เด็กสดนอกเรื่องวาดรูปครับ พอดีมีข่าวการเคลื่อนไหวจากทาง UN กับประเด็นแบนโชตะ/โลลิอีกแล้ว
เนื้อหายาวมากผมจะพยายามสรุปให้รวบรัดที่สุดนะครับ แล้วอีกส่วนจะเป็นแบบละเอียดยิบค่อนข้างเป็นภาษาข่าวสำหรับคนที่สนใจ
ถ้าใครยังจำกรณีเมื่อช่วงด้นปีที่กรรมมาธิการสหประชาชาติมีความพยายามผลักดันให้ผ่านสนธิสัญญาเรื่องการคุ้มครองเด็ก ซึ่งข้างในสอดใส่เรื่องการแบนภาพวาดการ์ตูนมาด้วย ซึ่งถ้ามันผ่านก็จะมีผลตัวละครทุกตัว "ที่เขาพิจารณาดูแล้วว่าเหมือนเด็ก" โดกวาดล้างไปได้เลยไม่ว่าจะมังงะ อนิเมะ เกม ศิลปะ/วรรณกรรมใด ๆ
อ่านเหตุการณ์ตอนนั้นได้ที่ ►
https://www.facebook.com/Onii.deksodba/photos/a.678236635637312/1896424840485146/?type=3&theaterแน่นอนว่าเกิดการต่อต้านจากหลาย ๆ ฝ่ายครับ ทั้งผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ผู้ผลิตเนื้อหาอย่างศิลปิน ประเทศใหญ่ ๆ อย่างอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรีย กระทั่งมูลนิธิที่ต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเองยังไม่เห็นด้วยเลยครับ เพราะว่าหลัก ๆ แล้ว
► มันไม่มีเด็กจริง ๆ คนไหนโดนล่วงละเมิดทางเพศ
► ขัดหลักสิทธิขี้นพิ้นฐานในการแสดงออกของ
► ขัดกับกฏหมายของประเทศอย่างอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรีย
► มีงานวิจัยรองรับว่าภาพวาดไม่มีผลกับการนำไปสู่อาชญากรรมจริง ๆ กับเด็ก
► มันแปลกที่ให้สิทธิ์คุ้มครองตัวละครในจินตนาการให้เท่ากับมนุษย์
► แก้ปัญหาผิดจุด
แน่นอนครับเรื่องนี้โดนปัดตกทิ้ง แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กรรมมาธิการ UN กลับมาใหม่พร้อมไกด์ไลน์ฉบับใหม่
[ต้องอธิบายการทำงานของ UN ก่อนนะครับ]
คณะกรรมมาธิการนี้เป็นทีมที่ทำงานในส่วนของเรื่องการคุ้มครองสิทธิเด็ก เวลาเขาเห็นปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็ก เขาจะร่างเป็นสนธิสัญญาขึ้นมา แล้วสนธิสัญญาจะถูกนำขึ้นที่ประชุมในสภาสหประชาชาติ ที่มีสมาชิกเป็นประเทศต่าง ๆ ถ้าสมาชิกโหวตเห็นด้วยกับสนธิสัญญานี้ ทุกประเทศในสมาชิกจะต้องทำตามสิ่งที่สนธิสัญาตัวนี้กำหนดครับ เอาไปบังคับใช้เป็นเป็นกฏหมายในประเทศของตน
ไกด์ไลน์ฉบับใหม่ที่ว่าไม่ใช่สนธิสัญญา แต่เป็นเป็นคู่มือการใช้งานสนธิสัญญาอีกที อธิบายความเป็นมา การทำงาน เจตนารมณ์ ทัศนคติ พูดง่าย ๆ ว่าเอาไว้ขายของอ่ะครับ เป็นหนังสือไว้อธิบายว่าทำไมคุณต้องยอมรับสนธิสัญญาตัวนี้ มันดียังไง ให้่สมาชิกแต่ละประเทศอ่านแล้วตัดสินใจว่าจะเห็นด้วยไหม
ให้เทียบว่า
สนธิสัญญา = สินค้า
ไกด์ไลน์ = ใบโฆษณา
คณะกรรมาธิการ = เซลล์แมน
ประเทศสมาชิก = ลูกค้า
แล้วไกด์ไลน์ตัวใหม่นี้มันมีข้อความนึงครับ ที่อ่านแล้วดูจะสามารถซื้อใจสมาชิกได้หลายคนทีเดียว แถมเอามาเคาเตอร์ประเด็นที่ว่า "ภาพโลลิ/โชตะไม่มีการล่วงละเมิดกับเด็กจริง ๆ" ได้เลยด้วย
เขาเสนอว่า
"ภาพโลลิโชตะเป็นการดูหมิ่น ย่ำยี เกียรติและศักดิ์ศรีของเด็ก เด็กควรจะได้รับการคุ้มครองเกียรติและศักดิ์ศรีของตนตามหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์"
เหมือนถ้ามีนักเขียนการ์ตูนวาดฉากคนดำโดน KKK ตัดคอ ถึงนักเขียนจะบอกว่าไม่ได้อ้างอิงจากคนดำคนไหนจริง ๆ ทุกอย่างเป็นสิ่งสมมุติตามเนื้อเรื่อง แต่ UN บอกว่าเป็นการย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวผิวสีอ่ะครับ ขอให้ถือว่าถือการวาดชาวผิวสีโดนฆ่าผิดกฏหมาย
อ่ะครับ...
เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนคำพูดนิดเดียว พลิกเกมได้ทั้งกระดาน ถึงมีคำพูดว่ากฏหมายมันดิ้นได้ ก็ไม่รู้เรื่องนี้จะเป็นยังไงต่อ ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ...
###########################
---------------------------------------------
###########################
[ฉบับละเอียด]
จากเหตุการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่เหล่าคณะกรรมธิการสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องสิทธิเด็ก พยายามให้มีการเห็นชอบในร่างบัญญัติสนธิสัญญาคุ้มครองเด็ก ซี่งในส่วนหนึ่งของร่างที่ว่าด้วยการแบน ”สื่อลามกเด็ก” นั้นมีการพยายามให้ตัวละครที่เป็น “เด็ก” ในงานรวรรณกรรม ศิลปะ ทุกแขนงที่มีการ “ส่อ” ไปในเรื่องเพศ เข้าข่ายสื่อลามกเด็กด้วย ด้วยเหตุผลว่า เป็นการ “ฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (Child Exploitation)” ทั้งที่เด็กเหล่านี้ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ๆ
อ่านเหตุการณ์เดิมได้ที่ ►
https://www.facebook.com/Onii.deksodba/photos/a.678236635637312/1896424840485146/?type=3&theaterซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็สร้างความไม่พอใจให้คนหลาย ๆ กลุ่ม ได้มีการยื่นจดหมายประท้วงร่างบัญญัติสนธิสัญญาตัวนี้อย่างถาโถมมากมาย ด้วยเหตุผลว่าเป็นการจัดการปัญหาผิดจุด ให้สิทธิกับสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงเท่าเทียมกับมนุษย์ และยังขัดต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลในเรื่องความชอบส่วนตัว
แม้กระทั้ง Prostasia มูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านและจัดการการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กโดยเฉพาะ ยังออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างบัญญัติสนธิสัญญาดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่า Art ≠ CSEM (ศิลปะ ไม่เท่ากับ วัตถุที่ใช้ประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก) อีกทั้งยังได้เปิดแคมเปญรับจดหมายประท้วงร่างบัญญัติจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ไม่เห็นด้วยกับร่างบัญญัติสนธิสัญญญาเพื่อนำไปยื่นประท้วงแก่สหประชาชาติอีกด้วย
“สื่อลามกเด็กเป็นสิ่งต้องห้ามโดยกฏหมาย ด้วยเพราะที่มันมีเด็กจริง ๆ เป็นที่ประจักษ์่ รูปวาดและงานเขียนที่กำเนิดจากเด็ก ๆ ในจินตนาการนั้นไม่ได้ละเมิดกับตัวเด็กจริง ๆ ที่ไหนซักคน” Prostasia กล่าว
อ้างอิง ►
https://prostasia.org/campaign/art-not-csem/ร่วมไปถึงรายการวิจัยเกี่ยวกับเพศวิทยาของประเทศเดนมาร์คในปี 2010 และ 2017 ที่ประกอบไปด้วยนักจิตวิทยาและนักวิจัยระดับศาตราจารย์ ยังสนับสนุนว่า “ภาพสื่อลามกเด็กจากจินตนาการในสื่อต่าง ๆ เช่น มังงะ อนิเมะ ไม่ปรากฏมูลใด ๆ ที่จะสนับสนุนให้บุคคลเข้าสู่กระบวนการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กจริง ๆ ได้ อีกทั้งยังไม่นำไปสู่การเป็นโรคใคร่เด็ก (Pedophile) ได้อีกเช่นกัน”
