เว็บติดตามสถานการณ์ในยูเครนแบบ Live Map

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 199 ของสงคราม Part 4

4. แม้สถานการณ์ในสนามรบตอนนี้จะเป็นข่าวดีต่อเนื่องสำหรับฝ่ายยูเครน แต่สถานการณ์ด้านการขาดเงินงบประมาณและความต้องการเงินมหาศาลในการฟื้นฟูบูรณะประเทศจากสงครามยังเป็นปัญหาใหญ่ของยูเครนในตอนนี้ โดยรายงานล่าสุดจากการวิเคราะห์ร่วมกันของรัฐบาลยูเครน สหภาพยุโรป และธนาคารโลก เปิดเผยว่ายูเครนจำต้องใช้เงินงบประมาณอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 349,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12.67 ล้านล้านบาท) ในการฟื้นฟูบูรณะทุกภาคส่วนของประเทศให้กลับมามีสภาพดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวอีกว่าภายในระยะเวลา 3 ปี ต่อจากนี้ หรือภายในปี 2025 ยูเครนจะต้องการเงินงบประมาณเร่งด่วนจำนวนมากถึง 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.8 ล้านล้านบาท) เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูภาคการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณสุข การสนับสนุนภาคเกษตรกรรม การเตรียมการสำหรับฤดูหนาว และการบูรณะเส้นทางคมนาคมในประเทศ

แน่นอนว่าการพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากชาติพันธมิตรไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง เพราะในระยะยาว ยูเครนจะต้องสามารถยืนหยัดได้ตนเองให้ได้ด้วยเช่นกัน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์วิจัยนโยบายเศรษฐกิจ (Centre for Economic Policy Research) ได้ออกมาให้ความเห็นว่าทางรัฐบาลยูเครนจะต้องทำการปฏิรูประบบเศรษฐกิจของตัวเองด้วยมาตรการต่างๆ เช่นการออกพันธบัตรรัฐบาล (War Bond) ให้แก่ประชาชนภายในประเทศ การเก็บอัตราภาษีก้าวหน้า (Progressive Tax) สำหรับพลเมืองยูเครนผู้มีรายได้สูง หรือการเก็บค่าธรรมเนียมภัยสงคราม (War Risk Surcharge) การขยายฐานภาษีและการเพิ่มอัตราภาษีทั่วไป รวมถึงการปฏิรูประบบตลาดเพื่อดึงภาษีจากระบบเศรษฐกิจใต้ดิน (Shadow Economy) ภายในประเทศ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ยูเครนนั้นยังคงได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความกังวลเรื่องเงินงบประมาณสำหรับการฟื้นฟูประเทศนั้นสามารถบรรเทาลงได้ในระดับหนึ่ง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปได้เห็นพ้องร่วมกันในการมอบเงินกู้ยืมมูลค่า 5,000 ล้านยูโร (184,300 ล้านบาท) ให้แก่รัฐบาลยูเครน

สำหรับเงินกู้มูลค่า 5,000 ล้านยูโร (184,300 ล้านบาท) ชุดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ความช่วยเหลือด้านการเงินมหภาค” (Macro-Financial Assistance) มูลค่า 9,000 ล้านยูโร (331,760 ล้านบาท) ที่คณะกรรมาธิการยุโรปนำเสนอในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเงินงบประมาณในโครงการ “รีบิลด์ยูเครน” (RebuildUkraine) แต่เนื่องจากแผนดังกล่าวถูกคัดค้านโดยเยอรมนีซึ่งต้องการมอบความช่วยเหลือในรูปเงินให้เปล่าแก่ยูเครนแทนการให้เงินกู้ และการขาดแคลนงบประมาณของสหภาพยุโรป ทำให้สหภาพยุโรปเปลี่ยนแผนเป็นการมอบเงินกู้จำนวน 1,000 ล้านยูโร (36,860 ล้านบาท) ให้แก่ยูเครนแทนเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายชบีเน็ก สตานยูรา (Zbyněk Stanjura) รมว.การคลังของเช็กเกีย ได้กล่าวว่าทางสหภาพยุโรปยังต้องทำการเจรจาหาข้อตกลงกันต่อไป ว่าเงินช่วยเหลือยูเครนที่เหลืออีก 3,000 ล้านยูโร (110,590 ล้านบาท) ในโครงการ “รีบิลด์ยูเครน” นั้นสมควรมอบให้แก่ยูเครนในรูปแบบใด ระหว่างเงินกู้หรือเงินให้เปล่า


5. ความต้องการเงินงบประมาณเพื่อฟื้นฟูประเทศไม่ใช่เรื่องด่วนเพื่ออย่างเดียวของฝ่ายยูเครน แม้ว่ากองทัพยูเครนจะได้รับการสนับสนุนเป็นจำนวนมากจากชาติตะวันตก แต่ยูเครนก็ยังมองว่าความช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการขับไล่กองทัพรัสเซียออกจากยูเครน ทำให้ล่าสุด มีรายงานว่า ปธน.เซเลนสกี้ของยูเครน จะเข้าร่วมการประชุมงานนิทรรศการอาวุธสงครามของสหรัฐที่จะจัดขึ้นปลายเดือนนี้ เพื่อหารือกับทางบริษัทอุตสาหกรรมอาวุธชั้นนำของสหรัฐโดยตรงเรื่องความต้องการทางทหารของกองทัพยูเครน

สำหรับงานนิทรรศการอาวุธสงครามที่ว่ามา คืองาน “นิทรรศการและการประชุมขีดความสามารถทางทหารแห่งอนาคตครั้งที่สอง” (2nd Future Force Capabilities Conference & Exhibition) ซึ่งจะจัดขึ้นภายในวันที่ 19-22 ก.ย. นี้ ญ เมืองออสติน รัฐเท็กซัสของสหรัฐ โดยมีรายงานว่า ปธน.เซเลนสกี้ นายโอเล็กซีย์ เรสนิคอฟ (Oleksii Reznikov) รมว.กลาโหมยูเครน และ ดร.บิล ลาแพลนต์ (Dr.Bill LaPlante) รมช.กลาโหมฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างของสหรัฐ จะเข้าร่วมการประชุมในงานผ่านทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อหารือกับเครือข่ายอุตสาหกรรมอาวุธชั้นนำภายในสหรัฐ ในการตอบสนองต่อความต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐ ยูเครน และชาติพันธมิตรอื่นๆ การแก้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเนื่องจากวิกฤติพลังงานและโรคโควิด-19 (Covid-19) รวมถึงการวางแนวทางร่วมกันในการยกระดับอัตราการผลิตอาวุธให้ทันต่อความต้องการเร่งด่วนของสหรัฐและชาติพันธมิตรทั้งหมดด้วย



