จริงๆความสำเร็จมันก็วัดความฉลาดได้นะ อย่างคนดวงดีถูกหวย ถ้าไม่ฉลาดก็เก็บเงินได้ไม่นาน
ความคิดท่านคล้ายกัยที่ท่านกิมย้งพูดไว้เลยล่ะครับ
"ลิ่มจิ้นน้ำ มีเพลงกระบี่ปราบมารเหมือนเด็กห้าหกขวบถือของมีค่าเอาไว้ คนก็เข้ามาแย่งไป"
ว่าไปแล้วท่านกิมย้งเคยตอบคำถามเรื่องพวกของวิเศษต่างๆไว้ในเรื่องแล้ว
แต่มานิยายปัจจุบัน ดันเขียนแบบตรงไปตรงมาไม่หักมุม ว่าของวิเศษโคตรเทพนั้นเป็นของดีอย่างที่บรรยายไว้จริง บอกว่าจะให้บรรลุพลังก็บรรลุพลังจริงๆ
ไม่ใช่เป็นเรือ่งโกหกในบางอย่างเคสของท่านอ.กิมย้ง ที่สมบัติมหาศาลฉาบเคลือพิษร้ายเอาไว้ทำให้คนตายอนาถกันหมด หรือต้องตัดกุ๊กกู๋อย่างคัมภีร์กระบี่ปราบมาร
เรื่องยาอายุวัฒนะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
ถ้าเป็นอมตะได้จริงคิดว่ามันดีจริงเหรอ ใช้ชีวิต แค่ 100 ปี ก็น่าเบื่อตายแล้ว
ถ้าต้องใช้ชีวิตเป็นพันปีจริงๆ จะรู้สึกยังไง พอเจอพลัดพราก สุดท้ายคงไม่พ้น
ต้องเข้าโลงนอนจำศีลเป็นระยะๆ แบบพวก Vampire เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
เอาละบางคนบอกงั้นก็ไปกันทั้งครอบครัว มองความเป็นจริง
คู่สามีภรรยา อยู่กัน 20 ปียังอยากหย่าเลยแล้วนี้ต้องอยู่กันเป็นพันปี
แต่ความเป็นอมตะ ก็เป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจทุกคนถวิลหา ก็อย่างที่ในเดชคัมภีร์เทวดา
(ในซีรีส์ซักเวอร์ชั่นนะ)พูดไว้
"จ้อแนเซียงตอนแรกก็อยากเป็นเจ้าสำนัก 5 ขุนเขา จากนั้นก็อยากเป็น เจ้ายุทธภพ
จากนั้นก็คงไม่พ้นอยากเป็นฮ่องเต้และหายาอายุวัฒนะ ต้องการไม่สิ้นสุด"
ตงฟางปุ๊กป๊ายกลับกล่าวว่า
"หลังบรรลุวิชาทานตะวันเรากลับพบว่าทุกสิ่งในยุทธภพล้วนไร้สาระ
การได้นั่งปักผ้าเฝ้ารอสามีกลับบ้านกลับมีคุณค่าแท้จริง"
สุดท้ายในนิยายส่วนมากคนที่ได้ครอบครอง ความเป็นอมตะจริงๆ กลับมองว่ามันเป็นคำสาป
แต่คนที่ไม่ได้ครอบครองก็กลับมองว่ามันเป็นคำอวยพร และอิจฉาตัวละครที่ได้รับความเป็นอมตะ
ที่เบื่อกันระวห่างสามีภริยาเพระาสารเคมีในสมองน่ะครับ ทางแก้คือต้องทานยาที่ปรับสภาพสารเคมีในสมองให้เหมือนกับตอนรักกันใหม่ๆอีกครั้ง
ที่บอกว่ารักแรกเกิดขึ้นได้ในวัยเด็กหรอืรักที่ยั่งยืนในวัยเยาว์ของชีวิตก็เพระาอย่างนี้บ่ะครับ
ยิ่งผ่านไปนานจิตใจคนยิ่งเฉยชา
น้ำใจยิ่งเจือจางก็เป็นคำพูดบแบบแนวนิยายจีนได้เช่นกัน
ผมมองว่าท่านกิมย้งเขียนไว้ดีเรื่องการทดสอบจิตใขจของคน
แต่ผมเกิดคำถามว่า ท่านกิมย้งวางกับดักว่ามันมาพร้อมกับข้อเสีย แต่หากมันทำตามสรรพคุณที่ให้ไว้จริงๆล่ะ?
