แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?  (อ่าน 1523 ครั้ง)

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
มีใครที่อยู่ในวงการธุรกิจพอทราบข้อมูลประมาณนี้บ้างไหมครับ?
ผมกำลังคิดทฤษฎีหนึ่ง แต่ไปเจอวอเรนบัฟเฟตบอกว่าคนทำธุรกิจ 98% ล้มเหลว

ตัวเลขมันประมาณนั้นจริงหรือเปล่าครับ? ???

คือผมมองคนสารพัดที่ด่าเทพโพธิ์งามว่าทำธุรกิจเจ๊ง
ทั้งที่ผมมองว่า เทพ โพธิ์งามนั้นมีชื่อเสียงเป็นดารา

แสดงว่าคุณสมบัติเรื่องเงินทุนและการโฆษณานั้นไม่ได้ขาดแคลน เหนือกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเจ๊งได้ แสดงว่ามันต้องมีบางอย่างแน่นอนที่ทำให้ประชาชนทั่วไปทำธุรกิจไปไม่รอด
แม้กระทั่งเทพโพธิ์งามที่มีคุณสมบัติเหนือคนทั่วไปก็ยังไม่รอดเลยว่าอย่างนั้นล่ะครับ

โน๊ต อุดม ทำธุรกิจชิลๆเชียงใหม่ ก็เปิดเผยว่าขาดทุนมาตลอด

ตกลงธุรกิจจริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหมครับ?

คือหากคนเจอกันระดับ 90% เจ๊งนี้
ตามสถิติ ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องของความสามารถและการวางแผนแล้ว
ตัวเลขขนาดนี้บอกได้แล้วว่ามันต้องมีสาเหตุอื่น
การพนันยังห้าสิบห้าสิบได้ แต่หากธุรกิจเกินกว่าห้าสิบไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นที่เจ๊งอย่างนี้
ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆตามค่าความน่าจะเป็นแล้วล่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 12, 2022, 11:46:50 PM โดย samuison »
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,178
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 12, 2022, 11:57:15 PM »
 เฮียตัน โออิชิ เคยบอกไว้ราวๆ ว่า ทำแบบกูมี เป็นร้อยคน แต่รวยแบบกู มีไม่ถึง 10




เรื่องคำสำเร็จมันขึ้นอยู่กับว่าท่านตีเอาไว้แค่ไหนว่าดี ครับ อย่างผมขายของ ไม่ถึงกับมีเงินเหลือเฟื่อ หรือมีเงินเก็บมากนัก
จะเรียกว่าสำเร็จได้ไหม  คือมีสูตรทำของขาย แต่ปัญหาคือทำเยอะไม่ได้ เพราะตลาดมันไม่ใหญ่พอ


จะย้ายไปที่ๆ มีคนเยอะๆ คิดแล้วอาจไม่คุ้มค่าเช่า ค่าลงทุนอีก


ในอัตราส่วน ที่ ปูวอเลนซ์ บอกนั่นอาจถูกต้องก็ได้นะครับ
คือคนที่ประสปณ์ความสำเร็จ จริงๆจะมีแค่ 1 ในร้อยก็เป็นไปได้
ในกรณีนี้ เราต้องนิยามก่อนว่า เราตีความไว่า ประสปณ์ความสำเร็จที่ว่านั้น
ต้องมีกำไร รายได้เท่าไร หรือประมาณไหนด้วย   ถ้าเอาแบบปู่แก 1 ใน 100 ไม่แปลกครับ


แต่ถ้าเอาแค่ว่า สามารถทำกำไรได้ ไม่หวือหวา แต่ก็ไปต่อได้เรื่อยๆ อาจจะมีเยอะครับ


จำไว้ว่า   นักลงทุนคือ คนที่ซื้อของถูก และนำไปขายแพงได้ นักลงทุนมืออาชีพ
            คือคนที่ทำกระบวนการนี้ซ้ำๆ ได้โดยที่ไม่ขาดทุน หรือขาดทุนน้อยครั้งมาก
           ซึ่งก็มีไม่เยอะ หลายๆ คนก็พลาดหลังหักกันมาแล้ว แต่เขามีทุนอยู่เยอะครับ

 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 12:03:25 AM »
 เฮียตัน โออิชิ เคยบอกไว้ราวๆ ว่า ทำแบบกูมี เป็นร้อยคน แต่รวยแบบกู มีไม่ถึง 10




เรื่องคำสำเร็จมันขึ้นอยู่กับว่าท่านตีเอาไว้แค่ไหนว่าดี ครับ อย่างผมขายของ ไม่ถึงกับมีเงินเหลือเฟื่อ หรือมีเงินเก็บมากนัก
จะเรียกว่าสำเร็จได้ไหม  คือมีสูตรทำของขาย แต่ปัญหาคือทำเยอะไม่ได้ เพราะตลาดมันไม่ใหญ่พอ


จะย้ายไปที่ๆ มีคนเยอะๆ คิดแล้วอาจไม่คุ้มค่าเช่า ค่าลงทุนอีก


ในอัตราส่วน ที่ ปูวอเลนซ์ บอกนั่นอาจถูกต้องก็ได้นะครับ
คือคนที่ประสปณ์ความสำเร็จ จริงๆจะมีแค่ 1 ในร้อยก็เป็นไปได้
ในกรณีนี้ เราต้องนิยามก่อนว่า เราตีความไว่า ประสปณ์ความสำเร็จที่ว่านั้น
ต้องมีกำไร รายได้เท่าไร หรือประมาณไหนด้วย   ถ้าเอาแบบปู่แก 1 ใน 100 ไม่แปลกครับ


