คุณคิดว่าแบบไหนถูก

[deaddy]

คุณว่าคำตอบคือแบบไหน เมื่ออยู่กลางโลก
1 จะรู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาล
2 ไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูด
3 ข้อมูลไม่พอ

แรงดึงดูดหักล้างหมด เพราะทุกทิศดึงเท่ากัน เลยไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูด อันนี้คำคำตอบคลิป

แต่คำตอบผมคือแรงดึงดูดทิศรวมแล้วคือ 0 แต่จะไม่หักล้าง คือโดนดึงจากทุกทิศเหมือนเดิม

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

• Tweet

[sariora123]

เอา ตามทฤษฎี ตรงตัวเลย แรงดึงดูดเกิดจาก มวลของโลก


เกิดขึ้นจากมวลนะครับ   ดังนั้น หาก ท่านสามารถสร้างทาง ลงไปยังใจกลางโลกได้
เท่า กับว่าท่ายถูกล้อมรอบ ด้วยมวล ของโลก
ดังนั้นแรงดึงดูด จากทุกทิศทาง  รอบตัว มันจะหักล้างกันทำให้ญจุดใจกลางโลก มีสภาพ
ไร๊แรงโน้มถ่วง


ปรากฏการ หักล้าง กันแบบนี้ ก็ราวๆ น้ำขึ้นลง เพราะตำแหน่งดวงจันทร์


ทว่ามันแค่ทฤษฎี ยังไม่มีการพิสูจณ์ แต่ทก็น่าจะใกล้เคียง เพราะคำนวนทางฟิสิกส์ เรื่องนี้มีโอกาศผิดน้อย




รู้จักจุด ลาจเล้ง ไหม จุดพวกนี้มีในพื้นที่อวกาศ   เช่นจุดลาจเล้งของ โลก กับดวงอาทิตย์  เป็นจุดที่ แรงโน้มถ้วง โลก ดวง อาทิตย์หักล้างกัน  ถ้าส่งยาน อวกาศเข้าไปที่จุดน้พ มันก็จะลอยวนเวียน อยูในนั้นไม่ไปไหน ไม่โดนแรงดึงดูของฌลกหรือดาวดวงไหนดูให้ตก
 กล้องเจมเวป ก็อยู่แถวนั้น


มนุษย์ตอนนี้ก็ยีงเข้าใจแรงโน้มถ่วง ไม่ดีพอนะ


ล่าสุดเปรี่ยนจากทแรงโน้วถ่วง
เป็นความโน้มถ่วง  เพราะมันไม่ใช่แรง

[blakaros]

Lagrange point ครับ    ถ้าอ่านภาษาฝรั่งเศษจะอ่านว่าลากร็องฌ์     ภาษาอังกฤษจะเป็นลากรานจ์   ไม่ใช่จุดลาจเล้ง   เป็นจุดที่แรงโน้มถ่วงวัตถุขนาดใหญ่หักล้างกันพอดี


แหมท่านก็เรียกซะผมอยากไปร้านเนื้อเลย

[sariora123]

Lagrange point ครับ    ถ้าอ่านภาษาฝรั่งเศษจะอ่านว่าลากร็องฌ์     ภาษาอังกฤษจะเป็นลากรานจ์   ไม่ใช่จุดลาจเล้ง   เป็นจุดที่แรงโน้มถ่วงวัตถุขนาดใหญ่หักล้างกันพอดี


แหมท่านก็เรียกซะผมอยากไปร้านเนื้อเลย

55+ ได้ยิน มานาน ผมยัง ไม้รู้ว่าเรียกถูกหรือเปล่าเลย


รู้ว่ามันเป็นจุดที่แรงโน้มถ่วงมันหักล้างกัน  จำได้ว่าของโลก กับดวงอาทิตย์ มี4จุด


เรื่องแรงโน้มถ่วงหลังๆ ได้ยินว่ามีการพัฒนาทฤษฎี เพื่อหางทางด่วนอวกาศ
เพื่อหาเส้นทางที่แรงดึงดูดมีผลน้อยที่สุด ถ้าทำได้ การเดินทางระหว่างดาวจะง่ายขึ้นเยอะ

[Rumia]

ผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางเป็น0แน่นอนกลับกันการถูกดึงทุกทิศทางต่างหากที่น่ากลัว คุณคิดดูว่าถ้าคุณถูกดึงทุกทิศจะเป็นยังไงก็พอ เป็น0นั้นหมายความว่าวัตถุในศูนย์กลางไม่ขยับเพราะแรงดึงทุกทิศทางเท่ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าแรงที่มาจากทุกทิศทางนั้นหายไปและนั้นหมายความว่าต้องอยู่ที่ศูนย์กลางด้วยนะ และการจะเกิดเหตุแบบนั้นได้หมายความว่าวัตถุแบบโลกต้องไม่เคลื่อนไหวด้วยครับ แต่โลกมันเครื่อนที่ตลอดเวลาใจกลางโลกควรหมุนวนปันป่วนมากกว่าหยุดนิ่งแต่มีแรงดึงทุกทิศทาง

[deaddy]

ผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางเป็น0แน่นอนกลับกันการถูกดึงทุกทิศทางต่างหากที่น่ากลัว คุณคิดดูว่าถ้าคุณถูกดึงทุกทิศจะเป็นยังไงก็พอ เป็น0นั้นหมายความว่าวัตถุในศูนย์กลางไม่ขยับเพราะแรงดึงทุกทิศทางเท่ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าแรงที่มาจากทุกทิศทางนั้นหายไปและนั้นหมายความว่าต้องอยู่ที่ศูนย์กลางด้วยนะ และการจะเกิดเหตุแบบนั้นได้หมายความว่าวัตถุแบบโลกต้องไม่เคลื่อนไหวด้วยครับ แต่โลกมันเครื่อนที่ตลอดเวลาใจกลางโลกควรหมุนวนปันป่วนมากกว่าหยุดนิ่งแต่มีแรงดึงทุกทิศทาง

ผมมองว่ามันเหมือนลูกโป่ง แรงดันเข้าทุกทิศทาง เช่น อยู่ที่ระดับความหนาแน่นก๊าซด้านนอกกับด้านในรวมแรงหดของลูกโป่งที่ยืด ถ้าตัวเลขไม่ห่างมาก มันก็ปรกติ


แต่ถ้าแรงดันต่างกันมากเช่น ในห้องที่มีความดันสูงลูกโป่งจะดันออกทุกทิศ
ซึ่งในใจกลางโลกผมมองว่าจะเป็นการขยายจนลูกโป่งแตก


คือผลรวมเท่ากับ 0 จริง แต่มันเกิดจากการรวมทิศของแรง ไม่ใช่แรงที่กระทำต่อมวล


เหมือน 5 ม้าแยกร่าง ถึงจะอยู่นิ่งเพราะม้าแรงเท่ากัน แต่คนโดนดึงมันโครตทรมาน

[sariora123]

ผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางเป็น0แน่นอนกลับกันการถูกดึงทุกทิศทางต่างหากที่น่ากลัว คุณคิดดูว่าถ้าคุณถูกดึงทุกทิศจะเป็นยังไงก็พอ เป็น0นั้นหมายความว่าวัตถุในศูนย์กลางไม่ขยับเพราะแรงดึงทุกทิศทางเท่ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าแรงที่มาจากทุกทิศทางนั้นหายไปและนั้นหมายความว่าต้องอยู่ที่ศูนย์กลางด้วยนะ และการจะเกิดเหตุแบบนั้นได้หมายความว่าวัตถุแบบโลกต้องไม่เคลื่อนไหวด้วยครับ แต่โลกมันเครื่อนที่ตลอดเวลาใจกลางโลกควรหมุนวนปันป่วนมากกว่าหยุดนิ่งแต่มีแรงดึงทุกทิศทาง

โดยหลักการถายใต้โลก ส่วนที่หมุรคือ แมนเทิล นิครับ เคยมีหนึง มันอธิบายำว้ล่ะว่า ส่วนแกนโลก มันจะนิ่งๆ ส่วนแมนเทิน เนื้อโลกจะหมุน ปฎิกริยานี้คือตัวปั่นไฟสร้างสนามแม่เหล็กโลก




ถ้าแรงโน้มถ่วงกระทพต่อลูกบอล เป็นการดึง ไปทางใดๆ
มันไม่ได้ดึงเกมือน เอาเชือก มาติดแล้วดึง แต่มัรกระทำต่อลูกบอล ทั้งลูก
หาก มีแรงในทิศทรงตรงกันข้าม ซึ่งมันก็มีผลต่อบอลทั้งลูกเกมือนกัน ดังนั้นมันหักล้างกัน ก็ถูกล่ะนี่นา