นึกถึงเทพปีศาจหวนคืน ฟางหยวนมีความคิดออกแนวผ่านประสบการณ์มาเยอะ มองว่าความดีความชั่วคือภาพลวงตา หากเราตายเสียไม่เป็นอมตะ ทุกอย่างที่เราทำมาคือความว่างเปล่าในสายธารที่ยาวนานของกาลเวลา
แนวความคิดแบบหนังเรื่องอคลิลลี่ส
หากเจ้าไม่ไปสงคราม เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน ลูกของเจ้าจำเจ้าได้ หลานของเจ้าจำเขจ้าได้ แต่ลูกของหลานจะเริ่มลืมเลือนจ้า
หากเจ้าเข้าร่วมสงคราม เจ้าจะมีชีวิตไม่นาน แต่ชื่อของเจ้าจะเป็นอมตะตลอดกาลให้คนกล่าวขานถึง
อ้าว?? ท่านจขกท.เข้ามาอ่านคคห.ทั้งนาน กลับออฟไลน์ซะงั้น
อุตส่าห์เฝ้ารอคอมเมนต์ใจจดใจจ่อ =="
//ปกติพิมพ์ตอบทุกเมนต์ไม่ใช่เหรอ?? =="
//หรือไปเข้าห้องน้ำ
//หรือไปกินยาอายุวัฒนะ
ทานข้า่วครับท่านสี่สิบตลอดกาล
- จะว่าโง่หรือไม่ก็พูดยาก เพราะถ้าได้เจอของจริงตรงหน้าเราจะประกาศขาย ใช้เอง หรือเดินจากไป(ถ้าขายอาจถูกฆ่าชิงและกลายเป็นมรสุมเลือดแย่งชิง ใช้เองจะมีความสุขดีจริงๆรึเปล่า หรือเดินจากไปไม่ให้ใครรู้)
ความรัก โลภ โกรธ หลง ทำให้คนตาบอดหรือหลงผิดได้ ถ้าอิงแบบมังกรหยก ภาค8เทพอสูรมังกรฟ้านี่เหมือนเอาตัวละครเป็นตัวแทนอิงศาสนาเสียเยอะ
- เหมือน7บาปที่ยากจะต่อต้านแถมเรามักไม่รู้สึกตัวเพราะบาปพวกนี้ง่ายต่อการเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนเรา
- ความปราถนาเกิดขึ้นมาอย่างง่ายดายและได้เปล่า ความพยายามให้ได้มานั่นยากเย็น แต่ที่ยากเย็นยิ่งกว่าคือความสามารถในการปล่อยวาง (บางคนอาจว่าล้มเลิกได้นี่แต่ก็ขึ้นกับความปราถนาและปัจจัยบุคคลและอาจมองว่าเป็นแค่ความปราถนาชั่ววูบหรือถ้าท้อแท้ก็เรียกว่าจิตใจถูกกัดกร่อนจนยอมแพ้)
- แถมเมื่อได้มาสำเร็จก็อาจไม่ใช่ดังหวัง เหมือนคนที่เป็นอมตะในนิยายส่วนใหญ่ถ้าไม่เบื่อโลก ทำตัวเป็นพระเจ้าหรือปีศาจ ก็ชิลสโลว์ไลฟ์ไม่สนทางโลก
ผมพยายามมองในแง่เรื่องของการแยบ่งชิงน่ะครับ
ตอนแรกมันมาเหมือนกับแนวคิดประจำวันหรือสัจธรรมของชีวิตว่า
"ไม่มีใครอมตะได้ตลอดกาล"ตามหลักธรรมคำสอนของศาสนา
แต่หากมันมีเงื่อนไขแค่ว่า
"แค่ทาานยานี่ ความอมตะก็ได้ทันที ไม่ม่ีข้อเสียใดใด หนุ่มสาวตลอดกาล" เราจะชิงมันไหม?
