ยิวกับหลี่ปู้เหว่ย

[samuison]

คือผมไปคุยกับฝรั่งมาครับ


ก็สไตล์ฝรั่งล่ะครับที่พยายามจะพูดให้มองยิวในแง่ดี


ผมบอกว่าพฤติกรรม ปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยสูง ไม่ใช่พฤติกรรมประหลาด


ในสมัยชุนชิวหรือยุคสมัยที่บ้านเมืองทุกข์เข็ญ


ปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยสูงก็ทำเงินให้กับเศรษฐีในยุคชุนชิวหรือยุคนั้นๆได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

แลบเดียวกับเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซีล่ะครับ


ฝรั่งตะวันตกพยายามแก้ตัวว่า


ที่มีการขับไล่ยิว เพราะเจ้าเมืองพยายามนะเบี้ยวหนี้ยิว ว่าอย่างนั้นล่ะครับ

เป็นเพราะเจ้าเมืองโลภโมโทสัน ไม่ใช่ความผิดของยิวที่ฝรั่งพยายามจะสื่อ

ผมบอกว่าในประวัติศาสตร์น่ะ มันไม่แปลก ทางฟากตะวันออกเรา ประวัติศาสตร์จีน คนที่เป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จได้จะมีแนวความคิดคล้ายๆกัน

พฤริกรรมของพ่อค้า สร้างความเกลียดชังให้กับคนทั่วไป ไม่ใช่เพราะเป็นยิวหรือเรซิสม์แต่ประการใด


ประมาณผู้ยิ่งใหญ่เขาเหลียงซานหรือซ่องโจร พอจะไว้ชีวิตบัณฑิตหรือแม้แต่ เจ้าหน้าที่ทางการ แต่จะโหดต่อพ่อค้า


เรียกว่าเกลียดชังพ่อค้ามากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐล่ะครับ


ฝรั่งพยายามนะบอกว่าที่เกลียดยิวเป็นเรื่องเหยียดชาติพันธุ์

แต่ความนริงพฤติกรรมของพ่อค้า ผมว่ามันเหมือนกันทั่วโลกมาแต่ครั้งบรรพกาลแล้วนะครับ?


ประมาณหลี่ปู้เหว่ย พ่อค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัคิศาสตร์จีน เรียกว่าเพราะมีจิ๋นซีมาเกิด แกถึงไม่ได้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค

ก็ยอมรับว่า เกี่ยวพันกับการเมือง คือสิ่งที่กำไรได้มากกว่าการค้า ข้าว เพชรพลอย ต่างๆ

ไม่แปลกที่คนตะวันออกเราจะมองว่ายิวจะมายุ่งกับการเมืองในที่สุด

เพราะตำราของหลี่ปู้เหว่ยก็บอกเราไว้อย่างนั้นว่านั่นคือสิ่งที่กำไรที่สุด


แต่ฝรั่งยึดแนวคิดการปกป้องยิว ทำให้เวลาพูดเรื่องพ่อค้าจะเกิดอาการต่อต้านทันทีน่ะครับ

ทำเหมือนฟากตะวันออกเรา ไม่มีพ่อค้าอย่างนั้นล่ะ

นิสัยพ่อค้ามักคล้ายๆกัน

ผมไปเจอท่านในบอร์ดนี้พูดล่ะครับว่า


คนฉลาดมักจะคิดคล้ายๆกัน เพราะแนวทางที่ประสบความสำเร็จจะคล้ายๆกัน

คือคัมภีร์ตัลมุดของยิวกับคัมภีร์ค้าขายของจีน ก็ไม่มีอะไรขัดแย้งกันในภาพรวมน่ะครับ

วัฒนธรรมของเราจริงๆ อาจจะคล้ายกับยิวมากกว่าฝรั่งตะวันตกล่ะครับ

คือเจอฝรั่งพูดแนวประชดมาว่า

"ตกลงจะพูดว่ายิวทำให้จีนยุคโบราณล่มสลายใช่ไหม?"


ผมรู้สึกขนลุกนิดหนึ่ง  เพราะหลี่ปู้เหว่ย นี่ไม่ใช่ใกล้เคียง

ก็เหมือนกับสุดยอดของชาวยิวในด้านความคิดการค้าขายล่ะครับ


เกิดจากตระกูลพ่อค้า ได้ครองอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ถ้าไม่มีจิ๋นซีฮ่องเต้ขึ้นก็เรียกว่าไม่ธรรมดาล่ะ

• Tweet

[nosta]

ยิวเป็นชนชาติอัจฉริยะครับ  ขนาดไปเป็นชนกลุ่มน้อยยังประสบความสำเร็จสูง ระดับ iq สูงปรี๊ด และพวกนี้บ้าการเรียนมาก เอาเป็นเอาตาย คล้ายๆชาวเอเชียที่อยู่ในอเมริกา(ซึ่งเป็นเอเชียที่คัดมาแล้วว่าสุดยอด)​ ค้าขายเก่ง มีสามคมการค้าช่วยเหลือกัน มีการแอบฮั้ว อย่างสมาคมค้าเพชรชาวยิวนี่แทบผูกขาดเพชร
แต่คนรวยจริงจะใช้สติปัญญาไม่พึ่งสมาคมอะไร เช่น มาร์ค ซัคเคิลเบิร์ก
ประหยัดสุดๆยิ่งกว่าจีน
         ที่ว่าคนฉลาดจะคิดคล้ายกันผมว่าจริงนะ จะว่าไปก็คล้ายกันมากๆ ยิวก็คือจีนแล้วคูณด้วย 2
ทั้งไอคิว การบ้าเรียน อดออม ชอบค้าขาย การช่วยเหลือกัน ตั้งสมาคม เรียกว่ามาแนวเดียวกันเลย และเป็นแนวที่ประสบความสำเร็จ


           ส่วนประเทศที่ล้มเหลวก็จะคิดคล้ายกัน ไม่เรียน เพราะไร้ประโยชน์ ไม่ต้องเรียนก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่ออมเงิน ลงเงินกับอบายมุกคือรู้จักใช้ชีวิต ติดหนี้ติดสิน เรียกร้องความช่วยเหลือ อยากรวยแต่ขี้เกียจ เรียกร้องความเท่าเทียม แต่ทำไม่เท่าเค้า มีลูกกับคนโง่พอๆกัน มีลูกเมื่อไม่พร้อม แถมมีอื้อไม่ทำหมันอดๆอยากๆ ร้องให้คนช่วย ไม่ส่งลูกเรียน ลูกก็ทำแบบพ่อแม่วนลูปนรกไปเรื่อยๆ

[samuison]

