พวกนิยายไซไฟ แนวนั้น ไม่ใช่อะไรที่ใหม่เลยนะ
เหมือนใน Ghost in shell ที่เล่นกับเรื่อง ปรัชญา จิตรวิญญาณ ความเป็นมนุษย์ ที่สักวันเมื่อคนเราสร้างอวัยวะเทียมได้ทุกอย่างแม้แต่สมองก็สามารถย้ายข้อมูลได้
จริงๆ แล้วจิตวิญญานความเป็นมนุษย์มันคืออะไร ในเมื่อสามารถก็อปปี้ตัวเอาออกมาอีกคนได้แบบนั้น
คนเป็นแค่ วิญญาณที่อยู่ในเปลือก หรือแค่เปลือกนอกที่ใช้บรรจุข้อมูลก็กลายเป็นคนได้ จริงๆแล้ว อะไรคือมนุษย์
มันคือการเล่นกับสิ่งที่เรี่ยกว่า ความเชื่อ จิตวิญญาณ ความเป็นมนุษย์ มนุษย์คืออะไร ในยุคสมัยที่อวัยวะเทียมมีทุกอย่างแม้แต่สมองเทียม หรือแม้แต่ความทรงจำ ความเป็นตัวตนของคนนั้นๆ สามารถย้าย แทรกแทรง และทำซ้ำได้
อนิเมะเป็นแนวการเมือง เล่นกับปัญหาสังคมนะ แต่ดูไปแล้วมันมีเรื่องของแนวคิดที่ว่า จริงๆ แล้วคนคืออะไรกันแน่
มันต่างไปนิดครับ
คือ คนแต่งคนนี้เป็น GM เควสต์ที่ผมเลบ่นด้วย
เขามีแนวคิดเรื่องว่าโลกอนาคต ดิสโทเปีย ไม่จำเป็นต้องเป็นไซเบอร์พังก์
สามารถทำสวรรค์สีเขียว ดอกไม้บา่นนกน้อยร้องเพลงก็เป็นดิสโทเปียได้
มันคือการแสดงว่าเทคโนโลยีทำได้ทุกอย่างในตอนที่กระจายไปในอวกาศ
หากนางเอกอย่าง ghost in the shell อยู่ในจักรวาลนรั้นก็คงเป็นได้แค่ android companion คือเซกส์บอท ที่อาจจะทำหน้าที่บอดี้การ์ดมันก็มีทั้งโคโลนี่ที่รับรองสิทธิของแอนดรอยด์และไม่รับรอง
แต่โคโลนี่ มหาอำนาจในปัจจุบัน คือ โคโลนี่ของจีน
ที่อย่าว่าแต่สิทธิของแอนดรอยด์เลย สิทธิของคนปรกติยังไม่ค่อยจะมี
แอนดรอยด์ที่จริงแล้วคือของราคาถูกในยุคนั้น สามารถปั๊มมาจากเครื่องพิมพ์สามมิติได้
ของรุ่นใหม่ๆคือโปรแกรมการทำงานที่ละเอียดอ่อนต่างหาก
หากการดัดแปลงร่างกายหรือตัดแต่งพันธุกรรมทำให้เกิดความห่างชั้นกันมาก คนที่ไม่ได้ดัดแปลงร่างกายหรือพันธุกรรมก็คงไม่ชอบแน่ๆ(อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบในกันดั้มซีด แต่ก็อาจจะทำให้อนาคตเราจะมีกันดั้มให้ขับก็ได้)
ดังคำที่ว่า "มนุษย์ไม่ชอบให้สิ่งใดอยู่สูงไปกว่าตนเอง" นั่นแหละ
มันมีอย่างนั้นล่ะครับ
มีดาวหนึ่งเปลี่ยนตนเองเป็นอัจแริยะทั้งดาว ทำให้การค้นคว้าและเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าคนอื่นหลายเท่า