ผมพยายามเทียบกับแนวของวิเศษคัมภีร์ยุทธ ที่ดาบฆ่ามังกร กระบี่อิงฟ้า ก็ฆ่ากันเลือดนองยุทธภพแล้วล่ะครับ
[quote/]
มีนิยายที่พระเอกโดนตามล่าเพราะวิชาพระเอกโดดเด่นเกิน
พระเอกเลยติดสินบนนักฆ่าที่โดนจ้างมาขโมย
แล้วเขียนวิชาใหม่ท่อนแรกจริง ท่อนหลังเท็จ
แล้วใส่เงื่อนไขต้องตัด....ก่อนฝึก
แล้วพระเอกก็หนีไปฝึกวิชาต่างเมืองอยู่นาน
พอกลับมามีคนเป็นหมัน 2 คน
แนวความคิดคัมภีร์ทานตะวันนี่ดังจริงๆ
แต่ถ้าเป็นผมจะบอกว่า ตัดกุ๊กกู๋ อาจจะมีข้อเสียเรื่องพลังหยาง แต่ร่างกายจะรับหยินได้ดีกว่าอะไรเทือกนั้นน่ะครับ วิชาจะอันตรายไม่แพ้กัน และทำได้อย่างที่โม้เอาไว้ว่าไม่มีด่านที่ยากกว่าด่านแรกอีกแล้ว
อ่านแค่หัวกระทู้ ยังไม่ได้อ่าน คคห.อื่นๆนะ ท่านเจ้าของกระทู้ต้องลองอ่านนิยายญี่ปุ่น
หลายๆเรื่อง ของจีนจะเน้นอมตะ อยากเป็นเทพ เป็นเซียน ก็ว่ากันไป แต่ผู้ตอบถูกจริต
นิยายญี่ปุ่นมากกว่า ที่ตัวเอกบางเรื่องไม่ได้สนความเป็นอมตะ ไม่ได้สนอายุยืนมากกว่าคนอื่น
ตอนนี้นึกออกเรื่องนึง อย่างเรื่องนี้ ของเจ้าสำนักเวปหมีเป็นผู้แปล เรื่องเสี่ยแซค เหล้าต่างโลก
https://goshujin.tk/index.php?topic=3.msg15#msg15
เสี่ยแซค ถ้าคิดจะเกิดเป็นเอลฟ์ เกิดเป็นมนุษย์มังกร หรืออะไรก็ได้ หรือในภายหลัง เสี่ยก็
สามารถขอให้มีอายุขัยไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นก็ได้ แต่เสี่ยเลือกช่วงเวลาไม่เกินร้อยปีแบบที่
มนุษย์ปุถุชนทั่วไปพึงมี
---------------------------------------------------------------------------
[นิยายจีน-ท่านว่าพวกคนในเรื่องนั้นโง่ที่ฆ่ากันเพื่อแย่งชิง"ยาอายุวัฒนะ"หรือเปล่า?]
คิดว่าไม่โง่นะ มันก็แค่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตต่างกัน ก็แค่นั้นเอง บางคนอยากอยู่นานๆ
บางคนอยากมีช่วงเบ่งบานน่าจดจำ ตอนนี้นึกถึงคำพูดตอนปูตินหนุ่มๆแล้วโดนถามคำถามนึง
มันเป็นคำถามว่า "เท่งเทียนจุดตัวเองให้มอดไหม้ มันต้องการอะไร" ปูตินตอบกลับไปว่า
"เพื่อจะได้สว่างจวบจนนาทีสุดท้าย" หรืออีกอันนึง เกี่ยวกับดอกไม้ไฟ ทำไมดอกไม้ไฟ
ถึงยอมถูกจุด คำตอบก็คล้ายๆของปูติน "เพื่อจะได้เบ่งบาน ในนาทีสุดท้าย"
ชีวิตอยู่ที่ลิขิตและเลือกเดิน สามารถบ่นได้ สามารถเปลี่ยนได้ และสามารถเชิญชวนใครๆ
ให้มาร่วมเปลี่ยนได้ ^^
ขอบคุณครับท่าน
อันที่จริงในฐานะผู้ปกครอง ไม่ต้องการให้มีคนที่คิดอย่างตนเองเยอะๆหรอกครับ
หากทึุกคนเผลอคิดว่า
"ฆ่าปูตินได้เราก็จะได้ครองรัสเซีย" สักร้อยคนคิดอย่างนี้ขึ้นมา ปูตินก็คงจะหนาวๆเหมือนกัน
แบบเดียวกับที่มีคัมภีร์เทพปรากฎในยุทธภพน่ะครับ
วว่ากติกาข้อตกลงที่แต่ละคนทำเอาไว้ แทบไม่มีผลหมดล่ะในสถานการณ์พิเศษ

..
