[quote/]
ไอริสออกไม่ค่อยฉลาดนัก นางทำงานบัญชีมาหลายปี คนอื่นเขาทำงานมาหลายปีจับเทคนิคอะไรได้
หลายเรื่องพูดเหมือนคนเพิ่งเรียนบัญชีใหม่ๆ บัญชีในสมัยโบราณมีการปลอมแปลงตัวเลขหาข้อมูลเทียบก็จับได้แล้ว ในปัจจุบันจับยากกว่า
ในเรื่องตัวละครตัวอื่นอวยว่ามันฉลาดเท่านั้น นางมีข้อมูลที่มาจากต่างโลกที่ล้ำสมัยมาก ผิดกับคนอื่นๆ นางรู้ว่าจะพัฒนาอะไรในอนาคตในทางที่ถูกต้อง แต่คนในโลกนั้นไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีของแบบ สินค้าไหนเกิดขึ้น ความต่างระหว่างการลงทุนต่างกันมาก คนหนึ่งลองผิดลองถูกอีกคนรู้ว่าจะพัฒนายังไงไปในทางที่ถูก ถ้าไม่มีข้อมูลต่างโลกละ
ก็มีคนวิจารณ์ว่าหลายอย่างในปัจจุบัน นั้นต้องอาศัยเทคนิคและความรู้เฉพาะทาง
หากไม่ใช่คนที่ศึกษามาโดยเฉพาะก็จะพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบันยาก
เพราะสิ่งที่เราเห็นทุกวันี้คือการใช้เทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางนับไม่ถ้วน
ผมว่านิยายเรื่องชายแปดนี่เขียนออกมาได้ค่อนข้างถูกใจผมนะครับ. ถ้าไม่มีเส้นสายต่อให้เก่งแค่ไหนก็หางานทำไม่ได้. แล้วการแต่งงานของบรรดาเมียๆของพระเอกก็ไม่ได้มีแต่ความรักยังมีผลประโยชน์-การเมือง-เส้นสายฯลฯ. ซึ่งผมว่ามันมีเหตุผลว่าทำไมที่พระเอกเป็นขุนนางระดับท่านเคานท์ถึงมีผู้หญิงอยากมาแต่งงานด้วยหลายคน. ผมว่ามันสมจริงกว่ามุขห่วยๆที่พระเอกใจดีเยอะเลยละครับ
มันใกล้กับความจริงเกินไปจนหลายคนอาจไม่ชอบได้น่ะครับ
ฐานะ ตำแหน่งการเงินคือสิ่งดึงดูดที่คนในชีวิตปรกติไม่มี อาจจะก่อให้เกิดความไม่พอใจได้
"ภูมิปัญฐญาาของบุตรีดยุก"
นั้นให้ตอบสนองความต้องการที่ว่า
"ถ้าฉันมีสถานะอย่างนั้นนะ ฉันจะทำอย่างโน้น อย่างนี้"
หารู้ไม่ว่า คนที่เล่นเกมส์ Crusdaer King และการเมืองจะมองว่าไร้สาระ
ผมยอมลอบสังหารภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย รบกับดยุกในเขตตนเอง ก่อสงครามกับเพื่อนบ้าน ฯลฯ
ทั้งหมดยอมรับได้ หากได้สายเลืิอดศักดิ์สิทธิ์มาในวงศ์ตระกูล
[quote/]
พูดจาคุ้นๆเหมือนคนรู้จักนะ คงไม่ใช่ลูกหมอผ่าตัดหัวใจใช่ไหม พี่ บ ใช่ปะ
ในเรื่องยังอยู่ในยุคกลาง ไอริสจะพัฒนายังไงก็ไม่เจริญ คนเขียนนิยายเพียงแค่เขียนอวยเท่านั้น เพราะไม่มียาคุมกับพัฒนาเครื่องทุ่นแรง มียาคุมทำให้คนเจริญขึ้นเยอะ
สมมุติผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกสิบคน จะให้ลูกได้เรียนทุกคนได้หรือไง คนเยอะการแข่งขันด้านอาชีพจะเยอะตามไปด้วย การปฎิวัติสีเขียวยังไม่มี อาหารการกินจะพอได้ไง ไม่สมเหตุสมผลนะ
ในเรื่องที่เจ้าชายสละราชสมบัติเราไม่เห็นด้วยเลย ไม่เห็นต้องไปลดความสามารถคนอื่นให้ตัวเองเด่น เขาเก่งกว่าก็ต้องให้โอกาสเขา เปิดทางให้ การไปปิดโอกาสสักวันมันจะระเบิด เคยเห็นมาหลายคนละ
ตัวเราด้วยเมื่อก่อนคบผู้ชายคนหนึ่ง เราใช้ความสามารถ10%คุยด้วย นานเข้าทนไม่ไหวต้องแกล้งโง่ตลอด ไม่เห็นด้วยที่ไปทำลายโอกาสที่คู่ครองจะได้ดีเพื่อตัวเอง เพราะเขาก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน
ในเรื่องบอกเลยคู่แข่งมันโง่ด้วย ดูวิธีการยัดข้อหาในยุคกลางจริง ไม่ใช่แค่เรื่องศาสนา ต้องยัดแบบให้ลุกไม่ขึ้นเป็นตัวน่ารังเกียจไปเลย อย่างอลิซาเบธ บาโธรี่ นักประวัติศาสตร์บอกว่านางมีสมบัติเยอะมากกว่ากษัตริย์ ญาติกับคนอื่นๆเลยรวมหัวกันเอาสมบัติ
ในเรื่องคุ๋แข่งของไอริสหาเรื่องไปทั่ว ไปมีเรื่องกับกลุ่มอำนาจหลายคน สังเกตจิ้นซีให้ดี เขาจะกำจัดกลุ่มอำนาจไม่ใช่ทีเดียว แต่กำจัดคนที่มีอำนาจขวางทางทีละคน พอรู้ตัวอีกทีคนที่ขวางทางก็มีน้อยลง ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ในเรื่องความคิดเรื่องทุน แรง การหมุนเงิน ห่วงโซ่การตลาด ไอริสไม่เป็นเลย การบริหารสภาพคล่องยังทำไม่ได้ แค่เรื่องการธนาคารกับการทำธุรกิจดูเรื่องการเขียนสัญญา ทำแบบนั้น ล้มละลายแน่ๆ ลองคิดเอาเอง เราต้องศึกษาเยอะเหมือนกัน การมาวิเคราะห์อะไรให้โดยไม่ได้เงินเสียเวลา
น้องสาวพระเอกก็ไม่ฉลาดนะ เพราะเธอมีข้อมูลเลยตัดสินใจอะไรได้ง่ายเมื่อเอามาวิเคราะห์ มันเป็นสถานการณ์ที่คนทำธุรกิจจะต้องคาดการณ์ล่วงหน้าอยู่ละ ไอริสยิ่งไปกันใหญ่มีข้อมูลจากอนาคต
ในเรื่องเขียนอวยนางเกินไปอุปสรรคเกิดจากการกลั้นแกล้ง แทบไม่มีอุปสรรคจากความผิดพลาดของตัวเองเลย เราอาจจะควบคุมปัจจัยอื่นไม่ได้แต่เราควบคุมตัวเองได้ ถ้าไม่มีปัญหาเข้ามาเราจะพัฒนาทักษะที่ใช้จัดการไม่ได้
การทำธุรกิจหนึ่งไปได้ดี จะไม่มีคนทำเลียนแบบเลยเหรอ บอกว่าเจ้าอื่นทำได้ไม่ดีไม่อร่อย ไม่มีคนซื้อตัวคนอื่นที่ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์เลยหรือไง ไอริสไม่ได้พัฒนาความมั่นคงทางอาหารแน่ใจว่าจะจัดการทรัพยากรได้ ถ้าอาหารขาดแคลนจะทำไง ไม่มียาคุมแน่ใจว่าจะเลิกการใช้แรงงานเด็กได้ สมมุติมีลูกสิบห้าคน ซักผ้าให้ทั้งสิบห้าคนไม่ใช่เวลาทั้งวันเหรอ