ยิวเป็นชนชาติอัจฉริยะครับ  ขนาดไปเป็นชนกลุ่มน้อยยังประสบความสำเร็จสูง ระดับ iq สูงปรี๊ด และพวกนี้บ้าการเรียนมาก เอาเป็นเอาตาย คล้ายๆชาวเอเชียที่อยู่ในอเมริกา(ซึ่งเป็นเอเชียที่คัดมาแล้วว่าสุดยอด)​ ค้าขายเก่ง มีสามคมการค้าช่วยเหลือกัน มีการแอบฮั้ว อย่างสมาคมค้าเพชรชาวยิวนี่แทบผูกขาดเพชร
แต่คนรวยจริงจะใช้สติปัญญาไม่พึ่งสมาคมอะไร เช่น มาร์ค ซัคเคิลเบิร์ก
ประหยัดสุดๆยิ่งกว่าจีน
         ที่ว่าคนฉลาดจะคิดคล้ายกันผมว่าจริงนะ จะว่าไปก็คล้ายกันมากๆ ยิวก็คือจีนแล้วคูณด้วย 2
ทั้งไอคิว การบ้าเรียน อดออม ชอบค้าขาย การช่วยเหลือกัน ตั้งสมาคม เรียกว่ามาแนวเดียวกันเลย และเป็นแนวที่ประสบความสำเร็จ


           ส่วนประเทศที่ล้มเหลวก็จะคิดคล้ายกัน ไม่เรียน เพราะไร้ประโยชน์ ไม่ต้องเรียนก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่ออมเงิน ลงเงินกับอบายมุกคือรู้จักใช้ชีวิต ติดหนี้ติดสิน เรียกร้องความช่วยเหลือ อยากรวยแต่ขี้เกียจ เรียกร้องความเท่าเทียม แต่ทำไม่เท่าเค้า มีลูกกับคนโง่พอๆกัน มีลูกเมื่อไม่พร้อม แถมมีอื้อไม่ทำหมันอดๆอยากๆ ร้องให้คนช่วย ไม่ส่งลูกเรียน ลูกก็ทำแบบพ่อแม่วนลูปนรกไปเรื่อยๆ

แนวความคิดของเราที่ชมว่าชาวยิวฉลาด
ทำให้ฝรั่งค่อนข้างตกใจและต่อต้านน่ะครับ

ผมพยายามบอกฝรั่วว่าวัฒนธรรมของยิวจริงๆแล้วคล้ายกับพ่อค้าชาวเอเชียเราว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร
แต่เหมือนพวกฝรั่งจะกลัวการโดนกล่าวหาว่าเป็นนาซีมาก
เลยไม่ค่อยสะดวกใจที่จะวิจารร์เรื่องยิวน่ะครับ

ทั้งที่การประหยัดอดออม เทคนิคค้าขาย เจรจาต่างๆ
ผมว่าคนเอเชียเราด้วยซ้ำที่เข้าใจชาวยิวมากกว่าฝรั่ง
คือพวกเราก็ไม่ได้รังเกียจยิว แค่มองว่ายิวต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะมีตัวอย่างจากหลี่ปู้เหว่ยนั่นล่ะ
"การลงทุนอะไรที่จะให้กำไรมากกว่าการเมืองในการสนับสนุนคนเป็นเจ้าแห่งรัฐอีก?"
เรียกว่าจีนก็มีบทความว่าพยายามจะแทรกซึมเข้าไปในสถาบันการศึกษาอย่างฮาวาร์ดแต่โดนชาวยิวในนั้นกันท่าไว้

เรียกภาษาหนังจีนก็คือ พรรคมารสองพรรคจะแทรกซึมองค์กรเดียวกันเลยขัดขากันเองล่ะครับ
แต่ยิวเข้าไปครอบครององค์กรได้ก่อน พรรคมารอีกพรรคอย่างจีนจะแทรกซึมเข้าไปก็จะโดนยิวที่รู้ทันคอยดักทางไว้
..
เรียกว่าผมว่าที่ทรัมป์จะชกกับจีนก็เพราะเป็นคำสั่ง/แนะนำจากลูกเขยที่มีเส้นสายกับชาววยิวนี่ล่ะครับ

ทั้งสองฝ่ายถือตำราเดียวกันในการทำธุรกิจนั่นล่ะ

ปัญหาคือ เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้

แต่พวกเราไม่ได้เกลียดยิวแบบฮิตเลอร์ แค่มองว่าพวกนั้นคือคู่แข่งทางธุรกิจตามปรกตินั่นล่ะ

[wanit000]

[quote/]
แนวความคิดของเราที่ชมว่าชาวยิวฉลาด
ทำให้ฝรั่งค่อนข้างตกใจและต่อต้านน่ะครับ

ผมพยายามบอกฝรั่วว่าวัฒนธรรมของยิวจริงๆแล้วคล้ายกับพ่อค้าชาวเอเชียเราว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร
แต่เหมือนพวกฝรั่งจะกลัวการโดนกล่าวหาว่าเป็นนาซีมาก
เลยไม่ค่อยสะดวกใจที่จะวิจารร์เรื่องยิวน่ะครับ

ทั้งที่การประหยัดอดออม เทคนิคค้าขาย เจรจาต่างๆ
ผมว่าคนเอเชียเราด้วยซ้ำที่เข้าใจชาวยิวมากกว่าฝรั่ง
คือพวกเราก็ไม่ได้รังเกียจยิว แค่มองว่ายิวต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะมีตัวอย่างจากหลี่ปู้เหว่ยนั่นล่ะ
"การลงทุนอะไรที่จะให้กำไรมากกว่าการเมืองในการสนับสนุนคนเป็นเจ้าแห่งรัฐอีก?"
เรียกว่าจีนก็มีบทความว่าพยายามจะแทรกซึมเข้าไปในสถาบันการศึกษาอย่างฮาวาร์ดแต่โดนชาวยิวในนั้นกันท่าไว้

เรียกภาษาหนังจีนก็คือ พรรคมารสองพรรคจะแทรกซึมองค์กรเดียวกันเลยขัดขากันเองล่ะครับ
แต่ยิวเข้าไปครอบครององค์กรได้ก่อน พรรคมารอีกพรรคอย่างจีนจะแทรกซึมเข้าไปก็จะโดนยิวที่รู้ทันคอยดักทางไว้
..
เรียกว่าผมว่าที่ทรัมป์จะชกกับจีนก็เพราะเป็นคำสั่ง/แนะนำจากลูกเขยที่มีเส้นสายกับชาววยิวนี่ล่ะครับ

ทั้งสองฝ่ายถือตำราเดียวกันในการทำธุรกิจนั่นล่ะ

ปัญหาคือ เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้

แต่พวกเราไม่ได้เกลียดยิวแบบฮิตเลอร์ แค่มองว่าพวกนั้นคือคู่แข่งทางธุรกิจตามปรกตินั่นล่ะ

เอ่อ จีนเก่งค้าขาย และชอบค้าขายจริง แต่ผู้นำประเทศเค้ามองเห็นนิสัยพ่อค้ามาเนินนานแล้วครับ เรียกได้ว่า จีนเป็นประเทศที่จัดการพ่อค้าได้ดีมากๆ ประเทศหนึ่งเลย เพราะ ในสมัยก่อนนั้น พ่อค้าจีน ไม่ว่าจะรวยแค่ใหนก้อแค่ มีชีวิตเป็นอยู่ที่สบายเฉยๆ เงินมีแต่ชื้อของที่เอาใว้อวดชาวบ้านไม่ได้ครับ พวกชุดเด่นทางราชการนี้ ถ้าชื้อมาใส่แล้วถูกพบแล้วนี้โทษหนักมาก เรียกได้ว่า ใครเป็นข้าราชการขั้นสูงๆนี้มีอำนาจมาก พ่อค้าจีนส่วนใหญ่เลยอยากให้ลูกหลานเป็นข้าราชการกัน สุดท้ายได้เป็นราชกาลสมใจ แต่บริหารบ้านเมืองกาก โดนมองโกลยึดในที่สุด เพราะพวกพ่อค้ามองแต่ผลประโยชน์ ไม่ได้มองการทหารสักเท่าไหร่ หลังจาก จูหยวนจางชิงจีนกลับคืนมาจากมองโกลได้ พ่อค้าก้อถูกลดสถานะลงไปอีก แม้แต่การเดินเรือออกไปชื้อขายกับต่างชาติยังต้องให้ขันทีเป็นคนจัดการ คิดดูละกันว่าพ่อค้าบทบาทน้อยแค่ใหนในจีน