แต่ถ้าเอาแค่ว่า สามารถทำกำไรได้ ไม่หวือหวา แต่ก็ไปต่อได้เรื่อยๆ อาจจะมีเยอะครับ


จำไว้ว่า   นักลงทุนคือ คนที่ซื้อของถูก และนำไปขายแพงได้ นักลงทุนมืออาชีพ
            คือคนที่ทำกระบวนการนี้ซ้ำๆ ได้โดยที่ไม่ขาดทุน หรือขาดทุนน้อยครั้งมาก
           ซึ่งก็มีไม่เยอะ หลายๆ คนก็พลาดหลังหักกันมาแล้ว แต่เขามีทุนอยู่เยอะครับ


ขอบคุณมากครับ
ผมกลำังศึกษาเรื่องการลงทุนตอนที่บิทคอยน์กำลังดังนี่ล่ะครับ แต่ยากจนไม่มีเงิน เลยหาข้อมูลก่อน
ไปเจอแนวคิดอธิบายของวอเรน ผมรู้ตัวเลยว่าจริงๆแล้วคนรวยนันขี้ระแวงและรอบคอบเอามากๆกับการเงิน เรียกว่ามีความเสี่ยงนิดหน่อยแกตัดออกทันทีไม่ลงทุนด้วยเลย
และพูดประมาณว่าไม่ดูว่าใครคนไหนเป็นผู้บริหารเก่งหรือไม่ เพราะต้องมีคนโง่มาบริหารในสักวันแน่ๆแต่ดูว่าธุรกิจจะไปได้ไหมแม้จะมีคนโง่มาบริหารต่างหากเป็นอะไรที่น่าสนใจในเรื่องของการวางแผนของคนน่ะครับ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,406
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 12:51:31 AM »
[quote/]
ขอบคุณมากครับ
ผมกลำังศึกษาเรื่องการลงทุนตอนที่บิทคอยน์กำลังดังนี่ล่ะครับ แต่ยากจนไม่มีเงิน เลยหาข้อมูลก่อน
ไปเจอแนวคิดอธิบายของวอเรน ผมรู้ตัวเลยว่าจริงๆแล้วคนรวยนันขี้ระแวงและรอบคอบเอามากๆกับการเงิน เรียกว่ามีความเสี่ยงนิดหน่อยแกตัดออกทันทีไม่ลงทุนด้วยเลย
และพูดประมาณว่าไม่ดูว่าใครคนไหนเป็นผู้บริหารเก่งหรือไม่ เพราะต้องมีคนโง่มาบริหารในสักวันแน่ๆแต่ดูว่าธุรกิจจะไปได้ไหมแม้จะมีคนโง่มาบริหารต่างหากเป็นอะไรที่น่าสนใจในเรื่องของการวางแผนของคนน่ะครับ

คนรวยสามารถล้มได้หลายครังเพื่อสำเหร็จครังเดียวแต่คนจนล้มได้ครังเดียวครับ อย่างเถ้าแก่น้อยแกสามารถลงทุนทำกิจการได้หลายอย่างล้มสิบครังสำเหร็จครังเดียวกำไรร้อยเท่า เท่ากับไม่ขาดทุนแต่คนปกติถ้าลงทุนพังครังเดียวมันก็ตายไปเลย คนอย่างตันที่ลงทุนครังเดียวสำเหร็จจะมีสักกี่คนครับความสำเหร็จ ของคนส่วนใหณ่อยู่ที่ครังแรกครับถ้าทำได้ก็จะมีเงินทุนแต่ถ้าล้มเหลวก็จบ คนรวยจึงมีไพ่เหนือกว่าเพราะล้มครังแรกและล้มได้หลายครัง อย่างตันเองก็ไช่ว่าจะลงทุนสำเหร็จทุกครังส่วนใหณ่ล้มเหลวมากกว่าด้วยซ้ำ ลองนับผลิตภันที่ตันลงทุนแล้วล้วเหลวมีเยอะมากครับ90%เลยด้วยซ้ำไปเพียงแต่ครังแรกๆ ประสบความสำเหร็จจนมีทุนไปโปะความล้มเหลวเท่านั้น
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,807
  • ถูกใจแล้ว: 2320 ครั้ง
  • ความนิยม: +269/-412
  • เพศ: ชาย
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 01:09:47 AM »
โน้ต อุดมขาดทุน แต่ราจได้จากเดี่ยว, เล่นหนัง, ออกรายการนู่นนี่เท่าไหร่ ล้มบนฟูก ซักพักก็ทำธุรกิจใหม่


ป๋าเทพก็เหมือนกัน รายได้สมัยเล่นตลก,แสดงหนัง,พิธีกรรายการต่างๆเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แค่เยอะพอจนเอาเงินไปละลายธุรกิจให้เจ๊งได้หลายๆรอบ


คนมีต้นทุนเยอะกว่า ก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนต้นทุนน้อย


เหมือนคุณไปเล่นเกม arcade คนจนมีเงินแค่ 30 บาท เล่นได้แค่รอบเดียว คนเล่นจนเคลียร์มีน้อยมาก


ขณะที่คนรวย พกเงินมา 3 ล้าน continue ได้แสนครั้ง มันก็ต้องมีครั้งที่เคลียร์ได้แหละ
คนที่ชอบ FF7 มักมีแต่คนที่สมองไม่พัฒนา
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, sariora123

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,178
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 09:29:59 AM »
อีกตำนานนึง ก็


ผู้พันแซนเดอร์   ที่ทำอะไรก็เจ๊งมาทั้งชีวิต จนรัฐส่งจม.มาหา
ว่าคุณได้สวัสดิการจากรัฐ เพราะอายุ60 รู้ตัวอีกทีแก่ป่านนี้แล้วยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
จนจะไปผูกคอตายอยู่ล่ะ ยังดีแกยังนึกได้ว่ายังไม่เคยทำร้านอาหารเองสังครั้ง

 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,593
  • ถูกใจแล้ว: 3454 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-286
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 09:53:31 AM »
มีใครที่อยู่ในวงการธุรกิจพอทราบข้อมูลประมาณนี้บ้างไหมครับ?
ผมกำลังคิดทฤษฎีหนึ่ง แต่ไปเจอวอเรนบัฟเฟตบอกว่าคนทำธุรกิจ 98% ล้มเหลว

ตัวเลขมันประมาณนั้นจริงหรือเปล่าครับ? ???

