ตามมุกแบบที่ว่า
"โดนทรยศโดยคนรักเพื่อนและลูกศิษย์ทำให้ฝ่าด่านไปอีกขั้นไม่สำเร็จจนวิญญาณกลับมาที่โลกเดิมของเรา"น่ะครับ
ที่โม้ว่าโลกของเราพลังวิญญาณด้อยกว่าแต่แป๊บเดียวไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำก็บรรลุพลังชั้นสูงแล้ว ตกลงโลกเรานี่มันดีหรือไม่ดีกันแน่ผมยังงงอยู่

หรือเล่นมุกว่าของวิเศษของโลกเราหายาก แต่ก็หาของดีดีกินได้เรื่อยๆเพื่อเพิ่มพลัง
ทั้งที่โลกเซียนมีโรงประมูลและระบบทุนนิยมให้ประมูลของหายากหินวิญญาณมากมายสารพัด
ทุกท่านจะทำตัวอย่างไรบ้างครับ?
ผมสังเกตว่าจากโลกที่เราคิดว่าธรรมดา แม้แต่แนวอิเซไคกลับมาในโลกปัจจุบัน
ก็ต้องเล่นมุกว่า
โลกเดิมที่เราอยู่มีสิ่งเหนือธรรมชาติซ่อนอยู่เช่นกัน เช่นมิโกะ ปีศาจต่างๆในแนวกลับมาโลกเดิมของอิเซไค
เพื่อให้แสดงว่าสามารถต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติในโลกเดิมด้วยพลังที่มาจากอิเซไค/โลกเซียนได้
ทุกท่านคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?
ว่ามันจำต้องเล่นมุกให้โลกปัจจุบันมีเรื่องเหนือธรรมชาติ ไม่อย่างนั้นเรื่องราวจะง่ายเกินไปหรือเปล่า?
คือผมเข้าใจในการดำเนินเรื่องนะ
หากกลับมาโลกปัจจุบันและเราเข้าถ้ำบ่มเพาะพลังไปสิบปียี่สิบปี
โผล่มาอีกทีเราอาจจะเห็นมนุษย์เปลี่ยนจากมือถือรุ่นเท่าแขนมาเป็นโลกยุคปัจจุบัน
สาวข้างบ้านที่เราเคยจีบ จะกลายเป็นคุณป้าอายุสี่สิบ หากเราเข้าถ้ำบ่มเพาะไปยี่สิบปี
หรืออย่างเว่อๆ เข้าถ้ำไปร้อยปี โผล่มาอีกทีอาจจะกลายเป็นแนวไซไฟไปแล้ว

คือผมกำลังหาไอเดียอยู่น่ะครับ
ไปเจอฝรั่งทำแนวน่าสนใจเหมือนกันคือ มีแนวผู้บ่มเพาะในแนวซูเปอร์ฮีโร่ แต่ระดับพลังยังต่ำๆอยู่
ก็น่าสนใจดีเหมือนกันว่า สมาคมฮีโร่มีปฏิกิริยาความร่วมมือประมาณไหนต่อคนที่มีการบ่มเพาะพลัง
คนเขียนก็พยายามเขียนให้สมจริงว่า ขั้นแรกๆกระจอก มีพลังราวกัปตันอเมริกาและรักษาแผลกลายเป็นสายฮีลของทีมมากกว่า
แต่ช่วงขั้นเว่อๆพังตึกทั้งตึก อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีอยู่กว่าจะถึงขั้นนั้น
คือหากจะทำตามสเกลพลังที่โม้กัน ผู้บ่มเพาะพลังมีจุดอ่อนที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรน่ะครับ
ทุกท่านพอมีไอเดียอะไรบ้างไหมครับ?
เจอประโยคหนึ่งว่า คนบ่มเพาะพลังจะกลายเป็นคนที่หัวโบราณ เพราะเขามองอะไรอย่างสิบยี่สิบปีมองว่าแค่เวลานิดเดียวคอยได้ว่าอย่างนั้น

นึกในแง่มุมนี้พอเข้าใจเลยว่าพวกเอลฟ์อายุยืนยาวนี่มันติดนิสัยคล้ายๆกันเลย
ทุกท่านพอมีไอเดียอะไรในเรื่องราวแนวนี้บ้างไหมครับ?