หลายๆคนท่านอาจคิดว่าสองคำนี้อาจคล้ายกันมากจนเกือบจะเป็นคำเดียวกัน แต่ความจริงแล้วสองคำ หรือสองแนวคิดนี้แตกต่างกว่าที่คิด
คิดบวก
-คือการเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของสิ่งนั้นๆแล้วมีการชั่งน้ำหนัก
-มองโลกแบบเทาๆ เกือบทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าดีก็โอเค ถ้าเสียก็อืมเป็นธรรมชาติ
-รู้จักใช้สิทธิที่จะทำสิ่งดีๆ กล้าต่อสู้กับสิ่งเลวๆ(เกินระดับสามัญสำนึกมนุษย์)ในส่วนที่ตัวเองพอทำได้อย่างสงบ
-ประพฤติปฎิบัติตัวดีแต่ไม่เอาตัวเองไปเป็นไม้บรรทัดวัดคนอื่น
โลกสวย
-คือการมองโลกด้วยอุดมคติแบบสุขนิยม
-มักอวยสิ่งที่ชอบอย่างสุดตัว และเหยียดสิ่งที่ไม่ชอบแบบสุดโต่ง เช่น เด็กที่หนีออกจากบ้านเป็นคนเลว พ่อแม่น่าสงสาร
-มักเป็นไม้บรรทัดวัดคนอื่น โลกแคบ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คนอื่นๆควรทำตามข้อปฎิบัติเดียวกันเป๊ะๆทั้งที่ไม่ได้ออกเป็นกฎหมายด้วยซ้ำ
-ถ้าไม่ปิดหูปิดตากับเรื่องแย่ๆแล้วหลอกว่าสิ่งนั้นดีงามแค่คนอื่นตาต่ำไม่เห็นมัน ก็มักจะประท้วงแบบรุนแรงไปเลย
-ส่วนมากดีแต่พูด อาจมีปฎิบัติบ้างแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นการอวดหรืออวยตัวเองกับพวก
ทั้งสองแบบนั้นไม่ใช่ "บุคคล" หากแต่เป็น "แนวคิด" เพราะบุคคลนั้นย่อมมีทั้งความโลกสวยและความคิดแง่บวกในตัว บางคนก็อาจจะโลกสวยอย่างหนึ่ง แต่คิดบวกกับอีกอย่างก็ได้ มันล้วน Revers กันได้ตลอดเวลา
ที่สำคัญพรรคพวก-ผู้ช่วย เงินตราก็ย่อมสำคัญเช่นกันที่จะทำให้สำเร็จได้
สนับสนุนโดย
-รถทัวร์บริษัทเบลด เกรดบริการดีเลิศ เตลิดจุดหมายเป็นเรื่องธรรมดา ดูแลผู้โดยสารเยี่ยงหมาจรจัดคือเรื่องปกติ ติชมได้ที่เบอร์1584 เราได้จ่ายเงินค่าติชมล่วงหน้าแล้วฉะนั้นไม้ต้องกังวลว่าจะโดนปิดบริษัท
-น้ำยาซักรีดยี่ห้อไฮดร้า ใช้แล้วผ้าสะอาด ขาดวิ่นทั่วผ้า เชื้อราเต็มผืน ผื่นเต็มมือ คือมาตรฐานของไฮดร้า