แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน  (อ่าน 7831 ครั้ง)

ออนไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,180
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 08:38:49 PM »

 https://www.youtube.com/watch?v=rBVwjSNtjCU

เอาจริงๆ เท่าที่เคยเห็น คนที่ติดอยู่ในระดับว่าจนนี่น่ะ หาเงินต่อวันได้มาก
พนักงงานเงินเดือนอีกนะ แต่ ต้นทุนมันสูงก็มีไม่น้อย
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,203
  • ถูกใจแล้ว: 3011 ครั้ง
  • ความนิยม: +173/-429
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 09:28:29 PM »
ผมไปเจอคนบอกว่าการอยากหลุดพ้นจากบ่วงหนี้ มันไม่ใช่แค่การดูกำไรขาดทุน แต่ให้ดูกระแสเงินสดน่ะครับ

นึกแบบนักลงทุนคือ ต่อให้ขชาดทุนเท่าใด ตราบใดที่ยังมีเงินสดอยู่ในมือให้ลงทุนต่อไป ตราบนั้นชีวิตก็ยังไม่สิ้นสุด
..

ผมคิดว่าคนมีเงินเดือนได้เรปียบเรื่องเงินกู้เอาง่ายๆ ยอดเงินยสองแสนบาท หกเดือนไม่มีดอกเบี้ยของพนักงานเงินเดือน
สามารถมีเงินกูาสองแสนบาดอกราคาถูกได้ในทันทีทันใด
ส่วนคนทีเป้นแม่ค้า ME้หมวกกันน็อค มาใช้จ่ายรายวัน หากไม่ME้ก็อาจจะไม่มีเงินซื้อของมาทำอาหารตามสั่งหรือขายของประจำวัน
การเข้าถึงเงินกู้ผมว่าสำคัญมาก แต่เหมือนว่าเราให้ผิดคนกันไปหน่อยน่ะครับ
เช่นมีคนบอกว่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงใช้ฟุ่มเฟือยบัตรเครดินกี่ใบเจ็มวงงเงินหมด สาวโอแอลมนุษย์เงินเดืิอนใช้ไม่ทัน
แต่หากให้ห้าหมื่นต่อแม่ค้าในตลาด พวกเขาอาจจะเปิดเแงทำเป็นร้านดีๆซื้อโต๊ะ กันห้องอะไรได้เลย
เข้าถึงเงินจำนนมากได้ ก็ได้เรปียบคนอื่นมหาศาลแล้วล่ะครับ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,599
  • ถูกใจแล้ว: 3448 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-286
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 09:54:53 PM »
แบรนด์กรามินในบังคลาเทศที่ผมทำงานอยู่ดังมากนะ ลงทุนในอะไรหลายอย่างนอกจากธนาคาร เช่น เครื่อข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถ้าจำไม่ผิดซื้อแบรนด์มาจาก DTAC





https://www.grameenphone.com/





อันนี้ Logo Grameen Bank


https://grameenbank.org/

เจ้าของ Grameen ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2006
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,891
  • ถูกใจแล้ว: 2929 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 10:15:02 PM »
ผมไปเจอคนบอกว่าการอยากหลุดพ้นจากบ่วงหนี้ มันไม่ใช่แค่การดูกำไรขาดทุน แต่ให้ดูกระแสเงินสดน่ะครับ

นึกแบบนักลงทุนคือ ต่อให้ขชาดทุนเท่าใด ตราบใดที่ยังมีเงินสดอยู่ในมือให้ลงทุนต่อไป ตราบนั้นชีวิตก็ยังไม่สิ้นสุด
..

ผมคิดว่าคนมีเงินเดือนได้เรปียบเรื่องเงินกู้เอาง่ายๆ ยอดเงินยสองแสนบาท หกเดือนไม่มีดอกเบี้ยของพนักงานเงินเดือน
สามารถมีเงินกูาสองแสนบาดอกราคาถูกได้ในทันทีทันใด
ส่วนคนทีเป้นแม่ค้า กู้หมวกกันน็อค มาใช้จ่ายรายวัน หากไม่กู้ก็อาจจะไม่มีเงินซื้อของมาทำอาหารตามสั่งหรือขายของประจำวัน
การเข้าถึงเงินกู้ผมว่าสำคัญมาก แต่เหมือนว่าเราให้ผิดคนกันไปหน่อยน่ะครับ
เช่นมีคนบอกว่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงใช้ฟุ่มเฟือยบัตรเครดินกี่ใบเจ็มวงงเงินหมด สาวโอแอลมนุษย์เงินเดืิอนใช้ไม่ทัน
แต่หากให้ห้าหมื่นต่อแม่ค้าในตลาด พวกเขาอาจจะเปิดเแงทำเป็นร้านดีๆซื้อโต๊ะ กันห้องอะไรได้เลย
เข้าถึงเงินจำนนมากได้ ก็ได้เรปียบคนอื่นมหาศาลแล้วล่ะครับ



เคยสมัครบัตรเครดิทแล้วรำคาญ โทรมาขายประกันเพียบ
เลยยกเลิกบัตรแม่มเลย ;D


เงินกู้ เคยกู้แค่ ซื้ออสังหา เพราะมูลค่าที่เพิ่มขึ้น คุ้มค่ากว่าซื้อเงินสด
ที่เหลือก็ซื้อสดแทบทุกอย่าง


ใช้ตังเท่าที่จำเป็นเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีตังเก็บเอง ถ้ารายได้ไม่น้อยเกินไปนะ

ถ้าให้เดา ส่วนใหญ่ที่คนจนมีปัญหาการเงินหลักๆเพราะมีภาระนี่แหล่ะ
เช่น ผัวขี้เหล้า หรือลูกก่อเรื่อง หรือคนในครอบครัวป่วย

เพราะช่วงที่ผมมีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำก็อยู่ได้นะแบบไม่มีภาระ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2021, 10:18:18 PM โดย deaddy »
 