คือผมมองคนสารพัดที่ด่าเทพโพธิ์งามว่าทำธุรกิจเจ๊ง
ทั้งที่ผมมองว่า เทพ โพธิ์งามนั้นมีชื่อเสียงเป็นดารา

แสดงว่าคุณสมบัติเรื่องเงินทุนและการโฆษณานั้นไม่ได้ขาดแคลน เหนือกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเจ๊งได้ แสดงว่ามันต้องมีบางอย่างแน่นอนที่ทำให้ประชาชนทั่วไปทำธุรกิจไปไม่รอด
แม้กระทั่งเทพโพธิ์งามที่มีคุณสมบัติเหนือคนทั่วไปก็ยังไม่รอดเลยว่าอย่างนั้นล่ะครับ

โน๊ต อุดม ทำธุรกิจชิลๆเชียงใหม่ ก็เปิดเผยว่าขาดทุนมาตลอด

ตกลงธุรกิจจริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหมครับ?

คือหากคนเจอกันระดับ 90% เจ๊งนี้
ตามสถิติ ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องของความสามารถและการวางแผนแล้ว
ตัวเลขขนาดนี้บอกได้แล้วว่ามันต้องมีสาเหตุอื่น
การพนันยังห้าสิบห้าสิบได้ แต่หากธุรกิจเกินกว่าห้าสิบไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นที่เจ๊งอย่างนี้
ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆตามค่าความน่าจะเป็นแล้วล่ะครับ


ถ้าวงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง คำตอบคือ เป็นฝันร้ายที่เป็นความจริงครับ
ธุรกิจรับเหมาหน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นหมื่นๆรายทุกปี แต่รอดจากปีแรกประมาณพันกว่าราย
และอยู่รอดเกินสิบปีแค่ร้อยกว่ารายครับที่ประคองตัวอยู่ได้ ยิ่งถ้าให้พัฒนากลายเป็นผรม.เจ้าใหญ่มีชื่อเสียงก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ครับ


เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างปัจจุบันเป็น Red Ocean(เป็นคำเปรียบเปรยธุรกิจที่มี Competitor เยอะ ตรงข้ามกับคำว่า Blue Ocean)


การที่ธุรกิจมีการแข่งขันเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะแต่ละธุรกิจต้องพัฒนาศักยภาพทั้งการบริหารการจัดการภายในและภายนอกให้ดียิ่งกว่าเดิมเพื่อรักษาตัวเองให้อยู่ในตลาดได้
ผลคือผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ และ Product จะได้พัฒนาขึ้นต่อไปในอนาคต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2022, 10:24:22 AM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ warakornboy

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 471
  • ถูกใจแล้ว: 182 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-9
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 12:05:35 PM »
มีใครที่อยู่ในวงการธุรกิจพอทราบข้อมูลประมาณนี้บ้างไหมครับ?
ผมกำลังคิดทฤษฎีหนึ่ง แต่ไปเจอวอเรนบัฟเฟตบอกว่าคนทำธุรกิจ 98% ล้มเหลว

ตัวเลขมันประมาณนั้นจริงหรือเปล่าครับ? ???

คือผมมองคนสารพัดที่ด่าเทพโพธิ์งามว่าทำธุรกิจเจ๊ง
ทั้งที่ผมมองว่า เทพ โพธิ์งามนั้นมีชื่อเสียงเป็นดารา

แสดงว่าคุณสมบัติเรื่องเงินทุนและการโฆษณานั้นไม่ได้ขาดแคลน เหนือกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเจ๊งได้ แสดงว่ามันต้องมีบางอย่างแน่นอนที่ทำให้ประชาชนทั่วไปทำธุรกิจไปไม่รอด
แม้กระทั่งเทพโพธิ์งามที่มีคุณสมบัติเหนือคนทั่วไปก็ยังไม่รอดเลยว่าอย่างนั้นล่ะครับ

โน๊ต อุดม ทำธุรกิจชิลๆเชียงใหม่ ก็เปิดเผยว่าขาดทุนมาตลอด

ตกลงธุรกิจจริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหมครับ?

คือหากคนเจอกันระดับ 90% เจ๊งนี้
ตามสถิติ ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องของความสามารถและการวางแผนแล้ว
ตัวเลขขนาดนี้บอกได้แล้วว่ามันต้องมีสาเหตุอื่น
การพนันยังห้าสิบห้าสิบได้ แต่หากธุรกิจเกินกว่าห้าสิบไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นที่เจ๊งอย่างนี้
ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆตามค่าความน่าจะเป็นแล้วล่ะครับ
ผมเคยวิเคราะห์ Pyramid of Want นั้นอาจเป็นยอดแหลมจริง ด้วยหลายหัวข้อที่อาจต้องยกมาซะหน่อย
1.รัฐ - สังคมรวม (Society); สร้างขึ้นเพื่อให้คนกลุ่มหนึ่งมารวมกัน และมีคนกำกับ
2.นคร - เมืองเล็ก; แบ่งย่อยสำหรับเฉพาะคนที่ความสามารถอาศัยในพื้นที่ที่มีความยากไม่เท่ากัน
3.สกุลเงิน - การแลกเปลี่ยน; เพื่อความเท่าเทียมที่ 1 - 2+ คนยอมรับได้


ความสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ข้อ 3ก็คือ; ผู้คนที่ได้รับการเติมเต็มจากสิ่งที่ซื้อมาได้ จะหาทางประคองตนให้ได้โดยที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยน ถ้าหากสิ่งของ - ทรัพยากรอาหาร + น้ำ เป็นสิ่งผลิตซ้ำได้ ซึ่งขัดแย้งกับตรรกะของเศรษศาสตร์ ซึ่งก็เริ่มจากครอบครอง + ขโมย ทำทุกอย่างเพื่อสร้างปัญหาแล้วรอให้คนจนปัญญามาขอให้ช่วย


ซึ่งพอลองกลับมาดูใหม่จะเป็น ?? > ผู้ผลิตลำดับที่ 2 (อุตสาหกรรม) >  ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  3 กระจายสินค้าสารพัดประโยชน์ > ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่ 4 วิศวกรลำดับต้น (คนสร้างอาคาร + สาธรณูปโภค > ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  5 Furniture บ้าน > ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  6 เครื่องครัว และเครื่องจักรทำความสะอาดทั้งหลาย >  ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  7 สถาบันศึกษา + นักศึกษา ... และย่อยลงไปอีกเกินลำดับที่ 10


ตรงนี้ท่านคงเริ่มสังเกตบ้างแล้วว่าใครมันเป็นลำดับที่ 1 ที่แทบจะไม่ต้นทุนที่มี ยกเว้นกำลัง + สมอง อาจเป็นเกษตรกรก็ได้ ดังนั้น ผู้ไม่มีรายได้หรือช่วงเว้นระยะยาวกว่าของคนอื่นอาจกลายเป็นลำดับฐานของ Pyramid ดังนั้นแล้วหาก Demand ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ โครงสร้างข้างบนจะถูกทุบเพราะไม่มีความจำเป็น เมื่อยังไม่เป็นจริง การจะหนีขึ้นไปจากการบริโภคจำเป็นนั้นยิ่งยากกว่าไม่อย่างนั้นต้นทุนที่โดนไล่เพิ่มราคาเป็นเนินมุมสูงมากๆ จะเแล่นทับผู้ประกอบการค้า / นักธุรกิจผู้นั้นอย่างไม่ปราณีแน่ครับ


 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 03:07:31 PM »
[quote/]
คนรวยสามารถล้มได้หลายครังเพื่อสำเหร็จครังเดียวแต่คนจนล้มได้ครังเดียวครับ อย่างเถ้าแก่น้อยแกสามารถลงทุนทำกิจการได้หลายอย่างล้มสิบครังสำเหร็จครังเดียวกำไรร้อยเท่า เท่ากับไม่ขาดทุนแต่คนปกติถ้าลงทุนพังครังเดียวมันก็ตายไปเลย คนอย่างตันที่ลงทุนครังเดียวสำเหร็จจะมีสักกี่คนครับความสำเหร็จ ของคนส่วนใหณ่อยู่ที่ครังแรกครับถ้าทำได้ก็จะมีเงินทุนแต่ถ้าล้มเหลวก็จบ คนรวยจึงมีไพ่เหนือกว่าเพราะล้มครังแรกและล้มได้หลายครัง อย่างตันเองก็ไช่ว่าจะลงทุนสำเหร็จทุกครังส่วนใหณ่ล้มเหลวมากกว่าด้วยซ้ำ ลองนับผลิตภันที่ตันลงทุนแล้วล้วเหลวมีเยอะมากครับ90%เลยด้วยซ้ำไปเพียงแต่ครังแรกๆ ประสบความสำเหร็จจนมีทุนไปโปะความล้มเหลวเท่านั้น

แสดงว่าคำนวณตามอัตราส่วนประสบความสำเร็จน้อยกว่าล้มเหลวร้อยเท่านี่เรือ่งจริงไม่ใช่คำเปรียบเปรยสินะครับ ???

ผมสะกิดใจเรือ่งนี้ตรงที่ วอเรนบัฟเฟตมองว่าการลงทุนทำธุรกิจคือความเสี่ยงน่ะครับ

ผมสังเกตพวกนี้คือคนที่รอบคอบยและขี้เหนียวเอามากๆหากพูดจาภาษาคนทั่วไป

อะไรที่ไม่มั่นใจพวกเขาไม่ทำ
หากพวกเขามองว่าเสี่ยงสูงก้น่าจะเสี่ยงสูงจริงๆ
[quote/] ผมเคยวิเคราะห์ Pyramid of Want นั้นอาจเป็นยอดแหลมจริง ด้วยหลายหัวข้อที่อาจต้องยกมาซะหน่อย
1.รัฐ - สังคมรวม (Society); สร้างขึ้นเพื่อให้คนกลุ่มหนึ่งมารวมกัน และมีคนกำกับ
2.นคร - เมืองเล็ก; แบ่งย่อยสำหรับเฉพาะคนที่ความสามารถอาศัยในพื้นที่ที่มีความยากไม่เท่ากัน
3.สกุลเงิน - การแลกเปลี่ยน; เพื่อความเท่าเทียมที่ 1 - 2+ คนยอมรับได้


ความสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ข้อ 3ก็คือ; ผู้คนที่ได้รับการเติมเต็มจากสิ่งที่ซื้อมาได้ จะหาทางประคองตนให้ได้โดยที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยน ถ้าหากสิ่งของ - ทรัพยากรอาหาร + น้ำ เป็นสิ่งผลิตซ้ำได้ ซึ่งขัดแย้งกับตรรกะของเศรษศาสตร์ ซึ่งก็เริ่มจากครอบครอง + ขโมย ทำทุกอย่างเพื่อสร้างปัญหาแล้วรอให้คนจนปัญญามาขอให้ช่วย