เอาละ ยุคนี้ดันเป็นสงครามการค้า ที่ไม่มีรบพุ่ง ดันเข้าทางจีนพอดี เพราะจีนหัวการค้าแบบสุดๆ แต่ไม่เก่งการรบสักเท่าไหร่ จริงๆ ถ้าอเมกาหน้าหนาหน่อย อยากรักษาอำนาจจริงๆ ไม่ควรแข่งค้าขายกับจีน ควรยิงนิวเคลียระเบิดประเทศจีน สร้างความหวาดกลัว และส่งทหารเข้ายึด ขโมยข้อมูลด้านเทคโนโลยีไปใช้จะดีกว่า ยอมโดนทั่วโลกประนาม แต่รักษาอำนาจใว้ ดีกว่าโดนจีนลูปคม สุดท้ายอาจจะตกไปเป็นที่ 2 ได้ด้วยนะ โอกาสที่จีนชนะใช่ว่าไม่มี

[samuison]

[quote/] เอ่อ จีนเก่งค้าขาย และชอบค้าขายจริง แต่ผู้นำประเทศเค้ามองเห็นนิสัยพ่อค้ามาเนินนานแล้วครับ เรียกได้ว่า จีนเป็นประเทศที่จัดการพ่อค้าได้ดีมากๆ ประเทศหนึ่งเลย เพราะ ในสมัยก่อนนั้น พ่อค้าจีน ไม่ว่าจะรวยแค่ใหนก้อแค่ มีชีวิตเป็นอยู่ที่สบายเฉยๆ เงินมีแต่ชื้อของที่เอาใว้อวดชาวบ้านไม่ได้ครับ พวกชุดเด่นทางราชการนี้ ถ้าชื้อมาใส่แล้วถูกพบแล้วนี้โทษหนักมาก เรียกได้ว่า ใครเป็นข้าราชการขั้นสูงๆนี้มีอำนาจมาก พ่อค้าจีนส่วนใหญ่เลยอยากให้ลูกหลานเป็นข้าราชการกัน สุดท้ายได้เป็นราชกาลสมใจ แต่บริหารบ้านเมืองกาก โดนมองโกลยึดในที่สุด เพราะพวกพ่อค้ามองแต่ผลประโยชน์ ไม่ได้มองการทหารสักเท่าไหร่ หลังจาก จูหยวนจางชิงจีนกลับคืนมาจากมองโกลได้ พ่อค้าก้อถูกลดสถานะลงไปอีก แม้แต่การเดินเรือออกไปชื้อขายกับต่างชาติยังต้องให้ขันทีเป็นคนจัดการ คิดดูละกันว่าพ่อค้าบทบาทน้อยแค่ใหนในจีน


เอาละ ยุคนี้ดันเป็นสงครามการค้า ที่ไม่มีรบพุ่ง ดันเข้าทางจีนพอดี เพราะจีนหัวการค้าแบบสุดๆ แต่ไม่เก่งการรบสักเท่าไหร่ จริงๆ ถ้าอเมกาหน้าหนาหน่อย อยากรักษาอำนาจจริงๆ ไม่ควรแข่งค้าขายกับจีน ควรยิงนิวเคลียระเบิดประเทศจีน สร้างความหวาดกลัว และส่งทหารเข้ายึด ขโมยข้อมูลด้านเทคโนโลยีไปใช้จะดีกว่า ยอมโดนทั่วโลกประนาม แต่รักษาอำนาจใว้ ดีกว่าโดนจีนลูปคม สุดท้ายอาจจะตกไปเป็นที่ 2 ได้ด้วยนะ โอกาสที่จีนชนะใช่ว่าไม่มี

ก็นั่นล่ะครับ
ยุคปัจจุบันมันสร้างมาโดยยิวที่อยากจะมีโลกเสรีและค้าขายไปได้ทุกที่
แนวคิดคล้ายพวกพ่อค้าเร่ในสมัยก่อนแต่พอมายุคปัจจุบันมันกลายเป็นคำพูดเทๆอย่าง
"นักธุรกิจข้ามชาติ"
คือ

ปัยหากับจีนตอนนี้ ที่ยิงนิวเคลียร์ไม่ได้
เพราะยิวสร้างระบบไว้อย่างนี้เองครับด้วยที่สนับสนุนแนวคิด
"คนรวยที่ค้าขายไม่ผิด คนอื่นต่างหากที่อิจฉา"
พอเจอจีนที่ใช้ตำราเดียวกันก็ไปไม่ค่อยเป็นจนต้องให้ทรัมป์หาเรื่องอยู่จนทุกวันนี้
เรียกว่าคนขาวทั่วไปที่ไม่ใช่ยิว ไม่รู้ว่ามีความขัดแย้งด้วยซ้ำครับ
..
เรื่องการควบคุมพ่อค้าก็นย่าจะเป็นวิธีที่รัฐควบคุมล่ะครับ
เพราะตามตำนานมันมีอยู่บ่อยๆว่าพ่อค้ามายุ่งการเมืองและประชาชนจะอดอยากล้มตาย
ตำนานสร้างชาติก็มีหลี่ปู้เหว่ยเข้ามาเกี่ยวนั่นล่ะ
ชนชาติจีนเลยรู้ว่าพ่อค้ามีอำนาจมากแค่ไหนมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว
และคนก็ค่อนข้างรับกันได้ที่จำกัดอำนาจพ่อค้าเพระาอ่านมาจากตำราเดียวกันรว่าผลมันจะเป็นอย่างไร

แต่มาในโลกปัจจุบัน

ยิวคิว่าตนเองจะครองโลกได้ในการสร้างระบบนี้ขึ้นมา
น่าเสียดายที่เจอจีน ผู้อ่านจากตำราเดียวกันในการทำธุรกิจ

[nosta]