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 200 ของสงคราม Part 1

1. ถือเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับกองทัพยูเครน โดยนายโอเล็กซีย์ เรสนิคอฟ (Oleksii Reznikov) รมว.กลาโหมยูเครนได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “อาร์บีซียูเครน” (RBC Ukraine) เมื่อวานนี้ ว่าจนถึงตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรวางระบบการทำงานของ “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” (Lend-Lease) แก่ยูเครนอย่างไร แม้ว่าตอนนี้จะผ่านมาถึง 4 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” ได้รับการประกาศบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

เท้าความก่อนว่าเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนของสหรัฐได้เซ็นลงนามประกาศบังคับใช้ “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืมเพื่อปกป้องประชาธิปไตยของยูเครน” (Ukraine Democracy Defense Lend-Lease Act) อย่างเป็นทางการ โดยเนื้อหาสำคัญของ “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” ฉบับนี้ คือการมอบอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐในตัดสินใจส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนและประเทศพันธมิตรอื่นๆ ในยุโรปตะวันออกได้ตามที่ ปธน.เห็นสมควรโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งจะทำให้การส่งมอบความช่วยเหลือจากสหรัฐไปยังยูเครนนั้นทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดย “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” นี้มีกำหนดระยะเวลาให้หมดอายุความโดยอัตโนมัติภายในปีงบประมาณ 2023

ทั้งนี้ นายเรสนิคอฟกล่าวว่าการวางแผนเพื่อดำเนินงาน “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” นั้นมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว แต่ทางรัฐบาลสหรัฐยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าพวกเขาจะดำเนินงานด้วยวิธีใดในการจัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน โดยเรสนิคอฟเล่าว่าในตอนแรกนั้นมีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธให้แก่ยูเครนผ่านการเช่า-ยืมจนกว่าสงครามจะจบลง คล้ายคลึงกับ “รัฐบัญญัติการให้เช่า-ยืม” (Lend-Lease Act) ของสหรัฐในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แต่แผนดังกล่าวถูกปัดตกไป และตอนนี้ทางรัฐบาลสหรัฐ นำโดยกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องวิธีการดำเนินงานตาม “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” แก่ยูเครน

ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน นายโอเล็กซีย์ ดานิลอฟ (Oleksiy Danilov) เลขาธิการสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “ลิก้า” (Liga) ว่ามีความเป็นไปได้ที่ระบบ “การให้เช่า-ยืม” จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน และเนื่องจากในตอนนี้ได้เข้าสู่วันที่ 11 ของเดือนกันยายนแล้วแต่ยังไม่มีประกาศจากสหรัฐเรื่องความคืบหน้าของ “รัฐบัญญัติให้เช่า-ยืม” ออกมา เราจึงยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้วระบบ “การให้เช่า-ยืม” จะเริ่มดำเนินงานได้ภายในเดือนนี้หรือไม่ หรืออาจต้องรอไปจนถึงเดือนตุลาคมจนกว่าแผนงานขั้นสุดท้ายจะได้รับการรับรองจากสหรัฐ


2. ทางด้านรัสเซียกำลังเร่งหาทางทำการทดแทนเครื่องบินโดยสารของสายการบินในประเทศเป็นการใหญ่ เนื่องจากสายการบินส่วนมากในรัสเซียใช้งานเครื่องบินโดยสารที่ผลิตจากบริษัท “โบอิ้ง” (The Boeing Company) หรือ “แอร์บัส” (Airbus SE) เป็นหลัก โดยล่าสุดรัฐบาลรัสเซียได้เซ็นสัญญาการผลิต-สั่งซื้อเครื่องบินโดยสารจากอุตสาหกรรมในประเทศจำนวนทั้งหมด 339 ลำ เพื่อมาทดแทนอากาศยานจากบริษัทของชาติตะวันตกทั้งหมด

ในงาน “การประชุมเศรษฐกิจบูรพา” (Eastern Economic Forum) ณ เมืองวลาดีวอสตอค ภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5-8 ก.ย. ที่ผ่านมา สายการบินแห่งชาติ “แอโรฟลอต” (PJSC Aeroflot - Russian Airlines) ของรัฐบาลรัสเซีย ได้ทำการเซ็นสัญญาการผลิตและสั่งซื้อเครื่องบินโดยสาร กับบริษัท “ตูโปเลฟ” (JSC Tupolev) และ “เอียร์คุต” (JSC Irkut Corporation) ของรัสเซีย จำนวนทั้งสิ้น 339 ลำ ประกอบไปด้วย

2.1 เครื่องบินโดยสารรุ่น Irkut MC-21-300 จำนวน 210 ลำ
2.2 เครื่องบินโดยสารรุ่น Irkut SSJ 100/95-NEW จำนวน 89 ลำ
2.3 เครื่องบินโดยสารรุ่น Tupolev Tu-214 จำนวน 40 ลำ

ในปัจจุบัน สายการบิน “แอโรฟลอต” มีเครื่องบินพาณิชย์ในการใช้งานทั้งหมดประมาณ 305-360 ลำ ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียง 76 ลำที่เป็นอากาศยานที่ผลิตภายในประเทศ ที่เหลือทั้งหมดเป็นเครื่องบินโดยสารที่ส่วนใหญ่ทำการเช่า-ยืมมาจากบริษัทต่างชาติ ซึ่งอากาศยานจากต่างชาติเหล่านี้บางส่วนจะถูกนำไปถอดแยกชิ้นส่วนออก เพื่อนำไปใช้เป็นอะไหล่สำรองให้แก่อากาศยานรุ่นเดียวกันที่ยังสามารถใช้งานได้แทน ซึ่งแหล่งข่าวในรัสเซียเชื่อว่าทางรัฐบาลรัสเซีย นำโดยกระทรวงคมนาคม จะสามารถทำการแก้กฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอะไหล่สำรองของเครื่องบินโดยสารได้ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า