ซึ่งพอลองกลับมาดูใหม่จะเป็น ?? > ผู้ผลิตลำดับที่ 2 (อุตสาหกรรม) >  ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  3 กระจายสินค้าสารพัดประโยชน์ > ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่ 4 วิศวกรลำดับต้น (คนสร้างอาคาร + สาธรณูปโภค > ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  5 Furniture บ้าน > ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  6 เครื่องครัว และเครื่องจักรทำความสะอาดทั้งหลาย >  ผู้ผลิต / ผู้บริโภคลำดับที่  7 สถาบันศึกษา + นักศึกษา ... และย่อยลงไปอีกเกินลำดับที่ 10


ตรงนี้ท่านคงเริ่มสังเกตบ้างแล้วว่าใครมันเป็นลำดับที่ 1 ที่แทบจะไม่ต้นทุนที่มี ยกเว้นกำลัง + สมอง อาจเป็นเกษตรกรก็ได้ ดังนั้น ผู้ไม่มีรายได้หรือช่วงเว้นระยะยาวกว่าของคนอื่นอาจกลายเป็นลำดับฐานของ Pyramid ดังนั้นแล้วหาก Demand ได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ โครงสร้างข้างบนจะถูกทุบเพราะไม่มีความจำเป็น เมื่อยังไม่เป็นจริง การจะหนีขึ้นไปจากการบริโภคจำเป็นนั้นยิ่งยากกว่าไม่อย่างนั้นต้นทุนที่โดนไล่เพิ่มราคาเป็นเนินมุมสูงมากๆ จะเแล่นทับผู้ประกอบการค้า / นักธุรกิจผู้นั้นอย่างไม่ปราณีแน่ครับ


 

ไปเจอคนบ่นในศาลมาน่ะครับ
ว่านโยบายทักษิณให้คนขายส้มตำกู้ห้าหมืนบาท

แต่ร้า่นที่เอามาเป็นหลักประกันนั้นเช่าเขาอยู่

นิติกรก็บ่นกัน ผมคิดเรือ่งนี้มาหลายปี
แสดงว่าคนจนจริงๆ ไม่มีสินทรัพย์ ไม่มีสิทธิเข้าถึงเงินกู้แม้แต่ห้าหมื่น

และร้านส้มตำ ก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ควรจะเสี่ยงอะไรขนาดนั้นตามความรู้สึกของคนทั่วไปที่ชอบพูดว่า

"ทุกคนนต้องกินอาหารดีสุด" ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเจ๊งหลายร้านนั่นล่ะ ???

[quote/]


ถ้าวงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง คำตอบคือ เป็นฝันร้ายที่เป็นความจริงครับ
ธุรกิจรับเหมาหน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นหมื่นๆรายทุกปี แต่รอดจากปีแรกประมาณพันกว่าราย
และอยู่รอดเกินสิบปีแค่ร้อยกว่ารายครับที่ประคองตัวอยู่ได้ ยิ่งถ้าให้พัฒนากลายเป็นผรม.เจ้าใหญ่มีชื่อเสียงก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ครับ


เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างปัจจุบันเป็น Red Ocean(เป็นคำเปรียบเปรยธุรกิจที่มี Competitor เยอะ ตรงข้ามกับคำว่า Blue Ocean)


การที่ธุรกิจมีการแข่งขันเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะแต่ละธุรกิจต้องพัฒนาศักยภาพทั้งการบริหารการจัดการภายในและภายนอกให้ดียิ่งกว่าเดิมเพื่อรักษาตัวเองให้อยู่ในตลาดได้
ผลคือผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ และ Product จะได้พัฒนาขึ้นต่อไปในอนาคต 

ขอบคุณครับ

คือผมมองว่ามันคือระบบที่ไม่มีใครปลอดภัยยน่ะครับ

อย่างที่เคยคุยกันนั่นล่ะ

ระบบที่ไม่สนับสนุนให้คนเก็บเงืนไว้ในธนาคาร
แต่คนกว่า 98.7% ไใมม่สามารถลงทุนทางอื่นได้นอกจากเก้บเงินไว้ในธนาคาร

มันก็อนาถมากแล้วล่ะครับ หากลงทุนมีความเสี่ยงสูงขนาดนี้
อีกตำนานนึง ก็


ผู้พันแซนเดอร์   ที่ทำอะไรก็เจ๊งมาทั้งชีวิต จนรัฐส่งจม.มาหา
ว่าคุณได้สวัสดิการจากรัฐ เพราะอายุ60 รู้ตัวอีกทีแก่ป่านนี้แล้วยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
จนจะไปผูกคอตายอยู่ล่ะ ยังดีแกยังนึกได้ว่ายังไม่เคยทำร้านอาหารเองสังครั้ง

 
อันนี้น่าสนใจว่า ของบางอย่างต้องมาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

แม็ตคโดนัลด์อะไรก็คล้ายๆกัน ตอนแรกเป็นร้านแบบภัะตตาคารด้วยซ้ำ แต่สุ้แนวฟาสฟู๊ดที่แยกมาของตนเองไม่ไ้ด
โน้ต อุดมขาดทุน แต่ราจได้จากเดี่ยว, เล่นหนัง, ออกรายการนู่นนี่เท่าไหร่ ล้มบนฟูก ซักพักก็ทำธุรกิจใหม่


ป๋าเทพก็เหมือนกัน รายได้สมัยเล่นตลก,แสดงหนัง,พิธีกรรายการต่างๆเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แค่เยอะพอจนเอาเงินไปละลายธุรกิจให้เจ๊งได้หลายๆรอบ


