นิยายจีน-คนตะวันออกมีแนวคิดอย่างไรกับพ่อค้าหรือเงินกู้ดอกเบี้ยสูงครับ?

[samuison]

[quote/]


สมัยก่อนศาลอาญากับศาลแพ่งมันไม่ได้แยกกันครับ รวมกันหมด และคนที่เป็นผู้พิพากษาก็คือเจ้าเมือง หรือ ตัวแทนเจ้าเมืองที่เจ้าเมืองส่งไปทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษา


ให้นึกถึงเปาปุ้นจิ้นก็ได้ เปาปุ้นจิ้นมีฐานะเป็นเจ้าเมืองไคฟง แต่ซีรีย์จะฉายให้เห็นแค่ตอนตัดสินคดีความ แต่จริงๆเปาปุ้นจิ้นมีหน้าที่บริหารเมืองไคฟงด้วยครับ

ขอบคุณครับ
แนวทาง"สัญยาต้องเป็นสัญยา" ที่จริงก็มีมานานแล้ว
ความจริงคนเรายึดถือเรื่องคำสัตยืและพยานกันมาก
คนยิวอีกแล้ว ฮา
เขียนแบบพยายามทำให้เห็นว่า คนทืั่วไปไม่ชอบทำสัญยาเป็นลายลักษณ์อักษรสร้างความลำบากใจในการทำธุรกิจมาก
แต่มีความคิดที่ดีคือคิดธนูชนิดใหม่ออกมาได้ ก็ไมไ่ด้พยายามจะแย่งจนลุกค้าของคนขายธนูก่อนหน้าหมด แต่พยายามแบ่งกำไร ช่วยเหฃลือกิจการกันและกันมากกว่าเพระามองว่ายังต้องพึ่งเส้นสายของพ่อค้ารายเก่ามากกว่า
จะแข่งกันทำไมในเมื่อเป็นหุ้นส่วนกันได้?
..ไปเจออีกแนวคิดหนึ่งเรื่อง การออกพันธบัตร พระเอกเสนอไป แต่ขุนนางปัดตก เพราะจะทำให้ชาวบ้านเห้นว่าราชสำนักไม่มีเงิน
แต่ผมว่าหากตั้งธนาคารได้ เราจะทำให้ชาวบ้านไม่คิดถึงเรือ่งนั้นได้
หรอืการมองว่าคือนโยบายระดมทุนผ่านการทำสงครามกับพวกเซียงหนูอะไรเทือกนั้น่ะครับ
มองในแง่หนึ่ง แบบบาร์เตอร์เทรดก็เป็นกระบวนการเศรษฐกิจอย่างหนึ่งไมไ่ด้เสียหายอะไร ตราบใดที่ยังมีการแลกเลปี่ยนและทุกคนยังฌโอเคอยุ่ก็ใช้ได้แล้ว

ไปเจอแนวคิดของกม.อิสลาม ความจริงแล้วเรือ่งเก็บดอกเบี้ยความหมายมันซับซ้อนกว่านั้นคือ แค่การอยู่เฉยๆก็มีกำไรก็เข้าข่าย usury แล้วว่าอย่างนั้นครับ

[Black7nos]

