อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 111 ของสงคราม Part 2
3. ด้านความช่วยเหลือจากต่างชาติแก่ยูเครน ทางลิธัวเนียได้ทำการบริจาคปืนต่อต้านโดรนรุ่น EDM4S Sky Wiper จำนวน 110 กระบอกให้แก่กองทัพยูเครน จุดน่าสนใจเล็กน้อยคือ ทหารยูเครนตั้งชื่อให้ปืนชนิดนี้ว่า “ออคริสต์” (Orcrist) ดาบสังหารกอบลิน ในนิยายเรื่อง The Hobbit ของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน (J.R.R. Tolkien) ผู้แต่งนิยายแฟนตาซีชื่อดัง The Lord of the Rings นั่นเอง (ถ้านึกไม่ออก มันคือดาบประจำตระกูลของธอริน โอเคนชิลด์ (Thorin Oakenshield) ตัวเอกฝ่ายคนแคระในหนังไตรภาค The Hobbit นั่นเองครับ)
นอกจากปืนต่อต้านโดรน กองทัพยูเครนยังได้ทำการสั่งซื้อโดรนลาดตระเวนรุ่น EOS C VTOL จากเอสโตเนียจำนวน 4 ลำ ซึ่งทหารยูเครนตั้งชื่อให้มันว่า “มาไกลา” (Magyla) ตามชื่อของเทพีมาไกลา เทพีแห่งความตายในความเชื่อของชนเผ่าบอลติกโบราณ
นอกจากนี้ นายโฮวาร์ด บัฟเฟตต์ (Howard Buffett) บุตรชายของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) มหาเศรษฐีผู้โด่งดังระดับโลก ยังได้ทำการบริจาคเงินจำนวน 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่รัฐบาลยูเครน ผ่านทางมูลนิธิโฮวาร์ด จี. บัฟเฟตต์ (Howard G. Buffett Foundation) ที่มีนายโฮวาร์ด บัฟเฟตต์เป็นประธาน ภายหลังจากที่นายบัฟเฟตต์คนลูกได้เดินทางเข้าพบต่อ ปธน.เซเลนสกี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทางมูลนิธิยังได้ทำการบริจาครถบัสโดยสารจำนวน 9 คัน และชุดปฐมพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 375 ชุดให้แก่กองกำลังรักษาดินแดนยูเครน (Territorial Defence Forces)
4. ข่าวร้ายสำหรับยูเครนและรัสเซีย ทาง Henley & Partners ยักษ์ใหญ่ที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนจากลอนดอน ได้ทำการคำนวณว่าประชากรในกลุ่ม “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” หรือ HNWI (High Net Worth Individuals – หมายถึงบุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป) ของทั้งสองประเทศ จะทำการอพยพลี้ภัยออกนอกประเทศเป็นจำนวนมากภายในสิ้นปีนี้
ในกรณีของรัสเซีย Henley & Partners คาดคะเนว่า ประชากรในกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงจำนวน 15,000 คน หรือประมาณ 15% ของประชากรกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในรัสเซียทั้งหมด จะอพยพออกนอกประเทศภายในสิ้นปีนี้ ส่วนยูเครนซึ่งประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสงคราม คาดว่าจะมีประชากรกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงจำนวน 2,800 คน อพยพออกนอกประเทศ คิดเป็น 42% ของประชากรในกลุ่ม HNWI ทั้งหมดในยูเครน
5. ในขณะที่ยูเครนกำลังเผชิญกับความท้าทายในการขนส่งธัญพืชออกนอกประเทศ รัสเซียก็กำลังเผชิญกับความท้าทายในการหาเส้นทางการค้าใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเดินทางผ่านชาติตะวันตก และดูเหมือนว่าหนึ่งในเส้นทางดังกล่าวคืออิหร่าน
เจ้าหน้าที่จาก Iran Shipping Lines Group รัฐวิสาหกิจการเดินเรือสินค้าของอิหร่าน ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า รัสเซียและอิหร่านประสบความสำเร็จในการทดลองขั้นแรกสำหรับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางการค้าที่มีชื่อว่า “เส้นทางการค้านานาชาติเหนือ-ใต้” หรือ INSTC (International North-South Transit Corridor) โดยเรือสินค้าลำแรกได้ทำการลำเลียงพื้นไม้ลามิเนตจำนวน 41 ตัน จากเมืองท่าเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในทะเลบอลติค เดินทางผ่านทะเลเหนือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลดำ จากนั้นทำการถ่ายเทสินค้ายังเมืองท่าในทะเลดำ (คาดว่าจะเป็นท่าเรือโนโวรอสซิสก์ (Novorossiysk) ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในทะเลดำ) ก่อนลำเลียงสินค้าทางบกไปยังเมืองท่าอัสตราฮาน (Astrakhan) แล้วขนขึ้นเรือสินค้าเดินทางผ่านทะเลแคสเปียน ไปเทียบท่าเรืออันซาลี (Anzali) ของอิหร่าน แล้วจึงขนส่งต่อทางบกไปยังท่าเรือบันดาร์อับบาส (Bandar Abbas) แล้วขนขึ้นเรือสินค้า มุ่งตรงไปยังท่าเรือมุมไบ (Mumbai) ของอินเดีย กระบวนการทั้งหมดกินระยะเวลา 25 วัน น้อยกว่าเส้นทางเดินเรือเก่าจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผ่านคลองสุเอซ แล้วตรงไปยังท่าเรือมุมไบ ซึ่งใช้เวลากว่า 40 วัน และประมาณการณ์ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการขนส่งผ่านเส้นทางหลักถึง 30%
ภาพประกอบสำหรับคนที่นึกภาพตามไม่ออก
แม้การทดลองเดินเรือขั้นต้นจะสำเร็จไปด้วยดี แต่ยังมีอุปสรรคอีกมากในการทำให้เส้นทางการค้า INSTC ของรัสเซีย-อิหร่านประสบความสำเร็จได้ เช่นการขาดแคลนเงินลงทุนจากทั้งอินเดีย-อิหร่าน-รัสเซีย ทำให้ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานเช่นท่าเรือ รางรถไฟ หรือโกดังสินค้าที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อความต้องการ หรือการเผชิญกับการแข่งขันจากโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางหรือ BRI (Belt and Road Initiative) จากจีน