ไม่มีการบริหารเวลาและสร้างเครื่องมือทุนแรงขึ้น ยังไงก็ไม่เจริญ ในเรื่องมันเขียนอวย ไอริสที่มันทำได้ดีกว่าคนอื่น เพราะเจ้าอื่นไม่มีความรู้ต่างโลก ต้องลองผิดลองถูกเพื่อที่จะพัฒนาขึ้น ต่างจากไอริสที่มีความรู้จะพัฒนาแนวไหนผลิตภัณจะดีขึ้น ไม่ต้องลงทุนกับความเสี่ยงมากนัก ที่สำคัญไอริสไม่ต้องเสียภาษีเหมือนคู่แข่ง
เราไม่เห็นด้วยในนิยายที่จะกดหัวผู้ชายเพราะความรักของเขาที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าเขามีความสามารถต้องปล่อยให้เขาฉายแสง รักแบบนี้เห็นแก่ตัวมาก อย่าไปปิดบังความสามารถกีดกันความสามารถคนอื่นที่แม้แต่เรายังทำไม่ได้
เราให้ความเห็นว่าน้องสาวพระเอก นานไปจะกำจัดลูกหลานพระเอกแน่ เพราะว่าใครจะมายอมให้คนอื่นมีอำนาจเด่นกว่า มั่งคั่งกว่ายกเว้นราชวงศ์อ่อนแอ เรื่องแบบนี้ในยุคกลางมีเยอะมาก
ในเรื่องเราจะมองผ่านมุมมองตัวเอก เข้าข้างตัวเอก แต่ความจริงแล้ว ศีลธรรมเป็นสิ่งที่คนสร้างมา ไอริสสร้างศีลธรรมให้คนเห็นใจว่าถูกแกล้ง ยูริสร้างศีลธรรมว่าคนไม่เท่าเทียมกัน ศีลธรรมมันอยู่ที่ใครสร้าง
ในช่วงยุโรปยุคกลางคนอย่างไอริส สามารถสั่งให้ยูริแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นได้เพราะหาข้ออ้างว่าแต่งตัวฟุ่มเฟือยทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ถ้าไม่แก้เองให้ทหารสั่งแก้ แต่พอเป็นคนแบบไอริสจะแต่งหรูหรายังไงก็ได้ ในยุคนั้นเป็นคนสวยหน่อยไม่ได้นะ โดนขุนนางผู้หญิงเห็นจับแก้ผ้า จุดจบผู้หญิงพวกนี้ต้องกลายเป็นโสเภนีทั้งที่ตัวเองไม่เต็มใจ
ในนิยายไม่เขียนในมุมมองคนธรรมดาว่าโดนรังแกแบบไหน จะให้กินขี้ก็ได้ ไม่กินก็ต้องตาย มันร้ายมากๆ คนในยุคกลาง จับคนไปถ่วงน้ำถ้าลอยขึ้นมาเป็นแม่มด คนที่จมก็ตายฟรี
แล้วความไม่เท่าเทียมจะเกิดขึ้นอีก เพราะถึงไอริสให้การศึกษา แต่ถ้าไม่คนในเส้นสายยังไงก็หางานไม่ได้ ไม่รู้เลยไปเรียนทำไม เพราะกลุ่มชาวบ้านไม่มีทุน จะไปยืมธนาคารใครจะให้ยืมเพราะบ้านที่อยู่ไม่ใช่ที่ดินตัวเองต้องเช่าไอริสอยู่ เพราะไอริสมีสถานะพิเศษที่เรียกว่า ดัชเชส เป็นเจ้าของที่
ชาวบ้านไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากเลย หากไม่มีการปฎิวัติอุตสาหกรรม การพัฒนาวิทยาศาสตร์
ลุกหลานโจรปล้นควายธรรมดาครับ
ทนายความธรรมดาครับ
ดูพวกนางทาส อีเย็นกับแม่ และบอกว่าไปเป็นโจรปล้นควาย แบบพี่ชายอีเย็นยังมีศักดิ์ศรีกว่าไปเป็นทาสอีกนั่นล่ะ
อย่างน้อยก็มีอิสระทางการเงินและช่องทางการประกอบธุรกิจมากกว่า
...