[quote/]
ขอบคุณครับ
แนวทาง"สัญยาต้องเป็นสัญยา" ที่จริงก็มีมานานแล้ว
ความจริงคนเรายึดถือเรื่องคำสัตยืและพยานกันมาก
คนยิวอีกแล้ว ฮา
เขียนแบบพยายามทำให้เห็นว่า คนทืั่วไปไม่ชอบทำสัญยาเป็นลายลักษณ์อักษรสร้างความลำบากใจในการทำธุรกิจมาก
แต่มีความคิดที่ดีคือคิดธนูชนิดใหม่ออกมาได้ ก็ไมไ่ด้พยายามจะแย่งจนลุกค้าของคนขายธนูก่อนหน้าหมด แต่พยายามแบ่งกำไร ช่วยเหฃลือกิจการกันและกันมากกว่าเพระามองว่ายังต้องพึ่งเส้นสายของพ่อค้ารายเก่ามากกว่า
จะแข่งกันทำไมในเมื่อเป็นหุ้นส่วนกันได้?
..ไปเจออีกแนวคิดหนึ่งเรื่อง การออกพันธบัตร พระเอกเสนอไป แต่ขุนนางปัดตก เพราะจะทำให้ชาวบ้านเห้นว่าราชสำนักไม่มีเงิน
แต่ผมว่าหากตั้งธนาคารได้ เราจะทำให้ชาวบ้านไม่คิดถึงเรือ่งนั้นได้
หรอืการมองว่าคือนโยบายระดมทุนผ่านการทำสงครามกับพวกเซียงหนูอะไรเทือกนั้น่ะครับ
มองในแง่หนึ่ง แบบบาร์เตอร์เทรดก็เป็นกระบวนการเศรษฐกิจอย่างหนึ่งไมไ่ด้เสียหายอะไร ตราบใดที่ยังมีการแลกเลปี่ยนและทุกคนยังฌโอเคอยุ่ก็ใช้ได้แล้ว

ไปเจอแนวคิดของกม.อิสลาม ความจริงแล้วเรือ่งเก็บดอกเบี้ยความหมายมันซับซ้อนกว่านั้นคือ แค่การอยู่เฉยๆก็มีกำไรก็เข้าข่าย usury แล้วว่าอย่างนั้นครับ

ไม่ใช่แค่คนยิวครับ แต่มันคือวัฒนธรรมสากลทั่วโลกครับ ไม่ว่าจะเป็นชาวฮั่น ชาวเจอมานิค หรือ ชาวแฟรงค์


คำสัญญาคือสิ่งที่แสดงความชอบธรรมของทุกบุคคล บุคคลใดไม่รักษาสัจจะ ต่อไปเขาจะไม่ไว้ใจครับ


ถ้าเป็นผู้ปกครองที่ตระบัดสัตย์แม้แต่ครั้งเดียว เขาจะไม่เชื่อใจอีกเลยและสร้างพันธมิตรรุมกระทืบก่อนเลย

[Rumia]

[quote/]
ขอบคุณครับ
แนวทาง"สัญยาต้องเป็นสัญยา" ที่จริงก็มีมานานแล้ว
ความจริงคนเรายึดถือเรื่องคำสัตยืและพยานกันมาก
คนยิวอีกแล้ว ฮา
เขียนแบบพยายามทำให้เห็นว่า คนทืั่วไปไม่ชอบทำสัญยาเป็นลายลักษณ์อักษรสร้างความลำบากใจในการทำธุรกิจมาก
แต่มีความคิดที่ดีคือคิดธนูชนิดใหม่ออกมาได้ ก็ไมไ่ด้พยายามจะแย่งจนลุกค้าของคนขายธนูก่อนหน้าหมด แต่พยายามแบ่งกำไร ช่วยเหฃลือกิจการกันและกันมากกว่าเพระามองว่ายังต้องพึ่งเส้นสายของพ่อค้ารายเก่ามากกว่า
จะแข่งกันทำไมในเมื่อเป็นหุ้นส่วนกันได้?
..ไปเจออีกแนวคิดหนึ่งเรื่อง การออกพันธบัตร พระเอกเสนอไป แต่ขุนนางปัดตก เพราะจะทำให้ชาวบ้านเห้นว่าราชสำนักไม่มีเงิน
แต่ผมว่าหากตั้งธนาคารได้ เราจะทำให้ชาวบ้านไม่คิดถึงเรือ่งนั้นได้
หรอืการมองว่าคือนโยบายระดมทุนผ่านการทำสงครามกับพวกเซียงหนูอะไรเทือกนั้น่ะครับ
มองในแง่หนึ่ง แบบบาร์เตอร์เทรดก็เป็นกระบวนการเศรษฐกิจอย่างหนึ่งไมไ่ด้เสียหายอะไร ตราบใดที่ยังมีการแลกเลปี่ยนและทุกคนยังฌโอเคอยุ่ก็ใช้ได้แล้ว