คนมีต้นทุนเยอะกว่า ก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนต้นทุนน้อย


เหมือนคุณไปเล่นเกม arcade คนจนมีเงินแค่ 30 บาท เล่นได้แค่รอบเดียว คนเล่นจนเคลียร์มีน้อยมาก


ขณะที่คนรวย พกเงินมา 3 ล้าน continue ได้แสนครั้ง มันก็ต้องมีครั้งที่เคลียร์ได้แหละ 
ก็นั่นล่ะครับ มีคนแวซว่าป่าเทพเจ๊ง

แต่ผมว่าเพราะป๋าเทพแกลงทุนทำบ่อยมากวก่า
ทั้งที่เราหากตามข่าว สมรักษ์ก็ทำธุรกิจเจ๊งเหมือนกัน

แต่ชือ่เสียงทางนั้นไม่เท่าป๋าเทพ

แสดงวง่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วล่ะครับในระบบแบบนี้
ที่พยายามบีบให้คนลงทุนประกอบกิจการ แต่กลับเจ๊งในกิจการทุกครั้งยิ่งกว่าการพนันเสียอีก
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 06:30:14 PM »
อันนี้เคยอ่านเป็นสถิติของอเมริกาไม่ใช่ไทยนะ ปีแรกเจ๊งครึ่งนึง ถ้ารอดไปได้ อีก 2 ปีเจ๊งอีกครึ่ง รอดไปได้ อีก4ปีเจ๊งอีกครึ่งถ้าทำธุรกิจตอน 30 กว่าจะเกษียณรอดได้ไม่เยอะหรอกครับ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,178
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 06:48:03 PM »
อีกคน ตำนาน เจ้าของผู้สร้างแบรน ช็อกโกแลท เฮอร์ชี่ 


ถ้าประวัติพี่แกผมฟังมาไม่ผิดคือ สมัยหนุ่มๆ ลงทุนทำธุรกิจเจ๊ง ไป 2 ครั้ง


ตั้งกลับไปอยู่บ้านเก่า เป็นคนส่งนมอยู่ราวๆ 20 กว่าปี จนมาทำนมช็อกโกแล็ตขาย
แล้วก็มาทำ ช็อกโกแล็ท เฮอร์ชี่ ขายนี่แหละ


แม็คโดนัลก็ ตามแบบในหนัง ครับ คือ2พี่น้องที่สร้างแบรนมา ก็เอาตัวไม่รอดตอนขยายสาขา
ส่วนคนที่มาทำให้ดังตอนหลังนั่นก็เอาตัวไม่รอดพอกันในเรื่องคุมคุณภาพ จนได้ที่ปรึกษา
เปรี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจ จากร้านอาหาร กลายเป็นแนวอสังหา (แต่จริงๆก็ร้านอาหารนั่นแหละ)
เลยไปรอดได้ และคุมคุณภาพได้อยู่หมัด   หลักๆ มาจาก เปรี่ยนจากมิลเช็ค ที่ต้องใช้ไอติมทำ
ไปใช้มิลเช็คแบบซองผสมน้ำแข็งแทน ทำให้ลดต้นทุนไปได้เยอะมาก(สมัยก่อนค่าไฟจากห้องแช่แพงมาก)
เลยขยายสาขาได้ เพียบ  แต่พอดัง รวยแล้วก็กลับมาทำมิลเช็คจากไอติมเหมือนเดิม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2022, 07:10:56 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,807
  • ถูกใจแล้ว: 2320 ครั้ง
  • ความนิยม: +269/-412
  • เพศ: ชาย
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 07:12:27 PM »
[quote/]

แสดงว่าคำนวณตามอัตราส่วนประสบความสำเร็จน้อยกว่าล้มเหลวร้อยเท่านี่เรือ่งจริงไม่ใช่คำเปรียบเปรยสินะครับ ???

ผมสะกิดใจเรือ่งนี้ตรงที่ วอเรนบัฟเฟตมองว่าการลงทุนทำธุรกิจคือความเสี่ยงน่ะครับ

ผมสังเกตพวกนี้คือคนที่รอบคอบยและขี้เหนียวเอามากๆหากพูดจาภาษาคนทั่วไป

อะไรที่ไม่มั่นใจพวกเขาไม่ทำ
หากพวกเขามองว่าเสี่ยงสูงก้น่าจะเสี่ยงสูงจริงๆ
[quote/]

ไปเจอคนบ่นในศาลมาน่ะครับ
ว่านโยบายทักษิณให้คนขายส้มตำกู้ห้าหมืนบาท

แต่ร้า่นที่เอามาเป็นหลักประกันนั้นเช่าเขาอยู่

นิติกรก็บ่นกัน ผมคิดเรือ่งนี้มาหลายปี
แสดงว่าคนจนจริงๆ ไม่มีสินทรัพย์ ไม่มีสิทธิเข้าถึงเงินกู้แม้แต่ห้าหมื่น

และร้านส้มตำ ก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ควรจะเสี่ยงอะไรขนาดนั้นตามความรู้สึกของคนทั่วไปที่ชอบพูดว่า

"ทุกคนนต้องกินอาหารดีสุด" ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเจ๊งหลายร้านนั่นล่ะ ???

