[quote/]
สรุป ยุคล่าอาณานิคม ไทยเรายังไม่ตกถึงขั้นเป็นอาณานิคม
- เอกราช? ใช่ ไทยเราเสียไปบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด พูดได้ว่าไทยเรารักษาเอกราชไว้ได้(ถึงจะไม่ทั้งหมดและต้องยอมลดศักดิ์ศรีก้มหัวเพื่อรักษาที่เหลือไว้ อยู่ในสถานะเมืองขึ้นแต่ไม่ใช่อาณานิคม )
- แต่อาณานิคมของพวกฝรั่งในยุคนั้น ประชาชนเจ้าของประเทศจะมีสถานะเป็นประชากรชั้น2ในประเทศบนผืนดินของตัวเอง คุณอาจมีกรรมสิทธิ์ที่ดินมากมาย แต่ถือเป็นกรรมสิทธิ์ที่ฝรั่งอนุญาติให้ได้เท่านั้น ไม่ใช่ทาสแต่ก็ระดับทาสติดที่ดินรายใหญ่ เหมืองแร่ ทรัพยากร นี่เราต้องให้เปล่ากับฝรั่งไปทำกำไรเข้ากระเป๋าฝรั่ง
- กม.ก็ต้องให้ความสำคัญ สิทธิเสรีภาพ ของชาวฝรั่งก่อน ต่อให้มีศาลของประเทศนั้นสำหรับคนของประเทศนั้น แต่ถ้าฝรั่งทำผิดก็ต้องขึ้นศาลของฝรั่งซึ่งมักตัดสินให้ฝรั่งได้เปรียบหรือถ้าคนของประเทศขึ้นศาลฝรั่งก็อย่าหวังว่าจะรอด
- ร.5ทำทุกอย่างเพื่อรักษาเอกราชไว้แม้จะไม่เต็มที่แต่ก็ตระหนักดีว่าถ้าเสียไปทั้งหมดจะแย่ยิ่งกว่า ยอมแลกยอมเสียมากมายบางส่วนของพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เพื่อไม่ให้โดนยึดไปทั้งหมดจนเป็นรูปขวานและสิทธิในการให้ฝรั่งที่ทำผิดในไทยขึ้นศาลไทย ทำให้ฝรั่งยังอาจกดขี่แต่ไม่เกินเลยไปกับคนไทยมากนักแบบอาณานิคมที่เสียเอกราชอย่างสมบูรณ์
- อย่างแอฟริกา ชาวแอฟริกาโดนจัดเป็นสินค้าเลย มีกม.แบ่งแยกสีผิว คนผิวดำห้ามแต่งกับคนผิวขาว มิฉนั้นคนผิวดำโดนลงโทษ
-จีนนี่กลายเป็นแหล่งป้อนฝิ่น ไทยเราก็เคยมีโรงฝิ่นแต่ยังดีที่มีพระมหากษัตริย์ที่ยังพอรักษาเอกราชไทยจัดการให้หมดไป
-และตอนที่คอมมิวนิสต์แพร่ความคิดในไทยก็ยังโชคดีที่นอกจากแนวความคิดทางการเมืองคนไทยยุคนั้นยังเคารพกษัตริย์ไทยอยู่ ทำให้ยังพอต้านได้ ถ้าเหลือแต่แนวความคิดการเมืองและนักการเมืองไร้กษัตริย์ในตอนนั้นละก็ นักการเมืองไทยอาจยอมรับระบอบคอมมิวนิสต์เพื่อสนับสนุนอำนาจตนเองและไทยคงกลายเป็นคอมมิวนิสต์เช่นเดียวกับประเทศรอบข้างไปแล้ว
- รักษาเอกราชได้แม้จะน้อยแต่ก็คือรักษาได้ครับ ถ้าบอกว่ารักษาไม่ได้"เลย" คงแย่กว่านี้มาก
- ดังนั้นไทย เราไม่เคยตกเป็นอาณานิคมครับ แค่ตกเป็นลูกไล่มหาอำนาจ ที่มีสิทธิมีเสียงมีเสรีภาพกว่าคนในอาณานิคมที่เสียเอกราชไปหมดแล้ว
ขอแย้งคุณ
@สุทธชา สมัยร.5 ยังไม่มีคำว่า เอกราช(ในความหมายฝรั่ง) หรือก็คือ คำว่า Independence
ข้อเท็จจริง คือ
สมัย ร.5 เราได้ดินแดนเพิ่มครับ ไม่ได้เสียดินแดนครับ ระบบแผนที่และเส้นแบ่งเขตแดนเราเขียนในสมัยร.5 ไม่ใช่มีมาแต่โบราณ
ในความเป็นจริง เราไม่เคยเสียดินแดน เพราะมันไม่ได้เป็นของเราเองตั้งแต่แรก มันเป็นของเจ้าผู้ปกครองตระกูลนั้นๆ
แล้วเราไม่อาจถือเอาว่าใครส่งบรรณาการให้แก่เจ้าผู้ปกครองกรุงเทพเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสยามได้ เนื่องจากถ้าเราอ้างอย่างนั้นจริง จีนก็สามารถเคลมได้ว่าประเทศสยามเองก็เป็นส่วนหนึ่งของจีน
เพราะสยามส่งบรรณาการที่เรียกว่า
จิ้มก้อง ให้แก่จีน ดังนั้นการส่งบรรณาการให้แก่ผู้ใดไม่ได้หมายความว่าเราคือเจ้าของที่ดินและพื้นที่บริเวณนั้น
