ส่วนตัว ผมมิงว่า jk , เหยียด พวกนี้ นะครับ
แต่ไม่ใช่แบบจพฆ่ากันให้ตายไปข้าง ยังมีเหตุผล ว่า ทำไม เพราะอะไร
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แล้วจะเที่ยวไปจับผิดแล้วด่าแม่งทุกอย่าง
๋ความเห็นแรกๆของ JK ไม่ได้เชิงเหยียดเลย และไม่เหยียด LGBTQ แน่นอน(ไม่งั้นดัมเบิลดอร์จะเป็นเกย์ได้ไง แถมให้เป็นตั้งแต่สมัย woke มันยังไม่บูมด้วยซ้ำ โคตรมาก่อนกาล) และค่อนข้างจะเกลียดผู้ชายด้วย ตัวละครชายในแฮรี่หลายตัวก็นิสัยไม่ดีทั้งนั้น
นางแค่บอกว่า trans ก็ควรไปแข่งกับ trans ไม่ใช่มาแข่งกับผู้หญิง คือสรีระมันเสียเปรียบ ถึงแม้ว่าการแข่งกีฬามันจะไม่ยุติธรรมอยู่แล้วก็เถอะ(สรีระคนยุโรปกับเอเชียก็ต่างกัน) คือในแง่ biological ก็ถูกทุกอย่าง
woke ก็ด่ายับเลย JK ก็เหมือนอารมณ์ มึงเอางี้หรอ ผลักกูนักหรอ ก็ได้ สนับสนุนเงินให้ turf แม่งเลยละกัน แล้วหลังจากนั้นทวิตแต่ละอย่างเหมือนคนธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้ผมมองว่า JK จริงๆก็หนักพอๆกัน แทนที่จะอยู่เงียบๆสวยๆ เกรียนแตกซะงั้น
เอาจริงๆพวกนี้มันดูกีฬาซะที่ไหน ต่อให้เปลี่ยนเอาใจมันก็ไม่มาดูหรอก แต่ถ้าเปลี่ยนไปแล้ว นักกีฬาหญิงที่เค้ามาจริงจังๆจะคิดยังไง?(แต่จะเปลี่ยนเอาใจก็ทำไปเถอะ กีฬาผู้หญิง ผมแทบไม่ดูอยู่แล้ว ถ้าผู้หญิงเค้ารับได้กับ trans มาแข่งด้วยก็เรื่องเค้า)
HRK เขาไม่เอาจริงตั้งแต่แรกไงครับคนพวกนี้เลยได้ใจ แต่ BRF นี่คือไม่สนไปคุยกันที่ศาลอย่างเดียวมันเลยไม่กล้า
น่าจะข้อจำกัดเรื่องเปิดเผยตัวตนด้วยรึเปล่า สมัยเป็น freelance เอกคงไม่อยากเปิดเผยตัว เปิดหน้า เพราะเวลาฟ้องมันใช้ชื่อจริง หรือต่อให้ผ่านทนาย ถ้าเบิกตัวพยาน มันก็ต้องไปอยู่ดี ละไปใส่หน้ากากในศาลไม่ได้อยู่แล้ว(ต่อให้จะ video call หรืออะไรก็ตาม ก็ต้องเปิดเผยหน้า) พอมีข้อจำกัดนี้ ที่ผ่านมาคือทำได้แค่เงียบ รอเรื่องผ่านไป
แต่ตอนนี้ตั้งบริษัทแล้ว ฟ้องในนามบริษัทได้ พยานก็ส่งตัวแทนไป
ที่ดูใจดี ใจอ่อน ไม่เอาเรื่อง ผมคิดว่าเหตุผลก็ประมาณนี้
ต่างจากเบย์ที่เปิดหน้า เปิดชื่อแต่แรก + เคยทำงานสายนี้มาก่อน จึงมีความรู้ด้านนี้พอสมควร เลยส่งหมายศาลสไนเปอร์ได้รัวๆ และเร็ว