อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 201 ของสงคราม Part 11. ต่อเนื่องกับปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบของยูเครนในแนวรบอิซิอุม (Izyum) ทางตะวันออกของจังหวัดคาร์คิฟ (Kharkiv Oblast) ที่แม้ว่าในตอนนี้ยูเครนจะเริ่มชะลอกำลังการบุกของตนแล้ว เพื่อใช้เวลาในการเคลียร์พื้นที่จากทหารรัสเซียที่ยังหลงเหลืออยู่ พักกำลังพลจากความเหนื่อยล้าในการรบต่อเนื่องยาวนานหลายวัน และจัดวางแนวป้องกันกับสายการส่งกำลังบำรุงในพื้นที่ที่พึ่งทำการปลดแอกมาได้ แต่ด้วยความรวดเร็วในการเคลื่อนทัพของยูเครน กลับสร้างความตื่นตระหนกให้แก่กำลังทหารฝั่งรัสเซียในแนวรบอิซิอุมอย่างหนักจนทหารรัสเซียจำนวนมากทำการหนีทัพแตกกระเจิง ล่าสุดมีรายงานออกมาว่าทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้สั่งการถอนกำลังทหารทั้งหมดที่ตั้งทัพอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำออสกิลหรือออสโคล (Oskil River / Oskol River) ในจังหวัดคาร์คิฟแล้วเรียบร้อย
ความสำเร็จในครั้งนี้นับว่ายิ่งใหญ่มาก เพราะเพียงยุทธการรบที่กินระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ยูเครนสามารถปลดแอกดินแดนของตนคืนจากฝั่งรัสเซียได้มากถึง 8,370 ตร.กม.
(เล็กกว่าพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเล็กน้อย) และสามารถผลักดันกองทัพรัสเซียส่วนใหญ่ในคาร์คิฟกลับประเทศรัสเซียได้สำเร็จ นับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองของยูเครนในสงครามครั้งนี้ นับตั้งแต่ยูเครนประสบความสำเร็จในการขับไล่กองทัพรัสเซียออกจากพื้นที่ทางเหนือของประเทศ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน เลยทีเดียว
ภาพประกอบ 1 แสดงเส้นทางการบุกของยูเครนในยุทธการสายฟ้าแลบครั้งนี้ (ลูกศรน้ำเงิน) พื้นที่จังหวัดคาร์คิฟใต้การควบคุมของรัสเซีย (สีเหลือง) และเส้นทางการถอยทัพของรัสเซีย (ลูกศรแดง)
ภาพประกอบ 2 แสดงพื้นที่ของจังหวัดคาร์คิฟที่ได้รับการปลดแอกและกองทหารยูเครนที่เริ่มทำการเคลื่อนทัพเข้ามาในพื้นที่ (ลูกศรน้ำเงิน) และเส้นทางการถอยทัพของรัสเซีย (ลูกศรแดง)
ภาพประกอบ 3 แสดงพื้นที่ของจังหวัดคาร์คิฟที่ได้รับการปลดแอก (พื้นที่สีเหลืองอ่อน) และพื้นที่บางส่วนที่คาดว่ายังมีทหารรัสเซียหลงเหลืออยู่ (พื้นที่สีชมพู) ขณะที่พื้นที่ฝั่งตะวันออกของออสกิลยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย (พื้นที่สีแดง)
ภาพประกอบ 4 แผนที่จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่มีการเผยแพร่ออกมา แสดงให้เห็นว่าทางกองทัพรัสเซียตัดสินใจถอนกำลังออกจากพื้นที่ในจังหวัดคาร์คิฟ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำออสกิลทั้งหมด เพื่อไปรวมกำลังใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำออสกิล (พื้นที่สีแดงอ่อน) ซึ่งเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวของจังหวัดคาร์คิฟที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย
ภาพประกอบ 5 แผนที่แสดงพื้นที่ในจังหวัดคาร์คิฟทั้งหมดที่ยูเครนสามารถปลดแอกคืนจากรัสเซียในปฏิบัติการครั้งนี้ คิดเป็นพื้นที่ทั้งหมด 8,370 ตร.กม.
(เล็กกว่าพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเล็กน้อย) สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจหลังการรุกครั้งนี้ นั่นคือทหารยูเครนที่เข้าปลดแอกเมืองคูเปียนสก์ (Kupyansk) พบเอกสารที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลท้องถิ่นโปรรัสเซียที่กองทัพรัสเซียตั้งขึ้นหลังเข้าควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม กำลังเตรียมการจะจัดการลง “ประชามติ” แบบปาหี่ขึ้นในวันที่ 11 ก.ย. หรือเมื่อวานนี้ เพื่อหวังทำการก่อตั้ง “สาธารณรัฐประชาชนคาร์คิฟ” (Kharkiv People’s Republic) ขึ้นเป็นประเทศหุ่นเชิดแห่งที่สามในยูเครนตะวันออก ต่อจากโดเนตสก์และลูฮันสก์
ภาพประกอบ 6 แผนที่และธงชาติของ “สาธารณรัฐประชาชนคาร์คิฟ” ที่ถูกพบในคูเปียนสก์
ทางด้านรัสเซียนั้น หลังจากประสบกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในคาร์คิฟ ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียจึงได้ทำการสั่งปลดประจำการพลโทโรมัน เบิร์ดนิคอฟ (Lieutenant-General Roman Berdnikov) ผู้บังคับบัญชากองทัพภาคตะวันตก (Western Military District) ของรัสเซีย โทษฐานที่ประสบความล้มเหลวในการรับมือกับการรุกของยูเครนในคาร์คิฟ แม้ว่านายพลเบิร์ดนิคอฟพึ่งจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาเป็น ผบ.กองทัพภาคตะวันตกเพียง 15-16 วันเท่านั้น
(นายพลเบิร์ดนิคอฟได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ผบ.กองทัพภาคตะวันตกเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา) พร้อมกันนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังได้สั่งย้ายสายการบังคับบัญชากองทหารในสังกัดกองทัพภาคตะวันตก ให้ไปอยู่ภายใต้การสั่งการของพลเอกอเล็กซานเดอร์ ลาปิน (Colonel-General Aleksandr Lapin) ผู้บังคับบัญชากองทัพหน่วยกลาง (Army Group Center) ที่รับผิดชอบการสั่งการทหารในแนวรบทางเหนือของ “สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์” (Luhansk People’s Republic) ซึ่งติดกับจังหวัดคาร์คิฟของยูเครนเป็นการชั่วคราว
ภาพประกอบ 7 พลโทโรมัน เบิร์ดนิคอฟ
ภาพประกอบ 8 พลเอกอเล็กซานเดอร์ ลาปิน
ที่มา: