จากต้นฉบับนั้นดูใช้ฆ่าคนง่ายไปนิดนึง เพียงแค่เขียนชื่อ+สกุล+นึกหน้าเท่านั้น แถมต้องตายแบบตามหลักความเป็นไปได้ซึ่งถ้านึกไม่ออกก็หัวใจล้มเหลวตายแม่งเลย
...สำหรับเวอร์ชั้นผมนะครับ...
1.เป็นสมุดแบบฉีก
2.หากต้องการฆ่าใครสักคน ต้องทำตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้...
2.1 เขียนชื่อ-สกุล และต้องมีภาพถ่ายหรือชิ้นส่วนของร่างกายเจ้าของชื่อ(เช่น เส้นผม เศษเล็บ ฯลฯ)แปะไว้ในหน้ากระดาษ
2.2 ระบุสิ่งที่เจ้าของชื่อทำบาปเอาไว้ เช่น เคยฆ่าคน รังแกคนที่อ่อนแอกว่า คบซ้อน ฯลฯ และสิ่งที่ต้องการว่าจะให้เป้าหมายตายอย่างไร
2.3 ฉีกหน้ากระดาษนั้นออกจากเล่ม ฉีกส่วนบนที่เป็นส่วนของชื่อ รูปภาพและเศษร่างกายเอามาเผาไฟ
2.4 ใช้เหงื่อของผู้ทำพิธีป้ายส่วนล่างที่เขียนบาปของเป้ามาย ในระหว่างนี้หนังสือจะทำการพิพากษาว่าสิ่งที่เขียนมาคือความจริงหรือไม่ ถ้าใช่...จะเป็นสีเขียว ถ้าไม่...ก็จะเป็นสีแดง
2.5 ความตายที่ขอจะต้องไม่เป็นการทำร้ายคนอื่นที่ไม่อยู่ในข้อมูลที่เขียน หากมีคำขอจะเป็นโมฆะ
2.6 คำขอนั้นใช้ได้อย่างสบายเพียงครั้งเดียว หากขอแล้วเข้ากรณีข้อ 3.2 และ 3.3 การขอครั้งต่อไปจะต้องใช้เลือดของผู้ขอ 3 หยด และถ้ามีครั้งที่3 ขึ้นไปก็จะต้องเพิ่มครั้งละ 2 หยด
3.บาปของเป้าหมาย
3.1 หากเขียนสิ่งบาปแล้วถูกทุกข้อ คำขอจะสำฤทธิ์ผล เป้าหมายจะตายตามที่ขอ
3.2 หากถูกต้องเกือบทุกข้อ แต่มีบางข้อที่ไม่จริง คำขอจะสำฤทธิ์ผลเพียงครึ่งหนึ่ง เป้าหมายจะแค่รับกรรมแบบไม่ถึงตายเท่านั้น เช่น สั่งไว้ว่าให้ตกตึกตาย ก็จะเหลือเพียงตกฟุตบาท+โดนรถชนจนพิการเท่านั้น
3.3 หากบาปของเท้าหมายถูกเพียงครึ่งหนึ่ง คำขอจะไม่สัมฤทธิ์ผล ถือเป็นโมฆะและตัวผู้ขอก็จะถูกลงโทษด้วยการที่อยู่ในสภาพเดียวกับคนวิ่งรอบสนามฟุตบอล 10 รอบที่ได้รับน้ำเพียง 4 ช้อนชาระหว่างหยุดพัก
3.4 หากสิ่งที่ผู้ขอเป็นความจริงต่ำกว่าครึ่ง สิ่งที่ขอจะย้อนกลับเข้าหาตัว ผู้ขอจะตายตามวิธีที่ขอเอง
3.5 บาปที่เขียนจะต้องไม่น้อยกว่า 3 ข้อ ถ้าไม่มีบาปเรื่องการฆ่าคน ข่มขืน ก่อการร้าย ทำลายชีวิตคนอื่น(บาปพวกนี้สามารถตายในข้อเดียวได้ แต่ในข้อฆ่าคนนั้นมีการยกเว้นเรื่องการฆ่าคนเลวสำหรับตำรวจหรือทหารที่วิสามัญคนร้าย หรือหมอที่การุณฆาตคนไข้ที่ยินยอมที่จะตาย และหญิงทำแท้งเพราะตั้งครรภ์จากการถูกข่มขืนหรือมีโรคติดต่อ) หากต่ำกว่านี้(ไม่ใช่ห้าอย่างหลังหรือเข้าข่ายยกเว้นในส่วนการฆ่าคน) เป้าหมายจะได้รับโทษในข้อ3.2 แทน
4.เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้ไม่เกี่ยวข้อง คำขออาจไม่สัมฤทธิ์ผลทันทีถ้าเป้าหมายกำลังทำกิจกรรมที่อาจอันตรายต่อบุคคลอื่น เช่น ขับรถ แต่จะสัมฤทธิ์ผลขณะที่เป้าหมายนอนหลับ