ดีผมชอบนะ ชอบกว่าคนที่หาเสียงแต่สโคบใหญ่ๆไม่มีวิธีการเป็นรูปเป็นร่าง เช้นแก้ฝุ่น pm2.5 แก้รถติด แก้น้ำท่วมแก้ทางเท้า เหมือนดีแต่พูดเอาใจ
ของอริสคือแบบมาทำความต้องการของตัวเองไม่สนไม่แครแก้อย่างอื่น ก็หาเสียงไว้แบบนี้แล้วเลือกมา รีบๆทำที่ตั้งเป้าไวให้เสร็จแล้วออก ส่วนปัญหาคารุงคาซังก็ยกให้คนอื่นที่อยากมาทำและมีวิธีทำที่ได้ผลชัดเจน
ใช่ครับ แบบในประเทศกลุ่มยุโรปประเทศนึง ผมจำไม่ได้ว่า ประเทศไหน อังกฤษ มั้ง หรือประเทศไหนหว่า
คือมีปัญหาเรื่องรถในเมืองกันบ่อยมาก จะห้ามเอารถส่วนบุคคลเข้าเมืองก็ไม่ทำสักที่ จนมีคนหาเสียงเป็นผู้ว่า
แกชูนโยบายเลยว่า ถ้าเลือกผม ในเมืองจะมีแต่รถ สาธารณะเท่านั้นแน่นอน แล้วคนก็เลือกแกเข้ามา ได้นโยบาย
สมใจอยาก แล้วช่างแม่ม
และกฏห้ามเอารถส่วนบุคคลเข้าเขตเมืองที่ทำไว้ ก็ไม่มีใครกล้าไปแก้อีกต่างหาก บางเมืองในยุโรป ถึงได้เป็นแบบในหนัง
มีแต่รถสาธารณะ ไม่ก็จักรยาน เท่านั้น
เรื่องสายไฟไม่เป็นระเบียบ มันอยู่ที่การออกแบบ กับการตั้งกฏ ลองตั้งกฏปรับให้แพงๆ สิว่า ติดไม่เป็นระเบียบ ตามช่องที่กำหนดโดนปรับ รับรองได้ เดียวมีระเบียบเอง
เราควรมองจากตัวเลข Priority จาก NPV และ IRR ครับ ปัจจุบันผมไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน ก็เลยไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าอะไรคือสิ่งที่คนในกทม. Need มากที่สุด
แต่ถ้าก่อนผมไปทำงานต่างประเทศ ปัญหาที่กทม.เจอมากที่สุดก็คือเรื่องน้ำท่วม กับ ความแออัดจากประชากรแฝงนี่แหละครับ
[quote/]
การทำตามต่างชาติในตัวอย่างที่ดีมันก็ดีครับ เพียงแต่มันต้องดู Need ของคนกทม.เสียก่อน เพราะ บริบทของเมืองต่างชาติ กับ กทม.มันคนละบริบทและเจอปัญหาคนละอย่างกัน มันอาจจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว
อย่างที่ผมพูดตอนแรก เราต้องมาตรวจดูก่อนว่า คนในกทม. Need อะไรมากที่สุด ทำ Need ก่อนทำ Want ครับ เพราะ Need คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่ Want คือสิ่งที่ทำเพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้มีจำเป็นระดับเป็นตาย
นึกถึงญี่ปุ่น ที่รถไฟ มาไวกว่าเวลา 1-2 นาที ผุ้บริหารต้องออกมาขอโทษเพราะ
อาจะทำให้หลายๆ คนมาขึ้นรถไฟผิดเวลา