ไปเจอแนวคิดของกม.อิสลาม ความจริงแล้วเรือ่งเก็บดอกเบี้ยความหมายมันซับซ้อนกว่านั้นคือ แค่การอยู่เฉยๆก็มีกำไรก็เข้าข่าย usury แล้วว่าอย่างนั้นครับ

คือมันมีการกู้เอากำไรจริงคือช่วงยุคไอน้ำครับนอกนั้นไม่มีที่อิสรามการไห้เงินกู้คิดดอกถือเป็นบาปเพราะ มันคืออาสุธฆ่าคนทางการเมืองครับการระดมทุนจากชาวบ้านในยุคเก่าอย่างออกเงินกู้ไม่มีครับ มากสุดมีแค่ออกเงินติ้วหรือพันบัตรรัฐ ซึ่งก็ไม่ไช่เงินกู้แต่ขายเงินตรงเลยว่าง่ายๆขายเงินใหม่100ไช้เงินเก่าซื้อ50 แล้วลดค่าเงินเก่าในภายหลังไห้เท่าเงินใหม่ซึ่งจะออกโดยรัฐเท่านั้นการปล่อยกู้ในยุคเก่าผิดกฏหมายแทบทังโลกครับ มีแค่รัฐเท่านั้นที่ทำได้แถมไม่ไช่ปล่อยกู้แค่ขยายค่าเงิน

[samuison]

[quote/]


ไม่ใช่แค่คนยิวครับ แต่มันคือวัฒนธรรมสากลทั่วโลกครับ ไม่ว่าจะเป็นชาวฮั่น ชาวเจอมานิค หรือ ชาวแฟรงค์


คำสัญญาคือสิ่งที่แสดงความชอบธรรมของทุกบุคคล บุคคลใดไม่รักษาสัจจะ ต่อไปเขาจะไม่ไว้ใจครับ


ถ้าเป็นผู้ปกครองที่ตระบัดสัตย์แม้แต่ครั้งเดียว เขาจะไม่เชื่อใจอีกเลยและสร้างพันธมิตรรุมกระทืบก่อนเลย

ผมขึ้นศาลหรือเจอแนวคิดของญาติตนเองก็แปลกใจแนวคิดเรื่อง
"หากไม่ใช่้หนี้ชาติหน้าเกิดมาต้องเป็นทาสรับใช้" ว่ามันเป็นแนวคิดที่มีอยู่เป็นการทั่วไปจริงๆแต่คนเราไม่ค่อยรู้ตัวอาจจะเพราะผมออกสายไม่ใช่ศาสนาด่วยล่ะมัี้ง
ว่าไปแล้ว มีคนให้แนวคิดมาอีกทาง(ชาวยิว) ให้มาประมาณว่า การที่พระเยซูกระทืบคนไล่ออกจากวิหารน่ะเป็นอันตรายต่อระบบการเงิน เพระาการทำกิจกรรมในวิหาร คือการแสดงความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ใจว่าอย่างนั้นล่ะครับ
การไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเงินในวิหาร ทำหใ้คนเชื่อใจกันยากมากกว่าเดิม

[quote/]
คือมันมีการกู้เอากำไรจริงคือช่วงยุคไอน้ำครับนอกนั้นไม่มีที่อิสรามการไห้เงินกู้คิดดอกถือเป็นบาปเพราะ มันคืออาสุธฆ่าคนทางการเมืองครับการระดมทุนจากชาวบ้านในยุคเก่าอย่างออกเงินกู้ไม่มีครับ มากสุดมีแค่ออกเงินติ้วหรือพันบัตรรัฐ ซึ่งก็ไม่ไช่เงินกู้แต่ขายเงินตรงเลยว่าง่ายๆขายเงินใหม่100ไช้เงินเก่าซื้อ50 แล้วลดค่าเงินเก่าในภายหลังไห้เท่าเงินใหม่ซึ่งจะออกโดยรัฐเท่านั้นการปล่อยกู้ในยุคเก่าผิดกฏหมายแทบทังโลกครับ มีแค่รัฐเท่านั้นที่ทำได้แถมไม่ไช่ปล่อยกู้แค่ขยายค่าเงิน