[quote/] เอ่อ จีนเก่งค้าขาย และชอบค้าขายจริง แต่ผู้นำประเทศเค้ามองเห็นนิสัยพ่อค้ามาเนินนานแล้วครับ เรียกได้ว่า จีนเป็นประเทศที่จัดการพ่อค้าได้ดีมากๆ ประเทศหนึ่งเลย เพราะ ในสมัยก่อนนั้น พ่อค้าจีน ไม่ว่าจะรวยแค่ใหนก้อแค่ มีชีวิตเป็นอยู่ที่สบายเฉยๆ เงินมีแต่ชื้อของที่เอาใว้อวดชาวบ้านไม่ได้ครับ พวกชุดเด่นทางราชการนี้ ถ้าชื้อมาใส่แล้วถูกพบแล้วนี้โทษหนักมาก เรียกได้ว่า ใครเป็นข้าราชการขั้นสูงๆนี้มีอำนาจมาก พ่อค้าจีนส่วนใหญ่เลยอยากให้ลูกหลานเป็นข้าราชการกัน สุดท้ายได้เป็นราชกาลสมใจ แต่บริหารบ้านเมืองกาก โดนมองโกลยึดในที่สุด เพราะพวกพ่อค้ามองแต่ผลประโยชน์ ไม่ได้มองการทหารสักเท่าไหร่ หลังจาก จูหยวนจางชิงจีนกลับคืนมาจากมองโกลได้ พ่อค้าก้อถูกลดสถานะลงไปอีก แม้แต่การเดินเรือออกไปชื้อขายกับต่างชาติยังต้องให้ขันทีเป็นคนจัดการ คิดดูละกันว่าพ่อค้าบทบาทน้อยแค่ใหนในจีน


เอาละ ยุคนี้ดันเป็นสงครามการค้า ที่ไม่มีรบพุ่ง ดันเข้าทางจีนพอดี เพราะจีนหัวการค้าแบบสุดๆ แต่ไม่เก่งการรบสักเท่าไหร่ จริงๆ ถ้าอเมกาหน้าหนาหน่อย อยากรักษาอำนาจจริงๆ ไม่ควรแข่งค้าขายกับจีน ควรยิงนิวเคลียระเบิดประเทศจีน สร้างความหวาดกลัว และส่งทหารเข้ายึด ขโมยข้อมูลด้านเทคโนโลยีไปใช้จะดีกว่า ยอมโดนทั่วโลกประนาม แต่รักษาอำนาจใว้ ดีกว่าโดนจีนลูปคม สุดท้ายอาจจะตกไปเป็นที่ 2 ได้ด้วยนะ โอกาสที่จีนชนะใช่ว่าไม่มี

ทำไม่ได้เพราะมีรัสเซียอยู่ครับ บวกกันอเมริกาก็อ่อนแอลง รัสเซียคงไม่รออเมริกาฟื้นตัวมาจัดการกับรัสเซียเป็นรายต่อไปอาจจะโจมตีก่อน ตามกฎการใช้นิวเคลียร์ ถ้าประเทศใดใช้นิวเคลียร์ก่อน ประเทศอื่นๆมีสิทธิใช้นิสเคลียร์กับประเทศที่ก่อการได้


เป็นที่2 แล้วประชาชนรอดดีกว่าครับ โดนจีนแซงก็ไม่ตายยังอยู่สบายร่ำรวย

[samuison]

[quote/]


ทำไม่ได้เพราะมีรัสเซียอยู่ครับ บวกกันอเมริกาก็อ่อนแอลง รัสเซียคงไม่รออเมริกาฟื้นตัวมาจัดการกับรัสเซียเป็นรายต่อไปอาจจะโจมตีก่อน ตามกฎการใช้นิวเคลียร์ ถ้าประเทศใดใช้นิวเคลียร์ก่อน ประเทศอื่นๆมีสิทธิใช้นิสเคลียร์กับประเทศที่ก่อการได้


เป็นที่2 แล้วประชาชนรอดดีกว่าครับ โดนจีนแซงก็ไม่ตายยังอยู่สบายร่ำรวย

บางครั้งผมก็คิดว่าเวรกรรมมีอยู่จริงเหมือนกันมั้ง?

ยิวสร้างระบบการค้าขึ้นมาเพื่อให้คนไม่รังเกียจชาติพันธุ์ตนเองและแนวคิดในการทำธุรกิจ

พอมาอยู่ในยุคนี้ที่จีนหันมาทุนนิยมบ้าง กลับไปไม่ค่อยเป็นเลยเมื่อเจอคนใช้วิธีเดียวกัน
เคยไปเจอคำพูดมาครับ
ประมาณว่า อเมริกาต่างหากที่เหมาะกับคอมมิวนิสม์

จีนไม่เหมาะกับคอมมิวนิสม์ เหมาะกับทุนนิยมมากกว่า

ซึ่งก็น่าจะจริง พอจีนหันเข้าหาทุนนิยมปุ๊บ

ไม่ว่าใครก็คำนวณออกว่าจีนน่าจะแซงอเมริกาในสิบปีข้างหน้านี่ล่ะในเรื่องGDP
..

ฮืมไปเจอคนตะวันตกที่มีเชื้อสายจีนยพูดว่า

ตคนจีนก็เกฃียดคนเซี่ยงไฮ้ Shang Hai ที่เป็นพ่อค้าล่ะครับ
แสดงว่าแนวคิดการรบกับพ่อค้ามีทุกชนชา่ติ
แต่ชาวจีนมีบทเรียนจากตอนตั้งจักรววรดิฉินแล้ว เลยมีมุมมองที่ค่อนข้างต่างไปจากทางตะวันตก

ตะวันตกมองในแง่หนึ่งก็เพราะว่าทำเกินไปในแง่ของการนับถือศาสนาคริสต์
ที่ว่าห้ามเก็บดอกเบี้ย

อันนี้ว่าไมใ่ได้เพราะสายอิสาลฃามก็มองว่าดอกเบี้ยเป็นบาปต่อเพื่อนมนุษย์คล้ายๆกัน
เรียกว่าดอกเบี้ย การเงินนี่มีมาแต่ครั้งบรรพกาลล่ะครับ
หนีไม่พ้นหากยังมีสังคมมนุษย์

[TakinBackMylove]

ยิวเป็นชนชาติอัจฉริยะครับ  ขนาดไปเป็นชนกลุ่มน้อยยังประสบความสำเร็จสูง ระดับ iq สูงปรี๊ด และพวกนี้บ้าการเรียนมาก เอาเป็นเอาตาย คล้ายๆชาวเอเชียที่อยู่ในอเมริกา(ซึ่งเป็นเอเชียที่คัดมาแล้วว่าสุดยอด)​ ค้าขายเก่ง มีสามคมการค้าช่วยเหลือกัน มีการแอบฮั้ว อย่างสมาคมค้าเพชรชาวยิวนี่แทบผูกขาดเพชร
แต่คนรวยจริงจะใช้สติปัญญาไม่พึ่งสมาคมอะไร เช่น มาร์ค ซัคเคิลเบิร์ก
ประหยัดสุดๆยิ่งกว่าจีน
         ที่ว่าคนฉลาดจะคิดคล้ายกันผมว่าจริงนะ จะว่าไปก็คล้ายกันมากๆ ยิวก็คือจีนแล้วคูณด้วย 2
ทั้งไอคิว การบ้าเรียน อดออม ชอบค้าขาย การช่วยเหลือกัน ตั้งสมาคม เรียกว่ามาแนวเดียวกันเลย และเป็นแนวที่ประสบความสำเร็จ


           ส่วนประเทศที่ล้มเหลวก็จะคิดคล้ายกัน ไม่เรียน เพราะไร้ประโยชน์ ไม่ต้องเรียนก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่ออมเงิน ลงเงินกับอบายมุกคือรู้จักใช้ชีวิต ติดหนี้ติดสิน เรียกร้องความช่วยเหลือ อยากรวยแต่ขี้เกียจ เรียกร้องความเท่าเทียม แต่ทำไม่เท่าเค้า มีลูกกับคนโง่พอๆกัน มีลูกเมื่อไม่พร้อม แถมมีอื้อไม่ทำหมันอดๆอยากๆ ร้องให้คนช่วย ไม่ส่งลูกเรียน ลูกก็ทำแบบพ่อแม่วนลูปนรกไปเรื่อยๆ