แต่ด้วยความสามัคคีคือพลังของโคโลนีชาวจีนที่จำนวนมากกว่าและมหาอำนาจอีกสองสามโคโลนี่ ใช้จำนวนที่มากกว่าหลายเท่าเอาชนะโคโลนี่นัี้นไปได้
ประมาณว่าโคดลนี่เหนือมนุษย์นั้นเก่งมาก เอาชนะได้ถึงหนึ่งต่อห้า
แต่ด้วยความสามัคคีของทรัพยากรของโคโลนี่ที่รุมมีประมาณหนึ่งต่อยี่สิบ
ก็เลยแพ้ไป ความฉลาดส่วนตัว ไม่สามารถช่วยในอุตสาหกรรมการสงคราม
แต่ั่นความจริงแล้วก็คือการคำนวณของโคโบลนี่ชาวจีน
ว่าที่บุกไปเพราะเชื่อว่าเอาชนะได้ เพราะปริมาณการผลิตของดาวอัจฉริยะยังน้อยอยู่ หากปล่อยไว้สักสิบปี ผลอาจจะเป็นอีกแบบ
แต่สงครามไม่มีคำว่าแฟร์ เลยโดนรุมเสียก่อน
If it don' Broke, Don't Fix it. ผมคงไม่เปลี่ยนอะไรเว้นแต่ที่จำเป็นจริง ๆ เช่นข้อเข่าเสื่อมเลยเปลี่ยนหัวเข่าใหม่ อะไรแบบนี้
มันเป็นเรื่องของความต่างชั้นของบุคคลและรวมไปถึงดาวด้วยนน่ะครับ
ตัวอย่างไอคิวท่านอาจจะ 100 ตามมาตรฐาน แต่พวกแอนดรอยด์เหนือมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 180 มันเหมือนท่านเป็นแครบกับกอยล์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ท่านคิดว่าตนเองจะแข่งกับเฮอรืไมโอนี่ได้หรือเปล่าล่ะครับ?์
เรื่องยังพอบอกว่าไอคิวมากกว่า 180 ทำได้ แต่ไม่เป็นที่นิยม เพราะแอนดรอย์จะเกิดอาการเศร้า ฆ่าตัวตายไปเสียก่อน
เลยเป็นข้อจำกัดทางการออกแบบมากกว่าการทำได้จริง
แต่ผลลัพธ์ก็คือมีแอนดรอยด์ เอไอ ที่ไอคิวมากกว่า 180 อยู่มากมายซ่อนตัวในอวกาศรอบนอก และทุกตัวเสียสติในแบบของตนเอง
[quote/]
ภายใน 10 กว่าปี้นี้หาก มีการร่วมมือกันทางเทคโนกันดีๆ ไม่มีสงครามการค้า สงครามเทคโน ผมว่าจะได้เห็นระบบที่ควบคุมด้วยคลื่นสมองๆ แน่ๆ
แต่ใจจริงรอ ระบบถ่ายโอนข้อมูลเข้าสู่งสมองโดยตรง มีข่าวแล้วว่าพบเงื่อนงำ ว่าสามารถทำได้
หมายถึงว่าถ้ามองแบบเอทิสม์
ที่มองว่าสมองก็เป็นแค่เครื่องจักรชีวะ
ที่เราต้องทำก็คือแค่รีเวิร์สเอ็นจิเนียร์เท่านั้นเองล่ะครับ
เรามีจตัวอย่างคอมพิวเตอร์ชีวะในสมองของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้วผมจะไม่แปลกใจเลยว่าจะมีห้องทดลองลับที่ไหนสักแห่ง ทดลองกับสมองมนุษย์แล้ว