@สุทธชา คุณกำลังสับสนระหว่างระบอบศักดินาสวามิภักดิ์เดิม(อยุธยา - ร.4) กับ สมบูรณาญาสิทธิราชย์(ร.5 - ร.7) มันเป็นคนละระบบการปกครองเลยนะครับ
ระบบศักดินาสวามิภักดิ์นั้น จะมีเจ้าผู้ปกครอง พูดง่ายๆ คือ
ระบบแบบ Multi-King มีกษัตริย์หลายคน บางที่จะเรียกระบบนี้ว่า ระบบนครรัฐ(City-State)
เจ้าผู้ปกครองของเมืองนั้นๆ มีอำนาจกำหนดนโยบายเก็บภาษีเอง กำหนดกฎหมายเอง กำหนดนโยบายการทูตและการทหารเอง โดยไม่ขึ้นกับเจ้าบรรณาการกรุงเทพ
พูดง่ายๆ ในระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ นั้น ยกตัวอย่าง นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ก็จะมีกษัตริย์ของเขา มีประมุขของอาณาจักรเขา การเก็บภาษีเขาก็เก็บของเขาเอง กำหนดกฎหมายเอง โดยที่ทางกรุงเทพฯจะไปกำหนดอะไรเขาไมไ่ด้เลย
ดังนั้นเชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และรวมถึงหัวเมืองอีสานต่างก็เป็นประเทศของเขาเองนะครับแต่ในสมัยร.5 ประเทศสยามได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระบอบนี้คือ Only One King มีแค่กษัตริย์แค่องค์เดียวก็คือเจ้าผู้ปกครองกรุงเทพฯ และจะต้องไม่มีกษัตริย์อื่นอีก ส่วนหัวเมืองต่างๆ แทนที่จะให้เจ้านครรัฐนั้นเก็บภาษีและส่งบรรณาการ ก็เปลี่ยนเป็นจากนี้ไปส่วนกลางจะยกเลิกเจ้าผู้ปกครองเมืองต่างๆ เดิม และส่งคนจากส่วนกลางที่เรียกว่า "ผู้สำเร็จราชการ" ไปเก็บภาษีตามนโยบายส่วนกลาง
ส่วนกษัตริย์เมืองต่างๆ ทราบมั้ยว่า ร.5 มีนโยบายอย่างไร? นโยบายของร.5 ก็คือ Annexation หรือก็คือผนวกดินแดน หรือถ้าจะพูดกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ร.5 ดำเนินนโยบายล่าอาณานิคมกับคนในภูมิภาคเดียวกันเอง ด้วยวิธีการแต่งงานและเคลมสายเลือดกับพื้นที่ดินไงครับ ตัวอย่างก็คือ เจ้าดารารัศมีซึ่งเป็นเจ้าหญิงของเชียงใหม่ ฯลฯ
มันเป็นเหตุผลที่ร.5ต้องแต่งงานเยอะ มีมเหสีหลายคน เนื่องเพราะมันคือการแต่งงานทางการเมืองเพื่อล่าอาณานิคมและพื้นที่อาณาเขตด้วยการอ้างสายเลือด ซึ่งเป็นกลวิธีเดียวกับสงครามร้อยปีและสงครามกุหลาบของอังกฤษ-ฝรั่งเศษดังนั้นพระราชกรณียกิจจริงๆ ของร.5 ที่ถูกต้อง คือ
"การขยายดินแดนด้วยการแต่งงานทางการเมือง" ครับ ไม่ใช่การรักษาเอกราชอะไรทั้งนั้นอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดกัน
สมัย ร. 5 เราได้ดินแดน ไม่ใช่เสียดินแดนครับ เพราะดินแดนของประเทศสยามเดิมก่อนเปลี่ยนการปกครอง ต้องอ้างอิงว่าเราส่งผู้สำเร็จราชการไปปกครองเมืองไหนบ้าง ซึ่งก็มีแค่ทิศใต้แค่เพชรบุรี ทิศเหนือแค่พิษณุโลก ตะวันออกเฉียงเหนือแค่นครราชศรีมา ตะวันออกแค่ชลบุรี
ส่วนที่เหลือ ระยอง จันทบุรี ตราด แพร่ เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช ปัตตานี อุบลฯ บุรีรัมย์ ฯลฯ มันคืออาณาจักรหรือนครรัฐที่ร.5 ไปเคลมเอาผ่านการแต่งงานทางการเมือง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของประเทศสยามตั้งแต่แรก นี่คือ Point ที่ผมกำลังบอก
ดังนั้นผมกำลังบอกว่า สมัยร.5 เราได้ดินแดน ไม่ใช่เสียดินแดน ผ่านการเปลี่ยนระบอบการปกครองสมัยร.5