[quote/]
ระบบพวกนี้มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ต้องยอมรับความผิดพลาดแล้วแก้ไข ป.เพศที่สามบางทีก็เป็นเผด็จการนะ การศึกษาสูงมั่นใจมาก เราต้องเกลียดคนที่เขาเกลียดทุกคน อย่างเรื่องbnkเนี่ย บางทีมันไม่ใช่แบบที่เขาคิดนะ ตีความอีกอย่าง รัฐศาสตร์เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้น มาเคียเวลลีคนเริ่มรู้ทันแล้ว เดี๋ยวนี้แยบยลขึ้น เรื่องเกมส์เรามั่นใจว่าตาเจมส์ได้ไม่ต่ำกว่าสามหมื่นล้านแน่ ถ้าเทรดนานๆเข้าใจเลยใครเป็นยังไงในวงการนี้ ต้องตามสถานการณ์ตลอด อีกอย่างพวกต้มยำกุ้งไม่สนใจหุ้นแนวนี้ คนละแนวเลย
[quote/]
บางคนลงทุนจริงๆ หุ้นถูกขับเคลื่อนด้วยความบ้าคลั่งทุกที่ในตลาดหุ้นทั่วโลกแหละ ต้องใจเย็นศึกษา เอาข้อผิดพลาดตัวเองมาเล่นงงานตัวเองแล้วพัฒนา ปีเดียวเองก็ไปรอดแล้ว
ในแนวอิเซไค คนยังคิดว่าแมคลีอาเวลลี่เป็นพวกต้องการให้คนกลัวน่ะครับ ฮาผมตีความว่านั่นคือความเข้าใจระดับคนทั่วไป
เรื่องอ.หงอกเจียม ผมมองว่าแกคงมีโดนแซวมาตลอดว่าหัวโตตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง
ผมให้เครดิตแกที่แกรู้ตัวเร็วในหลายสถานการณ์นี่ล่ะ เมื่อคิดว่าจะถอยก็ถอย
เจอประโยคแกน่าคิดที่ว่าคนฉลาดคิดเหมือนกันคือประมาณ"คนเถียงผมนี่ผมคิดมากนะ ถ้าเหตุผลดีบางทีผมคิดเป็นวันเลย"
คือก่อนจะเถียงกับใครแกเถียงตนเองมาก่อนแลฃ้วน่ะครับ
นี่คือเคล็ดวิชาที่คนทั่วไปต้องเรียนในระดับสูงถึงจะรู้ แต่การถามตอบมีการเรียนในหมู่ชาวยิวหรือสายศาสนาของนัปรัชญาตะวันตกมานานแล้วแค่คนที่ทำให้เป็นวัฒนธรรมและนิสัยคือชาวยิว
อาจารย์ป. ผมเคยวิเคราะห์ว่าแกทำตัวบ้าบอเพระาต้องการให้เข้ากับวัยรุ่น
สมเจียมยึดหลักวิชาการสไตล์ดั้งเดิมนั่นล่ะ เรือ่งเทคโนโลยีแกไม่ถนัดเท่าอาจารย์ป.
คนอีกรุ่นหนึ่งจะรู้เรื่องพลังของเทคโนโลยีมากกว่า
เรียกว่าหากคิดเรื่องรายได้ สมเจียมสามารถเปิดไลฟ์สตรีมแมวหารายได้ได้อย่างสบายเลยล่ะในยุคแบบนี้
แถมอีกเรื่องหงอกนี่ถ้าคิดว่าความคิดเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ตอนเด็กหงอกไม่ตั้งใจเรียนแต่สอบได้ที่หนึ่งตลอด ชื่ออาจารย์สมัยเด็กก็จำได้ อายุมากขนาดนี้ คนบางคนลืมไปละ หงอกอ่านหนังสือเร็วมาก แล้วเอามาวิเคราะห์ การตอบโต้เร็วมาก คนแบบนี้ต้องเป็นอัจฉริยะ
อาจารย์ ป บอกเองว่าตัวเองขวนขวาย ขยันมาตลอด หงอกนี่พยายามตอนก่อนสอบเข้ามหาลัย กับเรียนมหาลัยเองมั้ง คนแบบนี้ไม่ใช่อัจฉริยะจะเรียกว่าอะไร ไม่ขยันเรียนแต่ได้เต็มทุกวิชา ไม่ขยันเรียนจำกลอนที่เรียนมาได้จนถึงทุกวันนี้
ลองคิดดีๆนะ หงอกเมื่อก่อนพีคกว่านี้ หลังเจ็บป่วยก็ไม่พีคเท่าเดิม
ผมเชื่อในทฤษฎีหนึ่งที่ชาวยิวไม่ค่อยชอบ
แต่เป็นทฤษฎีเดียวกับสุภาษิตโบราณ
"ฟ้าไม่ได้ให้คนมาทุกอย่างจริง ฮันนิบาลรู้จักแต่หาชัยชนะแต่ไม่รู้จักใช้ชัยชนะอย่างไร""ฟ้าริษยาโฉมสะคราญ"
ทฤษฎีที่ผมเจอคือ มันมียีนส์บางตัวของชาวยิว ที่หากมีสองอันจะทำให้เป็นโรคต่างๆเกี่ยวกับไขมัน เกาส์ แต่หากมีแค่ตัวเดียวจะกลายเป็นอัจฉริยะ
หรือคนที่เป็นออทิสติค หรือดาวน์จะหน้าคล้ายๆกัน
คนที่เป็นแอสเปอร์แเจอก็มีบางลักษณะเหมือนกันเช่นกัน
ผมมองว่าอัจฉริยะมันคือพรและคำสาปที่พระเจ้า(พันธุกรรม)ให้มาว่าเจ้ามีสติปัญญาเหนือคน เจ้าก็ต้องแบกรับภาระเหนือคนไปด้วย
คือลักษณะที่คนสมัยก่อนคิดว่าหัวโต หน้าผากกว้าง คือลักษณะของคนฉลาดตามตำราโหราศาสตร์ที่แท้จริงแล้วคือคนมีลักษณะของแอสเปอร์เจอร์และออทิสติค
และการจะมีสติปัญยาระดับนั้นเหมือนกับเล่นรัสเซี่ยนรูเล็ต ที่พลาดไปนิดก็จะกลายเป็นแอสเปอร์เจอหรืออทิสติคไปเลย
หรือมีโรคพันธุกรรมแฝงมาเพียบแบบชาวยิว
..ผมว่าคนที่บอกว่าเยลไม่ขนาดนั้นในโลกนี้ได้มีไม่น่าเกินพันคนหรอกนะครับ(ยกเว้นม.คู่แข่ง ฮา)
ว่าด้วยเรื่องคลองไทยหรือคลองกระ เท่าที่ผมเคยอ่านมา
ก่อนหน้านี้มีการเล่นมุกว่า "ต้องใช้นิวเคลียร์ขุด"และพยายามว่าหใ้น่ากลัวจากหลายๆอย่างด้วยคนระดับดร.ด้วยมั้ง?ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วสินะครับ?ผมอยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ดร.คนนั้นจะยังพูดเหมือนเดิมหรือเปล่านี่?คนไอคิวเกิน 140 นี่อัตราเฉลี่ยมีประมาณ 0.00025% เองนะครับ
ผมคนที่ลองเล่นๆดูแค่ได้ 100 เท่าคนธรรมดาพอดี ฮา ความเศร้าของคนที่ไม่ถึงขั้นปัญญาทึบ แต่เศร้าที่พอที่จะรู้ตัวว่าเทียบกับพวกอัจฉริยะไม่ได้