ขอบคุณที่มาแสดงความคิดเห็นนะครับ
bastard ไง เชิญมายันโครตมาให้พี่ดาร์ด ยำเล่น
ตรงนั้นผมมองว่าเป็นการที่ทำเรื่องแนว "พระเจ้านั่นล่ะที่เป็นตัวร้ายและจ้องทำลายมนุษย์" ซึ่งก็เป็นมุกที่ใช้บ่อยในช่วงหนึ่งและเป็นแนวคิดที่แปลกในยุคนั้นในการเสนอเรื่องแนวใหม่ๆ
แต่พอมายุคปัจจุบันมันกลายเป็นมุกที่ใช้กันบ่อยไปแล้วน่ะครับ
อันนี้ต้องเข้าใจนะครับว่า ฝั่งพระเจ้าไม่ได้คิดที่จะลงมาครอบครองโลก(เพราะในวันสิ้นโลกนั้นโลกจะเป็นฝ่ายกลับขึ้นมารวมกับสวรรค์เอง)
แต่ซาตานนั้นคิดที่จะขึ้นมายึดครองโลก ทำให้มักมีการยื่นข้อเสนอให้มนุษย์ที่คล้อยตาม หาทางเรียกตัวเองออกมาบนโลกเพื่อให้กลายเป็น
ผู้ปกครองโลกไป ดังนั้นฝั่งพระเจ้าจึงทำแค่ส่งตัวแทนหรือให้พลังมาช่วยเท่านั้น
ก็อารมณ์ประมาณ "โลกของเจ้าๆก็ต้องดูแลกันเอง" นั้นแหละ เพราะคนที่เรียกปีศาจขึ้นมาก็คือมนุษย์ เพราะงั้นคนที่ควรจะหยุดมันก็ควร
เป็นมนุษย์ด้วยกัน โดยฝั่งเทพจะคอยหนุนหลังให้
แต่หนังฝรั่งเก่าเรื่อง "บราย เดอะ ชิล(ที่แปลว่าเด็กที่ได้รับการอวยพรน่ะ)" ละมั้ง ก็มีการอัญเชิญนะ พวกเทพแฝงตัวมาช่วยกลุ่มพระเอกนางเอก
โดยมาในร่างมนุษย์คอยช่วยตอนจังหวะสำคัญ ซึ่งปรากฏออกมา 3 ครั้งและในตอนท้าย ก็โผล่มาไล่ปีศาจกลับจากการอัญเชิญของเด็ก
เพราะเด็กนี้มีพลังพิเศษที่อายุครบเท่าไรไม่รุ้ก็จะกลายเป็นตัวแทนของฝั่งสวรรค์ พวกปีศาจและมนุษย์ที่อยุ่ฝั่งปีศาจจึงพยายามกลอมให้
เด็กย้ายมาอยุ่กับฝั่งปีศาจก่อนที่จะถึงเวลานั้นแต่ไม่สำเร็จ
[quote/]
อันนั้นไม่ใช่แล้วละ ทั้งฝั่งสวรรค์และฝั่งนรกก็เป็นศัตรูกับมนุษย์หมดเลย แค่ตอนหลังฝั่งเทพสู้ไม่ไหวเลยยอมละเว้นไปก่อนเท่านั้นเอง
แต่ดาร์คชไนเดอร์ยังแค้นพวกเทพไม่หายเลยแหละ เพราะตอนซัดกับอูริเอลที่เฟลดาวท์ความในใจของดาร์คชไนเดอร์ก็หลุดออกมาว่า
ในตอนที่ฉันไม่อยู่ พวกแกยกพวกมาฆ่าพรรคพวกฉันจนหมด(แต่บ้างคนเมไซอาคืนชีพให้ได้เช่น ไค ฮาน เป็นต้น) ไม่มีทางให้อภัย
พวกแกเด็ดขาดฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด พี่แกโคตรแค้นเลยทีเดียว
ฮืมท่าน wing มองคล้ายแนวความเชื่อของศาสนาคริสต์ที่มักมีในนิยายฝรั่งเรื่อง "เจตจำนงค์อิสระของมนุษย์" สินะครับ?