[sechan]

  ก่อนวัดได้จะแยกแรงบีบอัดจากแรงดึงดูดอย่างไร

[deaddy]

[quote/]โดยหลักการถายใต้โลก ส่วนที่หมุรคือ แมนเทิล นิครับ เคยมีหนึง มันอธิบายำว้ล่ะว่า ส่วนแกนโลก มันจะนิ่งๆ ส่วนแมนเทิน เนื้อโลกจะหมุน ปฎิกริยานี้คือตัวปั่นไฟสร้างสนามแม่เหล็กโลก




ถ้าแรงโน้มถ่วงกระทพต่อลูกบอล เป็นการดึง ไปทางใดๆ
มันไม่ได้ดึงเกมือน เอาเชือก มาติดแล้วดึง แต่มัรกระทำต่อลูกบอล ทั้งลูก
หาก มีแรงในทิศทรงตรงกันข้าม ซึ่งมันก็มีผลต่อบอลทั้งลูกเกมือนกัน ดังนั้นมันหักล้างกัน ก็ถูกล่ะนี่นา

ถ้าออกแรงมากๆ ผลรวมออกมาหักล้าง แต่ลูกบอลแตกไงครับ


ผมว่าจะคล้ายๆกับการทดลองแบบนี้ แต่จะขยายหรือหดอันนี้ไม่กล้าฟันธง

คือผลรวมเท่ากับ 0 กับ มี 0มันต่างกัน
เช่น มีรายได้ 0 บาท เลยไม่ใช้ซักบาท เหลือ 0บาท
กับหาเงินได้ 100 ล้านแต่ใช้หมด 100 ล้าน ต่างกันแน่นอน

[sariora123]

[quote/]


ถ้าออกแรงมากๆ ผลรวมออกมาหักล้าง แต่ลูกบอลแตกไงครับ


ผมว่าจะคล้ายๆกับการทดลองแบบนี้ แต่จะขยายหรือหดอันนี้ไม่กล้าฟันธง
[youtube/]


คือผลรวมเท่ากับ 0 กับ มี 0มันต่างกัน
เช่น มีรายได้ 0 บาท เลยไม่ใช้ซักบาท เหลือ 0บาท
กับหาเงินได้ 100 ล้านแต่ใช้หมด 100 ล้าน ต่างกันแน่นอน

ถ้าลงไปอยู่ในแกนโลก ในความติดผม  หากเราคิดคำนวน แรงดันไปด้วน ก็โดนอัด เป็น ก้อน  แต่กหาก ไม่คิด แรงดันเข้าไปด้วบ
ตามความคิดผม คือ แรงดึงดูดจากทิศทางนควกระทำต่พ ทุก เซล ของเราอย่างเท่ากัน
แต่จัมีแรงดึงดูดจาก ทิศทางอื่นกระทำต่อทุกเซล เช่นกุน เมื่อแรงมันกระทำต่อ วัตถุทั้งชิ้น

ดังนั้นึวรจะเป็นสภาพที่อรงมันหักล้างกัน

ถ้ามวลที่มีแรงดึงดูดมหาศาล อย่างเช่นแบ็กโฮล แรงที่กำต่อวัตถุทั้งชิ้น ไม่เท่ากัน เช่น ส่วนหึวที่อยู่ห่างจากหลุมดำมีค่า g 1 แต่ส่วนเท้่ที่อยูใกล้หลุมดำ มีค่าg 100 อันนี้น่าจะโดนฉีก

แต่ว่ายังไม่ใครเคยลงไปถึงแกนโลกเพื่อพิสูจน์ มันเลยเป็นได้แค่ทฤษฎี แต่ก็น่าเชื่อถือได้
ทฤฎี ก็ยังเป็น ทฤษฎี อยู่เช่นเดิม.

อย่างเช่นเรื่องการย้อนเวลาก็มีคนพูดราวๆ ว่า อาจเป็นไปได้บ้างแล้วนะ
แต่มันเป็นแค่ทฤษฎี เช่นเดิม เพราะในปัจจุบัน นอกจากนาฬิกา เรายังหาอะไรมาตรวจวัด เวลา /ม่ได้เลย


ผมไม่เก่งฟิสิก
แต่ฟิสิก สม ัยใหม่
มอง เป็นความโน้มถ่วง ไม่ใช่แรง
นิวตั้นบอกว่า แรงโน้มถ่วงดึงวัตถุลง มา
แต่ขิงสมัยไหม อธิบายว่าแรงโน้วมุ่วงำม่ได้ดึงลงมา
แรงโน้วมถ่วงบิดงอ อวกาศและเวลา วัตถุนั้น เครื่องที่เป็นเส้นตรง แต่เพราะ
อวกาศและเวลา ถูกบิด โค้ง ด้วยความโน้มถ่วง  มันเลยเคลื่อนที่ตามอวกาศที่โค้งงอ
 แต่จริงๆ แล้วมันเครื่องที่ไปในทางหนึ่งๆเป็นเส้นตรง
แค่เราเห็นภาพลวงของการดกลงมา เพราะอวกาศและเวลาที่โค้งงอ


วิทยาศาสตร์ยุคนี้ปวดหัวมาก

[nsk19850724]

คุฯจะโดนกด +ทับ และละลายหายไปก่อนถึงใจกลางโลกครับ

เพราะยิ่งลึกจากผิวดินมากเท่าไหร่ แรงดัน + อุณหภูมิจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนคุณถูกหลอมเหลวรวมไปกับหินหลอมเหลว / ธารลาวาครับ

[sariora123]

นอกประเด็นนิดนึง ขี้เกียจตั้งมู้ใหม่  ยังไงก็วิทยาศาสตร์
 มีข่าวว่า


มีการสร้างระขบบ ที่เหมือน batman ecco ในหนังขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ
คิดว่า สมคบคิด คือเรื่องจริง




อีกเรื่อง นิวโรลิ้ง ใกล้ความเป็นจริงล่ะครับ จะทดลอง กับมนุษย์ในปี นี้แหละ
ต่อปลักใส่สมอง หรือควยคุมโดยความคิดโดยตรง

[Rumia]

[quote/]โดยหลักการถายใต้โลก ส่วนที่หมุรคือ แมนเทิล นิครับ เคยมีหนึง มันอธิบายำว้ล่ะว่า ส่วนแกนโลก มันจะนิ่งๆ ส่วนแมนเทิน เนื้อโลกจะหมุน ปฎิกริยานี้คือตัวปั่นไฟสร้างสนามแม่เหล็กโลก




ถ้าแรงโน้มถ่วงกระทพต่อลูกบอล เป็นการดึง ไปทางใดๆ
มันไม่ได้ดึงเกมือน เอาเชือก มาติดแล้วดึง แต่มัรกระทำต่อลูกบอล ทั้งลูก
หาก มีแรงในทิศทรงตรงกันข้าม ซึ่งมันก็มีผลต่อบอลทั้งลูกเกมือนกัน ดังนั้นมันหักล้างกัน ก็ถูกล่ะนี่นา

มันไม่เหมือนกันครับแรงมาจากทุกทางจนหักลบกันเป็น0กับไม่มีแรงผลกระทบคือ0มันไม่เหมือนกันครับ คิดง่ายๆนะครับก่อนที่แรงจากทุกด้านจะกระทบกันมันไม่ไช่0แน่นอน แล้วคนที่อยู่ตรงแรงทุกด้านมากระทบกันไม่มีทางไม่โดนผลกระทบจากแรงรอบด้านครับ ไอ้ที่ว่ามามันแค่การคิดแบบคณิตครับแต่อย่างที่หลายท่านว่า การมีเงินร้อยล้านล้มละลายหมดเป็น0กับไม่มีเงินสักบาทเป็น0มันต่างกันเยอะครับ ไอ้พวกการมโนต่างๆก่อนมีการพิสูตรว่าทำได้จริง ส่วนมากคือการเพ้อเจ้อครับเช่นถ้าเร็วกว่าแสงจะย้อนอดีตได้ในความเป็นจริง ต่อไห้คุณเร็วกว่าแสงสักล้านเท่าก็ย้อนอดีตไม่ได้ความเร็วไม่สามารถทะลุเวลาได้ แล้วไอ้ที่ว่าเร็วกว่าแสงย้อนอดีตนะความจริงมันแค่ความโง่ของนักวิท ที่ไช้อุปกรณ์ไวกว่าแสงแล้วเห็นภาพย้อนหลังแล้วคิดว่าถ้าไวกว่าแสงก็จะย้อนเวลาได้ แต่ความจริงคือเมื่อเราเร็วกว่าแสงภาพที่แสดงโดยแสงจะเห็นถอยเหมือนฟิมเพราะ เรามองเห็นได้จากแสงกระทบตาเมื่อเราเคลื่อนที่เร็วกว่าแสงภาพก็แค่มองเห็นย้อนแสงแค่นั้น แต่เวลาไม่ได้ย้อนตามเหมือนเราดูพิมถอยหลังแต่เวลาที่เราไช้ดูก็ยังเท่าเดิม ดังนั้นอะไรที่ยังไม่สามมารถพิสูตรมันก็เป็นแค่การมโนแค่นั้นครับ โอกาศเป็นไปได้ผมบอกเลยว่าแม่งโคตรต่ำไอ้การมโนพวกนี้ส่วนมากจะผิดเสมอ