3. ทางด้านสหภาพยุโรปก็เกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีด้านกิจการพลังงานของชาติสมาชิกสหภาพยุโรปประสบความล้มเหลวในการเจรจาเพื่อหาแนวทางร่วมกัน ในการรับมือกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นภายหลังจากที่รัสเซียได้ทำการยุติการส่งก๊าซให้แก่ฝรั่งเศสและเยอรมนี ผ่านทางท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” (Nord Stream 1) ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. และ 1 ก.ย. เป็นต้นมา

ทั้งนี้ เดิมทีชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปนั้นมีกำหนดการในการประชุมเพื่อเสาะหามาตรการรับมือกับราคาพลังงานพุ่งสูงร่วมกันทั้งสหภาพภายในวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะทำการประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่งภายในวันที่ 14 ก.ย. แต่เนื่องจากความล่าช้าจากปัญหาการไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ทำให้กำหนดการทั้งหมดจะต้องล่าช้าออกไป โดยภายในวันที่ 14 ก.ย. นี้จะมีการจัดประชุมของชาติสมาชิกอีกรอบหนึ่งเพื่อหาข้อตกลงด้านมาตรการรับมือกับราคาพลังงานให้แล้วเสร็จ ก่อนจะทำการประกาศอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือนนี้



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 200 ของสงคราม Part 2

4. ทางด้านสถานการณ์ภายในรัสเซียเองก็เริ่มจะมีกระแสการเมืองในทิศทางที่เลวร้ายลงสำหรับ ปธน.ปูติน เมื่ออยู่ๆ ในวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา สมาชิกสภาแขวงสโมลนินสกอย (Smolninskoye Municipal Council) ของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย ได้ส่งหนังสือคำร้องไปยังสภาความมั่นคงและผู้นำพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 5 พรรค เพื่อเรียกร้องให้ทำการถอดถอน ปธน.ปูตินลงจากตำแหน่งในฐานะผู้ทรยศชาติบ้านเมือง

สมาชิก 7 รายของสภาแขวงสโมลนินสกอยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานเสียงสำคัญทางการเมืองของ ปธน.ปูติน ได้ทำการส่งหนังสือคำร้องไปยังสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และผู้นำพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 5 พรรคในสภาดูมา (เทียบได้กับสภาผู้แทนราษฎร + วุฒิสภาของไทย) เรียกร้องให้ทางสภาดูมาดำเนินการพิจารณาถอดถอนนายวลาดิเมียร์ ปูติน ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งสมาชิกทั้ง 7 รายผู้ลงนามในหนังสือคำร้อง ให้เหตุผลว่าการกระทำของ ปธน.ปูตินนั้นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเสียหายแก่ภาคเศรษฐกิจและกองทัพของประเทศ การลดทอนระดับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองรัสเซียให้ตกต่ำลง การปล่อยให้ฟินแลนด์และนอร์เวย์เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโต้ และการทำให้ยูเครนกลายเป็นรัฐปฏิปักษ์เต็มรูปแบบกับรัสเซีย

ไม่ใช่แค่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่มีความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทางฝั่งมอสโกเองก็มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในรูปแบบเดียวกันออกมา โดยทางสมาชิกสภาแขวงโลโมโนซอฟสกี้ (Lomonosovsky District Council) ได้ดำเนินการส่งหนังสือคำร้องให้แก่ ปธน.ปูตินโดยตรง เพื่อเรียกร้องให้ปูตินลาออกจากตำแหน่งเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่าผลตอบรับที่ออกมานั้นไม่เหนือความคาดหมาย บรรดาสมาชิกสภาแขวงที่ทำการส่งหนังสือเรียกร้องให้ ปธน.ปูตินลาออกต่างได้รับหมายเรียกจากตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดี “การปล่อยข่าวปลอมโดยเจตนาเพื่อทำลายชื่อเสียงของกองทัพรัสเซีย” แล้วเรียบร้อย

ทั้งนี้ เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะส่งผลมากน้อยแค่ไหนต่ออำนาจของ ปธน.ปูตินในรัสเซีย แต่อย่างน้อยที่สุด มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงกระแสความไม่พอใจต่อการกระทำของ ปธน.ปูตินโดยนักการเมืองระดับล่างของรัสเซีย แน่นอนว่าหาก ปธน.ปูตินยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในยูเครนได้ กระแสดังกล่าวอาจลามขึ้นมายังบรรดานักการเมืองระดับสูง ซึ่งอาจเป็นการสั่นคลอนอำนาจของปูตินได้เลยทีเดียว


5. อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจ ในวันที่ 15-16 ก.ย. นี้ ปธน.ปูตินของรัสเซีย และ ปธน.สี จิ้นผิงของจีนจะมีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงซามาร์กันด์ (Samarkand) ประเทศอุซเบกิสถาน เพื่อเข้าร่วมการประชุมในงาน “การประชุมสุดยอดผู้นำสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้” (Shanghai Cooperation Organisation Summit) ซึ่งจะนับเป็นครั้งที่สองของปีนี้ที่ทั้งสองจะได้พบเจอกันอีกครั้ง หลังจากที่ ปธน.ปูตินได้ทำการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนหน้าการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน

การกลับมาพบกันอีกครั้งของทั้งสองผู้นำในครั้งนี้ จะเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบันที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามใหญ่ สุ่มเสี่ยงต่ออิทธิพลของรัสเซียและจีนบนเวทีโลก และสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเมืองของทั้งปูตินและสี ทั้งจากวิกฤติการณ์จีน-ไต้หวันครั้งใหม่ นโยบาย “ซีโรโควิด” (Zero-Covid Policy) ของจีน รายงานเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์ในประเทศจีน สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก จึงน่าติดตามว่าการพบกันครั้งที่สองของสองผู้นำขั้วตรงข้ามกับโลกตะวันตกในครั้งนี้ จะนำมาซึ่ง “มิตรภาพไร้ขอบเขต” (Friendship with No Limits) อย่างที่ทั้งสองเคยประกาศไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ได้หรือไม่