ออฟไลน์ sechan

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 3,019
  • ถูกใจแล้ว: 1780 ครั้ง
  • ความนิยม: +154/-261
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 10:20:03 PM »
เอาจริงผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเวลาเดียวกัน. บางคนได้เงินละลายแม่น้ำทิ้งอย่างรวดเร็วเอาไปจ่ายหนี้พนันหมดก็มี. ดังนั้นมันควรเป็นรูปแบบการสนันสนุนเชิงโปรเจคที่มีที่ปรึกษาเสมอคอยตามผลและให้คำปรึกษา. จะขยายร้านตั้งที่ไหน ทำอะไร มีเทรนไหม มีที่ปรึกษาให้ฟรี โดยภาระนี้เป็นองค์กรภาครัฐเป็นคนดูแลให้ค่าใช้จ่าย พร้อมช่วยความเสี่ยงเวลาอนุมัติแล้วหนี้เสีย อนุมัติและตามผลเป็นหน้าที่ภาครัฐ การปล่อยกู้ดูแลการเงินเป็นของธนาคาร. เจ้าหน้าที่รัฐจะรับผิดชอบต่อหนี้เสียหรือไม่ดูจากรายงานที่ปรึกษา ถ้าปรึกษาสมเหตุผลแล้ว ความผิดจะไปลงที่ผู้ME้ยืมไปทำอะไร.  เป็นหน้าที่ ที่เหนื่อยและทุ่มทุน ไม่มีกำไรโดยตรง แต่อาจจะได้กำไรทางอ้อมกรณีผูME้สามารถเติบโตได้ รัฐจะมีภาษีกลับมามากขึ้น. ถ้าช่วยไป100รอด รอดมาได้สัก50นี่คุ้มแล้วในเชิงเศรษฐกิจ. จริงๆหน่วยงานพวกนี้ธนาคารมีเยู่แล้วแต่ส่วนมากจะไปลงกับSMEที่มีความพร้อมสูงอยู่แล้ว ถึงเวลาก็กลับมาเจ้าประจำ. ผมมีเงินกู้ในโครงการแบบนี้ประมาณ4 บัญชี lol ;D   ดอกถูกก็เสร็จกูดิ ตอนนี้มันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่บางทีไม่ได้ใช้ แต่ดอกถูกก็เก็บไว้หมุนได้ดี. พวกนี้บังคับให้ใช้คืนหรือหมุนบัญชีอย่างน้อยครึ่งนึงในเดือนถัดไปไม่งั้นดอกจะแพง. ตอนปิดเป้านี่ช่วยได้เยอะครับ. แต่พอมองในรูปแบบคนจน พวกนี้ไม่มีโอกาสได้แตะหรอก เพราะธนาคารไม่ยอมถือความเสี่ยงนี้แน่. ดังนั้นถ้าจะจัดการส่วนนี้ ภาครัฐต้องกำหนดหัวมาเลยจะทำกี่คนกี่รายการใครบ้างแบบคัดลอสไปเลย จัดมีงบแสนล้านตัดสอยหัวละ50000 ตัดสองหมื่นล้านเป็นค่าจ้างจัดการผู้ดูแลและความเสี่ยงกรณีหนี้0ให้ธนาคารรวมกับการตามทวงหนี้. จะช่วยคนได้1.6ล้านหน่วย เข้าถึงเงินทุนระดับล่าง เริ่มที่ละ1ล้านก่อนต่อหน่วย ใครดูดีไม่มีปัญหาหนี้ค่อยให้ยืมต่ออีกหน่วยแต่ไม่ให้มากกว่านี้. เพราะว่าถ้าไปดีพอแล้วก็จะมีรายได้พอเข้าระบบการยืมการกู้ตามปรกติได้. คุ้นๆว่ามีใครเคยเสนอแนวคิดคล้ายๆแบบนี้แล้วโดนธนาคารด่ามาจำไม่ได้สมัยไหน จริงราชการมีมากมายจัดแบ่งคนมาทำพวกนี้บ้างก็ได้ลดคนในระบบเดิมเพิ่มงานที่ใช้ระบบจัดการแทนไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2021, 10:38:28 PM โดย sechan »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: nosta

ออนไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,180
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2021, 10:41:08 PM »
[quote/]


เคยสมัครบัตรเครดิทแล้วรำคาญ โทรมาขายประกันเพียบ
เลยยกเลิกบัตรแม่มเลย ;D


เงินกู้ เคยกู้แค่ ซื้ออสังหา เพราะมูลค่าที่เพิ่มขึ้น คุ้มค่ากว่าซื้อเงินสด
ที่เหลือก็ซื้อสดแทบทุกอย่าง


ใช้ตังเท่าที่จำเป็นเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีตังเก็บเอง ถ้ารายได้ไม่น้อยเกินไปนะ

ถ้าให้เดา ส่วนใหญ่ที่คนจนมีปัญหาการเงินหลักๆเพราะมีภาระนี่แหล่ะ
เช่น ผัวขี้เหล้า หรือลูกก่อเรื่อง หรือคนในครอบครัวป่วย

เพราะช่วงที่ผมมีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำก็อยู่ได้นะแบบไม่มีภาระ

สมัยก่อน ผมมีเงินเดือน แค่ 7-8000 ยังเหลือแต่งคอมได้เลยนะ  ;D มันขึ้นอยู่กับ แนวชีวิตวิธีใช้ชีวิต และต้นทุนการดำรงชีพอย่างนึง  ถ้าอยู่ได้โดยที่มีต้นทุนต่ำ ๆ นี่รายได้น้อยไม่ใช่ปัญหาอะไร อยากจะเหลือด้วย แต่ติดที่ว่าเก็บสะสมยาก

แต่หลักที่ผมเห็นตอนนี้คือคนที่ทำแล้วเจ๊ง ส่วนนึงมาจากภาะที่่เยอะ เช่น คนเดียว เลี้ยง ลูก เลี่ยง พ่อ แม่ อีกต่างหาก
หรืออีกส่วนนึงคือ ทำอาชีพที่ได้ผลตอบแทนต่ำ ไม่คุ้มค่า หรือแย่ๆ หน่อยคือทำเจ๊ง
ผิดขั้นตอน มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ลำบากขึ้นโดยไม่จำเป็น(เห็นแล้วบางทียังรู้สึกว่า เพื่อไรวะ)
    หรือทำอะไรแบบไม่รู้จักต้นทุนจริงๆ หรือไม่เก็บทุนไว้   เช่น กิจการแบบเดียวกัน ของขายกันที่ 150 160 ไปขายตัดหน้าเขา ที่ 120 ตูเห็นยังคิดเลยว่า เอ็งจะอยู่ได้กี่วันวะ เพราะมองยังไง ขายที่ราคานั้นไม่ขาดทุนก็จริงแต่จะเอากำไรจากไหน ไปเลี้ยงตัวเอง ฟร่ะ    หรือแบบพวกที่ขายของได้ 2000 ไม่หักทุน นี่มันเห็น 2000 เป็นรายได้ทั้งหมดเลยนะ หมดในเวลาไม่นาน (แล้วจะไปเอามาลงทุนที่ไหนอีก )

เอาจริงผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเวลาเดียวกัน. บางคนได้เงินละลายแม่น้ำทิ้งอย่างรวดเร็วเอาไปจ่ายหนี้พนันหมดก็มี. ดังนั้นมันควรเป็นรูปแบบการสนันสนุนเชิงโปรเจคที่มีที่ปรึกษาเสมอคอยตามผลและให้คำปรึกษา. จะขยายร้านตั้งที่ไหน ทำอะไร มีเทรนไหม มีที่ปรึกษาให้ฟรี โดยภาระนี้เป็นองค์กรภาครัฐเป็นคนดูแลให้ค่าใช้จ่าย พร้อมช่วยความเสี่ยงเวลาอนุมัติแล้วหนี้เสีย อนุมัติและตามผลเป็นหน้าที่ภาครัฐ การปล่อยกู้ดูแลการเงินเป็นของธนาคาร. เจ้าหน้าที่รัฐจะรับผิดชอบต่อหนี้เสียหรือไม่ดูจากรายงานที่ปรึกษา ถ้าปรึกษาสมเหตุผลแล้ว ความผิดจะไปลงที่ผู้กู้ยืมไปทำอะไร.  เป็นหน้าที่ ที่เหนื่อยและทุ่มทุน ไม่มีกำไรโดยตรง แต่อาจจะได้กำไรทางอ้อมกรณีผูกู้สามารถเติบโตได้ รัฐจะมีภาษีกลับมามากขึ้น. ถ้าช่วยไป100รอด รอดมาได้สัก50นี่คุ้มแล้วในเชิงเศรษฐกิจ. จริงๆหน่วยงานพวกนี้ธนาคารมีเยู่แล้วแต่ส่วนมากจะไปลงกับSMEที่มีความพร้อมสูงอยู่แล้ว ถึงเวลาก็กลับมาเจ้าประจำ. ผมมีเงินกู้ในโครงการแบบนี้ประมาณ4 บัญชี lol ;D   ดอกถูกก็เสร็จกูดิ ตอนนี้มันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่บางทีไม่ได้ใช้ แต่ดอกถูกก็เก็บไว้หมุนได้ดี. พวกนี้บังคับให้ใช้คืนหรือหมุนบัญชีอย่างน้อยครึ่งนึงในเดือนถัดไปไม่งั้นดอกจะแพง. ตอนปิดเป้านี่ช่วยได้เยอะครับ. แต่พอมองในรูปแบบคนจน พวกนี้ไม่มีโอกาสได้แตะหรอก เพราะธนาคารไม่ยอมถือความเสี่ยงนี้แน่. ดังนั้นถ้าจะจัดการส่วนนี้ ภาครัฐต้องกำหนดหัวมาเลยจะทำกี่คนกี่รายการใครบ้างแบบคัดลอสไปเลย จัดมีงบแสนล้านตัดสอยหัวละ50000 ตัดสองหมื่นล้านเป็นค่าจ้างจัดการผู้ดูแลและความเสี่ยงกรณีหนี้0ให้ธนาคารรวมกับการตามทวงหนี้. จะช่วยคนได้1.6ล้านหน่วย เข้าถึงเงินทุนระดับล่าง เริ่มที่ละ1ล้านก่อนต่อหน่วย ใครดูดีไม่มีปัญหาหนี้ค่อยให้ยืมต่ออีกหน่วยแต่ไม่ให้มากกว่านี้. เพราะว่าถ้าไปดีพอแล้วก็จะมีรายได้พอเข้าระบบการยืมการกู้ตามปรกติได้. คุ้นๆว่ามีใครเคยเสนอแนวคิดคล้ายๆแบบนี้แล้วโดนธนาคารด่ามาจำไม่ได้สมัยไหน จริงราชการมีมากมายจัดแบ่งคนมาทำพวกนี้บ้างก็ได้ลดคนในระบบเดิมเพิ่มงานที่ใช้ระบบจัดการแทนไม่ได้

เรื่องการวงแผนการใช้เงิน ก็ตามคลิปแหละครับ คนจนมีแผนการใช้เงินนา แต่ในระยะยาวๆ หลายๆ คน เฮ่อ พูดไปก็เข้าหูซ้ายออกขวา

แบบแม่ผมนี่เอาเงินไปเข้าอะไรหว่าเรียกไม่ถูก รออีก หลายปีกว่าจะเอาออกมาได้ เตือนไว้แต่แรกแล้วว่า อาจได้ไม่คุ้มดอกด้วยซ้ำ เอาวะอย่างน้อยมันประกันเงินต้นกับดอกไว้คงที่

แต่ตัวอย่างพวกที่ใช้ไม่เป็นจริงๆ ก็คนรู้จัก  มีทีข้างๆ นิคม 200 ไร่ ที่เอาไปทำอสังหาเจ๊งล่ะมั้ง เพราะคนเล่าให้ฟังมันเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน มันก็ยังบอกเลยว่า ถ้าตอนนั้นห้ายย่ามันไว้ได้เก็บเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้กูปลูกห้องเช่านอนตีพุงแดกค่าเช่าสบายไปล่ะ ตอนนี้เหลือแค่ 2 งาน  ;) 

           ปัญหาที่หนักที่สุดของคนจน คือไม่มีที่ปรึกษา ดีๆ หรือบางที่ แม่งก็ไม่ฟังอีกนั่นแหละ เห็นแล้วเพลียร เลยบางทีอ่ะ ข้างๆ บ้าน

แบลนดีแทค นี่จริงๆ แล้วเป็นแบลนจาก



การเข้าถึงเงินกู้นี่สำคัญอยู่เอาการอ่ะนะ  บางทีเห็นเรื่องทำเงินได้แต่ไม่มีตังก้อนจะไปทำ นึกถึงตอนที่เคยเห็น หุ้น ค่าย AIS อยู่แถวๆ 150กว่าแฮะตอนนั้นมีบัญชีซื้อขายแล้วนะ เห็นแล้วน่ามาก แต่ตังไม่มี  :P


จริงแล้วเงินกู้ถือเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับชีวิตคนที่อยู่แบบวันต่อวันมาก  แต่ยังคงต้องระวังคนบางกลุ่มที่แม่งกู้แค่เอาตังมากินเล่น  คนแบบนี้แม้แต่เจ้าหนี้นอกระบบยังไม่ให้ME้เลยนะครับ เห็นหนังหน้าแล้วคงไม่ได้กลับมาสักบาท 
      ยิ่งอยู่มานานยิ่งเห็นคนหลายแบบแฮะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2021, 10:49:41 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,891
  • ถูกใจแล้ว: 2929 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 12:10:53 AM »
[quote/]

สมัยก่อน ผมมีเงินเดือน แค่ 7-8000 ยังเหลือแต่งคอมได้เลยนะ  ;D มันขึ้นอยู่กับ แนวชีวิตวิธีใช้ชีวิต และต้นทุนการดำรงชีพอย่างนึง  ถ้าอยู่ได้โดยที่มีต้นทุนต่ำ ๆ นี่รายได้น้อยไม่ใช่ปัญหาอะไร อยากจะเหลือด้วย แต่ติดที่ว่าเก็บสะสมยาก

แต่หลักที่ผมเห็นตอนนี้คือคนที่ทำแล้วเจ๊ง ส่วนนึงมาจากภาะที่่เยอะ เช่น คนเดียว เลี้ยง ลูก เลี่ยง พ่อ แม่ อีกต่างหาก
หรืออีกส่วนนึงคือ ทำอาชีพที่ได้ผลตอบแทนต่ำ ไม่คุ้มค่า หรือแย่ๆ หน่อยคือทำเจ๊ง
ผิดขั้นตอน มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ลำบากขึ้นโดยไม่จำเป็น(เห็นแล้วบางทียังรู้สึกว่า เพื่อไรวะ)
    หรือทำอะไรแบบไม่รู้จักต้นทุนจริงๆ หรือไม่เก็บทุนไว้   เช่น กิจการแบบเดียวกัน ของขายกันที่ 150 160 ไปขายตัดหน้าเขา ที่ 120 ตูเห็นยังคิดเลยว่า เอ็งจะอยู่ได้กี่วันวะ เพราะมองยังไง ขายที่ราคานั้นไม่ขาดทุนก็จริงแต่จะเอากำไรจากไหน ไปเลี้ยงตัวเอง ฟร่ะ    หรือแบบพวกที่ขายของได้ 2000 ไม่หักทุน นี่มันเห็น 2000 เป็นรายได้ทั้งหมดเลยนะ หมดในเวลาไม่นาน (แล้วจะไปเอามาลงทุนที่ไหนอีก )

[quote/]

เรื่องการวงแผนการใช้เงิน ก็ตามคลิปแหละครับ คนจนมีแผนการใช้เงินนา แต่ในระยะยาวๆ หลายๆ คน เฮ่อ พูดไปก็เข้าหูซ้ายออกขวา

แบบแม่ผมนี่เอาเงินไปเข้าอะไรหว่าเรียกไม่ถูก รออีก หลายปีกว่าจะเอาออกมาได้ เตือนไว้แต่แรกแล้วว่า อาจได้ไม่คุ้มดอกด้วยซ้ำ เอาวะอย่างน้อยมันประกันเงินต้นกับดอกไว้คงที่