[deaddy]

[quote/]

ถ้าลงไปอยู่ในแกนโลก ในความติดผม  หากเราคิดคำนวน แรงดันไปด้วน ก็โดนอัด เป็น ก้อน  แต่กหาก ไม่คิด แรงดันเข้าไปด้วบ
ตามความคิดผม คือ แรงดึงดูดจากทิศทางนควกระทำต่พ ทุก เซล ของเราอย่างเท่ากัน
แต่จัมีแรงดึงดูดจาก ทิศทางอื่นกระทำต่อทุกเซล เช่นกุน เมื่อแรงมันกระทำต่อ วัตถุทั้งชิ้น

ดังนั้นึวรจะเป็นสภาพที่อรงมันหักล้างกัน

ถ้ามวลที่มีแรงดึงดูดมหาศาล อย่างเช่นแบ็กโฮล แรงที่กำต่อวัตถุทั้งชิ้น ไม่เท่ากัน เช่น ส่วนหึวที่อยู่ห่างจากหลุมดำมีค่า g 1 แต่ส่วนเท้่ที่อยูใกล้หลุมดำ มีค่าg 100 อันนี้น่าจะโดนฉีก

แต่ว่ายังไม่ใครเคยลงไปถึงแกนโลกเพื่อพิสูจน์ มันเลยเป็นได้แค่ทฤษฎี แต่ก็น่าเชื่อถือได้
ทฤฎี ก็ยังเป็น ทฤษฎี อยู่เช่นเดิม.

อย่างเช่นเรื่องการย้อนเวลาก็มีคนพูดราวๆ ว่า อาจเป็นไปได้บ้างแล้วนะ
แต่มันเป็นแค่ทฤษฎี เช่นเดิม เพราะในปัจจุบัน นอกจากนาฬิกา เรายังหาอะไรมาตรวจวัด เวลา /ม่ได้เลย


ผมไม่เก่งฟิสิก
แต่ฟิสิก สม ัยใหม่
มอง เป็นความโน้มถ่วง ไม่ใช่แรง
นิวตั้นบอกว่า แรงโน้มถ่วงดึงวัตถุลง มา
แต่ขิงสมัยไหม อธิบายว่าแรงโน้วมุ่วงำม่ได้ดึงลงมา
แรงโน้วมถ่วงบิดงอ อวกาศและเวลา วัตถุนั้น เครื่องที่เป็นเส้นตรง แต่เพราะ
อวกาศและเวลา ถูกบิด โค้ง ด้วยความโน้มถ่วง  มันเลยเคลื่อนที่ตามอวกาศที่โค้งงอ
 แต่จริงๆ แล้วมันเครื่องที่ไปในทางหนึ่งๆเป็นเส้นตรง
แค่เราเห็นภาพลวงของการดกลงมา เพราะอวกาศและเวลาที่โค้งงอ


วิทยาศาสตร์ยุคนี้ปวดหัวมาก

ประเด็นคือแรงมันจะเป็น ระยะทางกำลัง 2
คือที่ครึ่งทางของ รัสมีโลก นน.จะเพิ่ม 4 เท่า รัศมีโลกมีราวๆ 6 พัน กม.
เอาแค่ 6 กม.จากแกนโลก นน.ก็เพิ่มเป็น 1 ล้านเท่าละ เซลเราจะรับได้หรือ