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 200 ของสงคราม Part 3

6. ต่อเนื่องกับความสำเร็จของปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบของยูเครนในแนวรบอิซิอุม (Izium) อ้างอิงจากคำแถลงการณ์ของ ปธน.เซเลนสกี้ในวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ยูเครนสามารถปลดแอกดินแดนของตนคืนจากรัสเซียได้แล้วกว่า 2,000 ตร.กม. (ใกล้เคียงกับพื้นที่จังหวัดนครนายกหรือนครปฐมของไทย) ในช่วงเวลาเพียง 9 วัน นับจากวันที่ 1 - 10 ก.ย. แต่ถ้าหากอ้างอิงจากการประเมินของสถาบันสงครามศึกษา (Institute For the Study of War) หนึ่งในกลุ่มนักวิเคราะห์อิสระด้านข่าวการทหาร ยูเครนอาจทำการปลดแอกดินแดนของตนคืนจากรัสเซียได้มากถึง 3,000 ตร.กม. (เทียบเท่ากับพื้นที่จังหวัดสตูล) ในระยะเวลา 5 วัน นับจากวันที่ 6 - 11 ก.ย.

เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ 2 มิ.ย. - 2 ก.ย. รัสเซียสามารถยึดครองดินแดนจากยูเครนเพิ่มเติมได้เพียง 612 ตร.กม. เท่านั้น (เล็กกว่าพื้นที่ทั้งหมดของ จ.นนทบุรีเล็กน้อย)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สำหรับพื้นที่ที่ยูเครนสามารถควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วในแนวรบอิซิอุม-คาร์คิฟ ที่สำคัญได้แก่เมืองคูเปียนสก์ (Kupyansk) บาลาคลียา (Balakliia) และเชฟเชนโคฟ (Shevchenkove)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

นอกจากการยึดครองพื้นที่จำนวนมากในแนวรบอิซิอุมคืนจากรัสเซียได้แล้ว นายเซอร์ฮีย์ ไฮได (Serhiy Haidai) ประธานคณะปกครองพลเรือน-ทหารประจำจังหวัดลูฮันสก์ (Luhansk Oblast) ของยูเครน ยังได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวในยูเครน ว่าตอนนี้กองทัพยูเครนยังคงปะทะกับกองทัพรัสเซียในเมืองอิซิอุม ไลมาน (Lyman) และไลไซชานสก์ (Lysychansk) อยู่ในตอนนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงหลงเหลือทหารรัสเซียในพื้นที่อยู่เป็นจำนวนมาก ไฮไดยังกล่าวด้วยว่ากองทัพรัสเซียและกบฏลูฮันสก์ในหลายเมืองได้ทำการถอยทัพออกจากพื้นที่ของตนเนื่องด้วยความกลัวการรุกคืบอันรวดเร็วของกองทัพยูเครน ส่งผลให้ในบางพื้นที่มีรายงานกลุ่ม “พลพรรคยูเครน” (Ukrainian Partisans) สามารถทำการควบคุมพื้นที่บางส่วนของเมืองคืนได้ เช่นในเมืองเครมินนา (Kreminna) ทางเหนือของไลมาน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ นายไฮไดไม่ได้เปิดเผยแน่ชัดในกรณีของการโจมตีเมืองไลมานและไลไซชานสก์ของกองทัพยูเครนนั้นมีเป้าหมายใด แต่เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการโจมตีเพื่อตรึงกำลังเสริมของรัสเซียไม่ให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือทหารบางส่วนที่ยังคงติดอยู่ในอิซิอุมได้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากองทัพรัสเซียในพื้นที่ทางเหนือของคาร์คิฟ ได้สั่งการอพยพกำลังทหาร เจ้าหน้าที่ และพลเมืองสัญชาติรัสเซียในเมืองวอฟชานสก์ (Vovchansk) และเวลิกี้ บูร์ลุก (Velykyi Burluk) ใกล้กับชายแดนรัสเซีย เนื่องจากสื่อรัสเซียรายงานว่ากองทัพยูเครนได้ทำการยกทัพข้ามลำน้ำจากเมืองสตารีซาลตีฟ (Staryi Saltiv) เข้าโจมตีเมืองโคติมเลีย (Khotimlya) และเมืองข้างเคียงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลำน้ำ แล้วมุ่งขึ้นเหนือเพื่อเข้าตีวอฟชานสก์ ขณะที่ทัพยูเครนบางส่วนจากคูเปียนสก์ได้มุ่งขึ้นเหนือเพื่อเข้าตีเวลิกี้ บูร์ลุกแล้วเรียบร้อย แต่ก็มีบางกระแสข่าวบอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแค่ข่าวปลอมที่เผยแพร่โดยฝั่งยูเครนเพื่อสร้างความตื่นตระหนกในหมู่กองทัพรัสเซียด้วยเช่นกัน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทั้งนี้ เนื่องจากฝ่ายยูเครนนั้นถือกฎการไม่เผยแพร่ข่าวของตนออกมาหากว่ายังไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ เราจึงอาจคาดคะเนได้ว่าทัพยูเครนบางส่วนได้ทำการเข้าตีโคติมเลียและเวลิกี้ บูร์ลุกอย่างที่สื่อฝั่งรัสเซียกล่าวเอาไว้ แต่เนื่องจากยังไม่ประสบความสำเร็จในการยึดเมือง จึงยังไม่ทำการเผยแพร่ข่าวออกมา ก็เป็นไปได้เช่นกัน



ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 201 ของสงคราม Part 1

1. ต่อเนื่องกับปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบของยูเครนในแนวรบอิซิอุม (Izyum) ทางตะวันออกของจังหวัดคาร์คิฟ (Kharkiv Oblast) ที่แม้ว่าในตอนนี้ยูเครนจะเริ่มชะลอกำลังการบุกของตนแล้ว เพื่อใช้เวลาในการเคลียร์พื้นที่จากทหารรัสเซียที่ยังหลงเหลืออยู่ พักกำลังพลจากความเหนื่อยล้าในการรบต่อเนื่องยาวนานหลายวัน และจัดวางแนวป้องกันกับสายการส่งกำลังบำรุงในพื้นที่ที่พึ่งทำการปลดแอกมาได้ แต่ด้วยความรวดเร็วในการเคลื่อนทัพของยูเครน กลับสร้างความตื่นตระหนกให้แก่กำลังทหารฝั่งรัสเซียในแนวรบอิซิอุมอย่างหนักจนทหารรัสเซียจำนวนมากทำการหนีทัพแตกกระเจิง ล่าสุดมีรายงานออกมาว่าทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้สั่งการถอนกำลังทหารทั้งหมดที่ตั้งทัพอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำออสกิลหรือออสโคล (Oskil River / Oskol River) ในจังหวัดคาร์คิฟแล้วเรียบร้อย

ความสำเร็จในครั้งนี้นับว่ายิ่งใหญ่มาก เพราะเพียงยุทธการรบที่กินระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ยูเครนสามารถปลดแอกดินแดนของตนคืนจากฝั่งรัสเซียได้มากถึง 8,370 ตร.กม. (เล็กกว่าพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเล็กน้อย) และสามารถผลักดันกองทัพรัสเซียส่วนใหญ่ในคาร์คิฟกลับประเทศรัสเซียได้สำเร็จ นับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองของยูเครนในสงครามครั้งนี้ นับตั้งแต่ยูเครนประสบความสำเร็จในการขับไล่กองทัพรัสเซียออกจากพื้นที่ทางเหนือของประเทศ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน เลยทีเดียว

ภาพประกอบ 1 แสดงเส้นทางการบุกของยูเครนในยุทธการสายฟ้าแลบครั้งนี้ (ลูกศรน้ำเงิน) พื้นที่จังหวัดคาร์คิฟใต้การควบคุมของรัสเซีย (สีเหลือง) และเส้นทางการถอยทัพของรัสเซีย (ลูกศรแดง)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 2 แสดงพื้นที่ของจังหวัดคาร์คิฟที่ได้รับการปลดแอกและกองทหารยูเครนที่เริ่มทำการเคลื่อนทัพเข้ามาในพื้นที่ (ลูกศรน้ำเงิน) และเส้นทางการถอยทัพของรัสเซีย (ลูกศรแดง)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 3 แสดงพื้นที่ของจังหวัดคาร์คิฟที่ได้รับการปลดแอก (พื้นที่สีเหลืองอ่อน) และพื้นที่บางส่วนที่คาดว่ายังมีทหารรัสเซียหลงเหลืออยู่ (พื้นที่สีชมพู) ขณะที่พื้นที่ฝั่งตะวันออกของออสกิลยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย (พื้นที่สีแดง)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 4 แผนที่จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่มีการเผยแพร่ออกมา แสดงให้เห็นว่าทางกองทัพรัสเซียตัดสินใจถอนกำลังออกจากพื้นที่ในจังหวัดคาร์คิฟ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำออสกิลทั้งหมด เพื่อไปรวมกำลังใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำออสกิล (พื้นที่สีแดงอ่อน) ซึ่งเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวของจังหวัดคาร์คิฟที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 5 แผนที่แสดงพื้นที่ในจังหวัดคาร์คิฟทั้งหมดที่ยูเครนสามารถปลดแอกคืนจากรัสเซียในปฏิบัติการครั้งนี้ คิดเป็นพื้นที่ทั้งหมด 8,370 ตร.กม. (เล็กกว่าพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเล็กน้อย)

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจหลังการรุกครั้งนี้ นั่นคือทหารยูเครนที่เข้าปลดแอกเมืองคูเปียนสก์ (Kupyansk) พบเอกสารที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลท้องถิ่นโปรรัสเซียที่กองทัพรัสเซียตั้งขึ้นหลังเข้าควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม กำลังเตรียมการจะจัดการลง “ประชามติ” แบบปาหี่ขึ้นในวันที่ 11 ก.ย. หรือเมื่อวานนี้ เพื่อหวังทำการก่อตั้ง “สาธารณรัฐประชาชนคาร์คิฟ” (Kharkiv People’s Republic) ขึ้นเป็นประเทศหุ่นเชิดแห่งที่สามในยูเครนตะวันออก ต่อจากโดเนตสก์และลูฮันสก์

ภาพประกอบ 6 แผนที่และธงชาติของ “สาธารณรัฐประชาชนคาร์คิฟ” ที่ถูกพบในคูเปียนสก์

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ทางด้านรัสเซียนั้น หลังจากประสบกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในคาร์คิฟ ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียจึงได้ทำการสั่งปลดประจำการพลโทโรมัน เบิร์ดนิคอฟ (Lieutenant-General Roman Berdnikov) ผู้บังคับบัญชากองทัพภาคตะวันตก (Western Military District) ของรัสเซีย โทษฐานที่ประสบความล้มเหลวในการรับมือกับการรุกของยูเครนในคาร์คิฟ แม้ว่านายพลเบิร์ดนิคอฟพึ่งจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาเป็น ผบ.กองทัพภาคตะวันตกเพียง 15-16 วันเท่านั้น (นายพลเบิร์ดนิคอฟได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ผบ.กองทัพภาคตะวันตกเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา) พร้อมกันนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังได้สั่งย้ายสายการบังคับบัญชากองทหารในสังกัดกองทัพภาคตะวันตก ให้ไปอยู่ภายใต้การสั่งการของพลเอกอเล็กซานเดอร์ ลาปิน (Colonel-General Aleksandr Lapin) ผู้บังคับบัญชากองทัพหน่วยกลาง (Army Group Center) ที่รับผิดชอบการสั่งการทหารในแนวรบทางเหนือของ “สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์” (Luhansk People’s Republic) ซึ่งติดกับจังหวัดคาร์คิฟของยูเครนเป็นการชั่วคราว 