อ้างอิง ►
http://cphpost.dk/news/national/report-cartoon-paedophilia-harmless.htmlอย่างไรก็ตามจากที่กล่าวมาข้างต้น ถึงแม้ว่าจะมีผู้ไม่เห็นด้วยมากมายรวมไปถึงบางประเทศอย่างอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรีย เพราะร่างบัญญัติสนธิสัญญาฉบับนี้ ขัดกับกฏหมายและสิทธิเสรีภาพของประชาชนในประเทศตน แต่ดูเหมือนว่าสหประชาชาติก็ยังมีทีท่าไม่ยอมแพ้ เดินหน้าที่จะแบนตัวละครสมมุติเหล่านี้ต่อไปให้ได้
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิ ProstAsia ได้สังเกตุเห็นข้อความหนึ่งในคู่มือการใช้งานสนธิสัญญากี่ยวกับตัวละครสมมุติที่ “พวกเขาเห็นว่าเป็นเด็ก” และเนื้อหาเสมือนใด ๆ “ที่พวกเขาดูแล้วเห็นว่าเหมือนเด็ก” ในย่อหน้าที่ 63 กล่าวว่า…
“คณะกรรมธิการนั้นมีความกังวลอย่างสูง เกี่ยวกับปริมาณของเนื้อหาต่าง ๆ จำนวนมากทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมไปถึงประเภทภาพวาดและรูปแบบเสมือนต่าง ๆ ของเด็ก/บุคคลที่ดูเหมือนเด็ก ที่ไม่มีตัวตน ซึ่งมีการแสดงออกเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศ เนื้อหาเหล่านี้ถือเป็นผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิทธิ เสรีภาพ เกียรติและศักดิ์ศรี ของตัวเด็กจริง ๆ เหล่าเด็ก ๆ มีสิทธิ์ที่จะออกมาปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองที่ถูกย่ำยีจากสิ่งเหล่านี้
เรา เหล่าคณะกรรมธิการต้องการกระตุ้นให้ทุก ๆ สมาชิกรัฐภาคีลงนามเห็นชอบและบัญญัติ ให้เนื้อหาเหล่านี้ถือว่าเข้าข่ายเป็น “เนื้อหาที่ใช้ประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (สื่อลามกเด็ก)” เนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึง เด็ก/บุคคล ที่ไม่มีตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลาที่เนื้อหาเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ “ฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก”
อ้างอิง ►
https://www.ohchr.org/Documents/HRBodies/CRC/CRC.C.156_OPSC%20Guidelines.pdf[แปลภาษาบ้าน ๆ : คือ UN เขาอ้างว่าภาพวาดเด็กโป๊ เป็นการละเมิดสิทธิ์ เสรีภาพ เกียรติ และศักดิ์ศรี ของบรรดาเด็ก ๆ เหล่าเด็ก ๆ ถือว่ามีสิทธิ์ที่จะปกป้องในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนที่ถูกย่ำยีจากภาพวาดเด็กโป๊ได้ จึงให้ถือว่าภาพวาดโป๊เด็กเป็นสื่อลามกเด็ก เข้าข่ายหากินกับเด็ก ต้องแบน]
ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะกี่จดหมายประท้วง กี่ทุกข้อความ กี่ทุกตัวอกษร กี่ทุกงานวิจัย หรือกี่การแสดงออกอย่างชัดเจนจากประเทศต่าง ๆ ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแบนตัวละครสมมุติในจินตนาการ ทางสหประชาชาติก็ยังคงมีท่าทีเมินเฉย เดินหน้าต่อไปแบบไม่สนใจ พยายามที่จะแบนเหล่าบรรดาตัวละคร เนื้อหา ภาพเสมือน หรืออะไรก็ตามในรูปแบบใด ๆ “ที่มันเป็นเด็กในความคิดพวกเขา”
