[quote/]
แถมแค่ช่วงทดลองใช้ และหมด ไปแล้ว
กฏหมายต่างประเทศมันแปลกๆ นะ policy ระหว่สงองค์กรณ์ ถือเป็นกฏหมาย อย่างนึง แต่บ้านเรา
ข้อตกลงระหว่างกันมีได้ แต่ทุกอย่าง อยู่ภายใต้กฏหมาย ถ้าข้อตกลง ผิดขัดกับกฏหมาย แต่เห็นเซ็น หรือเซ็นแบบ ไม่เต็มใจ (พิสูจลายเซ็น) ถือว่าสัญญาไม่มีผลบังคับใช้ทางกฏหมาย
และ ฟ้องเรียกค่าเสียหาได้แค่ 50,000 USD เพราะเป็นกฏหมายรัฐ เป็ยผม ขะรียบจ่าย โปะแถม ก่อนเรื่องขึ้นศาล เพรทะขึ้นศาล เรื่องจะเข้าสู่สาธารณะ เจ๊งยับกว่า 50,000 แน่ๆ
เอาตามตรงผู้ถือหุ้นควรรวมตัวปลด CEO ได้แล้วนะ
(ทฤษฎีสมคบคิด มีมาพักนึง บางคนว่าไว้ ถ้าหุ้นดิสเน่า ตกมากๆ อีลอนมีตังอาจเข้าซื้อไปกระทืบโวคข้างในเล่น
ข่างเรื่อง พี่แกให้ทุนนักแสดงที่โดนดิสนี่ปลด เลิกจ้างแบบไม่เป็นธรรม ไม่รู้ว่าคดีขึ้นศาลหรือยัง เห็นคาด การณ์กันว่าขึ้นศาลเมื่อไร คดีนี้หุ้นร่วงแน่ๆ
CEO มันพึ่งเปลี่ยนครับ คนปัจจุบันคือ Bob Iger ไอ้คนที่ดัน woke จนเกิดโปรเจคอะไรไม่รู้สารพัดนี่คือ Bob Chapek ที่พึ่งออกไปเมื่อปลาย 2022 ไอ้พวก series star woke จำนวนมากนี่ คอมโบกับแคธลินนี่หายนะ, marvel ช่วงหลัง end game ที่เน่าๆ, หนังคนแสดง disney ทั้งเงือก, snowdirt, animation ที่มีแต่ประเด็น LGBTQ รัวๆ ก็เป็นผลงานในยุคอิ Chapek ทั้งหมดเลย
ประกอบกับ Bob Iger มันเคยเป็น CEO มา 2005-2019 ก่อนหน้านี้พวกนางซิน, beauty and the beast, maleficent, อะลาดิน ที่ไม่ได้แย่มาก แต่ก็ยังตรงปก พอเปลี่ยนปุ๊บ แม่งลงเหวหนักเลย
ดังนั้น ผมเลยยังขอรอดูมูฟเม้นอิตานี่ไปก่อน ว่าจะแก้ปัญหาตอนนี้ได้มั้ย และดูจาก expo live action พวก โมอาน่า, Lilo & stitch ก็ตรงปกอยู่ น่าจะพอหวังได้มั้ง? (ส่วนอะไรที่มันรันไปแล้วอย่าง iron heart ก็คงทำให้จบๆไปล่ะมั้ง ซึ่งผมมองว่า phase 4 ที่เละๆ เอาตัวละครผิวสี ไม่ก็ผู้หญิงในคอมมิคมาสร้างรัวๆนี่เกิดในช่วง Chapek ทั้งนั้น)
แล้วเรื่องทนายนี่ คนซวยคือคนที่ไปติดต่อคนนี้นะ ผมมองว่าเรื่องฟ้องร้องกันในศาลเป็นเรื่องปกติของที่นั่น และดิสนีย์ก็คือดิสนีย์อยู่แล้ว แต่ซวยคือไปขุดเจอทนายแบบนี้ และคนจิ้มทนายคนนี้ก็ไม่ใช่ CEO แน่ๆ จะลงมาเล่นกับเรื่องเล็กน้อยทำไม
ส่วนเรื่อง Snowdirt น่าจะเรียกได้ว่ากำขี้ดีกว่ากำตด ยกเลิกโปรเจคมัน 0 แน่ๆ ทำต่อจนเสร็จก็ยังได้เศษตังบ้าง
นักแสดง no comment ละกัน แต่พี่ทำให้ใครดูวะครับ anti-woke กับดิสนีย์สายชอบ animation ก็คงไม่ดู, woke มันไม่ดูอยู่แล้ว, พวกเกลียดปาเลสไตน์ก็ไม่ดู เพราะมา call out แบบนี้, คนเกลียดอิสราเอลก็ไม่ดู เพราะกัล กาดอทเป็นชาวอิสราเอล
free speech เป็นสิ่งที่สามารถพูดได้ แต่ก็ต้องรับผิดชอบผลการกระทำนั้นด้วยเช่นกัน ซึ่งคนน่าจะลืมประโยคหลังกันเยอะ โดยเฉพาะพวกในทวิต โดนฟ้องไปกี่รายแล้วไม่รู้ แต่ก็ยังพยายามเสียเงินให้ได้นั่นแหละ