เพื่อลากให้เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้บ้างตามแบบหนังจีน
ผู้ชายไม่ชอบให้ผู้หญิงเก่งกว่าน่ะครับ หากเป็นแบบนิยายจีนน ท่านอาจจะเป็นนางมารก็ได้ ที่มองว่าตนเอเงพึ่งตนเองได้ ตะลุยยุทธภพคนเดียว
ปัญหาอีกอย่างอาจจะเป็นเรื่องของทักษะการพูดด้วย
ผู้ชายเปรียบกับผู้หญิวงก็เหมือนกับคนติดอ่านเป็นใบ้ ทักษะการภาษาสื่อสารไม่ดีนัก
ยิ่งท่านได้รับการอบรบสั่งสอนแบบชาวยิวว และวัฒนธรรมแบบตะวันตก ที่มองเรื่องการสื่อสาร โต้เถียงเป็นความสนุก หลายคนอาจจะไม่เคยชินกับแนวทางการโต้เถียงเช่นนี้
เคล็ดลับคืออาจจะต้องมีแนวความคิดเหมือนกันว่า การโต้เถียงคือ กิจกรรมเพื่อความสนุกอย่างหนึ่ง
ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเก็บมาเป็นอารมณ์โกรธใส่กันที่หลัง
แต่เหนืออื่นใด นิยายพยายบามตอบสนองความรู้สึกมีความสุข
เท่ากับว่าก็ต้องการให้อีกฝ่ายเป็นที่พึ่งของเราได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นล่ะ
แปลกนะ
เพื่อผมที่คุยด้วย นั้นเน้นเควสต์ การเล่าเรื่อง การสร้างครอบครัว มากกว่าผมเสียอีกแฮะ
เขาอาจจะเป็นสายอนุรักษ์นิยมก็็ได้มั้ง
เน้นเรื่องการสร้างครอบครัวมากกว่า
ว่าการเลี้ยงดูลูกคือการเสียสละเวลาของพ่อกับแม่นั่น่ะ
อย่างที่ท่านว่า ผู้ชายไปสงครามนอกบ้าน
ผู้หญิงอาจต้อง โฮมสคูลลูกด้วยตนเอง
การศึกษาลูกเป็นเรื่องสำคัญที่อาจำให้แม่ไม่สามารถไปทำงานนอกบ้านได้
เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันให้เข้าใจล่ะครับ
เรื่องที่เคยเจอคนบ่นปัญหาคือ ทำงานบ้านคืองานที่ไม่มีถ้วยรางวัล ขาดการยอมรับจากโลกภายนอกและรุ้สึกว่าสามีไม่เห็นแก่คุณความดีที่ทำงานบ้านให้
แต่ไม่มีหน่วยครอบครัว ก็ไม่มีรุ่นต่อไปล่ะครับ
หญิงชาวยิวไปเป็นแฟมินิสม์เลยโสดเสียเยอะ พวกสายอนุรักษ์นิยมจะมีลูกเยอะกว่า
แต่ก็โดนบอกว่าเป็นพวกกินเงินภาษี ไม่ยอมทำงาน ให้รัฐอุดหนุนว่ากันไป
...