ขอบคุณครับ ผมไปอ่านเจอแนวคิดเรื่องการเก็บภาษีคนต่างศาสนามากกว่า ก็เป้นนโยบายการเงินในระยะยาว ว่าทำให้คนศาสนาหนึ่งได้เปรียบทางการค้าส แม้เพียงสองสามส่วนก็ทำให้ร้านหนึ่งอยู่ร้านหนึ่งเจ๊งได้แล้ว เวลาผ่านไปนานาๆจะทำให้ร้านที่มีศาสนาที่เื้ออำนวยถึงจะอยู่ได้ หากสังเกตดีดี วัฒนธรรม ภาษีต่างๆนี่มีผลกระทบต่อสังคมมากมายเลยล่ะครับ

[Rumia]

[quote/]
ผมขึ้นศาลหรือเจอแนวคิดของญาติตนเองก็แปลกใจแนวคิดเรื่อง
"หากไม่ใช่้หนี้ชาติหน้าเกิดมาต้องเป็นทาสรับใช้" ว่ามันเป็นแนวคิดที่มีอยู่เป็นการทั่วไปจริงๆแต่คนเราไม่ค่อยรู้ตัวอาจจะเพราะผมออกสายไม่ใช่ศาสนาด่วยล่ะมัี้ง
ว่าไปแล้ว มีคนให้แนวคิดมาอีกทาง(ชาวยิว) ให้มาประมาณว่า การที่พระเยซูกระทืบคนไล่ออกจากวิหารน่ะเป็นอันตรายต่อระบบการเงิน เพระาการทำกิจกรรมในวิหาร คือการแสดงความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ใจว่าอย่างนั้นล่ะครับ
การไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเงินในวิหาร ทำหใ้คนเชื่อใจกันยากมากกว่าเดิม[quote/]
ขอบคุณครับ ผมไปอ่านเจอแนวคิดเรื่องการเก็บภาษีคนต่างศาสนามากกว่า ก็เป้นนโยบายการเงินในระยะยาว ว่าทำให้คนศาสนาหนึ่งได้เปรียบทางการค้าส แม้เพียงสองสามส่วนก็ทำให้ร้านหนึ่งอยู่ร้านหนึ่งเจ๊งได้แล้ว เวลาผ่านไปนานาๆจะทำให้ร้านที่มีศาสนาที่เื้ออำนวยถึงจะอยู่ได้ หากสังเกตดีดี วัฒนธรรม ภาษีต่างๆนี่มีผลกระทบต่อสังคมมากมายเลยล่ะครับ

สรุปง่ายๆว่าจะไช้มุขเงินกู้ได้มันมีเงื่อนไขตรงสภาพสังคมคนส่วนใหณ่่ต้องมีเงินและต้องมีที่ไห้ไช้เงินครับ อย่างถ้าย้อนไปยุคสังคมขุนนางเป็นเจ้าชีวีตอันนี้คนปกติจะไม่มีเงินส่วนมากไช้ของแลกของต่อไห้เป็นพ่อค้าก็ไช้ของแลกของ เงินจะไช้กันแค่ในเมืองออกเมืองไปไม่มีความหมายหรือไม่ก็ต้องเป็นประเทศใหณ่ๆมีพื้นที่กว้าง แต่สุดท้ายมันก็ต้องติดตรงสภาพสังคมที่ลดอำนาจขุนนางไปแล้วและคนทัวไปมีอำนาจถือครองทรัพได้จริงๆ บนโลกเราการกู้เงินเอากำไรจึงเริ่มในช่วง200~300ปีก่อนเท่านั้นซึ่งนับว่าเป็นยุคใหม่แล้ว ถ้าจะแต่งเรื่องไห้ME้ยืมก็ต้องเซ็ตไห้คนปกติมีอำนาจพอสมควรไม่ไช่ระดับขุนนางอยากฆ่าใครก็ได้

[Black7nos]

