[quote/]
ว่าไปแล้ว มุกที่ว่าพระเจ้าควบคุมมนุษย์ไม่ให้มีเจตน์จำนงค์อิสระ ซาตานเป็นผู้มอบความรู้ให้เจตน์จำนงค์อิสระแก่มนุษย์ก็มีมานานแล้วครับ
มันมาสู่คำถามทางศีลธรรมในหลักอภิปรัชญาเหมือนกัน คือ เป็นเรื่องคุ้มค่าหรือไม่ที่มนุษย์จะไม่มีเจตน์จำนงค์อิสระแล้วมีความสุขในสวนเอเดนตลอดไป หรือจะอยู่ไปเรียนรู้ในโลกมนุษย์ที่ถ้าทำชั่วแสวงหาความสุขก็ทรมาณตกนรก หรือถ้าทำดีก็กลับมาใช้ชีวิตในสวนเอเดนอยู่ดีนั่นล่ะ
เจน์จำนงค์อิสระมีความหมายอะไรระหว่าง ถูกจองจำอยู่บนนรกกับบนสวรรค์ ต่างกันแค่ผู้คุมคุกเท่านั้นเอง
มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ "อิสระภาพ" ที่ซาตานเอ่ยถึงนั้นหมายถึงการปล่อยตัวไปตามสัญชาติญาณ และถ้ามนุษย์ทำแบบนั้น
การปล้นฆ่าแย่งชิงจะเกิดขึ้นไปทั่วทุกย่อมหญ้า คนที่แข็งแกร่งกว่าย่อมครอบครองทุกสิ่ง และจะทำอะไรกับคนที่อ่อนแอกว่า
ก็ได้ทั้งนั้น นั้นแหละคือ "อิสระภาพ" ที่ซาตานกล่าวถึง
แต่ "กฏระเบียบ" ที่พระเจ้าว่าก็เหมือนบอกตรงๆว่ามนุษย์เป็นเพียงตุ๊กตาของพระเจ้า ที่พระเจ้าบอกว่าอะไรก็เป็นตามนั้นไปหมด
ทุกอย่างถูกคุมเข้ม ห้ามสงสัย ห้ามโต้แย้ง ผุ้ที่ละเมิดจะถูกลงโทษในทันที สังคมแบบนี้ในมนุษย์นั้นเกิดได้ยากถ้าคนมีอำนาจ
เกิดบิดเบี้ยว "กฏระบียบ" ก็จะกลายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจไป ความอยุติธรรมจะเกิดไปทั่วถ้าคนคุมอำนาจเกิดบิดเบี้ยวขึ้นมา
เหตุผลที่ปีศาจด่าเทวดาว่า "ตุ๊กตาของพระเจ้า" ก็เพราะเหล่าเทวดาไม่เคยคิดอะไรเอง แค่เป็นพระประสงค์ก้ทำได้ทุกอย่าง
ไม่ว่ามันจะโหดร้ายขนาดไหนก็ตามที และในบ้างเทวดาระดับสูงที่มีอำนาจสั่งการอิสระเกิดคิดแทนพระเจ้า แลบะบอกว่ามันคือ
พระประสงค์เหล่าเทวดาชั้นผุ้น้อย ก็จะทำตามโดยไม่นึกสงสัยใดๆนั้นเอง
มนุษย์ต้องการทั้ง "กฏระเบียบ" และ "อิสระภาพ" ทั้งคู่มีกฏที่ควบคุมแบบไม่ตรึงเกินไป มีอิสระแบบไม่หย่อนเกินไป และสิ่งที่จะทำ
ให้เป็นแบบนัน้ได้ก็คือ "เหตุผล" ที่ใช้คิดและควบคุความดีและความชั่วให้แน่ชัด ขึงกฏด้วยเหตุผลปล่อยอิสระก็ด้วยเหตุผล แล้ว
นั้นถึงจะเป้นสังคมที่มนุษย์อยู่ได้นั้นเอง