แต่ตัวอย่างพวกที่ใช้ไม่เป็นจริงๆ ก็คนรู้จัก  มีทีข้างๆ นิคม 200 ไร่ ที่เอาไปทำอสังหาเจ๊งล่ะมั้ง เพราะคนเล่าให้ฟังมันเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน มันก็ยังบอกเลยว่า ถ้าตอนนั้นห้ายย่ามันไว้ได้เก็บเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้กูปลูกห้องเช่านอนตีพุงแดกค่าเช่าสบายไปล่ะ ตอนนี้เหลือแค่ 2 งาน  ;) 

           ปัญหาที่หนักที่สุดของคนจน คือไม่มีที่ปรึกษา ดีๆ หรือบางที่ แม่งก็ไม่ฟังอีกนั่นแหละ เห็นแล้วเพลียร เลยบางทีอ่ะ ข้างๆ บ้าน

แบลนดีแทค นี่จริงๆ แล้วเป็นแบลนจาก



การเข้าถึงเงินกู้นี่สำคัญอยู่เอาการอ่ะนะ  บางทีเห็นเรื่องทำเงินได้แต่ไม่มีตังก้อนจะไปทำ นึกถึงตอนที่เคยเห็น หุ้น ค่าย AIS อยู่แถวๆ 150กว่าแฮะตอนนั้นมีบัญชีซื้อขายแล้วนะ เห็นแล้วน่ามาก แต่ตังไม่มี  :P


จริงแล้วเงินกู้ถือเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับชีวิตคนที่อยู่แบบวันต่อวันมาก  แต่ยังคงต้องระวังคนบางกลุ่มที่แม่งกู้แค่เอาตังมากินเล่น  คนแบบนี้แม้แต่เจ้าหนี้นอกระบบยังไม่ให้ME้เลยนะครับ เห็นหนังหน้าแล้วคงไม่ได้กลับมาสักบาท 
      ยิ่งอยู่มานานยิ่งเห็นคนหลายแบบแฮะ




เอาจริงๆสูตรง่ายสุดคือตั้งใจเรียนเข้ามหาลัยดังอันดับสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ คณะดีที่สุดที่จะจบออกมาได้
แล้วทั้งเพื่อน อ. แล้วก็อีกหลายๆอย่างมันก็จะตามมาเอง


คือมีเพื่อนเก่งๆ ส่วนใหญ่มันก็ไม่ยอมจนกันหรอก แล้วหลายครั้งมันก็ไม่อยากลุยเดี่ยว
เดี๋ยวมันสนิทๆใคร ใครที่พอใช้ได้ เดี๋ยวมาก็มาชวนๆกัน หรือคุยๆกันได้หมดแหล่ะ


ของไทยถือว่าโชคดีที่มีนโยบาย เรียนฟรี+ME้เรียน เรียกว่ายาวๆไปจนเรียนจบหางานได้ค่อยมีภาระจริงๆจังๆ
ใครเรียนเก่งๆ ได้งานตั้งแต่ก่อนเรียนจบอีก หรือไปสอบราชการก็ยังได้
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 12:34:59 AM »
ปัญหาของคนจนส่วนมากคือไม่มีความรู้ครับนี่ยิ่งกว่าไม่มีเงินอีก อย่าคิดว่ากู้เงินได้แล้วจะแก้ปัญหาได้ ดูอย่างคนจนถูกหวยได้เงินมากขนาดไหนสุดท้ายก็หมด แต่คนจนที่ตั้งใจเรียนจบปริญญา ม ดีๆ คณะดีๆ นี่หางานดีๆได้ ดูแลตัวเองได้ตลอดชีวิตก็มี


จริงๆคนจนเฉยๆก็ไม่ตายนะ ถ้ามีความรู้พอจะเอาตัวรอดได้ แต่คนจนบางคนความรู้ในการเอาตัวรอดยังไม่มี ไปติดยา ติดพนัน ติดหนี้นอกระบบ ติดสาวโดนไถตัง มีลูกเมื่อไม่พร้อม หรือมีลูููกจำนวนมากกว่าที่พร้อม อันนี้บรรลัยเลย
 

ออฟไลน์ Panzerelite

  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 6,337
  • ถูกใจแล้ว: 2070 ครั้ง
  • ความนิยม: +160/-1071
  • เพศ: ชาย
  • ขอเทพแมวจงสถิตอยู่กับท่าน
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 08:30:36 AM »
เอาแค่ทำให้ค่าแรงมันสมเหตุสมผลกับค่าครองชีพพอแล้ว ทุกวันนี้ ค่าแรงหมื่นห้า ค่าใช่จ่าย50000 ต่างประเทศจะผ่อนรถคันเดียวกันยี่ห้อเดียวกันใช้เวลาปีเดียว ของไทยนี้5ปีกว่าจะผ่อนหมดต้นนิดเดียวดอกบาน ราคาค่ารถยนต์ก็แพงกว่าชาวบ้าน แต่แพงกว่าคือค่าน้ำมัน


เดินทางขนส่งสาธารณะนี้ ก็แพงมากๆ เกือบ50%ของรายได้หมดไปกับค่าเดินทางที่ทั้งช้าและแพง ไปทำงานเหมือนไม่ต่างจากไปทำงานให้เขาฟรีเลยๆ เพราะต้นทุนที่เราใช้ในการไปทำงานมันสูงกว่ารายได้




เมื่อวานนั่งฟังคลิปแล้วละเหี่ยใจมาก อยู่ไทยนี้คือต้องอดกินมาม่าทั้งเดือนเพื่อที่จะมีเงินเก็บ ซึ่งแน่นอนสุดท้ายเงินเก็บที่ได้ก็เอาไปให้หมอหมด เพราะมาม่าอะ โซเดียมเยอะมาก แป้งก็เยอะ โรคไต โรคอ้วนถามหาแน่ๆ




-------------------



 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออนไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,180
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 08:53:03 AM »
เอาแค่ทำให้ค่าแรงมันสมเหตุสมผลกับค่าครองชีพพอแล้ว ทุกวันนี้ ค่าแรงหมื่นห้า ค่าใช่จ่าย50000 ต่างประเทศจะผ่อนรถคันเดียวกันยี่ห้อเดียวกันใช้เวลาปีเดียว ของไทยนี้5ปีกว่าจะผ่อนหมดต้นนิดเดียวดอกบาน ราคาค่ารถยนต์ก็แพงกว่าชาวบ้าน แต่แพงกว่าคือค่าน้ำมัน


เดินทางขนส่งสาธารณะนี้ ก็แพงมากๆ เกือบ50%ของรายได้หมดไปกับค่าเดินทางที่ทั้งช้าและแพง ไปทำงานเหมือนไม่ต่างจากไปทำงานให้เขาฟรีเลยๆ เพราะต้นทุนที่เราใช้ในการไปทำงานมันสูงกว่ารายได้




เมื่อวานนั่งฟังคลิปแล้วละเหี่ยใจมาก อยู่ไทยนี้คือต้องอดกินมาม่าทั้งเดือนเพื่อที่จะมีเงินเก็บ ซึ่งแน่นอนสุดท้ายเงินเก็บที่ได้ก็เอาไปให้หมอหมด เพราะมาม่าอะ โซเดียมเยอะมาก แป้งก็เยอะ โรคไต โรคอ้วนถามหาแน่ๆ