ตอนเด็กๆโคตรอยากได้ชิปเอไอในหัวเลย ประมวลผล แสกนสถานะชาวบ้านได้ ควบคุมชิพต่างๆโดยไม่ต้องสัมผัส
...ถ้าไม่มีผลข้างเคียงก็คงเปลี่ยน แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วมีผลข้างเคียงตัวตนของตัวเองจะเปลี่ยนไปยังไงนี่คงต้องคิดเยอะน่าดู
รู้สึกว่าคนเขียนเรื่องที่ผมอ่านจะอวยน่าดู
แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าในช่วงขั้นต้นจำมีความผิดพลาดมาก
แต่เทคโนโลยีก็พัฬฒนาขึ้นจนค่อยๆทำความผิดพลาดให้น้อยลงเรื่อยๆล่ะครับแต่เทคโนโลยีใหม่ มีผลข้างเคียงที่เราไม่รู้สูงมาก
สมัยก่อนต่อต้านศัลยกรรม ปัจจุบันการศัลยกรรมก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบันแม้แต่การเปลี่ยนอวัยวะก็พัฒนามากขึ้น แต่ก่อนแม้แต่แค่การถ่ายเลือดยัง
ยอมรับกันยาก แล้วเหตุไฉนถ้าไปโอเทคโนโลยีก้าวไกลกว่านี้ ผู้คนถึงจะไม่เห็น
ด้วยหล่ะ มันก็แค่อยู่ที่เวลา
พวกอนุรักษนิยมก็มีอยู่ทุกที่ ตอนนี้ศัลยกรรมกลุ่มอนุรักษนิยมก็ยังมีไม่ยอมรับ แต่
ก็ทำกันได้เยอะ อนาคตก็ต้องมีกลุ่มนี้อยู่ดีแหละ แต่ก็มีคนหันมาดัดแปลงร่างกาย
อยู่ดี เหมือนเปลี่ยนเสื้อ เหมือนเสริมหล่อ เหมือนใส่อุปกรณ์เพื่อการทำงาน ใคร
ที่ไม่ทำก็อยู่กันตามสิทธิที่พึงมีไป ใครอยากทำเพื่อดูดี เพื่อเป็นแฟชั่น เพื่อได้รับ
งาน เพื่อต่ออายุ บลาๆๆๆ ก็ทำ มันก็เหมือนความศรัทธาในตอนนี้นั่นแหละ ที่
บางแห่งในหลายๆประเทศ กลุ่มอนุรักษนิยมเพิกเฉยต่อการบริจาคเลือด ไม่ยอมแม้
จะรับถ่ายเลือดตอนบาดเจ็บด้วยซ้ำ เพราะผิดหลักความศรัทธา
เอาง่ายๆแค่ที่ไทย การบริจาคอวัยวะเพื่อต่อชีวิตให้คนอื่นหลังเสียชีวิต เยอะมากที่
ยังอนุรักษนิยม ไม่อยากให้ศพตัวเองหลังตายไม่ครบสมบูรณ์ แต่ก็เริ่มมีคนยอมรับ
และยอมบริจาคมากขึ้น การยอมรับการดัดแปลงในอนาคตก็น่าจะราวๆนี้เช่นกัน ค่อยๆ
เป็น ค่อยๆไป ตามแต่จะยอมรับ ที่จีนเนี่ย บางที่ถึงขนาดขอดูภาพในอดีตของคู่รัก
ของสมรสด้วยซ้ำ เพราะผู้ใหญ่ทางบ่าวสาว ต้องการรู้ว่าแต่งงานไปแล้ว พอมีลูก
ลูกจะหน้าตาสวยหล่อมั๊ย เกิดเป็นคดีฟ้องร้องมาแล้วเพราะพอแต่งไปแล้ว มีลูกด้วยกัน
แต่ลูกดันขี้เหร่ เนื่องจากสาวทำศัลยกรรมความงาม ฮา บางพื้นที่ยังไม่ยอมรับใน