ภาพประกอบ 7 พลโทโรมัน เบิร์ดนิคอฟ

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ภาพประกอบ 8 พลเอกอเล็กซานเดอร์ ลาปิน

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[PeanutButter]

อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 201 ของสงคราม Part 2

2. หลังจากที่พ่ายแพ้อย่างยับเยินในศึกคาร์คิฟ ซึ่งคาดว่าจะมีทหารรัสเซียจำนวนหลายพันนายถูกจับกุมเป็นเชลยโดยฝั่งยูเครน จะยิ่งทำให้รัสเซียเหลือกำลังทหารที่อยู่ในสภาพพร้อมรบน้อยลงยิ่งกว่าเดิมมาก โดยนายวาดิม สกิบิตสกี้ (Vadym Skibitsky) โฆษกกองอำนวยการข่าวกรองกลาง (GUR) หน่วยข่าวกรองลับของกระทรวงกลาโหมยูเครน ได้เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ประเทศชาติ(ไม่)มั่นคง” หรือ (Un)Safe Country ซึ่งนายสกิบิตสกี้ได้กล่าวว่าปัจจุบัน รัสเซียเหลือกำลังทหารในสภาพพร้อมรบอยู่เพียง 170,000 นายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายสกิบิตสกี้นั้นใช้คำพูดว่า “กำลังทหารพร้อมรบ” (Combat-Ready Ground Force) ไม่ใช่กำลังทหารทั้งหมด หมายความว่าตัวเลขจริงของทหารรัสเซียน่าจะสูงมากกว่านี้ แต่อาจอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการรบใดๆ เช่นผู้บาดเจ็บหรือทหารฝ่ายงานเอกสาร/ทหารส่งกำลังบำรุง

นอกจากนี้ นายสกิบิตสกี้ยังกล่าวต่อไปว่ารัสเซียกำลังพยายามระดมกำลังทหารชุดใหม่มาแทนที่กำลังรบที่สูญเสียไปในยูเครน ซึ่งรัสเซียตั้งเป้าจะทำการระดมกำลังทหารให้ได้จำนวน 90,000 นาย ซึ่งจะทำการรวบรวมทั้งจากทหารรับจ้าง กองกำลังสำรอง ทหารอาสา และกำลังสำรองชำนาญการพิเศษภายในประเทศ อย่างไรก็ดี จนถึงตอนนี้รัฐบาลและกองทัพรัสเซียยังไม่ประสบความสำเร็จในการระดมกำลังพลเพิ่มเติมผ่านวิธีการดังกล่าวอย่างมีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ทางกองเสนาธิการทหารกองทัพยูเครน (General Staff of the Armed Forces of Ukraine) เคยรายงานไว้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. หรือราว 3 เดือนก่อนหน้า ว่ารัสเซียได้ระดมกำลังทหารเข้าสู่สนามรบในยูเครนจำนวนทั้งหมดประมาณ 330,000 นาย แบ่งได้เป็นกองกำลังภาคพื้นดิน 150,000 นาย กองทัพเรือและกองทัพอากาศ 70,000 นาย และอีก 110,000 นาย มาจากกองกำลังสำรอง ทหารอาสา และกองกำลังติดอาวุธกึ่งทหารจากหน่วยอารักขาสหพันธรัฐ (FSO) กับกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ “รอสกวาร์เดีย” (Rosgvardia) อย่างไรก็ดี ทางกองเสนาธิการฯ ไม่ได้เปิดเผยแน่ชัดว่าตัวเลขดังกล่าวได้รวมกำลังทหารจากกองกำลังทหารรับจ้างและกองกำลังกบฏในโดเนตสก์และลูฮันสก์หรือไม่

คำให้สัมภาษณ์ของสกิบิตสกี้นั้นสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของทางกองเสนาธิการทหารกองทัพยูเครน ซึ่งได้รายงานสถานการณ์การรบเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า กองทัพรัสเซียและกลุ่มรัฐบาลยูเครนแปรพักตร์ในพื้นที่ยึดครองจังหวัดคาร์คิฟ (Kharkiv Oblast) และเคอร์สัน (Kherson Oblast) กำลังเตรียมการจะทำการบังคับเกณฑ์ทหารพลเมืองสัญชาติยูเครนในพื้นที่ มาทำหน้าที่เป็นทหารให้กับกองทัพรัสเซีย เนื่องจากกองทัพรัสเซียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนกำลังรบระดับร้ายแรง หลังจากที่ทหารรัสเซียประสบกับความสูญเสียอย่างหนักตลอดสงคราม ซึ่งทำให้พลเมืองสัญชาติรัสเซียจำนวนมากหลีกเลี่ยงการสมัครเป็นทหารอาชีพ กำลังสำรองชำนาญการพิเศษ หรือแม้แต่เข้าร่วมกองทหารอาสาเพื่อมารบในยูเครน

เรื่องดังกล่าวไม่ได้แย่ไปเสียหมด ข่าวดีสำหรับยูเครนก็คือ อิงจากคำให้สัมภาษณ์ของนายสกิบิตสกี้เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา สกิบิตสกี้กล่าวว่ารัสเซียนั้นจะไม่สามารถระดมกำลังทหารเพื่อส่งเข้าสู่สนามรบในยูเครนได้มากเกินกว่า 350,000 นาย เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศกว้างใหญ่ จำต้องใช้กำลังทหารจำนวนมากประจำการตามแนวชายแดนและพื้นที่สำคัญต่างๆ ของประเทศ อีกทั้งรัสเซียยังต้องรักษาภาพลักษณ์ในฐานะมหาอำนาจ ด้วยการคงกำลังทหารบางส่วนไว้ในประเทศพันธมิตรและประเทศอดีตสหภาพโซเวียต เช่นซีเรีย อาร์เมเนีย ทาจิกิสถาน และคาซัคสถาน ทำให้กลายเป็นข้อจำกัดของกองทัพรัสเซียไม่ให้สามารถทุ่มกำลังทั้งหมดเข้ารบในยูเครนได้