-------------------






ว่าแล้วนึกถึงหุ้นbts  กำไรต่อปีเยอะ แต่ปันผลแม่ม
เห็นบ่นๆ กัร ดอยกันหลายคน ???
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,203
  • ถูกใจแล้ว: 3011 ครั้ง
  • ความนิยม: +173/-429
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 09:09:27 AM »
[quote/]


เคยสมัครบัตรเครดิทแล้วรำคาญ โทรมาขายประกันเพียบ
เลยยกเลิกบัตรแม่มเลย ;D


เงินกู้ เคยกู้แค่ ซื้ออสังหา เพราะมูลค่าที่เพิ่มขึ้น คุ้มค่ากว่าซื้อเงินสด
ที่เหลือก็ซื้อสดแทบทุกอย่าง


ใช้ตังเท่าที่จำเป็นเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีตังเก็บเอง ถ้ารายได้ไม่น้อยเกินไปนะ

ถ้าให้เดา ส่วนใหญ่ที่คนจนมีปัญหาการเงินหลักๆเพราะมีภาระนี่แหล่ะ
เช่น ผัวขี้เหล้า หรือลูกก่อเรื่อง หรือคนในครอบครัวป่วย

เพราะช่วงที่ผมมีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำก็อยู่ได้นะแบบไม่มีภาระ
จากที่ฟังมาเห็นว่าขายรายชื่อได้ราคาเป็นแสนเลยน่ะครับ ???
ผมลองมองอย่างนี้ว่าการทำธุรกิจขยายกิจการ บริษัทใหญ่ยังต้องระดมทุนเลย นับภาษาอะไรกับคนตัวเล็กๆ มันก็ลงทุนในอัตราส่วนที่ลดลงนั่นล่ะ
ไม่งั้นทำกิอจการไม่ได้
..แต่ก็พอเข้าใจทางธนาคาร ทางธนาคารบ่นว่ายึดทรัพย์แม่ค้าในตลาดในเงินกู้ห้าหมื่น เป็นแผงที่เช่าอยุ่ในตลาด ไม่ได้มีมูลค่่าสินทรัพย์จริง
สรุปคือ ธนาคารตอ้งการความมั่นคง
ส่วนเงินกู้หมวกกันน็อค หาลุกค้าจากพวกที่ไม่มีความมั่นคงสินทรัพย์เหล่านี้
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,891
  • ถูกใจแล้ว: 2929 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 09:10:03 AM »
[quote/]


ว่าแล้วนึกถึงหุ้นbts  กำไรต่อปีเยอะ แต่ปันผลแม่ม
เห็นบ่นๆ กัร ดอยกันหลายคน ???


ปีก่อนปันผล 73% ของกำไร ...


ผู้บริหาร bts บอกเลยว่าเหี้ย ;D
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,599
  • ถูกใจแล้ว: 3448 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-286
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 09:18:50 AM »
การทำให้คนจนหลุดพ้นจากกับดักคนจนมันมี 2 วิธี ครับ
1.เพิ่มรายได้
2.ลดรายจ่าย


เพื่อให้เกิดเงินเก็บออมมากขึ้น


1.การสร้างรายได้
   - สร้างงาน เมื่อมีงานก็จะมีรายได้
   - ให้การศึกษาด้านการอดออม วางแผนทางการเงินและลงทุน
   - สร้างสถาบันการเงินที่ช่วยรองรับกับการอดออมจำนวนเงินที่น้อย คล้ายธนาคารโรงเรียน (ปกติการฝากธนาคารจะต้องมีเงินก้อนหลายพัน แต่คนจนบางทีเขาอยากฝากเงินแต่ไม่มีก้อนใหญ่เป็นหลายพัน)
   - สรางสถาบันการเงินสำหรับท้องถิ่น ที่คนในท้องถิ่นจะเป็นเจ้าของหุ้นส่วน ที่จะฝาก ถอนและปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
   - สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและเล็กมาก ด้วยการให้สิทธิพิเศษทางภาษี
2.การลดรายจ่าย
   - ลดรายจ่ายที่คนทั่วไปรับภาระ เช่น
        ค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การเรียนและหนังสือเรียน (รายจ่ายส่วนนี้ต่อครอบครัวต่อปีเยอะมากๆนะครับ สมมุติเรียน 8 วิชา หนังสือก็ปาไป 8 เล่ม สมุดก็ปาไป 8 เล่ม เป็นเงินจำนวนไม่น้อยต่อปีนะครับ)
        ชุดนักเรียนที่ราคาแพง มี 2 ทางเลือก 1.ยกเลิกไปเลยเพื่อลดรายจ่ายส่วนนี้ของคนจน 2.ไม่ยกเลิก แต่รัฐจะต้องมีบัตร Discount ลดราคาชุดนักเรียน หรือสามารถเอาใบเสร็จชุดนักเรียนไปขอคืนเงินกับทางภาครัฐ
        ทรงผมนักเรียน ปัจจุบันถ้าผมจำไม่ผิดค่าตัดทรงผมเด็กจะอยู่ที่ 40-60 บาทต่อเดือน(แล้วแต่ท้องที่) แล้วการที่ครูบังคับให้เด็กต้องไว้ทรงผมถูกระเบียบทำให้ครอบครัวต้องจ่ายเงิน 40-60 บาท ต่อเดือน ทุกสองสัปดาห์ มันเยอะมากนะ สมมุติปีหนึ่ง เด็กเรียน 10 เดือน ก็จะมีค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ 1,000 บาท อาจจะเห็นว่าเป็นจำนวนน้อย แต่ 1,000 บาทที่ได้เพิ่มขึ้นมามันเอาไปหมุนสภาพคล่องธุรกิจขนาดเล็กมากๆ เช่น ขายข้าวแกง หาบเร่ขายได้ เงินจำนวนนี้สามารถกลายมาเป็นเงินสำรองสำหรับลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมได้นะ
   - ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทาง ผมเห็นด้วยกับการสร้างรถไฟฟ้ารถไฟใต้ดินนะ เพียงแต่ผมอยากเพิ่มเติมนิดนึงว่า ทำไมถึงขบวนรถไฟฟ้าในไทยถึงมีขบวนตู้น้อยจัง อย่างสายสีน้ำเงินหรือสีม่วงก็มีแค่ 3 ตู้ และก็เก็บค่าโดยสารแพง เพราะจำนวนผู้โดยสารน้อย เน้นหารายได้จากคนชั้นกลาง ซึ่งผมมองว่ามันไม่ Make Sense แตกต่างจากต่างประเทศที่จำนวนตู้ขบวนรถไฟของต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เขามีจำนวนตู้ 8-10 ตู้ ต่อขบวน และมีราคาตั๋วที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับระยะทางและค่าแรง ถ้าใครนึกภาพไม่ออกลองนึกภาพการขายส่ง กับ การขายปลีกก็ได้ครับ ถ้าเราสามารถจุผู้โดยสารและมีผู้บริการจำนวนมากมันก็เหมือนเราทำรายได้แบบขายส่ง ที่ของต่อชิ้นราคาถูก แต่กลับกันของไทยที่มีแค่ 3 ตู้ขบวน พอมีความจุผู้โดยสารน้อย มันทำให้ถูกบังคับให้ต้องคิดราคาค่าตั๋วแบบขายปลีก
   - ลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณะสุขและแรงงาน หนึ่งในรายจ่ายที่ไม่ว่าคนรวยหรือคนจนต้องเผชิญ คือ รายจ่ายจากความเจ็บป่วย ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ปัญหาคือคนจนมีรายได้น้อย เป็นแบบวันชนวัน ไม่ใช่เดือนชนเดือนแบบชนชั้นกลาง ดังนั้นการที่เขาเดินทางมาสถานพยาบาลของทางการหรือเอกชนมันมีรายจ่ายค่าเดินทางอยู่ ด้วยเหตุนี้ผมมองว่าควรทำรถพยาบาลครบวงจรแบบเคลื่อนที่ ทำงานแบบ Active เมื่อได้สายโทรศัพท์จากผู้ป่วย รถพยาบาลพร้อมหมอและพยาบาลจะเดินทางไปรักษาผู้ป่วยแทนที่พวกเขาจะต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ถ้าอาการหนักก็พาส่งโรงพยาบาลเพราะเป็นรถพยาบาลอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดงบค่าใช้จ่ายของคนจนลงได้มาก(รัฐแบกรับส่วนนี้เอง) และใช้สิทธิประกันสังคมหรือบัตรทองได้เหมือนกับไปที่โรงพยาบาลหรือคลีนิค (ผมเรียกว่า คลีนิคเคลื่อนที่ นึกภาพเหมือนรถบรรทุกที่เปิดประทุนขายอาหารตามที่ต่างๆนั่นแหละ) สิ่งนี้จะช่วยให้คนจนเข้าถึงสาธารณะสุขมากขึ้น และคนจนไม่ต้องแบกรับรายจ่ายที่ต้องไปโรงพยาบาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2021, 09:20:22 AM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ Panzerelite