[quote/]
สรุปง่ายๆว่าจะไช้มุขเงินกู้ได้มันมีเงื่อนไขตรงสภาพสังคมคนส่วนใหณ่่ต้องมีเงินและต้องมีที่ไห้ไช้เงินครับ อย่างถ้าย้อนไปยุคสังคมขุนนางเป็นเจ้าชีวีตอันนี้คนปกติจะไม่มีเงินส่วนมากไช้ของแลกของต่อไห้เป็นพ่อค้าก็ไช้ของแลกของ เงินจะไช้กันแค่ในเมืองออกเมืองไปไม่มีความหมายหรือไม่ก็ต้องเป็นประเทศใหณ่ๆมีพื้นที่กว้าง แต่สุดท้ายมันก็ต้องติดตรงสภาพสังคมที่ลดอำนาจขุนนางไปแล้วและคนทัวไปมีอำนาจถือครองทรัพได้จริงๆ บนโลกเราการกู้เงินเอากำไรจึงเริ่มในช่วง200~300ปีก่อนเท่านั้นซึ่งนับว่าเป็นยุคใหม่แล้ว ถ้าจะแต่งเรื่องไห้กู้ยืมก็ต้องเซ็ตไห้คนปกติมีอำนาจพอสมควรไม่ไช่ระดับขุนนางอยากฆ่าใครก็ได้

ระบบธนาคารมีมานานแล้วครับ ตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมียและเปอร์เซีย

อันนี้คือจารึกศิลา กฎหมายฮัมมูราบี ของชาวบาบิโลเนีย(อิรักในปัจจุบัน) ซึ่่งมีทั้งกฎหมายแพ่งและอาญา รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับกิจการธนาคาร

[Wannabe]

[quote/]

หลักๆ แนวคิดสมัยโบราณส่วนใหญ่ของทางเอเชีย คือ เหยียดพ่อค้า ครับ

ของไทยคงไม่ต้องอธิบาย ของอินเดียก็ไม่ต้องอธิบาย เพราะเหมือนกับของไทยนั่นล่ะ
(แต่ของไทยจะพาสเทล ซอร์ฟกว่าหน่อยจนดูเหมือนมีอิสระ แต่จริงๆ ไม่มี)

ส่วนของเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) พ่อค้าเป็นชนชั้นล่างของสังคม

สมัยราชวงศ์หมิง พ่อค้าห้ามใส่เสื้อแพรไหมนอกบ้าน ต้องใส่แต่ในบ้าน ร่ำรวยขนาดไหนก็ห้ามโชว์

ในญี่ปุ่นเอง ตามประวัติศาสตร์ก็เหยียดพ่อค้าเช่นเดียวกัน มีแนวคิดเช่นเดียวกับต้าหมิง

ส่วนเกาหลีนี่ ไปทางเดียวกับต้าหมิงชัดเจน หรือสรุปก็คือ แนวคิดทั้งสามชาติคือเหยียดพ่อค้า

มันคือแนวคิดกดหัวพ่อค้า  เฉพาะของขุนนางผู้ปกครองมิใช่หรือ??
แต่ถ้าเอาตามโจทย์หัวกระทู้  ชนชั้นผู้ปกครองก็มองพวกพ่อค้า
แบบระแวงนี่เนอะ  ส่วนชนชั้นประชาชนก็มองพ่อค้าอีกรูปแบบนึง

[wanit000]

[quote/]

มันคือแนวคิดกดหัวพ่อค้า  เฉพาะของขุนนางผู้ปกครองมิใช่หรือ??
แต่ถ้าเอาตามโจทย์หัวกระทู้  ชนชั้นผู้ปกครองก็มองพวกพ่อค้า
แบบระแวงนี่เนอะ  ส่วนชนชั้นประชาชนก็มองพ่อค้าอีกรูปแบบนึง

ก้อสงคราม ตัดสินผู้ชนะ จาก เงินไงครับ ส่วนใหญ่ ใครเงินเยอะกว่า  อาวุธ ครบครันกว่า มักจะชนะเสมอไป เพราะงั้น พวกชนชั้นปกครอง เลยกลัวพ่อค้าที่มีเงินเยอะๆ เพราะถ้าเกิดกบฎขึ้นมา แล้ว พ่อค้า ออกเงินช่วยฝ่ายกบฏนี้คือ ชิปหายเลยไง แต่ชาวนา ไม่มีเงิน ลุกฮือได้ไม่นานก้อโดนปราบ แต่ ชาวนาลุกฮือ พร้อมมี พ่อค้าหนุนหลังนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