นึกถึงเรื่องเอลฟ์ ด้วยความเป้นอมตะ ทำให้แนวคิดหลายอย่างแบบคนหัวโบราณอยู่เรื่องการสืบทอดวิชาจากพ่อสู่ลุก
"เจ้าจงครูกพักลักจำเอา"แบบสไตล์นิยายโบราณนั่นเอง
ถ้ารู้ว่าของจริงและพวกที่โคตรเก่งทังหลายแย่งกันเหตุผลมันเพราะทุกคนคิดว่าตัวเองเก่งสุด แค่ตอนปกติไม่มีของมีค่ามากพอมาล่อไห้สู้กันถ้ามีของอย่างยาฯมาล่อ ก็ไม่มีเหตุผลไห้พวกโคตรเก่งไม่มาแย่งกันแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะมีเก่งพอๆกัน แต่พวกโคตรเก่งมันก็ต้องคิดว่าตัวเองเก่งกว่านิดหนึ่งอยู่ดีถ้าคนอื่่่นได้ยาไป ต่อไปก็อาจเก่งกว่าตัวเองเหตุผลมันก็ง่ายๆแค่นี้ความจริงไม่ไช่แค่ยาแต่เป็นอะไรก็ได้ ที่ทำไห้พวกเก่งชิบหายมีโอกาสเก่งกว่าคนอื่นเช่นดาบเทพวิชาเทพ ตราปที่ของมีน้อยแบ่งกันไม่ลงตัวไม่มีใครยอมล้าหลังคนอื่นหรอกครับ
หมายความวว่าท่านมองว่า ต่อให้ตนเองไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้คนอื่นได้ไปสินะครับ?
นกึถึงมุกเจมส์บอนดช่วงแย่งของเทพๆกับรัสเซียเหมือนกันแฮะ ว่าที่คนฉลาดเทพๆมาแย่งน่ะ มันมีเหตุผลและความจำเป็นของมัน
ว่าไม่ใช่พวกเขาโง่แต่โดนสถานการณ์บังคับ
คำภีร์9อิม นี่รู้ได้ว่าว่าฝึกแล้วจะเก่งอ่ะ
อาวเอี้ยงฮงที่ฝึกแบบบวมๆยังเก่งขึ้นเลยครับ ฮา
คนทีไ่ด้ไปบางส่วนอย่างเอี้ยก้วยกับเซียวเล่งนึ้งก้บอวก่ามันดีจริงๆว่างั้น
เอาจริงๆหลังๆผมเบื่อก็พวกมุกในหนังจีนละ เป็นไปได้อยากเห็นแบบแย่งคัมภีร์เทพแล้วไปตกในมือพวกบ้าที่เอามันไปดัดแปลงเนื้อหาก่อนแล้วค่อยปล่อยคืนยุทธภพ จากนั้นก็รอดูพวกโลภตีกันแย่งของปลอมจบด้วยได้ไปแล้วเอาไปฝึกจนธาตุไฟเข้าแทรก แล้วก็วนลูปกันต่อไป
หรืออย่างยาอายุวัฒนะถ้ามาเป็นของอยู่แล้วก็จับกรอกปากพวกโจรกระจอกต่อหน้าคนทั้งยุทธภพ ให้อกแตกตายเล่น จากนั้นก็เชือดทิ้งตรงนั้นแล้วตะโกนกร้าวท้าตีนอย่าง"ขยะพันปีก็ยังเป็นขยะ"
อะไรแบบนี้มากกว่าที่ผมอยากเห็นในหนัง นิยายแนวจีนอะนะ
มุกแบบท่าน คุณหมูนยนาจาเคยใช้แล้วครับในเรื่อง "กระบี่หยามยุทธภพ"
ว่าได้คัมภีร์ไหมพรมมา แต่ไม่สามารถฝึกได้ โมโหเลยเอาไปก็อปปี้แจกขาย เท่านั้นล่ะ คนทั่วยุทธภพ รวมไปถึงเด็กขายลูกเหม็นมีวรบยุทธกันหมด

หรือแนวฝ่ามือยูไลมั้ง ป้องกันมารที่แย่งเอาคตัมภีร์สมบูรณืไปจะกลับคืนสู่ยุทธภพ พวกพระเอกเลยเอาเคล็ดวิชาเท่าที่รู้กระจายไปทั่วยุทธภพ
พอมารกลับมาก็เจอของแข็งเต็มยุทธภพแม้ตนเองจะได้ฉบับสมบูรณ์ไปก็ตาม