  • ยอดขุนพลหมี
  • *****
  • กระทู้: 6,337
  • ถูกใจแล้ว: 2070 ครั้ง
  • ความนิยม: +160/-1071
  • เพศ: ชาย
  • ขอเทพแมวจงสถิตอยู่กับท่าน
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 10:21:11 AM »
[quote/]


ปีก่อนปันผล 73% ของกำไร ...


ผู้บริหาร bts บอกเลยว่าเหี้ย ;D



เห็นข่าวกำลังทวงค่าสัมปทานอะไรซักอย่างจากรัฐยิกๆเลยนิ เราก็ไม่เข้าใจนะ ได้สัมปทานถึงชาติหน้าเลยมั่งยังไม่พอใจอีก
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,891
  • ถูกใจแล้ว: 2929 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 10:43:16 AM »
[quote/]


เห็นข่าวกำลังทวงค่าสัมปทานอะไรซักอย่างจากรัฐยิกๆเลยนิ เราก็ไม่เข้าใจนะ ได้สัมปทานถึงชาติหน้าเลยมั่งยังไม่พอใจอีก


ก็ราวๆ ให้เดินรถ แต่รัฐไม่จ่ายตังตามสัญญา


คือตามสัญญามันราวๆ รัฐไม่มีตังช่วยออกไปก่อนนะ
บ.มันก็โอเค แต่รัฐก็เถียงๆกันเองราวๆ มันเป็นพื้นที่รับผิดชอบกทม. รึการรถไฟไรนี่แหล่ัะ


เถียงกันไม่จบซักที ผ่านเป็นปีๆ บ. มันเลยบอก
ไม่มีตังก็ให้เป็นสัมปทานก็ได้


คือรบ. ติดหนี้ไปกี่หมื่นล้านจำไม่ได้ละแต่เยอะอยู่


ผู้บริหารเลยออกมาประจานเลย แถมขู่หยุดเดินรถเส้นที่ไม่จ่ายตัง
ก็เข้าใจมันแหล่ะ  มันไม่ได้มีหน้าที่ต้องเสียสละ
แถมหนี้ที่รัฐติดแม่มก็เยอะ


แต่มันก็เหี้ยนั่นแหล่ะ ทั้งประจานทั้งขู่
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123, Black7nos

ออนไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,180
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 11:00:31 AM »
เห็นข่าวอยู่เข้าใจครับ ถ้าผมจำไม่ผิด ได้ต่อสัมปธาน ครั้งนึงตอน รบ. Mk ครั้งนั้นก็ลากไปอีกยาว แถมมาได้แบบนี้ อีก  แม่งสึดจริมๆ  :P
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TamaNeko

ออฟไลน์ TamaNeko

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 446
  • ถูกใจแล้ว: 192 ครั้ง
  • ความนิยม: +13/-22
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 11:56:09 AM »
ไม่ใช่กับรัฐ  แต่กับกทม.  กทม.ในอดีตเคยเป็นฐานเสียงของพรรคใด??  สมัยที่ต่อสัญญา
แบบงงๆในยุคหม่อมเอ๋อ  หม่อมเอ๋อเคยเมาไวน์แล้วตะคอกคนอื่นอย่างไร??  (พูดว่าตนเอง
ประชาธิปัตย์บลาๆๆๆละไว้ฐานที่เข้าใจ)


ทุกๆอย่างมันต้องหาจุดเชื่อมโยง  ค้นจากพฤติกรรมต่างๆที่เคยทำมา  ก็จะรู้ว่า  การที่
กทม.นึ่งเฉย  ตอนนี้ก็เงียบๆไว้  นิ่งเฉยไม่ชี้แจงใดๆทั้งสิ้นว่าทำไมถึงปล่อยให้เขาเดินรถฟรี
ตอนนี้ส่วนต่อขยายเดินรถฟรีมาหลายปี  ทำไมจึงจ้างเขาให้ทำแบบนั้น  ทำไมถึงจ้างให้เขา
พอกหนี้เรื่อยๆ 


เพราะปกติเมื่อส่วนต่อขยายหรือเส้นทางใหม่เปิดทดลองใช้งาน  เต็มที่ก็เปิดใช้ฟรีสามสี่เดือน
แต่นี่มีเหตุใด  ทำไมไม่ชี้แจงว่าส่วนต่อขยายจากจตุจักรไปลำลูกกา  ไม่เก็บเงินมาหลายปี
ทำไม??  หรือส่วนต่อขยายอื่นๆในเวลาอื่นๆ  ที่ผู้คนคิดว่า  ผู้เดินรถเป็นผู้ที่เปิดให้ทดลองใช้
โดยผู้เดินรถไม่ได้เงิน  แต่กลายเป็นว่ากทม.เนี่ยแหละการันตีรายได้ช่วงทดลองเปิดใช้


สัมปทานพวกนี้  เมื่อหมดอายุสัปทานหรือใกล้หมด  มันจะมีละครอะไรแปลกๆให้เพิ่มอายุสัญญา
ดูอย่างสัปทานโทลเวย์สิ  จะหมดปี55  ตอนปี49รัฐประหารสามเดือน  ราวๆธันวา  ประกาศให้
เพิ่มสัญญาแล้วให้เพิ่มค่าผ่าน  ไปจนถึงปี75(อายุการใช้งานโทลเวย์คือ 80)  หรืออย่างสัญญา
สัมปทานทางด่วนขั้นที่หนึ่งที่สอง  ศาลปกครองกลางตัดสินไว้อย่างไรทำไมไม่เอาเหตุนั้นไป
สู้ในชั้นศาลปกครองสูงสุด   แล้วทำไมหวยต้องมาออกตรงที่แลกกับอายุสัมปทานทางด่วน


ที่ๆเป็นข่าวกันตอนนี้  แล้วที่ๆไม่ยอมเดินหน้าละครรันทดของบีทีเอสตอนนี้  เพราะรัฐบาลยัง
ไม่ยอมให้เงินไหลไปสู่พรรคประชาธิปัตย์หรือเปล่า??  ที่ประชาธิปัตย์ติ๋มๆมาตลอดเพราะยังต้อง
รอกินอะไรสักอย่าง  ยังไม่สามารถเฮี้ยวได้  ต้องกลืนเลือดหลายกรณีแต่ก็ต้องยอมเพื่ออะไร??
 

