[quote/]
หลักๆ แนวคิดสมัยโบราณส่วนใหญ่ของทางเอเชีย คือ เหยียดพ่อค้า ครับ
ของไทยคงไม่ต้องอธิบาย ของอินเดียก็ไม่ต้องอธิบาย เพราะเหมือนกับของไทยนั่นล่ะ
(แต่ของไทยจะพาสเทล ซอร์ฟกว่าหน่อยจนดูเหมือนมีอิสระ แต่จริงๆ ไม่มี)
ส่วนของเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี) พ่อค้าเป็นชนชั้นล่างของสังคม
สมัยราชวงศ์หมิง พ่อค้าห้ามใส่เสื้อแพรไหมนอกบ้าน ต้องใส่แต่ในบ้าน ร่ำรวยขนาดไหนก็ห้ามโชว์
ในญี่ปุ่นเอง ตามประวัติศาสตร์ก็เหยียดพ่อค้าเช่นเดียวกัน มีแนวคิดเช่นเดียวกับต้าหมิง
ส่วนเกาหลีนี่ ไปทางเดียวกับต้าหมิงชัดเจน หรือสรุปก็คือ แนวคิดทั้งสามชาติคือเหยียดพ่อค้า
ก็นั่นล่ะครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างในทางประวัติศาสตร์และสังคมแน่ๆ ทีพ่่อค้าโดนเหยียดตลอดเวลาว่าอย่างนั้น
ไปอ่านพลิกฟ้าท้ามาตุภูมิฮั่น
พ่อค้าโดนเก็บกันตลอดแบบง่ายๆเลยบ้านเมืองป่าเถื่อนมาก

คิดอีกทีมีคนบอกว่า พ่อค้าคือการเกิดของการสะสะทุน
การสะสมทุนทำให้เกิดการเลื่อนสถานะทางสังคมได้ ทำให้พ่อค้ามักใช้กลยุทธติดสินบนส่งลุกสาวไปเป็นสนม ส่งลุกชาไยปเรียนเป้นขุนนางเพื่อปกป้องธุรกิจจของตนเองจากอดีตมาปัจจุบันวิธีการก็เหมือนเดิม
เรื่องพ่อค้านะในอดีตทุกที่มันต้องทำอยู่แล้วเพราะขุนนางมันคือพ่อค้าใหณ่ตัวจริง มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะกีดกันพ่อค้าทัวไปและพ่อค้าของขุนนางอื่น พ่อค้าที่เหลือมันก็คือพวกลูกน้องขุนนางที่แบกหม้อก้นดำแทนนั้นแหละ ส่วนการกู้เอาดอกในอดีตไม่มีครับมามีช่วงไม่นานมานี้ในอดีตการกู้มันคือเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เพราะคนจะมีปัณณากู้ในอดีตมันก็มีแค่ขุนนางครับเรื่องจะไห้ชาวบ้านกู้เอาดอกสู้ยึดเลยง่ายกว่า การกู้ในอดีตมันเลยเป็นแค่การเล่นงานอีกฝ่ายไห้ขุนนางอื่นๆรู้ว่าคนกู้ไม่มีพลังแล้วและแสดงว่าฝ่ายตนมีอำนาจมากที่ปล่อยกู้ได้ พวกคิดดอกสูงในนิยายมันคือแนวคิดปัจจุบันครับในอดีตไม่มีเรื่องพวกนี้การการกู้เอาดอกมีนานสุดแค่สักสองร้อยกว่าปีนี่เอง
ในอดีตสุดท้ายคนที่กู้เงินได้ก็มีแต่ขุนนางครับ และพ่อค้าที่จะบีบขุนนางด้วยเงินกู้แปลว่าต้องมีกำลังมากพอที่จะบีบด้วย สุดท้ายมันก็แค่การเล่นงานระหว่างพวกใหณ่โตครับ พ่อค้าที่ไม่มีขุนนางหนุนคือโจรครับถ้าอยากได้เงินจากพ่อค้า ที่ไม่มีขุนนางหนุนก็แค่ปล้นครับจะยืมทำใมปล้นเอาง่ายกว่า