[quote/]

ขอบคุณครับ

คือผมมองว่ามันคือระบบที่ไม่มีใครปลอดภัยยน่ะครับ

อย่างที่เคยคุยกันนั่นล่ะ

ระบบที่ไม่สนับสนุนให้คนเก็บเงืนไว้ในธนาคาร
แต่คนกว่า 98.7% ไใมม่สามารถลงทุนทางอื่นได้นอกจากเก้บเงินไว้ในธนาคาร

มันก็อนาถมากแล้วล่ะครับ หากลงทุนมีความเสี่ยงสูงขนาดนี้
[quote/]
อันนี้น่าสนใจว่า ของบางอย่างต้องมาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

แม็ตคโดนัลด์อะไรก็คล้ายๆกัน ตอนแรกเป็นร้านแบบภัะตตาคารด้วยซ้ำ แต่สุ้แนวฟาสฟู๊ดที่แยกมาของตนเองไม่ไ้ด
[quote/]
ก็นั่นล่ะครับ มีคนแวซว่าป่าเทพเจ๊ง

แต่ผมว่าเพราะป๋าเทพแกลงทุนทำบ่อยมากวก่า
ทั้งที่เราหากตามข่าว สมรักษ์ก็ทำธุรกิจเจ๊งเหมือนกัน

แต่ชือ่เสียงทางนั้นไม่เท่าป๋าเทพ

แสดงวง่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วล่ะครับในระบบแบบนี้
ที่พยายามบีบให้คนลงทุนประกอบกิจการ แต่กลับเจ๊งในกิจการทุกครั้งยิ่งกว่าการพนันเสียอีก


ป๋าเทพ เป็นตำนานเพราะอีโก้สูงเข้าขั้นดักดานเลย เจ๊งเพราะตัวเองล้วนๆ
คนที่ชอบ FF7 มักมีแต่คนที่สมองไม่พัฒนา
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,406
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 13, 2022, 10:41:49 PM »
[quote/]

แสดงว่าคำนวณตามอัตราส่วนประสบความสำเร็จน้อยกว่าล้มเหลวร้อยเท่านี่เรือ่งจริงไม่ใช่คำเปรียบเปรยสินะครับ ???

ผมสะกิดใจเรือ่งนี้ตรงที่ วอเรนบัฟเฟตมองว่าการลงทุนทำธุรกิจคือความเสี่ยงน่ะครับ

ผมสังเกตพวกนี้คือคนที่รอบคอบยและขี้เหนียวเอามากๆหากพูดจาภาษาคนทั่วไป

อะไรที่ไม่มั่นใจพวกเขาไม่ทำ
หากพวกเขามองว่าเสี่ยงสูงก้น่าจะเสี่ยงสูงจริงๆ
[quote/]

ไปเจอคนบ่นในศาลมาน่ะครับ
ว่านโยบายทักษิณให้คนขายส้มตำกู้ห้าหมืนบาท

แต่ร้า่นที่เอามาเป็นหลักประกันนั้นเช่าเขาอยู่

นิติกรก็บ่นกัน ผมคิดเรือ่งนี้มาหลายปี
แสดงว่าคนจนจริงๆ ไม่มีสินทรัพย์ ไม่มีสิทธิเข้าถึงเงินกู้แม้แต่ห้าหมื่น

และร้านส้มตำ ก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ควรจะเสี่ยงอะไรขนาดนั้นตามความรู้สึกของคนทั่วไปที่ชอบพูดว่า

"ทุกคนนต้องกินอาหารดีสุด" ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเจ๊งหลายร้านนั่นล่ะ ???

[quote/]

ขอบคุณครับ

คือผมมองว่ามันคือระบบที่ไม่มีใครปลอดภัยยน่ะครับ

อย่างที่เคยคุยกันนั่นล่ะ

ระบบที่ไม่สนับสนุนให้คนเก็บเงืนไว้ในธนาคาร
แต่คนกว่า 98.7% ไใมม่สามารถลงทุนทางอื่นได้นอกจากเก้บเงินไว้ในธนาคาร

มันก็อนาถมากแล้วล่ะครับ หากลงทุนมีความเสี่ยงสูงขนาดนี้
[quote/]
อันนี้น่าสนใจว่า ของบางอย่างต้องมาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

แม็ตคโดนัลด์อะไรก็คล้ายๆกัน ตอนแรกเป็นร้านแบบภัะตตาคารด้วยซ้ำ แต่สุ้แนวฟาสฟู๊ดที่แยกมาของตนเองไม่ไ้ด
[quote/]
ก็นั่นล่ะครับ มีคนแวซว่าป่าเทพเจ๊ง

แต่ผมว่าเพราะป๋าเทพแกลงทุนทำบ่อยมากวก่า
ทั้งที่เราหากตามข่าว สมรักษ์ก็ทำธุรกิจเจ๊งเหมือนกัน