เรื่องพวกนี้
โดยส่วนตัวยอมรับ ยอมดัดแปลง ยอมคัดแยกพันธุกรรม เพราะสมัยนี้ก็เริ่มมีการ
คัดแยกพันธุกรรมตั้งกะในท้อง ตั้งกะยังไม่เกิด เพื่อไม่ให้เด็กพิการหรือเป็นโรค ส่วน
ถ้าพื้นที่ไหน หรือกลุ่มไหน ยังไม่ยอมรับ ก็ปล่อยเขาไป เป็นสิทธิของเขา ยิ่ง
อนาคต ปัญหาประชากรล้นโลกจะตามมาอีก ถ้าประเทศไหนเกิดปล่อยให้เป็นไปตาม
ยถากรรม ประเทศนั้นๆได้ชิบหายแน่
มันมาถึงจุดที่แนวคิด คัดสรรทางพันธุกรรมจะเป็นแนวคิดหลักแล้วสินะครับไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาหลายปี สังงคมโดยรวมก็เริ่มยอมรับว่านาซีคิดถูก
แค่พวกนั้นต่างไปตรงที่จะสร้างโลกตามแนวคิดของตนเองเท่านั้นเอง แต่วิธีการนั้นถือว่าเป็นไปได้ในการสร้างงเผ่าพันธุ์์ที่แข็งแกร่งฉลาด อย่างที่ตนเองต้องการ
ตอนแรกผมต่อต้านศัลยกรรมเหมือนกัน
แต่ปฏฎิเสธเรื่องผลประโยชน์ที่ได้มาจากศัลบยกรรมไม่ได้
หน้าตาคือราคาแลบะมันมีมูลค่า
คิดถึง Cyber Controller ที่สร้าง Cyberman ขึ้นมาเพราะต้องการแก้อาการป่วยของตัวเอง แต่ดันบันปลายไปเป็นการดัดแปลงตัวเอง
"คุณชื่ออะไร?"
"The Doctor"
"ตำแหน่งนั้นไม่มีความจำเป็น เราไม่จำเป็นต้องมีหมอ ไซเบอร์แมนไม่มีทางป่วย"
"ใช่ แต่มันก็แค่นั้นล่ะ นั่นแหละประเด็น! โอ้ ลูมิค คุณเป็นคนที่ฉลาดนะ ผมคงเรียกคุณว่าอัจฉริยะไปแล้วแต่บังเอิญผมดันอยู่ในห้องนี้ด้วยนี่สิ แต่ทุกสิ่งที่คุณสร้างมาคุณสร้างมาเพื่อต่อสู้กับอาการป่วยของตัวเอง และมันยอดเยี่ยมมาก นั่นมันมีความเป็นมนุษย์มากเลยล่ะ แต่พอคุณกำจัดอาการป่วยและความเป็นมนุษย์ของคุณไปแล้ว คุณจะเหลืออะไรเป็นจุดหมายของคุณอีกล่ะ? ไซเบอร์แมนไม่วิวัฒนาการต่อ พวกมันหยุดอยู่กับที่ คุณจะเป็นอย่างนี้ต่อไปตลอดกาล โลกเหล็กกล้า ที่มีมนุษย์เหล็กกล้า ที่ความคิดเป็นเหล็กกล้า ขาดแต่เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ดาวดวงนี้มีชีวิตชีวา ผู้คนไงล่ะ คนธรรมดา คนโง่ คนฉลาดทั้งหลาย"
"คุณภูมิใจกับอารมณ์ความรู้สึกของคุณสินะ"
"โอ้ ใช่"
"งั้นบอกผมหน่อย Doctor คุณรู้จักความเศร้า ความโกรธ ความเจ็บปวดหรือเปล่า"
"รู้จักสิ"
"แล้วมันเจ็บหรือเปล่า?"