จากแรงจูงใจดังเกล่า เริ่มมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันปรากฏให้เห็นชัดขึ้นตามสื่อต่าง ๆ แล้ว อย่าง อนิเมะ มังงะ วิดีโอเกม หรือ อื่นใด ที่มีส่วนประกอบของตัวละครที่อายุไม่ชัดเจน หรือ ไม่ระบุอายุ แล้วตัวละครนั้นต้องมีบทบาทการแสดงออกที่ไปในทางเรื่องอย่างว่า แล้วถูกคนดูตีความว่าตัวละครพวกนั้นเป็น “เด็ก” เป็น “สื่อลามกเด็ก” โดยตัดสินจากเพียงแค่รูปร่างภายนอก สามัญสำนึก ความรู้สึก เป็นต้น
แม้กระทั้งบางเกมที่ผู้พัฒนาออกมายืนยันแล้วว่า ตัวละครของตนนั้น ”อายุเกิน 18 ปี” แล้ว ก็ยังคงมีบางบริษัทอย่าง Valve เจ้าของสตีม แบนเกมนั้น ๆ ด้วยข้อหา “ฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (Child Exploitation)” โดยเกมที่พึ่งโดนแบนออกจากสตีมเมื่อไม่นานมานี้แล้วยังเป็นประเด็นอย่าง Taimanin Asagi ที่เห็นได้ชัดว่า ดูยังไงในเกมมันก็ไม่มีเด็กยู่เลยซักคน …
ถ้าตัวละครเกม Taimanin Asagi ถูกแบนจากการตัดสินของพนักงาน 1 คน ที่เขาเห็นว่า “ตัวละครมันดูเด็ก” ในสายตาของเขา ต่อจากนี้ไม่ว่าจะอนิเมะ มังงะ เกม หรืออะไรก็ตาม ด้วยสายตา ด้วยสามัญสำนึก ด้วยอคติ ด้วยอะไรก็ตามที่จับต้องไม่ได้และไม่เท่ากันมาตัดสิน หากเห็นแล้วว่าเหมือนเด็กก็เท่ากับผิดหมด นี่คือตัวอย่างชั้นดีของสิ่งที่หลาย ๆ คนกลัวมาตลอด ความหวาดกลัวที่ออกมาจากกลุ่มกรรมาธิการที่ต้องการเกลี้ยกล่อมให้สมาชิกรัฐภาคีเห็นดีเห็นงามกับการกำจัดตัวละครในจินตนาการเหล่านี้ออกไป
ถึงแม้ระหว่างนี้สหประชาชาติยังคงไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะเห็นชอบให้ “ภาพการ์ตูน = สื่อลามกเด็ก แต่บรรดาคณะกรรมาธิการก็ยังคงพยายามผลักดัน ชักจูงให้สมาชิกรัฐภาคีเห็นชอบและสนับสนุนพวกตนมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีรัฐภาคีที่เห็นชอบและสนับสนุนมากขึ้นว่าจะต้องกำจัดตัวละครในจินตนาการพวกนี้ออกไป ในขณะที่บางประเทศอย่าง อเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรียยังคงไม่เห็นด้วย
เพื่อเป็นการตอบโต้การเคลื่อนไหวของสหประชาชาติที่มุ่งหวังจะโจมตีตัวละครสมมุติในครั้งนี้ มูลนิธิ ProstAsia จะเดินทางไปหาคณะกรรมมาธิการ เพื่อพูดในที่ประชุมว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก โดยการประชุมจะจัดในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ โดยมีการส่งข้อความแสดงเจตนารมณ์ไปว่า...
“ในเมื่อคณะกรรมมาธิการไม่ฟังเสียงของพวกเรา พวกเราก็จะไปหาท่านเองถึงที่ วันที่ 4 คุลาคม เราจะเข้าร่วมงานประชุมหัวข้อ “เสรีภาพในการพูดในโลกดิจิตอล” ประเทศเกาหลีใต้ ที่จัดโดย นาย David Kaye ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก และ Open Net Korea”
อ้างอิง ►
https://prostasia.org/blog/why-the-un-is-wrong-to-equate-drawings-to-sexual-abuse/-------------------------------------------
ที่มา ►
https://www.oneangrygamer.net/2019/09/united-nations-crc-proposal-continues-to-encourage-ban-of-lolis-in-anime-manga-games/93217/Cr.
เด็กสด