แต่นั่นคือตามทฤษฏี ระยะห่างจากผิวออกไป พอย้อนกลับเข้าไปตรงกลาง มวลมันไม่ได้มีจากจุดกลางทั้งหมด
มันจะมีจากทุกทิศ ในทิศทางมาจากกึ่งกลางสูงสุด


ถ้าให้ผมประมาณการณ์ น่าจะคิดทำนองเปรียบโลกเป็น แตงโม
หั่นแตงโมออกครึ่งแล้วเอาผิวด้านนอกไปติดเป้า มวลถูกตัดไปครุึ่ง จุดศุนย์รวมมวลของครึ่งที่เหลือจะเยื้องเข้ามาใกล้


เช่นจากจุดกลางคือ 1r เป็น 5/8r กับส่วนครึ่งไกล ซัก 11/8r
แรง 1g = (m/2)^2 /(5/8)^2      +     (m/2)^2/(11/8)^2
(m/2)^2/(5/8)^2  >  (m/2)^2/(11/8)^2


g= (2.564 +0.529)(m/2)^2 =3.093(m/2)^2


แปลว่าถ้าผ่าครึ่ง แล้วเอาแตงโมด้านโค้งมาติด 2 ด้าน = 2.564*2=5.128
หรือแรงโน้มถ่วงจะมากขึ้น= 5.128/3.093 =1.65 เท่า แต่ทิศทางจะเท่ากับ 0


ทำไปหลายๆรอบ จนเป็นทรงกลม จะกลายเป็น แรงกดกี่เท่าไม่รู้ แต่น่าจะหลายเท่าของค่า g เลยแหล่ะ แค่ทิศเท่ากับ 0

[Rumia]

[quote/]


ประเด็นคือแรงมันจะเป็น ระยะทางกำลัง 2
คือที่ครึ่งทางของ รัสมีโลก นน.จะเพิ่ม 4 เท่า รัศมีโลกมีราวๆ 6 พัน กม.
เอาแค่ 6 กม.จากแกนโลก นน.ก็เพิ่มเป็น 1 ล้านเท่าละ เซลเราจะรับได้หรือ


แต่นั่นคือตามทฤษฏี ระยะห่างจากผิวออกไป พอย้อนกลับเข้าไปตรงกลาง มวลมันไม่ได้มีจากจุดกลางทั้งหมด
มันจะมีจากทุกทิศ ในทิศทางมาจากกึ่งกลางสูงสุด


ถ้าให้ผมประมาณการณ์ น่าจะคิดทำนองเปรียบโลกเป็น แตงโม
หั่นแตงโมออกครึ่งแล้วเอาผิวด้านนอกไปติดเป้า มวลถูกตัดไปครุึ่ง จุดศุนย์รวมมวลของครึ่งที่เหลือจะเยื้องเข้ามาใกล้


เช่นจากจุดกลางคือ 1r เป็น 5/8r กับส่วนครึ่งไกล ซัก 11/8r
แรง 1g = (m/2)^2 /(5/8)^2      +     (m/2)^2/(11/8)^2
(m/2)^2/(5/8)^2  >  (m/2)^2/(11/8)^2


g= (2.564 +0.529)(m/2)^2 =3.093(m/2)^2


แปลว่าถ้าผ่าครึ่ง แล้วเอาแตงโมด้านโค้งมาติด 2 ด้าน = 2.564*2=5.128
หรือแรงโน้มถ่วงจะมากขึ้น= 5.128/3.093 =1.65 เท่า แต่ทิศทางจะเท่ากับ 0


ทำไปหลายๆรอบ จนเป็นทรงกลม จะกลายเป็น แรงกดกี่เท่าไม่รู้ แต่น่าจะหลายเท่าของค่า g เลยแหล่ะ แค่ทิศเท่ากับ 0

ไช่ครับว่าง่ายๆถึงในทางตัวเลขในการคำนวนสุดท้ายมันจะเป็น0แต่แรงกระทำที่เกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบ และถ้าว่าไปในการคำนวนที่ว่ามันมีจุดบอดในการคำนวนอีกถ้ามีอะไรก็ตามหยุดอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวเลย ผลที่ออกมาจะไม่ไช่ความร้อนแบบแกนโลกมันจะเกิดอาการเย็นจัดต่างหากแบบเดียวกับดาวที่ตายไปแล้ว แกนโลกไม่เคลื่อนไหวผลคือยิ่งลึกยิ่งเย็น