ข่าวดีอีกประการหนึ่งสำหรับยูเครน นั่นคือตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. หรือประมาณ 2 เดือนก่อน นายโอเล็กซีย์ เรสนิคอฟ (Oleksii Reznikov) รมว.กลาโหมยูเครน เคยกล่าวไว้ว่า ยูเครนสามารถระดมกำลังทัพได้มากถึง 950,000 นาย ประกอบไปด้วยทหารในกองทัพทั้งหมด 700,000 นาย โดยเป็นการนับรวมทั้งทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ ทหารประจำการ ทหารกองหนุน ทหารอาสา และอื่นๆ รวมกับกองกำลังรักษาดินแดนจำนวน 90,000 นาย ตำรวจชายแดนจำนวน 60,000 และกำลังตำรวจทั่วประเทศอีก 100,000 นาย ซึ่งเท่ากับว่า ปัจจุบันยูเครนนั้นมีความได้เปรียบอย่างมากในแง่ของกำลังพลเมื่อเทียบกับกองทัพรัสเซีย


 
ที่มา:

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

[gundam666]

คงต้องลุ้นกันในช่วงฤดูหนาวล่ะ  ถ้ารัสเซียฟื้นฟูกำลังไม่ได้  หรือ ยูเครน สามารถยันผ่านฤดูหนาวได้ มีพลิกแน่

[pol]

คงต้องลุ้นกันในช่วงฤดูหนาวล่ะ  ถ้ารัสเซียฟื้นฟูกำลังไม่ได้  หรือ ยูเครน สามารถยันผ่านฤดูหนาวได้ มีพลิกแน่

ผมว่าเรามาลุ้นประเทศในยุโรปที่ดันไปซื้อแก็สจากรัสเซียแล้วถูกตัดแก็สดีกว่าครับ ว่าประชาชนจะก่อม็อบวันไหน?

[KAGUYA]

[quote/] ผมว่าเรามาลุ้นประเทศในยุโรปที่ดันไปซื้อแก็สจากรัสเซียแล้วถูกตัดแก็สดีกว่าครับ ว่าประชาชนจะก่อม็อบวันไหน?

นั่นแหละ ตัวตัดสินมันอยู่ตรงนั้นแหละ เพราะถ้าโดนประชาชนลุกขึ้นมาโวยมากๆพวกผู้บริหารประเทศในยุโรปอาจต้องถอนการสนับสนุนยูเครนแล้วไปเจรจากับรัสเซีย ถ่าเป็นแบบนั้นนี่เกมพลิกเลยนะ

[sariora123]

คงต้องลุ้นกันในช่วงฤดูหนาวล่ะ  ถ้ารัสเซียฟื้นฟูกำลังไม่ได้  หรือ ยูเครน สามารถยันผ่านฤดูหนาวได้ มีพลิกแน่

ส่วนตัวผมมองว่าเหมือน เดิม นั่นแหละ ยูเครน กับรัสเซีย เมืองหนาว เหมือนกัน นังไงก็ทนกันได้เพราะคนท้องที่เหมือนกัน


ปัญหาคือสปอนเซอร์ ทั้งหลาย ข้างหลังจะไหว กันไหม แค่นั้น

[sariora123]

[quote/] ผมว่าเรามาลุ้นประเทศในยุโรปที่ดันไปซื้อแก็สจากรัสเซียแล้วถูกตัดแก็สดีกว่าครับ ว่าประชาชนจะก่อม็อบวันไหน?

  ไม่ซื้อแก๊ส รัสเซีย ไปซื้อแก๊สจาก ประเทศอื่นที่ซื้อจากรัสเซีย แทนไง 


ก็แบบตอนทะเลาะ กันรอบก่อน รัสเซียไม่ซื้อของยุโรป อาหารเลยแพง ไปๆ มาๆ ซื้ออาหารจากบริษัทในกลุ่ม bric* (น่าจะบราซิลอ่ะนะ  แล้วบราซิลเอาอาหารข้าทวีปมาได้ไง
เห็นว่าพีาแกซื้อมาจากทวีปฝั่งตะวันตกรัสเซียน่ะ








สิ่งที่ผมเชื่อคือ ถ้าวันนี้ ยุโรปยอมให้รัสเซียกดหัวอีก มันจะไม่ใีแค่ยูเครนที่โดนบุก วันหน้าต้องมีอีก  ถ้าหากต้องไปยอมให้รัสเซียล่ะก็ ผมกวัลลลัวแต่ว่า ลูกส่งท้าย ก่อนหยุดช่วยหนุนยูเครน จะเป็นของไม่ธรรมดาซะมากกว่า


การซื้อพลังงานจากรัสเซียที่เดียว แบบอดีตจะไม่เกิดอีก

[pol]

[quote/] ส่วนตัวผมมองว่าเหมือน เดิม นั่นแหละ ยูเครน กับรัสเซีย เมืองหนาว เหมือนกัน นังไงก็ทนกันได้เพราะคนท้องที่เหมือนกัน


ปัญหาคือสปอนเซอร์ ทั้งหลาย ข้างหลังจะไหว กันไหม แค่นั้น

คนรัสเซียก็เป็นคนธรรมดานั่นแหละครับท่าน หนาวตายเป็นเหมือนกันนะท่าน ในหนังนะมันขี้โม้ทั้งเพครับ ยุโรปนะอ่วมแน่แต่รัสเซีย/ยูเครนนี่กระอักเลือดเลยล่ะครับ

[quote/]  ไม่ซื้อแก๊ส รัสเซีย ไปซื้อแก๊สจาก ประเทศอื่นที่ซื้อจากรัสเซีย แทนไง 


ก็แบบตอนทะเลาะ กันรอบก่อน รัสเซียไม่ซื้อของยุโรป อาหารเลยแพง ไปๆ มาๆ ซื้ออาหารจากบริษัทในกลุ่ม bric* (น่าจะบราซิลอ่ะนะ  แล้วบราซิลเอาอาหารข้าทวีปมาได้ไง
เห็นว่าพีาแกซื้อมาจากทวีปฝั่งตะวันตกรัสเซียน่ะ








สิ่งที่ผมเชื่อคือ ถ้าวันนี้ ยุโรปยอมให้รัสเซียกดหัวอีก มันจะไม่ใีแค่ยูเครนที่โดนบุก วันหน้าต้องมีอีก  ถ้าหากต้องไปยอมให้รัสเซียล่ะก็ ผมกวัลลลัวแต่ว่า ลูกส่งท้าย ก่อนหยุดช่วยหนุนยูเครน จะเป็นของไม่ธรรมดาซะมากกว่า


การซื้อพลังงานจากรัสเซียที่เดียว แบบอดีตจะไม่เกิดอีก

พวกมหามิด(ด้าม)สินะครับ?