[Black7nos]

[quote/] ก้อสงคราม ตัดสินผู้ชนะ จาก เงินไงครับ ส่วนใหญ่ ใครเงินเยอะกว่า  อาวุธ ครบครันกว่า มักจะชนะเสมอไป เพราะงั้น พวกชนชั้นปกครอง เลยกลัวพ่อค้าที่มีเงินเยอะๆ เพราะถ้าเกิดกบฎขึ้นมา แล้ว พ่อค้า ออกเงินช่วยฝ่ายกบฏนี้คือ ชิปหายเลยไง แต่ชาวนา ไม่มีเงิน ลุกฮือได้ไม่นานก้อโดนปราบ แต่ ชาวนาลุกฮือ พร้อมมี พ่อค้าหนุนหลังนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

สำคัญทั้ง ชนชั้นพ่อค้า และชนชั้นแรงงานครับ


พ่อค้ามีกำลังทรัพย์ซื้อยุทโธปกรณ์ แรงงานมีกำลังคน


นิโคโล มาเกียเวลลี บิดาแห่งรัฐศาสตร์สมัยใหม่เขียนในหนังสือ The Prince ว่า


"การทำให้ประชาชนทุกคนรักผู้ปกครองคือป้อมปราการที่ดีที่สุด ถ้าประชาชนเกลียดผู้ปกครอง


ต่อให้มีซักกี่สิบป้อมก็ไม่อาจรักษาชีวิตได้ เพราะในที่สุดต่างชาติก็จะฉวยโอกาสยื่นมือมาช่วยเหลือประชาชนโค่นล้มผู้ปกครองพวกเขา"


ทุกอาณาจักรทุกประเทศมีกลไกการล่มสลายแบบนี้เสมอ อาจจะต่างกันตรงเทคโนโลยี แต่สุดท้ายก็จะจบลงแบบมาเกียเวลลีได้เขียนไว้

[GoldDigger]

[quote/]


สำคัญทั้ง ชนชั้นพ่อค้า และชนชั้นแรงงานครับ


พ่อค้ามีกำลังทรัพย์ซื้อยุทโธปกรณ์ แรงงานมีกำลังคน


นิโคโล มาเกียเวลลี บิดาแห่งรัฐศาสตร์สมัยใหม่เขียนในหนังสือ The Prince ว่า


"การทำให้ประชาชนทุกคนรักผู้ปกครองคือป้อมปราการที่ดีที่สุด ถ้าประชาชนเกลียดผู้ปกครอง


ต่อให้มีซักกี่สิบป้อมก็ไม่อาจรักษาชีวิตได้ เพราะในที่สุดต่างชาติก็จะฉวยโอกาสยื่นมือมาช่วยเหลือประชาชนโค่นล้มผู้ปกครองพวกเขา"


ทุกอาณาจักรทุกประเทศมีกลไกการล่มสลายแบบนี้เสมอ อาจจะต่างกันตรงเทคโนโลยี แต่สุดท้ายก็จะจบลงแบบมาเกียเวลลีได้เขียนไว้

แล้วเมียนม่ากับไทยสารขัณฑ์หล่ะ    

[Black7nos]

[quote/]

แล้วเมียนม่ากับไทยสารขัณฑ์หล่ะ    

ของไทยทำให้รักครับ แต่เป็นแบบความรักทำให้คนตาบอด รักแบบที่ไม่แม้แต่จะสามารถอธิบายตัวเองว่ารักเพราะอะไร(ความรักเป็นเหตุและผลครับ เพียงแต่อาจจะเป็นในแง่ของนามธรรม แต่ก็อธิบายได้)


ส่วนพม่ากำลังเป็นไปตามคำกล่าวของมาเกียเวลลีครับ เพราะรัฐชาติพันธุ์ต่างๆกำลังเปิด War กับรัฐบาล และรัฐบาลทหารพม่าก็กำลังโดนต่างชาติแทรกแซง