ออฟไลน์ TamaNeko

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 446
  • ถูกใจแล้ว: 192 ครั้ง
  • ความนิยม: +13/-22
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 12:16:07 PM »
นี่ยังไม่นับสูตรคำนวณรายได้อีกนะ  กับความโปร่งใสของจำนวนตัวเลขผู้ใช้ทางด่วนผู้ใช้รถไฟ
หรือกับเรื่องทำไมถึงโยกเส้นทางส่วนต่อขยายที่เข้าไปในพื้นที่นอกกรุงเทพฯของรฟท.มาให้
กรุงเทพฯโดยอ้างว่าเพื่อให้มีเอกภาพ


ส่วนเรื่องราคาทำไมถึงแพง  สูตรคำนวณก็พิศดารเกิน  ยังจำได้  ตอนที่พรรคๆนึงหาเสียงโดย
บอกว่าสามารถทำให้รถไฟลอยฟ้า+ใต้ดิน  ตั๋วราคายี่สิบหรือยี่สิบกว่าบาทได้  การที่พรรคๆนึง
ได้ดูแลกทม.มานาน  มันทำให้สามารถวางคนของตัวเองเลื่อนคนที่ฝักใฝ่ตัวเองเป็นข้าราชการ
กทม.ระดับสูงได้  แล้วให้เขาปกป้องทำตามอะไรๆได้


น่าเสียดายค่าตั๋วรถไฟลอยฟ้าใต้ดินที่สามารถทำให้ถูกได้  และสัมปทานต่างๆ  แต่อย่างว่าหล่ะ
บลาๆๆๆๆๆๆ  น้ำท่วมทุ่ง  พูดไปก็จะกลายเป็นวกเข้าการเมือง 
[quote/]


ก็ราวๆ ให้เดินรถ แต่รัฐไม่จ่ายตังตามสัญญา


คือตามสัญญามันราวๆ รัฐไม่มีตังช่วยออกไปก่อนนะ
บ.มันก็โอเค แต่รัฐก็เถียงๆกันเองราวๆ มันเป็นพื้นที่รับผิดชอบกทม. รึการรถไฟไรนี่แหล่ัะ


เถียงกันไม่จบซักที ผ่านเป็นปีๆ บ. มันเลยบอก
ไม่มีตังก็ให้เป็นสัมปทานก็ได้


คือรบ. ติดหนี้ไปกี่หมื่นล้านจำไม่ได้ละแต่เยอะอยู่


ผู้บริหารเลยออกมาประจานเลย แถมขู่หยุดเดินรถเส้นที่ไม่จ่ายตัง
ก็เข้าใจมันแหล่ะ  มันไม่ได้มีหน้าที่ต้องเสียสละ
แถมหนี้ที่รัฐติดแม่มก็เยอะ


แต่มันก็เหี้ยนั่นแหล่ะ ทั้งประจานทั้งขู่

ราวๆเก้าหมื่นล้าน  (ตัวเลขสูตรคำนวณก็แปลกพิลึกมาก  สูตรคำนวณจำนวนผู้โดยสารก็พิลึกมาก
ไม่ได้ใช้ระบบดูที่ตั๋ว)  แบ่งเป็นค่าจ้างเดินรถปีละสามพันกว่าล้านรวมทั้งสิ้นราวสองหมื่นล้าน +
ค่าอาณัติสัญญาณเดินรถที่เขาต้องจ่ายให้เจ้าของระบบราวสองหมื่นเกือบสามหมื่นล้าน  +  จากทาง
รฟท.ซึ่งเป็นเงินที่เยอะที่สุดคือห้าหกหมื่นล้าน


ที่เขาออกมาประจานมาขู่  มันก็แค่เกมแค่ละคร  แต่รัฐบาลกลับไม่คล้อยเล่นละครด้วยกัน  ทั้งๆที่
ควรไหลตามน้ำแบบการต่อสัมปทานทางด่วน  คนกำกับละคร(พรรคบางพรรคที่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล)
ก็เงิบสิ นอกจากเงิบแล้วยังต้องหงอยและเจียมเนื้อเจียมตัว  ไม่งั้นเดี๋ยวรัฐไม่ไหลตามบทละคร
อีกฝ่ายก็กลัวว่าอ้อยเข้าปากช้างแล้ว  เดี๋ยวจะทรยศ  จะไม่เชื่อฟัง  ก็คงจะพร้อมเล่นละครไหลตามบท
ในช่วงก่อนยุบสภาหรือครบวาระนั่นหล่ะ  คล้ายๆกรณีรถไฟสามสนามบินที่อณุมัติก่อนการเลือกตั้ง
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 03:11:32 PM »
การทำให้คนจนหลุดพ้นจากกับดักคนจนมันมี 2 วิธี ครับ
1.เพิ่มรายได้
2.ลดรายจ่าย


