นี่ยังไม่นับสูตรคำนวณรายได้อีกนะ กับความโปร่งใสของจำนวนตัวเลขผู้ใช้ทางด่วนผู้ใช้รถไฟ
หรือกับเรื่องทำไมถึงโยกเส้นทางส่วนต่อขยายที่เข้าไปในพื้นที่นอกกรุงเทพฯของรฟท.มาให้
กรุงเทพฯโดยอ้างว่าเพื่อให้มีเอกภาพ
ส่วนเรื่องราคาทำไมถึงแพง สูตรคำนวณก็พิศดารเกิน ยังจำได้ ตอนที่พรรคๆนึงหาเสียงโดย
บอกว่าสามารถทำให้รถไฟลอยฟ้า+ใต้ดิน ตั๋วราคายี่สิบหรือยี่สิบกว่าบาทได้ การที่พรรคๆนึง
ได้ดูแลกทม.มานาน มันทำให้สามารถวางคนของตัวเองเลื่อนคนที่ฝักใฝ่ตัวเองเป็นข้าราชการ
กทม.ระดับสูงได้ แล้วให้เขาปกป้องทำตามอะไรๆได้
น่าเสียดายค่าตั๋วรถไฟลอยฟ้าใต้ดินที่สามารถทำให้ถูกได้ และสัมปทานต่างๆ แต่อย่างว่าหล่ะ
บลาๆๆๆๆๆๆ น้ำท่วมทุ่ง พูดไปก็จะกลายเป็นวกเข้าการเมือง
[quote/]
ก็ราวๆ ให้เดินรถ แต่รัฐไม่จ่ายตังตามสัญญา
คือตามสัญญามันราวๆ รัฐไม่มีตังช่วยออกไปก่อนนะ
บ.มันก็โอเค แต่รัฐก็เถียงๆกันเองราวๆ มันเป็นพื้นที่รับผิดชอบกทม. รึการรถไฟไรนี่แหล่ัะ
เถียงกันไม่จบซักที ผ่านเป็นปีๆ บ. มันเลยบอก
ไม่มีตังก็ให้เป็นสัมปทานก็ได้
คือรบ. ติดหนี้ไปกี่หมื่นล้านจำไม่ได้ละแต่เยอะอยู่
ผู้บริหารเลยออกมาประจานเลย แถมขู่หยุดเดินรถเส้นที่ไม่จ่ายตัง
ก็เข้าใจมันแหล่ะ มันไม่ได้มีหน้าที่ต้องเสียสละ
แถมหนี้ที่รัฐติดแม่มก็เยอะ
แต่มันก็เหี้ยนั่นแหล่ะ ทั้งประจานทั้งขู่
ราวๆเก้าหมื่นล้าน (ตัวเลขสูตรคำนวณก็แปลกพิลึกมาก สูตรคำนวณจำนวนผู้โดยสารก็พิลึกมาก
ไม่ได้ใช้ระบบดูที่ตั๋ว) แบ่งเป็นค่าจ้างเดินรถปีละสามพันกว่าล้านรวมทั้งสิ้นราวสองหมื่นล้าน +
ค่าอาณัติสัญญาณเดินรถที่เขาต้องจ่ายให้เจ้าของระบบราวสองหมื่นเกือบสามหมื่นล้าน + จากทาง
รฟท.ซึ่งเป็นเงินที่เยอะที่สุดคือห้าหกหมื่นล้าน
ที่เขาออกมาประจานมาขู่ มันก็แค่เกมแค่ละคร แต่รัฐบาลกลับไม่คล้อยเล่นละครด้วยกัน ทั้งๆที่
ควรไหลตามน้ำแบบการต่อสัมปทานทางด่วน คนกำกับละคร(พรรคบางพรรคที่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล)
ก็เงิบสิ นอกจากเงิบแล้วยังต้องหงอยและเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่งั้นเดี๋ยวรัฐไม่ไหลตามบทละคร
อีกฝ่ายก็กลัวว่าอ้อยเข้าปากช้างแล้ว เดี๋ยวจะทรยศ จะไม่เชื่อฟัง ก็คงจะพร้อมเล่นละครไหลตามบท
ในช่วงก่อนยุบสภาหรือครบวาระนั่นหล่ะ คล้ายๆกรณีรถไฟสามสนามบินที่อณุมัติก่อนการเลือกตั้ง