ไม่ว่าจะทางทหารหรือเศรษฐกิจ(เศรษฐกิจโดนคว่ำบาตรไปหลายอย่างแล้ว)

[GoldDigger]

[quote/]


ของไทยทำให้รักครับ แต่เป็นแบบความรักทำให้คนตาบอด รักแบบที่ไม่แม้แต่จะสามารถอธิบายตัวเองว่ารักเพราะอะไร(ความรักเป็นเหตุและผลครับ เพียงแต่อาจจะเป็นในแง่ของนามธรรม แต่ก็อธิบายได้)


ส่วนพม่ากำลังเป็นไปตามคำกล่าวของมาเกียเวลลีครับ เพราะรัฐชาติพันธุ์ต่างๆกำลังเปิด War กับรัฐบาล และรัฐบาลทหารพม่าก็กำลังโดนต่างชาติแทรกแซง

ไม่ว่าจะทางทหารหรือเศรษฐกิจ(เศรษฐกิจโดนคว่ำบาตรไปหลายอย่างแล้ว)

เมียนม่าเป็นที่รักนะเออ  วันที่ 24-28  สารขัณฑ์ส่งเรือเร็วบรรทุกเสบียงเพื่อทหารเมียนมาห้าวันซ้อน
บ้านใกล้เรือนเคียง  แฮร่!!

[Black7nos]

[quote/]

เมียนม่าเป็นที่รักนะเออ  วันที่ 24-28  สารขัณฑ์ส่งเรือเร็วบรรทุกเสบียงเพื่อทหารเมียนมาห้าวันซ้อน
บ้านใกล้เรือนเคียง  แฮร่!!

นั่นแหละอย่างไรก็จะโดนต่างชาติแทรกแซงครับ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม เป็นไปตามมาเกียเวลลีกล่าว

[Rumia]

[quote/]


ระบบธนาคารมีมานานแล้วครับ ตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมียและเปอร์เซีย
[img/]
อันนี้คือจารึกศิลา กฎหมายฮัมมูราบี ของชาวบาบิโลเนีย(อิรักในปัจจุบัน) ซึ่่งมีทั้งกฎหมายแพ่งและอาญา รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับกิจการธนาคาร

เอิ่มคือปล่อยกู้เอากำไรกับทำธนาคารนี่ผมว่ามันคนละความหมายที่คุยแล้วครับ ผมคิดว่าหมายถึงมีคนมาปล่อยเงินกู้เพื่อหวังกำไรแบบเงินกู้นอกระบบ ที่คนตังมู้ถามแบบประมาณตัวร้ายหรือตัวเอกต้องการทำเงินจากกำไรเงินกู้ครับ ไอ้ระบบธนาคารคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เพราะสุดท้ายสมัยนั้นคนทำธนาคารมันก็ขุนนางอยู่ดี ชาวบ้านจะไปกู้แล้วจะมีปัณญาไช้คืนเหรอครับสุดท้ายคนกู้ก็ขายตัวเสียทุกอย่่าง คนกู้จริงๆมันก็มีแต่ขุนนางที่สามารถหาเงินได้จริงๆ

[Black7nos]

[quote/]
เอิ่มคือปล่อยกู้เอากำไรกับทำธนาคารนี่ผมว่ามันคนละความหมายที่คุยแล้วครับ ผมคิดว่าหมายถึงมีคนมาปล่อยเงินกู้เพื่อหวังกำไรแบบเงินกู้นอกระบบ ที่คนตังมู้ถามแบบประมาณตัวร้ายหรือตัวเอกต้องการทำเงินจากกำไรเงินกู้ครับ ไอ้ระบบธนาคารคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เพราะสุดท้ายสมัยนั้นคนทำธนาคารมันก็ขุนนางอยู่ดี ชาวบ้านจะไปกู้แล้วจะมีปัณญาไช้คืนเหรอครับสุดท้ายคนกู้ก็ขายตัวเสียทุกอย่่าง คนกู้จริงๆมันก็มีแต่ขุนนางที่สามารถหาเงินได้จริงๆ