ขอบคุณครับ คือผมเอามาจากเจาะเวลาหาจิ๋นซีที่ผูเกาปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงในรัฐฉีน่ะครับ
ผมมองว่ายุคจั้นกว๋อ ชุนชิว พ่อค้าน่าจะมีอิสระมากกว่าในกการเดินทางไปรัฐต่างๆน่ะครับ เพราะยังขาดรัฐฉินมาควบคุมวางระเบียบตรงนี้
การเคลือ่นไไหวและแนวคิดของยุคจั้นกว่อ ผมว่าก้าวหน้ามากๆในด้านวิทยาการต่างๆหากเรามองว่ามันเป็นเรื่องพลายพันปีก่อนน่ะครับ
[quote/]
ได้นะธนาคารอิสลามก็มีการคิดค่าต่างๆแต่ต้องไม่ใช่ดอกเบี้ย
นั่นล่ะครับ เราต้องเลี่ยงคำเป็นค่าบริการค่าธรรมเนียมและอื่นๆแทนตามหลักคือศาสนาอิสลามมองว่าการอยู่เฉยๆก็ได้เงินคือการทำให้คนจนจนขึ้น คนรวยรวยขึ้น ทำอย่างนั้นคือศัตรูของศาสนาอิสลาม เลยต้อองาศัียการตีความอะไรให้ดำเนินธุรกิจธนาคารได้
ในตะวันตก กับตะวันออกกลางคิดดอกก็บาปแล้วครับ ตามศาสนาคริสต์และอิสลาม แต่ในตะวันออก ศาสนาพุทธ ขงจื๊อไม่มีการพูดถึงครับ คือจะคิดเท่าไหร่ก็ได้ คิดแพงคนเค้าก็ไม่กู้เอง
ก็นั่นล่ะครับ ผมพึ่งรู้ตัวตอนที่ไปเจอคนยิวแต่งแนวอิเซไค ไปแนวยุคกลางที่โดนขุนนางหาเรื่องว่าทำ ususry ที่เป้นสถานการณ์ที่แนวญี่ปุ่นทั่วไปหรือคนไทยเขียนไม่เจอแน่ๆ
ผมว่าแนวคิดของพวกเขาน่าสนใจดีน่ะครับ
พวกยิวนี่มาเหนือในหลายๆเรื่องจริงๆผมยอมรับ มีมุกให้ผมก็อปไปใช้เยอะเลยกับแนวคิดของพวกเขาที่ผมคิดในใจว่า คิดได้ไงฟะ
มุกหนึ่งที่เจอคือย้อนไปเซเลอร์มูน พี่แกก็พยายามจะไปยึดครองธุรกิจเครื่อใช้ไฟฟฟ้าของญี่ปุ่น เชื่อเขาเลย
แนวสาวน้อยเวทมนตร์ยังทำให้เป็นแนวย้อนเวลาไปทำธุรกิจในยุค 90 ได้
[quote/]
ผมก็งงนะ มีชอบมีคนว่าเป็นอิสลามดีนะะ มีเมียได้ 4 คน
ผมก็เลยบอกพุทธสิดีกว่ามีกี่คนก็ได้ไม่ผิด
เรื่องนี้ผมเคยคุยกับแนวอาจารย์ ท่านแวซว่า ศาสนาพุทธไม่ได้แบ่งภริยาเป็นคน แต่เราแบ่งภริยาเป็นประเภท ภริยาทาสี ภริยาต่างๆหลายประเภทมากครับ
อ่านมโหสถชาดก พระราชทารนภริยา นางแก้วอย่างละห้าร้อยอะไรเทือกนั้นน่ะครับ
ที่ผมมาถามคือคิดแบบเจาะเวลาหาจิ๋นซีว่าคนอย่างผูเกา ที่ปล่อยเงิยนกู้ดอกเบี้ยสูงนี่สังคมยอมรับแค่ไหนน่ะครับ