เรื่องบ้าเรียนไม่เป็นความจริง เท่าที่เห็นไม่มีใครบ้าเรียนสักคน ชนชาติไอคิวสูงที่สุดคือจีน  ญี่ปุ่น  เกาหลี  เรื่องค้าขายกันนี่  เพื่อนก็ส่วนเพื่อนธุรกิจก็คือธุรกิจแยกกันไปเลย  ตอนทำธุรกิจไม่นับเพื่อนเลยนับสัญญาอย่างเดียว  เท่าที่รู้ค้าขายไม่เหมือนจีน  เพราะนับการทำกำไรต่างกัน

[daijobu]

การค้าจีนต่างกับ ยิวตรง
จีนชอบระบบเงินสะพัด
ยิวชอบระบบเครดิต


เพราะงั้น บริษัทที่ยิวปกครอง จะมีหนี้ แล้วขยาย
บริษัทที่จีนปกครอง จะค้าขายล่วงหน้า แล้วขยาย
สองอย่างดูคล้ายกันแต่ต่างกันสิ้นเชิง

[pol]

หลี่ปู้เหว่ยนี่ชัดเจนมากที่แกไปลงทุนกับพ่อของฉินซีฮ่องเต้โดยการพยายามดันให้จนเป็นอ๋อง. แล้วเท่าที่ดูไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์หรือว่านิยายเขาต้องการที่จะมีอำนาจเหนือเจ้าครองรัฐ. หนึ่งในนั้นก็คือเล่าไอ่ที่เป็นชู้กับจ้าวจีซึ่งเป็นอดีตเมียน้อยของตัวเอง.  ถ้าให้เดาผมคิดว่าเขาส่งเล่าไอ่ไปเพื่อโน้มน้าวให้จ้าวจีที่ตอนนั้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนอ๋องที่ตายไปก่อนแล้ว. 2 เขาจัดทำหนังสือหลี่ซื่อชุนชิว(ชื่อนี้รึเปล่าหว่า)โดยท้าทายให้คนอื่นมาแก้ตัวหนังสือที่เขียนออกมาว่าสามารถเขียนได้ดีกว่าก็จะให้เงิน1ตำลึงทอง เพื่อเป็นการสร้างชื่อเสียงและบารมีให้เหนือกว่าฉินซีครับ

[nosta]

[quote/]
บางครั้งผมก็คิดว่าเวรกรรมมีอยู่จริงเหมือนกันมั้ง?

ยิวสร้างระบบการค้าขึ้นมาเพื่อให้คนไม่รังเกียจชาติพันธุ์ตนเองและแนวคิดในการทำธุรกิจ

พอมาอยู่ในยุคนี้ที่จีนหันมาทุนนิยมบ้าง กลับไปไม่ค่อยเป็นเลยเมื่อเจอคนใช้วิธีเดียวกัน
เคยไปเจอคำพูดมาครับ
ประมาณว่า อเมริกาต่างหากที่เหมาะกับคอมมิวนิสม์

จีนไม่เหมาะกับคอมมิวนิสม์ เหมาะกับทุนนิยมมากกว่า

ซึ่งก็น่าจะจริง พอจีนหันเข้าหาทุนนิยมปุ๊บ

ไม่ว่าใครก็คำนวณออกว่าจีนน่าจะแซงอเมริกาในสิบปีข้างหน้านี่ล่ะในเรื่องGDP
..

ฮืมไปเจอคนตะวันตกที่มีเชื้อสายจีนยพูดว่า

ตคนจีนก็เกฃียดคนเซี่ยงไฮ้ Shang Hai ที่เป็นพ่อค้าล่ะครับ
แสดงว่าแนวคิดการรบกับพ่อค้ามีทุกชนชา่ติ
แต่ชาวจีนมีบทเรียนจากตอนตั้งจักรววรดิฉินแล้ว เลยมีมุมมองที่ค่อนข้างต่างไปจากทางตะวันตก

ตะวันตกมองในแง่หนึ่งก็เพราะว่าทำเกินไปในแง่ของการนับถือศาสนาคริสต์
ที่ว่าห้ามเก็บดอกเบี้ย

อันนี้ว่าไมใ่ได้เพราะสายอิสาลฃามก็มองว่าดอกเบี้ยเป็นบาปต่อเพื่อนมนุษย์คล้ายๆกัน
เรียกว่าดอกเบี้ย การเงินนี่มีมาแต่ครั้งบรรพกาลล่ะครับ
หนีไม่พ้นหากยังมีสังคมมนุษย์


เรื่องห้ามเก็บดอกเบี้ยมันไม่ได้ช่วยอะไรแต่เป็นการทำร้ายประชาชน เป็นปัญหาที่เรียกว่าแรงจูงใจกลับด้าน การไม่คิดดอกเบี้ยทำให้ขาดแรงจูงใจในการปล่อยกู้  คนที่ปล่อยกู้ก็คือทำผิดศาสนาเมื่อไม่มีคนแข่งขันก็ปล่อยดอกซะสูงหนักกว่าเดิมอีก ส่วนยิวมีหลักคิดว่า ควรปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยถูก ยิวเลยคุมธุรกิจธนาคาร 

ผมศึกษามาหลายศาสนา พบว่าศาสนายิวนี่ใช้ได้กับคนปัจจุบันได้ดีที่สุด หลายศาสนาห้ามคิดดอก ห้ามคุมกำเนิด ซึ่งสร้างความเลวร้ายให้สังคมมาก
บางศาสนาก็สอนให้ปล่อยวาง ซึ่งผู้นับถือก็เชื่อแบบครึ่งๆกลางๆ ตอนเรียน ตอนทำงานก็ปล่อยวางไม่ตั้งใจ แต่พอเงินไม่พอก็เรียกร้องความช่วยเหลือกัน ศาสนายูดาห์ของยิวสอนให้คนเก็บออม เรียนหนังสือ ค้าขายลงทุน ทำให้คนนับถือ ยูดาห์ มักจะฉลาดร่ำรวยเอาตัวรอดได้

ส่วนตัวผมไม่นับถือศาสนาแต่เอาข้อคิดดีๆของศาสนาต่างๆมาใช้
 

[quote/]
เรื่องบ้าเรียนไม่เป็นความจริง เท่าที่เห็นไม่มีใครบ้าเรียนสักคน ชนชาติไอคิวสูงที่สุดคือจีน  ญี่ปุ่น  เกาหลี  เรื่องค้าขายกันนี่  เพื่อนก็ส่วนเพื่อนธุรกิจก็คือธุรกิจแยกกันไปเลย  ตอนทำธุรกิจไม่นับเพื่อนเลยนับสัญญาอย่างเดียว  เท่าที่รู้ค้าขายไม่เหมือนจีน  เพราะนับการทำกำไรต่างกัน

 ลองไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับยิวดูครับ เค้ามีภาษิตว่า  ใครจะเกลียดเราไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เค้าจำเป็นต้องใช้เรา ยิวเรียนหนักเพื่อสร้างทักษะในการเอาตัวรอด เพราะมักจะตกเป็นชนกลุ่มน้อยอย่างยาวนาน


ปัจจุบันศาสนายิวการศึกษาดีที่สุดในโลก กว่าครึ่งจบปริญญา สมัยก่อนคนยิวสอบเข้าหมาลัยในอเมริกาได้แทยจะครึ่งมหาลัยจนเค้าต้องออกโควต้าเชื้อชาติมากีดกันชาวยิว ปัจจุบันถึงเป็นเอเชียที่โดนแทน

[samuison]

[quote/]
เรื่องบ้าเรียนไม่เป็นความจริง เท่าที่เห็นไม่มีใครบ้าเรียนสักคน ชนชาติไอคิวสูงที่สุดคือจีน  ญี่ปุ่น  เกาหลี  เรื่องค้าขายกันนี่  เพื่อนก็ส่วนเพื่อนธุรกิจก็คือธุรกิจแยกกันไปเลย  ตอนทำธุรกิจไม่นับเพื่อนเลยนับสัญญาอย่างเดียว  เท่าที่รู้ค้าขายไม่เหมือนจีน  เพราะนับการทำกำไรต่างกัน

ถ้าให้ผมวิจารณ์
ยิวออกแนว work smarter not harder น่ะครับจีนคล้ายกันแต่เน้นไปทาง harder มากกว่า smarter
ไหวพริบออกไปทางให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดโดยออกแรงน้อยที่สุด
จีนมีแนวคิด "ทำงานหามรุ่งหามค่ำนอนตีสามตื่นตีสี่"อยู่ในวัฒนธรรมด้วยล่ะนะ

[quote/][quote/]


 ลองไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับยิวดูครับ เค้ามีภาษิตว่า  ใครจะเกลียดเราไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เค้าจำเป็นต้องใช้เรา ยิวเรียนหนักเพื่อสร้างทักษะในการเอาตัวรอด เพราะมักจะตกเป็นชนกลุ่มน้อยอย่างยาวนาน


ปัจจุบันศาสนายิวการศึกษาดีที่สุดในโลก กว่าครึ่งจบปริญญา สมัยก่อนคนยิวสอบเข้าหมาลัยในอเมริกาได้แทยจะครึ่งมหาลัยจนเค้าต้องออกโควต้าเชื้อชาติมากีดกันชาวยิว ปัจจุบันถึงเป็นเอเชียที่โดนแทน

ผมไปวิจารร์กับอาจารย์ครับว่าถึงเราจะด่าว่าธนาคารทำนาบนหลังคนแค่ไหน
แต่ธนาคารก็นับว่าดีกว่าเงินนอกระบบ
ตรงที่ไม่เอามือหมวกกันน็อคมาปาดคอเราหรือตบเรากลางตลาด
ธนาคารนั้นนับว่าได้ผลประโยชน์
แต่ก็ไม่มีระบบเอาคนมากระทืบเราถ้าไม่จ่ายเงินนั่นล่ะ
การเอาหน่วยงานของรัฐมาทำให้เป็นมาตรฐานจะดีกวาต่อประชาชนในระยะยาว

หลี่ปู้เหว่ยนี่ชัดเจนมากที่แกไปลงทุนกับพ่อของฉินซีฮ่องเต้โดยการพยายามดันให้จนเป็นอ๋อง. แล้วเท่าที่ดูไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์หรือว่านิยายเขาต้องการที่จะมีอำนาจเหนือเจ้าครองรัฐ. หนึ่งในนั้นก็คือเล่าไอ่ที่เป็นชู้กับจ้าวจีซึ่งเป็นอดีตเมียน้อยของตัวเอง.  ถ้าให้เดาผมคิดว่าเขาส่งเล่าไอ่ไปเพื่อโน้มน้าวให้จ้าวจีที่ตอนนั้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนอ๋องที่ตายไปก่อนแล้ว. 2 เขาจัดทำหนังสือหลี่ซื่อชุนชิว(ชื่อนี้รึเปล่าหว่า)โดยท้าทายให้คนอื่นมาแก้ตัวหนังสือที่เขียนออกมาว่าสามารถเขียนได้ดีกว่าก็จะให้เงิน1ตำลึงทอง เพื่อเป็นการสร้างชื่อเสียงและบารมีให้เหนือกว่าฉินซีครับ

นั่นล่ะครับ
ผมถึงจัดว่าแกเป็นหนึ่งในพ่อค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
จากตำนาน
การรบหรือการเมืองของแกก็เรียกว่าโดดเด่นในยุคนั้นเลยล่ะครับ
น่าเสียดายที่ต้องเผชิญหน้ากับจิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมฮ่องเต้ของจีน
ผมว่านี่คือ"ตำนานสร้างประเทศ"
ที่มีผลต่อแนวคิดของชนชาตินั้นๆเลยน่ะครับ
ทำให้เป็นเกิดความคิดยอมรับทั่วไปว่า พ่อค้านี่ต้องทำการควบคุมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะไปก่อเรื่อง

ทำให้คนมองพ่อค้าอยู่ระดับต่ำกว่าชขาวนาและบัณฑิตนักศึกษา?

นึกถึงโรมันก็คล้านยๆกัน
ไปดูซี่รี่ย์มีมุก
unclean trademan,actor,prostitue
ประมาณ คนค้าขาย ,นักแสดง โสเภณี ไม่ได้รับเชิญในงานที่แจกขนมปังฟรีในโคลอสเซียม
มันค่อนข้างคล้ายๆกันนะครับ
ก่อนที่ดาราจะเฉิดฉายไฮโซสมัยนี้
ผู้เฒ่าผู้แก่รังเกียจว่าดรารา "เต้นกินรำกิน" ไม่น่าไว้ใจ

การค้าจีนต่างกับ ยิวตรง
จีนชอบระบบเงินสะพัด
ยิวชอบระบบเครดิต


เพราะงั้น บริษัทที่ยิวปกครอง จะมีหนี้ แล้วขยาย
บริษัทที่จีนปกครอง จะค้าขายล่วงหน้า แล้วขยาย
สองอย่างดูคล้ายกันแต่ต่างกันสิ้นเชิง

เคยเจอเหมือนกันครับ
แปลว่ายิวทำอะไรดดยไม่มีหลักประกันมากกว่าจีน?
คือจีนเลือกเครือข่ายการค้าขาย
ส่วนยิวอาจจะเล่นเรื่องค่าเงินโดยตรงเลย?
อาาจจะเพราะจีนมีจำนวนมากกว่าก็ได้มั้ง แทคติคเลยออกมาทางนี้

[pol]

สาเหตุที่นักปกครองจีนกดพวกพ่อค้าจะชอบอ้างถึงขงจื๊อฯลฯ. แต่ผมว่าเขาต้องการกดไม่ให้พ่อค้ามีอำนาจมากกว่าครับ เพราะการเข้าถึงอำนาจนั้นต้องมี3อย่าง 1กำลังทหาร. 2 เงิน. 3 ความเชื่อ. ซึ่งพ่อค้านี่มี2เงินอยู่แล้วการที่จะรวบรวม1กับ3มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรก็เลยอ้างคำสอนมากดไว้ก่อน

