อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 116 ของสงคราม
1. ยังคงอยู่ที่ข่าวในงานประชุมเศรษฐกิจนานาชาติ ณ กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg International Economic Forum) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย นอกจากจะมี ปธน.ปูตินมากล่าวสุนทรพจน์ในวันสุดท้ายของงานแล้ว อีกหนึ่งแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานคือ ปธน.คัสซิม-โฌมาร์ต โตกาเยฟ (Kassym-Jomart Tokayev) แห่งคาซัคสถาน หนึ่งในรัฐพันธมิตรของรัสเซียในเอเชียกลาง ซึ่งได้ขึ้นเวทีพร้อมกับ ปธน.ปูติน เพื่อตอบคำถามในประเด็นเรื่องสงครามในยูเครน
แต่ว่า ปธน.โตกาเยฟกลับพูดในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขากล่าวว่ารัฐบาลคาซัคสถานนั้นไม่ยอมรับสาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์ สองรัฐบริวารของรัสเซียในยูเครน รวมถึงเซาท์ออสซีเชียและอับคาเซีย รัฐบริวารของรัสเซียในจอร์เจีย ว่าเป็นรัฐเอกราชอย่างเป็นทางการ
“เราคาดคะเนว่า ถ้าหากสิทธิ์ของรัฐในการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง (Self-Determination Right)
ถูกนำมาใช้กับทุกประเทศทั่วโลก เช่นนั้นแทนที่เราจะมีประเทศสมาชิกสหประชาชาติ 193 ประเทศอย่างปัจจุบัน จะกลายเป็นว่าเราจะมีประเทศมากกว่า 500-600 ประเทศแทน และมันจะสร้างความวุ่นวายอย่างมาก ด้วยเหตุผลข้อนี้ เราไม่อาจยอมรับไต้หวัน โคโซโว เซาท์ออสซีเชีย หรืออับคาเซีย(ว่าเป็นรัฐเอกราช)
ได้ และยังรวมไปถึงดินแดนกึ่งรัฐเช่นโดเนตสก์และลูฮันสก์ด้วย”ทั้งนี้ คาซัคสถานเป็นชาติเพื่อนบ้านทางใต้ของรัสเซีย และมีประชากรเชื้อสายรัสเซียจำนวนหลายล้านคนอาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ทำให้การรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น สร้างความกังวลใจให้รัฐบาลคาซัคสถานไม่น้อย ด้วยความกลัวว่าวันหนึ่ง รัสเซียอาจทำการรุกรานคาซัคสถาน เพื่อหวังผนวกดินแดนทางเหนือที่มีประชากรเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่มาก เหมือนกับที่เกิดขึ้นในยูเครน ในขณะเดียวกัน การที่รัสเซียล้มเหลวในการปิดเกมเร็วในยูเครน ยังทำให้ชาติอื่นๆ เริ่มมองว่ารัสเซียนั้นอ่อนแอมากกว่าที่คิดไว้มาก จึงไม่น่าแปลกใจนักว่าทำไม ปธน.โตกาเยฟ ถึงกล้าพูดจาหักหน้า ปธน.ปูตินกลางงานประชุมใหญ่เช่นนี้
นอกจากนี้ เรายังสามารถสังเกตจากคำพูดของปธน.โตกาเยฟ ได้ว่าเขาแสดงจุดยืนไม่ยอมรับไต้หวันเป็นรัฐเอกราช เป็นการแสดงท่าทีเอาอกเอาใจจีนอย่างชัดเจน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเช่นกัน เพราะการที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่น่าไว้วางใจ บวกกับความอ่อนแอของกองทัพรัสเซียและการถูกคว่ำบาตร ทำให้ชาติพันธมิตรในเอเชียกลางของรัสเซียเริ่มตีตัวออกห่าง และหันไปเข้าหาจีนมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นนายหวังอี้ (Wáng Yì) รมว.การต่างประเทศจีน ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุม “จีน + เอเชียกลาง” หรือ C+C5 ซึ่งจัดขึ้นในกรุงนูร์-ซุลตาน เมืองหลวงของคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา
2. ข่าวความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน แม้ว่าตอนนี้ยูเครนจะยังไม่ได้รับมอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องแบบ M142 HIMARS จำนวน 4 ระบบจากสหรัฐ แต่เริ่มมีข่าวลือแล้วว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการส่ง HIMARS เพิ่มเติมให้แก่ยูเครน
สำนักข่าว Politico รายงานโดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวนิรนามในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาว่าพวกเขาจะทำการส่งมอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง HIMARS เพิ่มเติมให้แก่ยูเครนอีก 4 ระบบ ภายในแพ็กเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบถัดไป อย่างไรก็ดี เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณา และเป็นไปได้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในภายหลัง
อีกข่าวลือหนึ่งคือ รัฐบาลโรมาเนียและบัลแกเรียได้ดำเนินการเปิดโรงงานผลิตกระสุนปืนใหญ่และโรงงานผลิตอะไหล่ปืนใหญ่ขนาด 152 ม.ม. ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากโรงงานดังกล่าวได้ปิดตัวหลังจบสงครามเย็น เพื่อช่วยเหลือยูเครนในการผลิตกระสุนปืนใหญ่มาตรฐานโซเวียต (Soviet-Standard) ให้แก่ยูเครน และเร่งแก้ปัญหากองทัพยูเครนเริ่มขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ ตามคำร้องขอจากรัฐบาลสหรัฐและยูเครน
3. บริษัท LTG Cargo ผู้ให้บริการรถไฟและรถไฟฟ้าในประเทศลิธัวเนีย ได้ประกาศว่าพวกเขาจะยุติการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน จากรัสเซียไปยังจังหวัดคาลินินกราด (Kaliningrad Oblast) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของลิธัวเนีย
เพื่อให้เข้าใจง่าย โปรดดูภาพประกอบ

จังหวัดคาลินินกราดของรัสเซีย ถือว่าเป็นดินแดนส่วนแยก (Exclave) ที่ตั้งอยู่แยกจากดินแดนแผ่นดินแม่รัสเซีย ห้อมล้อมด้วยประเทศสมาชิกนาโต้คือโปแลนด์กับลิธัวเนีย ทำให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางระหว่างคาลินินกราดกับแผ่นดินแม่ต้องทำผ่านทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบกผ่านดินแดนของประเทศลิธัวเนียกับเบลารุส
ทั้งนี้ แม้ว่าสงครามในยูเครนจะดำเนินมานานเกือบสี่เดือน และสหภาพยุโรปทำการคว่ำบาตรรัสเซียแล้วหลายครั้ง แต่การขนส่งสินค้าไปมาระหว่างคาลินินกราดกับแผ่นดินแม่รัสเซียผ่านเส้นทางรถไฟของลิธัวเนียยังคงสามารถทำได้ตามปกติ กระทั่งเมื่อวานนี้ LTG Cargo ได้ยุติการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างคาลินินกราด-รัสเซียทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ของสหภาพยุโรป ที่ประกาศบังคับใช้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้สินค้าราว 50% ที่ทำการขนส่งผ่านเส้นทางคาลินินกราด-รัสเซียไม่สามารถใช้งานได้ และต้องเปลี่ยนมาใช้การขนส่งผ่านเรือเดินทะเลแทน