[sariora123]

จีนก็โครตมหามิตรนะ (มิดด้ามเลยแหละ)
ได้ข่าวว่า วางโครงการเดินท่อพลังงาน ส่งไปยุโรปล่ะ เพราะยุโรปน่าจะวางแผนไม่ใช้พลังงานจากแหล่งไหนเดียวๆ


มิตร(ด้าม)แท้ แบบนี้หากที่ไหนก็ไม่ได้เลยนะสึด



เปิดดู legend of galatic heros เวอร์ใหม่(ภาค3 ฉายหรือยัง ได้ข่าวว่าจะมาล่ะ

การเมืองกับการสงคราม ไม่ว่ายุคไหนก็เหมือนกันเลยแฮะ  แม่มต้องมีพวกบ้าๆ คิดแผนโง่ๆ ออกมาเสมอๆ

[pol]

จีนก็โครตมหามิตรนะ (มิดด้ามเลยแหละ)
ได้ข่าวว่า วางโครงการเดินท่อพลังงาน ส่งไปยุโรปล่ะ เพราะยุโรปน่าจะวางแผนไม่ใช้พลังงานจากแหล่งไหนเดียวๆ


มิตร(ด้าม)แท้ แบบนี้หากที่ไหนก็ไม่ได้เลยนะสึด



เปิดดู legend of galatic heros เวอร์ใหม่(ภาค3 ฉายหรือยัง ได้ข่าวว่าจะมาล่ะ

การเมืองกับการสงคราม ไม่ว่ายุคไหนก็เหมือนกันเลยแฮะ  แม่มต้องมีพวกบ้าๆ คิดแผนโง่ๆ ออกมาเสมอๆ

มหามิด(ด้าม)พวกนี้ไม่จับมือขวากันหรอกนะครับเพราะมือขวาต้องถือมีดเอาไว้ข้างหลัง รอเสียบให้มิดด้ามต่างหากล่ะท่าน 555  แต่ละตัว รัสเซีย จีน อินเดีย รักกันโคตรๆ 

[samuison]

มือขวาเอาไว้จับอาวุธ มือซ้ายไว้ใช้จับมือกันเป็นความหมายว่า หากเอ็งตุกติก ตูจะใ้อาวุธที่มือขวาฆ่าเอ็ง

[KAGUYA]

มือขวาเอาไว้จับอาวุธ มือซ้ายไว้ใช้จับมือกันเป็นความหมายว่า หากเอ็งตุกติก ตูจะใ้อาวุธที่มือขวาฆ่าเอ็ง

ไม่ใช่ถ้ายังไม่เผลอก็ทำดีด้วยไปก่อนแต่ถ้าเผลอจะแทงให้มิดเหรอครับ

[DDAvatar]

ก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิด EU เหมือนกัน ไม่ยอมโดน รัสเซียกดหัว แต่ ยอมโดนอเมริกากดหัวมิดด้ามเลย


อาจมองว่าเคลียร์รัสเซียให้เสร็จก่อน แล้วอเมริกาค่อยเจอกันวันหลังหรืออย่างไร


อาจคิดว่าจะทำเหมือนอเมริกายุคโดนอังกฤษ ถล่มด้วยเกรท ดีเพรสชั่น แล้วเอาคืนด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2

[sariora123]

แก้ไขเพิ่มนิดหน่อย

เกาะขา อเมริกากิน นานวันเกิน ติดสบายจนเคยตัว
และยุโรปต้องพึ่งอเมริกา กลุ่มนาโต้ ถ้ามันไม่จำเป็นจริงคงกลุ่มแตกไปนานล่ะ
แต่ก็ไม่แตก

 ถ้ารัสเซีย แค่ ตัดกาซ เพราะการเมืองผลประโยชน์ บลาๆ  มันยังคุยกันได้

สมัยก่อนทะเลาะกัน ตัดก๊าซบ่อยจนนับไม่ไหว


แต่ปัญหาเรื่องนี้มันคือสงครามครับ
การเมือง เหมือนคน ทะเลาะกัน แต่ยังคุยกันได้
แต่งสงครามคือแม่งไล่ฆ่ากัน 

หากไม่มียูเครน รอบต่อไปหากมีเหตการณ์แบบนี้อีก
แม่งก็จ่อหน้าบ้านยุโรปล่ะ
นโยบายรัฐกันขนมันมีอยู่จริงๆ และยังใช้อยู่ถึงทุกวันนี้

ปู่โจพูดเองว่าจะบุกยูเครน อย่าเอาเยอะ จะทำเป็นไม่สน ยุโรปแม่งก็ไม่สน แต่เสือกจะเอาหมด

ยูเครนเป็นแหล่งส่งออกสินค้าหลายรายการ
แถมเจ้าใหญ่ด้วยนะ ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้อาหารคน อาหารสัตว์ขาดแคลน เพราะสงครามยูเครนนี่แหละ

[sariora123]

แงะ ตำนานวรีบุรุษ กาแลคซี่ มาดู


เหตุการณ์ในเรื่องนี่ไม่เคยตกยุค ตกสมัยเลยแฮะ
เวลามีสงครามนี่น่ะมันต้องมีพวกคิดแผนบ้าๆ บอๆ
แล้วหวังว่าแม่งจะได้ผล  ถ้าเอาสมองริดหน่อยคือแม่งเละตั้งแต่วางแผนล่ะ ลงสนามจริงแม่งยิ่งเละไปใหญ่


พวกแบบนี้มีกันทุกยุค ไม่เคยเปรี่ยนเลยจริงๆ

[samuison]

ผมวิเคราะห์พลาดแฮะ นึกว่าจะตรึงกำลังกันยาวๆ
แต่ทางอเมริกาน่าจะเอาจริงกว่าที่คิด