[samuison]

สาเหตุที่นักปกครองจีนกดพวกพ่อค้าจะชอบอ้างถึงขงจื๊อฯลฯ. แต่ผมว่าเขาต้องการกดไม่ให้พ่อค้ามีอำนาจมากกว่าครับ เพราะการเข้าถึงอำนาจนั้นต้องมี3อย่าง 1กำลังทหาร. 2 เงิน. 3 ความเชื่อ. ซึ่งพ่อค้านี่มี2เงินอยู่แล้วการที่จะรวบรวม1กับ3มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรก็เลยอ้างคำสอนมากดไว้ก่อน

ก็ใช่ครับ
ผมถึงกล่าวถึง
"ตำนานสร้างชาติ"
ที่หลี่ปู้เหว่ยเอาเงินไปจุนเจือลูกของอ๋องที่ตกยาก
ติดสินบน สรางเส้นสาย จนได้ำอนาจในเส้นทางแห่งรัฐว่าขอเพียงสามอย่างที่ท่านว่า
มีเงืินไว้ก่อน อย่างอื่นๆก็จะตามมาเองหากมีสติปัญญาเพียงพอ
ฝรั่งไม่มีตำานสร้างชาติเช่นนั้น
จึงสามารถสร้างเรื่องว่าการเกลียดยิวคือการเกลียดชาติพันธุ์
แต่จีนสามารถกล่าวตรงๆได้เลยว่าพวกเขาเกลียดพ่อค้า

[daijobu]

หลักๆ ที่ผมคิดคือ ทางยิวจะเก่งในการสร้างตลาดใหม่
แต่ทางจีนจะเก่งในการครอบครองตลาดที่มีอยู่
เหมือนที่เราเห็นในโลก ธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาในโลกจะเกิดจาก ชาวยิวเป็นส่วนใหญ่แต่เมื่อตลาดเปิดแล้ว ซักพัก พ่อค้าชาวจีนจะค่อนๆ แทรกซึมเข้าไป จนยิวที่สร้างตลาด ใหม่ๆ จนไม่อาจหาอะไรใหม่ๆ ได้ยิวจะมักเจอทางตัน จากระบบเครดิตของตัวเองทำให้ต้อง ปล่อยกิจการออกไป ซึ่งทางจีนที่อาศัย การค้าขายในตลาด ที่ใช้ทุนต่อทุนการต่อเนื่องจะมากกว่า ทำให้ ตอนท้ายตลาดที่ยิวเปิด จะโดนครองโดยจีน
ซึ่งจะเห็นได้กรณีที่ผมพูดได้เรื่อยๆ ทำให้ยิวพยายามผูกขาดการค้า ไม่ว่า สิทธิบัตร สัมประทาน หรือว่าอะไรหลายๆ
แต่เมื่อนานไป ในที่สุดก็ซ้ำรอบเดิมๆ อยู่ดี 

[Hanaroo]

จีนเค้าขึ้นชื่อในด้าน ก็อบ+โกง มาตั้งแต่แบบสมัยจิ๋นซีแล้วอ่ะนะ

แต่ส่วนมากในนิยายจีนไม่ค่อย อวยพ่อค้า หรือบัณทิตเท่าไหร่  ดันอวยขุนนางบู๊(พวกแม่ทัพ) กับพวกจอมยุทธิ์ มากกว่า

[samuison]

หลักๆ ที่ผมคิดคือ ทางยิวจะเก่งในการสร้างตลาดใหม่
แต่ทางจีนจะเก่งในการครอบครองตลาดที่มีอยู่
เหมือนที่เราเห็นในโลก ธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาในโลกจะเกิดจาก ชาวยิวเป็นส่วนใหญ่แต่เมื่อตลาดเปิดแล้ว ซักพัก พ่อค้าชาวจีนจะค่อนๆ แทรกซึมเข้าไป จนยิวที่สร้างตลาด ใหม่ๆ จนไม่อาจหาอะไรใหม่ๆ ได้ยิวจะมักเจอทางตัน จากระบบเครดิตของตัวเองทำให้ต้อง ปล่อยกิจการออกไป ซึ่งทางจีนที่อาศัย การค้าขายในตลาด ที่ใช้ทุนต่อทุนการต่อเนื่องจะมากกว่า ทำให้ ตอนท้ายตลาดที่ยิวเปิด จะโดนครองโดยจีน
ซึ่งจะเห็นได้กรณีที่ผมพูดได้เรื่อยๆ ทำให้ยิวพยายามผูกขาดการค้า ไม่ว่า สิทธิบัตร สัมประทาน หรือว่าอะไรหลายๆ
แต่เมื่อนานไป ในที่สุดก็ซ้ำรอบเดิมๆ อยู่ดี 

ภาษาหนังจีนคือแพ้ทางกันสินะครับ?






ที่ผมสะกิดใจว่าคนยิวไม่ชอบคนจีน หรือระแวง ก็จากหนังเรื่อง Dictator




ท่านนายพลอาละดีน พูดว่า "นิวยอร์ค สร้างโดยคนดำ เป็นเจ้าของโดยคนจีน" นี่ล่ะครับ




ผู้กำกับเป็นชาวยิว คงมองวิธีการของจีนเป็นการคุกคามเอามากๆ




จากที่ท่านว่า




ชาวยิวเหมือนฉลาด...ก็ฉลาดจริงๆนั่นล่ะ แต่กระบวนการทำธุรกิจ มันยั่งยืนเท่าจีนไม่ได้หรือเปล่าครับ?


คือแนวทางเครดิตของจีนจะมีแววไปรอดในการสร้างเครือข่ายมากกว่า






จากดิสนีย์ที่พวกนีโอนาซีด่าว่าเป็นยิวครอบครอง




แต่การทำหนัง ก็ทำหนังเอาใจจีน




เหมือนว่ายิวจะแพ้ทางจีนอยู่ในทีละน่ะครับ

จีนเค้าขึ้นชื่อในด้าน ก็อบ+โกง มาตั้งแต่แบบสมัยจิ๋นซีแล้วอ่ะนะ

แต่ส่วนมากในนิยายจีนไม่ค่อย อวยพ่อค้า หรือบัณทิตเท่าไหร่  ดันอวยขุนนางบู๊(พวกแม่ทัพ) กับพวกจอมยุทธิ์ มากกว่า

ใช่ครับ ตำราโคตรโกง หรือแนวการค้าสมัยโบราณนี่มียกตัวอย่างการโกงหรือหลอกลวงมาตั้งแต่ยุคชุนชิว




หลี่ปู้เหว่ย และตำนานของเขา คือตัวการที่ผมคิดว่าทำให้คนจีนระแวงพ่อค้าล่ะครับ




และค่อนข้างชื่นชม วีรบุรุษผู้กล้ามากกว่า




เรียกว่า หลี่ปู้เหว่ยกับจิงเคอ คือคนที่แพ้จิ๋นซีเหมือนกัน




แต่จิงเคอ เป็นที่ชื่นชมมากกว่า




ว่าไปแล้ว isekai ไปในจีนและพยายามจะเป็นพ่อค้า คงโดนคนทั่วไปรังเกียจล่ะครับ


มันคนละอย่างกับญี่ปุ่นหรือแนวแฟนตาซียุโรปยุคกลาง




เรื่องบัณฑิต




ผมว่าสังคมจีนอวยบัณฑิตน่ะครับ?