ไม่จำเป็นต้องเป็นขุนนางครับ และอันที่จริงธนาคารสมัยก่อนก็ไม่ใช่ธนาคารเต็มตัวครับ แต่เป็นโรงเตี๊ยมที่รวมตัวกันเป็นพันธมิตรและออกตั๋วแลกเงินครับ


ซึ่งนิยมมากๆ ในยุคสงครามครูเสด ที่เหล่าสาวกทั้งคริสต์และอิสลามเดินทางไปแสวงบุญที่เยรูซาเลม การหอบเงินไปมากๆ มันอันตรายที่จะโดนปล้นขณะเดินทาง


จึงใช้ระบบตั๋วแลกเงินกับโรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมนอกจากจะมีรายได้จากค่าที่พัก หอนางโลม อาหารแล้ว ระบบตั๋วแลกเงินนี่แหละคือการระดมทุนแรกๆของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ


โรงเตี๊ยมก็จะหมุนเงินจากตั๋วเงินนี่แหละ ไปดำเนินธุรกิจบ้าง เอาไปลงทุนอย่างอื่นบ้าง เช่น ซื้อกิจการร้านค้าที่คิดว่าทำกำไรได้ เป็นต้น


จนมาถึงยุคที่พ่อค้าเรืองอำนาจ ประมาณเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมถึงได้มีระบบสถาบันการเงินอย่างธนาคารเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา

[samuison]

[quote/]
สรุปง่ายๆว่าจะไช้มุขเงินกู้ได้มันมีเงื่อนไขตรงสภาพสังคมคนส่วนใหณ่่ต้องมีเงินและต้องมีที่ไห้ไช้เงินครับ อย่างถ้าย้อนไปยุคสังคมขุนนางเป็นเจ้าชีวีตอันนี้คนปกติจะไม่มีเงินส่วนมากไช้ของแลกของต่อไห้เป็นพ่อค้าก็ไช้ของแลกของ เงินจะไช้กันแค่ในเมืองออกเมืองไปไม่มีความหมายหรือไม่ก็ต้องเป็นประเทศใหณ่ๆมีพื้นที่กว้าง แต่สุดท้ายมันก็ต้องติดตรงสภาพสังคมที่ลดอำนาจขุนนางไปแล้วและคนทัวไปมีอำนาจถือครองทรัพได้จริงๆ บนโลกเราการกู้เงินเอากำไรจึงเริ่มในช่วง200~300ปีก่อนเท่านั้นซึ่งนับว่าเป็นยุคใหม่แล้ว ถ้าจะแต่งเรื่องไห้กู้ยืมก็ต้องเซ็ตไห้คนปกติมีอำนาจพอสมควรไม่ไช่ระดับขุนนางอยากฆ่าใครก็ได้

คือ ไปเจอแนววาณิชย์มันก็มีการกู้อยู่แล้วนะครับ นั่นอาจจะอ้างว่าเป็นอิตจาลี่เมืองการค้ารุ่งเรืองก็ได้ พ่อค้ามักกู้กันเองอยู่า่เสมอ
แต่ขุนช้างหากมองว่าอยู่แถวสมัยอยุทธยา ก็ให้เินกู้ชาวบ้านจนร่ำรวยนี่ครับ
ผมคุ้นๆว่าอ่านมาในแวดวงว่านเครือของพ่อค้าชาวยิว ก็ให้การกู้ยืมเงินกันในหมู่เครือญาติประกอบธุรกิจต่างๆกันจนมีกำไรไป
การกู้ยืมเงินมีมานานพอสมควรลฃ่ะครับ แต่ธนาคารน่าจะยังไม่แพร่หลายไปทั่วโลกขนาดนี้ แต่คงกู้ไปมาในแวดววงกันเอง

[quote/]

เมียนม่าเป็นที่รักนะเออ  วันที่ 24-28  สารขัณฑ์ส่งเรือเร็วบรรทุกเสบียงเพื่อทหารเมียนมาห้าวันซ้อน
บ้านใกล้เรือนเคียง  แฮร่!!

ไม่มีใครหาว่ามิยอ่องหลาย ขายชาติเลยสักคำ ทั้งที่เอาข้าวของเสบียงไปจากไทยเห็นๆ