ที่ว่าพระเจ้าและทูตสวรรค์ระดับอัครสาวกนั้น มีอำนาจมากก็จริง แต่จะไม่มีอำนาจไปแทรกแซง "เจตจำนงค์อิสระ" ที่มนุษย์ตัดสินใจเลือกทางเดินของตนเอง
แต่มันก็หากพูดในทางกลับกัน ก็แปลว่าเมื่อมีมนุษย์ที่อยากอัญเชิญซาตานก็ค้องมีมนุษย์ที่อบากอัญเชิญพระเยซูบ้างสิครับ์
แน่นอนครับ หากเป็นเรื่องแนวศาสนาคริสต์คงมีการเฉลยประมาณว่า
"บุตรของข้าเอ๋ย เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องอัญเชิญข้าเลย เพราะข้าไม่เคยทอดทิ้งพวกเจ้าไปไหน ข้าอยู่กับเจ้าเสมอ"
ซึ่งออกมาเป็นแนวว่าพระเจ้านั้นอยู่ในทุกแห่งอยู่แล้ว
แต่ทำออกมาอย่างนั้นมันคงทำให้ผู้ศรัทธาในศาสนาสบายใจที่ได้อ่าน แต่คงทำให้คนที่ต้องการเห็นตัวละครฝ่ายดีโชว์ความเทพบ้างรู้สึกผิดหวังล่ะครับ
เทพฝ่ายร้ายส่วนมากจะเป็น พวกที่อยากมาสร้างความปั่นป่วนในโลกอยู่แล้ว
ซึ่งทำให้ อัญเชิญได้ง่ายกว่า
กลับกัน เทพฝ่ายดีมักไม่ค่อยอยากจะมาวุ่นวายโลกเท่าไร คงเพราะอยู่สบายแล้ว
ทำให้ถ้าไม่มีอะไรไปทำให้ตัวเองซวยไปด้วย ก็คงไม่ลงมาหรอก
ผมหมายถึงในทางเทคนิค มันมีทางอัญเชิญฝ่ายร้ายขึ้นมาบนโลกได้ ก็น่าจะมีการอัญเชิญฝ่ายดีมาได้ด้วยเหมือนกันน่ะครับ
ส่วนใหญ่ที่เคยอ่านมันไม่มีพูดถึงพิธีอัญเชิญเทพเจ้าเลยนะ น่าจะอนุมานได้ว่าเป็นเพราะพิธีกรรมที่ว่ามันไม่มีน่ะแหละ
บางเรื่องก็ทำเหมือนตัวตนของพระเจ้าเป็นแค่ของที่เป็นนามธรรม แต่จอมมารเคยมีตัวตนอยู่จริงแบบเป็นรูปธรรม ให้อารมณ์ราวๆ "บางทีตำมะหนวดดีๆอาจมีอยู่จริง แต่ตำมะหนวดชั่วๆที่คอยรีดไถเก็บส่วยตูเห็นขับรถผ่านหน้าบ้านอยู่ทุกวัน" อะไรประมาณนี้
หรือไม่ก็พระเจ้ามีอยู่จริง แต่ก็ทิ้งแค่พิธีกรรมอัญเชิญผู้กล้าเอาไว้ให้เสมือนตัวแทนของตนเอง ส่วนฝ่ายปิศาจที่อัญเชิญเทพมารของตนได้มันเหมือนจะกลายเป็น common sense ไปแล้วเลยไม่ต้องให้คำอธิบายอะไรล่ะมั้งนะ
แนวคิดนั้นก็น่าสนใจครับ ผมว่ามันคือความรุ้สึกของเรื่อง เบอร์เซิร์คยุคแรก ที่พบว่า เทพฝ่ายร้ายมีอยู่จริง เรื่องเหนือธรรมชาติและ "ปาฏิหาริย์" มีอยู่จริง แต่เทพเจ้าฝ่ายดีไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
ทำให้เกิดผลอย่างที่ท่านว่า ว่าฝ่ายตัวร้าย มีพิธีกรรมอัญเชิญ บอกวิธีการและอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องใช้เสร็จสรรพ ส่วนฝ่ายดีต้องใช้ของกันตามมีตามเกิด