อย่างคนที่แต่งตำรา เก้าอิม เก้าเอี้ยงก็เป็นบัณฑิตมีความรู้




อึ้งเอี้ยซือ ทางเทคนิค ก็นับเป็นบัณฑิตนั่นล่ะ




สายความรู้กว้างขวาง ผู้คนนับถือ


แต่อย่างที่ท่านว่าครับ อวยตำราพิชัยยุทธ งักฮุยเอามากๆ

[Hanaroo]

บัณทิตที่เปรื่องปราชญ์ทั้งบุ๋นบู๊ มากกว่านะ ประมาณ อึ้งเอี๊ยะซือ

แต่ไอ้บัณทิต เก่งๆนี่มันไงวหช่วา เห็นแค่ท่องบทกลอน ท่องตำราเก่า

สอบจอหงวน ก็ดันเป็นการสอบแบบต่อคำอีก

เช่น จงต่อบทกลอนนี้จาก วรรณกรรม ของสุทรภู่มาให้ครบองค์  "แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ ...

การที่จอหงวน จำโครงกลอนได้ดี มันมีผลอะไรต่อการบริหารบ้านเมืองหว่า

[nosta]

ยิวฉลาดกว่าจีนครับ และสามารถส่งผ่าน วัฒนธรรมได้ดีกว่า ยิวรุ่นใหม่ยังเรียนเก่งฉลาดและอดออม เหมือนยิวรุ่นเก่า ต่างกับคนจีนที่เวลาผ่านไป จะด้อยลง สังเกตุได้เชื้อจีนในไทยรุ่นหลังๆ การศึกษาดีแต่เก็บเงินไม่อยู่กันแล้ว พวกจีนแผ่นดินใหญ่ก็เช่นกัน รุ่นใหม่การศึกษาดีมาก แต่ไม่ขยันเท่ารุ่นเก่าและไม่เก็บเงิน จีนรุ่นหลังเวิร์คสมาร์ตอย่างเดียว ขาดการเวิร์คฮาร์ต ไม่เหมือนยิวที่ดีเสมอต้นเสมอปลายส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น

[samuison]

บัณทิตที่เปรื่องปราชญ์ทั้งบุ๋นบู๊ มากกว่านะ ประมาณ อึ้งเอี๊ยะซือ

แต่ไอ้บัณทิต เก่งๆนี่มันไงวหช่วา เห็นแค่ท่องบทกลอน ท่องตำราเก่า

สอบจอหงวน ก็ดันเป็นการสอบแบบต่อคำอีก

เช่น จงต่อบทกลอนนี้จาก วรรณกรรม ของสุทรภู่มาให้ครบองค์  "แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ ...

การที่จอหงวน จำโครงกลอนได้ดี มันมีผลอะไรต่อการบริหารบ้านเมืองหว่า

ท่านต้องเข้าใจก่อนครับ
ประมาณในสายตาคนทั่วไปยุคนั้น วิธีของอึ้งย้งที่ให้เอี้ยก้วยม่องนังสือจริยธรรมนั้นถือว่าถูกต้องแล้ว

ว่าคนที่รู้จักท่องธรรมจรรยาต่างๆ รู้จักขงจื้อ เม้งจื้อ จะกลายเป็นคนดีมีจริิยธรรมว่าอย่างนั้น
แนวคิดการให้ผู้ปกครองรู้จักศีลธรรม บ้านเมืองก็จะไปได้ดี
ไม่มีแนวคิดการตรวจสอบพิสูจน์ชัดเจนแบบฝรั่งเขา

ว่าขอเพียงรู้คุณธรรม คำสอน ขจงจื้อ ก็ถือว่าเอ็งมีคุณสมบัติเป็นผู้ปกครองแล้ว
มีมุกที่ผมเจอล่ะครับว่า คนปัจจุบันไปสอบ สามารถผ่านได้อย่างชิลๆในการเรียนบัณฑิตเพราะมีเทคนิคการจำและการจัดระเบียบความรู้ที่ดีกว่า
และมีวรยุทธ ทำให้ลายมือนั้นสวยกว่าชาวบ้านที่ฝึกเขียนมานานอีก

ไปเจอบางเรื่องก็พยายามทำให้ สอบหลักสูตรคำนวณ กฎหมาย วิศวกรรม เศรษฐกิจ ฯลฯที่ค่อนข้างตรงประเด็นในการปกครองมากกว่าน่ะครับ
ฮืม การที่อึ้งย้งพึ่งตำราในการฝึกสอนก่อนเลยนี่
ก็แสดงว่าโดนเลี้ยงดูมาจากบัณฑิตอย่างอึ้งเอี๊ยะซือล่ะครับ

คนไม่รู้ัหนังสือจะคิดวิธีนี้ไม่ได้

ยิวฉลาดกว่าจีนครับ และสามารถส่งผ่าน วัฒนธรรมได้ดีกว่า ยิวรุ่นใหม่ยังเรียนเก่งฉลาดและอดออม เหมือนยิวรุ่นเก่า ต่างกับคนจีนที่เวลาผ่านไป จะด้อยลง สังเกตุได้เชื้อจีนในไทยรุ่นหลังๆ การศึกษาดีแต่เก็บเงินไม่อยู่กันแล้ว พวกจีนแผ่นดินใหญ่ก็เช่นกัน รุ่นใหม่การศึกษาดีมาก แต่ไม่ขยันเท่ารุ่นเก่าและไม่เก็บเงิน จีนรุ่นหลังเวิร์คสมาร์ตอย่างเดียว ขาดการเวิร์คฮาร์ต ไม่เหมือนยิวที่ดีเสมอต้นเสมอปลายส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น

น่าสนใจครับ
ผมไปเจอคำกล่าวว่ามันอยู่ได้สามรุ่นน่ะครับในกิจการต่างวๆ
รุ่นแรกก่อสร้าง
รุ่นสองส่งเสริม
รุ่นสามทำลาย
ชาวยิวอาจจะมีมาตรการดีกว่าชาวจีนในการเอาตัวรอดผ่านรุ่นสู่รุ่นเพราะเจอกับอันตรายมามากกว่ามั้ง?

อย่างที่บอกว่าแทคติคจะต่างกันล่ะครับ
ผมว่าชาวจีนกิจการไปไม่รอดเนื่องจากเอาใจอาตี๋ใหญ่มากไปล่ะมั้งครับ?

ไปอ่านเจอมาประมาณว่าไอสครีมไผ่ทอง มาจากอาตี๋เล็กที่ทำกิจการแต่แม่อยากยกกิจการนั้นให้อาตี๋ใหญ่ว่างั้น เลยขัดแย้งกันอยู่ตลอดหากมองในภาพรวม

นึกอีกที
ชาวจีนนี้คงเน้น"ความมั่นคง"มากกว่า "หนทางใหม่"แบบชาวยิวน่ะครับ
อาป๊าชอบให้ลูกหลานอยู่รวมกันแบบกงสีด้วยเตุผว่า
"ทรัพย์สมบัติไม่กระจัดกระจาย"
เท่านั้นล่ะเป้นเรื่องเลย