"(ยิ้ม)โอ้ ใช่เลย"
"ผมปลดปล่อยคุณได้นะ ไม่ต้องการเหรอ ชีวิตที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวดน่ะ"
"ถ้าทำอย่างนั้นก็ฆ่ากันเลยดีกว่า"
"งั้นผมเลือกตัวเลือกนั้นละกัน"
"นั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่คุณเลือกได้หรอกนะ คุณเป็นผู้ควบคุมไซเบอร์แมน คุณควบคุมผมหรือสิ่งที่มีเลือดสูบฉีดในหัวใจไม่ได้หรอก"
"คุณไม่มีอะไรจะมาหยุดผมได้ ผมมีกองทัพ ผมมีเผ่าพันธ์ุของผม"
"คุณนี่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสินะ? กองทัพน่ะมันไร้ค่า เพราะคนธรรมดาต่างหากที่เป็นกุญแจ คนธรรมดาที่สุดก็สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้"
อีกตัวที่มีอารมณ์มากๆก็คือดาเร็กนั่นล่ะ แต่เป็นอารมณ์โกรธ
แนวทางการควบคุมแอนดรอย์จากนิยายที่ผมอ่านเจอคือ
job preference กำหนดโปรแกรมว่าทำสิอ่งนี้แล้วมีความสุข
แบบเดียวกับชีวิตจริงไม่ใช่ว่าทุกคนมีความสามารถจะกลายเป็นแบบข่านสตาร์เทรก แต่คนที่มึความสุขกับการสอนหนังสือหรือชอบในงานที่ตนเองทำก็มี
แต่มองในอีกแง่ สังคมก็จะกลายเป็นวรรณะโดยสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิมล่ะครับ
ว่าแอนดรอยด์หรือโคลนสร้างขึ้นมาเพื่องานชนิดนี้
เควสต์ที่ผมเล่น กำหนดให้เป็นหพนักงานขาย สเตตัสต่ำเรี่ยดินแต่หลังจากนั้นค่อยๆดัดแปลงตนเองจนมีความสามารถอย่างอื่นนอกจากการขายและหัวหน้าแผนก
โคลนมีข้อดีคือยังถูกรนับว่าเป็นมนุษย์และมีบัตรประชาชน
แอนดรอยด์ต้องแสดงตนเองว่าเป็นแอนดรอยด์เสมอ
แปลงสิ ผู้มีอำนาจในอดีตมากมาย ล้วนแต่หาทางทำให้ตัวเองเป็นอมตะทั้งนั้น
คนที่บอกว่า ชีวิตอมตะทำให้เศร้าใจเมื่อเห็นคนที่รู้จักจากไป ลองไปคลุกคลีกับคนแก่อายุแค่ 60 - 80 ปี ดู คนเหล่านี้ไม่ทุกข์ร้อนเท่าไรแล้ว เวลามีคนรู้จักตายจากไป
นี่แค่คนอายุไม่กี่สิบปีเองนะ ถ้าอยู่เป็นร้อย ๆ พัน ๆ ปี คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องแค่นี้หรอก
นั่นเพราะอาจจะรู่้ว่าความตายมาเยือนทุกคนต้องทำใจถ้ารู้ว่ามีทางรอด สังคมคงกลายเป็นอีกอย่างหนึ่งล่ะครับ
[quote/]
ในการ์กันเทียก็อธิบายไว้ได้ดีเลย ทั้งๆ ที่หมึกับคน มันก็พวกเดียวกัน แต่ทำไมหมึกสุดท้ายแล้วมันกลายเป็นแค่สัตว์
เพราะอารยะธรรมมนุษย์เรานั้นฝูกพันธ์กับสิ่งที่เป้นวัตถุ เมื่อคนเรากลายเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่ต้องการทั้งเสื้อผ้า ที่อยุ่อาศัย อาหารไม่ต้องกินสังเคราะห์แสงเอาได้ ป่วยก็รักษาตัวเองได้
แทนที่จะพัฒนาขึ้นกลับกลายเป็นว่า เริ่มจะถ่อยห่างจากสิ่งที่เรียกว่าอารยะไปแล้ว เพราะแทบไม่จำเป็นต้องพัฒนาอะไรอีกเลยแค่นี้ก็อยู่ได้สบายแล้ว
อารยธรรมมีไว้เพื่ออยู่ร่วมกันถ้าแข้งแกร่งพอก็อาจจะไม่ต้องการสังคม
แต่หากมองในแง่หนึ่ง พวกบ้าอำนาจให้คนมาเคารพกราบไหว้ มองใให้ลึกแล้วคือคนที่ต้องการการยอมรับจากสังคมนั่นล่ะ