เพื่อให้เกิดเงินเก็บออมมากขึ้น


1.การสร้างรายได้
   - สร้างงาน เมื่อมีงานก็จะมีรายได้
   - ให้การศึกษาด้านการอดออม วางแผนทางการเงินและลงทุน
   - สร้างสถาบันการเงินที่ช่วยรองรับกับการอดออมจำนวนเงินที่น้อย คล้ายธนาคารโรงเรียน (ปกติการฝากธนาคารจะต้องมีเงินก้อนหลายพัน แต่คนจนบางทีเขาอยากฝากเงินแต่ไม่มีก้อนใหญ่เป็นหลายพัน)
   - สรางสถาบันการเงินสำหรับท้องถิ่น ที่คนในท้องถิ่นจะเป็นเจ้าของหุ้นส่วน ที่จะฝาก ถอนและปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
   - สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและเล็กมาก ด้วยการให้สิทธิพิเศษทางภาษี
2.การลดรายจ่าย
   - ลดรายจ่ายที่คนทั่วไปรับภาระ เช่น
        ค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การเรียนและหนังสือเรียน (รายจ่ายส่วนนี้ต่อครอบครัวต่อปีเยอะมากๆนะครับ สมมุติเรียน 8 วิชา หนังสือก็ปาไป 8 เล่ม สมุดก็ปาไป 8 เล่ม เป็นเงินจำนวนไม่น้อยต่อปีนะครับ)
        ชุดนักเรียนที่ราคาแพง มี 2 ทางเลือก 1.ยกเลิกไปเลยเพื่อลดรายจ่ายส่วนนี้ของคนจน 2.ไม่ยกเลิก แต่รัฐจะต้องมีบัตร Discount ลดราคาชุดนักเรียน หรือสามารถเอาใบเสร็จชุดนักเรียนไปขอคืนเงินกับทางภาครัฐ
        ทรงผมนักเรียน ปัจจุบันถ้าผมจำไม่ผิดค่าตัดทรงผมเด็กจะอยู่ที่ 40-60 บาทต่อเดือน(แล้วแต่ท้องที่) แล้วการที่ครูบังคับให้เด็กต้องไว้ทรงผมถูกระเบียบทำให้ครอบครัวต้องจ่ายเงิน 40-60 บาท ต่อเดือน ทุกสองสัปดาห์ มันเยอะมากนะ สมมุติปีหนึ่ง เด็กเรียน 10 เดือน ก็จะมีค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ 1,000 บาท อาจจะเห็นว่าเป็นจำนวนน้อย แต่ 1,000 บาทที่ได้เพิ่มขึ้นมามันเอาไปหมุนสภาพคล่องธุรกิจขนาดเล็กมากๆ เช่น ขายข้าวแกง หาบเร่ขายได้ เงินจำนวนนี้สามารถกลายมาเป็นเงินสำรองสำหรับลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมได้นะ
   - ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทาง ผมเห็นด้วยกับการสร้างรถไฟฟ้ารถไฟใต้ดินนะ เพียงแต่ผมอยากเพิ่มเติมนิดนึงว่า ทำไมถึงขบวนรถไฟฟ้าในไทยถึงมีขบวนตู้น้อยจัง อย่างสายสีน้ำเงินหรือสีม่วงก็มีแค่ 3 ตู้ และก็เก็บค่าโดยสารแพง เพราะจำนวนผู้โดยสารน้อย เน้นหารายได้จากคนชั้นกลาง ซึ่งผมมองว่ามันไม่ Make Sense แตกต่างจากต่างประเทศที่จำนวนตู้ขบวนรถไฟของต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เขามีจำนวนตู้ 8-10 ตู้ ต่อขบวน และมีราคาตั๋วที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับระยะทางและค่าแรง ถ้าใครนึกภาพไม่ออกลองนึกภาพการขายส่ง กับ การขายปลีกก็ได้ครับ ถ้าเราสามารถจุผู้โดยสารและมีผู้บริการจำนวนมากมันก็เหมือนเราทำรายได้แบบขายส่ง ที่ของต่อชิ้นราคาถูก แต่กลับกันของไทยที่มีแค่ 3 ตู้ขบวน พอมีความจุผู้โดยสารน้อย มันทำให้ถูกบังคับให้ต้องคิดราคาค่าตั๋วแบบขายปลีก
   - ลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณะสุขและแรงงาน หนึ่งในรายจ่ายที่ไม่ว่าคนรวยหรือคนจนต้องเผชิญ คือ รายจ่ายจากความเจ็บป่วย ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ปัญหาคือคนจนมีรายได้น้อย เป็นแบบวันชนวัน ไม่ใช่เดือนชนเดือนแบบชนชั้นกลาง ดังนั้นการที่เขาเดินทางมาสถานพยาบาลของทางการหรือเอกชนมันมีรายจ่ายค่าเดินทางอยู่ ด้วยเหตุนี้ผมมองว่าควรทำรถพยาบาลครบวงจรแบบเคลื่อนที่ ทำงานแบบ Active เมื่อได้สายโทรศัพท์จากผู้ป่วย รถพยาบาลพร้อมหมอและพยาบาลจะเดินทางไปรักษาผู้ป่วยแทนที่พวกเขาจะต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ถ้าอาการหนักก็พาส่งโรงพยาบาลเพราะเป็นรถพยาบาลอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดงบค่าใช้จ่ายของคนจนลงได้มาก(รัฐแบกรับส่วนนี้เอง) และใช้สิทธิประกันสังคมหรือบัตรทองได้เหมือนกับไปที่โรงพยาบาลหรือคลีนิค (ผมเรียกว่า คลีนิคเคลื่อนที่ นึกภาพเหมือนรถบรรทุกที่เปิดประทุนขายอาหารตามที่ต่างๆนั่นแหละ) สิ่งนี้จะช่วยให้คนจนเข้าถึงสาธารณะสุขมากขึ้น และคนจนไม่ต้องแบกรับรายจ่ายที่ต้องไปโรงพยาบาล

ชุดนักเรียน ผมว่าควรยกเลิกสำหรับโรงเรียนรัฐครับ เพราะสิ่งที่รัฐควรทำคือลดต้นทุนประชาชนให้มากที่สุดและเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น ส่วนชุดนักเรียนก็ให้พวก รร.เอกชนที่ส่วนมากเป็นโรงเรียนลูกคนรวย+เจ้าของอาจจะมีหุ้นกับทางร้านขายชุด

ทรงผมไม่ควรบังคับสำหรับโรงเรียนรัฐเช่นกัน แต่อาจจะเคร่งในส่วนที่ห้ามไม่ให้มีกลิ่นเหม็นจนรบกวนการเรียนนักเรียนคนอื่นก็พอ

รถไฟฟ้านี่เห็นด้วยเลย ด้างว่าคนน้อยได้ไงหว่า? ขนาดไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนถ้าไม่ได้ขึ้นต้นทางคือยืนสถานเดียว ยิ่ง ชม.เร่งด่วนนะ บางทีรอ 4-5 ขบวนกว่าจะไปได้ ถ้าวัดกันเรื่องรายได้ยิ่งไม่ make cent เพราะรถไฟฟ้าไทยมีรายได้ทั้งจากค่าโดยสารที่แพงโหด ไหนจะโฆษณาบนขบวนรถและสถานีอีก รฟท ที่ว่าขาดทุนกว่านี้ยังพ่วงหลายตู้มากกว่าอีก (นับเฉพาะกรณีรถธรรมดา)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2021, 03:17:46 PM โดย Taw »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,599
  • ถูกใจแล้ว: 3448 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-286
Re: เงินกู้ ควรเป็นสิทธิขั้น พื้นฐาน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2021, 04:26:01 PM »
ชุดนักเรียนนี่มันพูดกันลำบากครับ เพราะถ้ายกเลิกไปจริงๆจะมีลูกจ้างและธุรกิจจำนวนมากได้รับผลกระทบ. ตกงานกันเป็นแสนเลยมั๊ง?


สำหรับผม ผมมองว่าการทำธุรกิจที่บังคับให้คนต้องซื้อ แต่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของคนที่ต้องการจะซื้อสินค้าตัวนั้นจริงคือการบิดเบือนตลาดนะ


อย่างของอุปโภคบริโภค เราต้องซื้อเพราะมันมันจำเป็นต่อการยังชีพ เข้าใจได้


การซื้อสินค้าสิ้นเปลืองอย่าง รถยนต์ หรือ โทรศัพท์มือถือ หรือ ของแบรนด์เนม ก็เข้าใจได้ว่าเป็นความต้องการของรสนิยมบุคคลนั้นจริงๆ


แต่เสื้อผ้านักเรียน ผมกลับมองว่ามันคือการบังคับให้เราต้องจ่ายเงินที่เราไม่ได้อยากจ่าย นี่ไม่ใช่หลักการของทุนนิยมเสรีเสียด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า อุปสงค์จริง


ผมกลับมองว่า เผลอๆยกเลิกชุดนักเรียนไปมันอาจจะทำให้โรงงานผลิตเสื้อผ้าเด็กต้องหันมาปรับตัวสร้างสรรค์ด้านแฟชั่นและใส่ใจกับลูกค้าสำหรับเด็กมากขึ้นครับ และเกิดผู้ผลิตเสื้อผ้าเด็กรายใหม่เข้ามาแข่งขันกันในตลาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2021, 04:28:54 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, Taw

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก