอาจริงๆคือสู้ไม่ได้ ต่อให้เก่งถ้าอาวุธไม่พร้อมหน่อยซัพพอร์ตไม่พอก็ทำอะไรยาก แต่ผมก็ชอบแกนะ ถ้าแกโม้ว่าฆ่ารัสเซียเป็นร้อยก็คงมีคนเชื่อแต่แกเป็นคนตรงๆ
ลองไปดูช่อง new atlas ก็เอาข่าวมาวิเคราะห์ได้ดี ถึงสถานะการณ์จริงๆ รอมถึงดูช่องข่าวอิสระของชาวตะวันตกที่อาศัยอยู่ในยูเครน จะเห็นอีกด้านนึงเลยว่าสถานะการณ์สำหรับฝั่งยูเครนมันแย่มากๆ มีการสูญเสียอย่างหนัก ขาดแคลนทหารที่ชำนาญการรบอย่างหนักเพราะทหารเก่งๆไปหมดแล้ว เหลือแต่ทหารพึงเกณฑ์ไม่นาน แถมต่อให้มีทหารอาชีพเหลือก็ไม่ชำนาญอาวุธนาโต้ ส่วนอาวุธโซเวียตก็แทบเกลี้ยงแล้ว ต่อให้ส่งอาวุธไปมากๆ ก็โดนคอรัปชั่น หาย โดนทำลายไปพร้อมกับคลังอาวุธ ถึงแนวหน้าบางส่วนก็ไม่มีคนที่ใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพและขาดการนำที่ดี เรียกว่ามีทหารราบเยอะแต่ขาดแคลนทุกอย่าง แล้วมีบางประเทศให้ยืมอาวุธที่เป็นขยะ หมดอายุแล้ว หรือปืนใหญ่เบาที่ใช้ในภูเขาในอัฟกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์กับภูมิประเทศที่ราบแบบยูเครนแต่ยูเครนก็ต้องเอาเพราะดีกว่าไม่มีอาวุธ ต่อให้ชนะยูเครนก็ต้องอยู่ไต้อเมริกาใช้หนี้หัวโต
ส่วนฝ่ายรัสเซียอาวุธเพียบแต่ขาดแคลนทหารราบซึ่งในที่สุดก็ยอมเกณฑ์เพิ่มกันแล้ว
1. รัสเซียสูญเสียรถถังในสงครามยูเครนไปอย่างน้อยตอนนี้ 800 คันแล้วนะครับ นั่นคือจำนวนอย่างน้อยที่สุดที่สามารถยืนยันได้ด้วยหลักฐานภาพถ่ายและวิดีโอคลิป แน่นอนว่าในความเป็นจริงย่อมมีรถถังอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกรายงานความสูญเสียหรือไม่มีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจน ตัวเลขความสูญเสียที่สหรัฐประเมินไว้ตั้งแต่สิ้นเดือนพฤษภาคมก็อยู่ที่ 1,000 คันแล้ว อย่างไรก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากอยู่ดี
แต่ท่าน nosta พูดถูกประการหนึ่งว่าความสูญเสียหลักของฝ่ายรัสเซียไม่ได้มาจากมิสไซล์ Javelin แม้แต่นักวิชาการทหารจากยูเครนก็ออกมาให้ความเห็นว่าม้างานหลักจริงๆ ของกองทัพยูเครนคือปืนใหญ่ครับ เนื่องจากยูเครนมีโดรนลาดตระเวนและโดรนพลเรือนที่มาจากการบริจาคจำนวนมากใช้งาน ซึ่งยูเครนก็นำเอาโดรนเหล่านี้มาใช้เป็นตัวชี้เป้าปืนใหญ่ ทำให้ปืนใหญ่ยูเครนแม้มีจำนวนน้อยกว่าฝ่ายรัสเซียมาก แต่ก็ทดแทนด้วยความแม่นยำระดับจับวาง
2. บทสัมภาษณ์ของวาลีนั้น ท่านต้องคำนึงด้วยว่าตัววาลี (Wali) นั้นถูกส่งไปประจำการในกองกำลังรักษาดินแดนยูเครน (Territorial Defence Forces) หรือพูดง่ายๆ พวกนี้คือทหารอาสา (Volunteer) ที่ขึ้นตรงต่อจังหวัดท้องถิ่นของตน ไม่ใช่ทหารอาชีพ (Professional Soldier) ใต้สังกัดกองทัพยูเครน งบประมาณและลำดับความสำคัญของทหารเหล่านี้ย่อมอยู่ในระดับล่างสำหรับรัฐบาลยูเครน จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่ทหารอาสาใน TDF จะมีระเบียบวินัยต่ำกว่ามาตรฐานและไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเพียงพอ ฉะนั้นต้องบอกว่าวาลีนั้นโชคร้ายที่โดนส่งไปอยู่กับ TDF มากกว่าครับ
จุดนี้ยิ่งเห็นชัดเจนถ้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้กองเคน รี (Ken Rhee) อดีตสมาชิกหน่วยรบพิเศษเกาหลีใต้และยูทูปเบอร์สายทหารที่โด่งดังในเกาหลีและหนึ่งในทหารอาสาที่ไปรบในยูเครน ผู้กองรีถูกส่งไปเข้าร่วมทีมรบพิเศษเฉพาะกิจที่ประกอบไปด้วยทหารอาสาชาวสหรัฐและอังกฤษ และออกปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยรบพิเศษยูเครนหลายครั้ง ผู้กองรีให้สัมภาษณ์ว่าทหาร(อาชีพ)ยูเครนนั้นมีความเป็นมืออาชีพสูง แต่พวกเขาไม่ถนัดการวางแผนการรบซับซ้อนและเน้นการปรับตัวตามสถานการณ์ตรงหน้ามากกว่า ตรงข้ามกับทหารสหรัฐหรือเกาหลีใต้ที่ผู้กองรีร่วมงานด้วย เลยมีปัญหาบ้างบางครั้ง แต่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย
3. “ทหารเก่งๆ ไปหมดแล้ว เหลือแค่ทหารพึ่งเกณฑ์ไม่นาน” ถือว่าไม่ถูกต้องซะทีเดียวครับ อย่าลืมว่ายูเครนประกาศระดมกำลังพลทั่วประเทศ (General Mobilization) ตั้งแต่สอง-สามวันแรกของสงครามนะครับ ตอนนี้เวลาผ่านมาก็ 4 เดือนแล้ว แถมพื้นที่ทางตะวันตกของยูเครนก็ปราศจากภัยคุกคามจากกองทัพรัสเซีย เรียกได้ว่ายูเครนมีเวลาถมเถในการฝึกทหารกองหนุน-ทหารอาสาของตนให้มีทักษะพื้นฐานเพียงพอต่อการรบจริง แต่ก็แน่นอนว่าทหารเหล่านี้ย่อมขาดประสบการณ์ของทหารอาชีพ ซึ่งก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้อยู่แล้ว ได้แต่ต้องแบกหน้ารบกันต่อไป
แต่ว่า อย่าลืมนะครับว่าข้อนี้รัสเซียเองก็เป็นเหมือนกัน ทุกอย่างที่ท่านพูดมาเกี่ยวกับทหารยูเครน ไม่ว่าจะคอร์รัปชั่น ขวัญกำลังใจ ปัญหาการส่งกำลังบำรุง ผู้นำทหารไร้ฝีมือ รัสเซียเป็นหมดไม่ได้ต่างกันเลย แถมเป็นหนักกว่ายูเครนด้วย เนื่องจากปัญหาพวกนี้นั้นเป็นมาเรื้อรังตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตและไม่ได้รับการปฏิรูปแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม (ต้องไม่ลืมว่าปัญหาการคอร์รัปชั่นและความเหลื่อมล้ำในรัสเซียนั้นติดอันดับโลกนะครับ) ขณะที่ยูเครนทำการปฏิรูปประเทศและกองทัพขนานใหญ่นับตั้งแต่สูญเสียคาบสมุทรไครเมียให้รัสเซียในปี 2014 ทำให้คุณภาพทหารยูเครนในตอนนี้โดยรวมถือว่าดีกว่ารัสเซียมาก
และจนถึงตอนนี้รัสเซียก็ยังไม่ได้ทำการประกาศระดมกำลังพลทั่วประเทศเลย ที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นการทยอยเรียกทหารกองหนุน (Reserve Force) มาเข้าประจำการในกองทัพใหม่เท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลรัสเซียยืนกรานว่าการรุกรานยูเครนนั้นเป็นแค่เพียง
“ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” (Special Military Operation) ไม่ใช่สงคราม ทำให้รัฐบาลไม่สามารถสั่งระดมกำลังพล หรือแม้แต่ส่งทหารเกณฑ์ (Conscripts) กับทหารกองหนุนไปรบในยูเครนได้ รัสเซียเลยใช้วิธีการขู่บังคับ ผสมกับการเสนอเงินเดือน-เงินรางวัลมหาศาลให้ทหารเกณฑ์-ทหารกองหนุนยอมเซ็นสัญญาเป็นทหารประจำการ (Contracted Soldier) เพื่อให้สามารถส่งไปรบในยูเครนได้โดยไม่ผิดกฎหมายเท่านั้น
4. “ใช้หนี้อเมริกาหัวโต” นี่เป็นแค่คำพูดของโปรรัสเซีย-แอนตี้อเมริกาที่ไม่มีหลักฐานอะไรรองรับเลย แถมยังไม่เข้าใจตรรกะพื้นฐานของการเมืองโลกสักนิด ยูเครนไม่ใช่ชาวบ้านไทยที่จะต้องติดหนี้นอกระบบจนโงหัวไม่ขึ้น กลับกันยูเครนที่เจริญก้าวหน้าและร่ำรวยต่างหากคือยูเครนที่สหรัฐและยุโรปต้องการ เพราะยูเครนที่แข็งแกร่งจะสามารถ
1) ใช้หนี้ได้
2) ช่วยเป็นแนวหน้ายันรัสเซียได้
3) เป็นหุ้นส่วนความร่วมมือในด้านต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ พลังงาน อุตสาหกรรม อาหาร เทคโนโลยี
4) ยูเครนที่เข้มแข็งจะช่วยเสริมสร้างและสนับสนุนภาพลักษณ์ด้านบวกและ Soft-Power ของสหรัฐและยุโรปบนเวทีโลก
อีกอย่างหนึ่ง สมมตินะครับว่าถ้าท่านต้องเลือกระหว่างบ้านและทรัพย์สินทั้งหมดของท่านถูกยึด และตัวท่านถูกฆ่าโดยคนที่เกลียดขี้หน้าคุณเข้าใส้ กับยอมเป็นหนี้มหาเศรษฐีเพื่อให้คุณมีอาวุธไว้ป้องกันตัวจากคนที่พยายามฆ่าคุณ-ยึดบ้านคุณ เป็นท่านจะเลือกข้อไหนครับ ?