กลับมาที่ไอริส พยายามดำเนินเรื่องให้นางเอกเป็นสปายต่างชาติ จ้องทำลายประเทศอีกเสียอย่างนั้นล่ะครับ
ปรกตินางเอกของเกมส์หรือเรื่องนิยาย มักจะตั้งให้สถานะต่ำกว่าเพื่อให้คนอ่านเอาใจช่วย
พอมาเรื่องนี้ก้เลยต้องพลิกมุมมอให้เอาใจช่วยไอริส
เรื่องที่ว่าจะมีคู่แข่ง
นั่นก็คือเรื่องที่ผมคิดไว้เหมือนกัน
อย่างที่แจ็ก หม่า ว่าไว้ อาลีบาบา กลัวท้องถิ่น
ไอริสอาจจะคุมภาพใหญ่ แต่ในท้องถิ่นต้องมีการเลียนแบบแน่นอน ที่สามารถลดต้นุนได้มากกว่า
แต่แน่นอน อย่างที่ผมบอกล่ะครับ
ไอริสสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่า เพราะยุคนั้นไม่ใช่การค้าเสรี และขุนนางมีศักดินาเหนือกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว
แต่ก็อย่างที่ว่าล่ะครับ
ไอริสเป็นสาวออฟฟิซ ไม่ใช่้ ซีอีโอที่ชำนาญการลงทุนหรือกำหนดทิศทางของบริษัท
คนแต่งก็พยายามให้คนอ่านรู้สึกว่าเอาใจช่วยไอริได้มากกว่านางเอกนิยาย
ไปเจอคนเล่นมมุกแบบโหดๆว่า ผมพยายามจะทำแบบไอริสเหมือนกันที่เอาเด้กมาเลี้ยงเป็นบริวารรับใช้ แต่ตำรวจ มาจับผมเสียก่อน
อาจจะต้องใช้เวลาสักหลายสิบปีถึงจะพัฒนาได้ในภาพรวม แต่คงไม่เร็วอย่างในนิยายหรอก
แต่หากมองว่าเป็นการควบคุมการเงินจากผู้ปกครองที่จะมีอำนาจเหนือกว่าชาวประชาไปอีกหลายชั่วคน ผมว่ามันก็เป็นแนวคิดที่ได้ผลระดับหนึ่ง
เมื่อรัฐควบคุมการเงินทั้งหมดและการเคลื่อนไหวของเงินตรารู้โดย ดัชเชส ใครจะเอาเงินมาก่อกบฎก็ยาก เพราะดัชเชสจะรู้การเคลื่อนไหวทางการเงินทั้งหมด
ว่าคนนี้ซื้อมาหรือซื้อชุดเกราะเพิ่มขึ้นจากปรกติหรือเปล่า สามารถรู้ได้ว่าใครเร่งสร้างกองทัพในพื้นที่
มองในแง่มุมชาวบ้าน อาจจะไม่ไดีดีอย่างที่คิด
แต่กับพ่อค้าอาจจะดีก็ได้ล่ะนะครับ?
ที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดพวกพ่อค้าชนชั้นกลางมากขึ้นจากนโยบายนั้น
เรื่องคุมกำเนิด ผมคิดว่า สังคมโบราณ ที่เป็นสังคมการเกษตรมองต่างจากพวกเรา
คอรอบครัวนิวเคลียร์ปัจจุบัน มองเรื่องการศึกและการใช้ชีวิตในเมืองสังคมการเกษตร มองเรื่องเด็กทีเ่กิดคือแรงงาน เพราะใช้เด็กเป็นแรงงานตั้งแต่เด็กแต่เป็นปัญหาคือ จะส่งเด็กไปเรียนก็ยากเพราะต้องอาศัยเด็กๆเป็นแรงงานในไร่ของพ่อแม่ด้วย
แต่การศึกษาคือแผนร้อยปี คงต้องใช่้เวลาสักพักในการเปลี่ยนสภาพสังคม