แต่ชือ่เสียงทางนั้นไม่เท่าป๋าเทพ

แสดงวง่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแล้วล่ะครับในระบบแบบนี้
ที่พยายามบีบให้คนลงทุนประกอบกิจการ แต่กลับเจ๊งในกิจการทุกครั้งยิ่งกว่าการพนันเสียอีก
ความจริงมันต่ำกว่า1%อีกครับเอาจริงแค่หนึ่งในหมื่นยังไม่ได้เลยครับ คนที่ทำสำเหร็จต่างหากครับที่เรียกว่าลงทุนร้อยครังทำสำเหร็จ1ครังนะ ไม่ไช่คนลงทุนร้อยคนมีคนทำสำเหร็จ1คนครับคนที่ทำสำเหร็จแล้วไม่ว่าใครก็จะมีการล้มเหลวในการลงทุนครับ เช่นอิชิตันล้มเหลวในการขายน้ำจับเลี้ยงโอเลี่ยงชาดำเย็นถัวต้มขนมอืมราวๆเกือบร้อยรายการ ที่ตันลงทุนมีแค่1ที่ลงทุนได้ผลตอบแทนสูงที่เหลือไม่ล้มเหลวก็ได้กำไรนิดหน่อย นี่คือความหมายของหนึ่งในร้อยที่แท้จริงครับในความเป็นจริงคนปกติลงทุนทำอะไรสักอย่าง ไม่มีคนประสบความสำเหร็จได้กำไรกลับมาจนเรียกว่าประสบความยำเหร็จง่ายๆครับ คนไทยกี่ล้านคนครับที่ลงทุนแล้วคนทำได้หลักร้อยผมว่ายังไม่ถึงเลย ต่างชาติก็เช่นกันเหตุผลคือผู้มาที่หลังจะยากกว่าคนเริ่มจนสำเหร็จไปก่อนแล้วยากมาก ผมยกตัวอย่างง่ายๆ7-11มันก็คือการลงทุนร้านสะดวกซื้อในไทย ที่ต่างชาติมีสาระพัทแบรนและเงินลงทุนหรือเส้นสายไม่น้อยไปกว่า7-11แต่ทำใมเค้าถึงไม่มาลงทุน เพราะ7-11คุมตลาดไปแล้วการจะสร้ามาแข่งจึงยากและไม่คุ้มทุนสู้ไปเปิดตลาดใหม่จะลงทุนน้อยกว่ากำไรเยอะกว่านั้นเอง นี่ขนาดพวกทุนหนายังคิดแบบนี้การลงทุนใหม่ๆจึงยากจะทำแข่งกับเจ้าเดิมครับ

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,886
  • ถูกใจแล้ว: 2932 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 15, 2022, 08:35:41 AM »
สรุปง่ายๆครับ มันจะมีเฟสของธุระกิจทุกอัน


ง่ายๆตามสไตล์ผมคือ ก่อตั้ง เติบโต สงคราม ปกครอง  ;D


ส่วนใหญ่ไปตายช่วงเฟส สงคราม กับ ก่อตั้งครับ


คือหลายธุระกิจ โมเดลโอเค แต่ยังไม่ทันจะสร้างตลาดก็ตายก่อน เพราะวางแผนเปิดตัวพลาดมั่ง เงินทุนไม่พอมั่งนู่นนี่นั่น


พอเปิดตัว สร้างฐานได้ ก็จะขยายๆ
จนในที่สุดก็ไปเตะตาขาใหญ่ ที่อาจจะไม่ได้อยู่ในตลาดเดียวกัน หรือ อาจจะเป็นคู่แข่งต่างเมืองก็ช่าง


สุดท้ายก็จะมีคู่แข่งที่โหดๆโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
พอทำสงครามจบ ก็ขยายๆจน ปกครองทั่วประเทศได้


สรุปคือ บททดสอบมันเยอะครับ
หลักๆคือต้องเก่ง แถมต้องชนะคู่แข่ง
แล้วธุรกิจ 99% เป็นธุรกิจที่ขอแค่ทุนถึง ก็ลงมาแข่งได้


ญาติผมเจอเบทาโกร ทุบตลาดยอมขายขาดทุนเป็นปีๆ
จนคู่แข่งตายไป 80% แล้วมันค่อยหยุด
ส่วนใหญ่จะไม่เจ๊งได้ไงครับ เล่นทุบตลาดกัน
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,886
  • ถูกใจแล้ว: 2932 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 15, 2022, 09:14:01 AM »
อีกตำนานนึง ก็


ผู้พันแซนเดอร์   ที่ทำอะไรก็เจ๊งมาทั้งชีวิต จนรัฐส่งจม.มาหา
ว่าคุณได้สวัสดิการจากรัฐ เพราะอายุ60 รู้ตัวอีกทีแก่ป่านนี้แล้วยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
จนจะไปผูกคอตายอยู่ล่ะ ยังดีแกยังนึกได้ว่ายังไม่เคยทำร้านอาหารเองสังครั้ง




ตำนานนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด
ที่ kfc เจริญรุ่งเรืองได้ทุกวันนี้ เพราะผู้พันขายกิจการทิ้งครับ ;D 


ถ้าจำไม่ผิดแกโตแค่ระดับ sme พอขายให้นายทุนมันเลยเติบโตไปทั่วโลกครับ
แต่ก็รู้สึกยังถือหุ้นอยู่นิดหน่อยครับตอนขาย


รายละเอียดไม่แน่ใจ แต่น่าจะราวๆแค่สาขาแรกมั้งที่แกทำ
ที่เหลือเป็นนายทุนทำหมดเลย ไม่แน่ใจลูกหลานแกได้ส่วนแบ่งไหม :o
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 15, 2022, 10:00:59 AM »
อันนี้เคยอ่านเป็นสถิติของอเมริกาไม่ใช่ไทยนะ ปีแรกเจ๊งครึ่งนึง ถ้ารอดไปได้ อีก 2 ปีเจ๊งอีกครึ่ง รอดไปได้ อีก4ปีเจ๊งอีกครึ่งถ้าทำธุรกิจตอน 30 กว่าจะเกษียณรอดได้ไม่เยอะหรอกครับ
ขอบคุณครับ ผมกำลังวิเคราะห์ว่าทำไมวอเรนบัฟเฟตเลือกลงทุนในหุ้น แทนที่จะประกอบกิจตการอื่น ตอนแกโขชว์ขช้อมูลว่าบริษัทใหญ่ๆท็อปห้าท็อปสิบ ผ่านไปสิบปีไม่เหมือนเดิม แสดงว่าการแข่งขันสูงมาก
[quote/]


ตำนานนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด
ที่ kfc เจริญรุ่งเรืองได้ทุกวันนี้ เพราะผู้พันขายกิจการทิ้งครับ ;D 


ถ้าจำไม่ผิดแกโตแค่ระดับ sme พอขายให้นายทุนมันเลยเติบโตไปทั่วโลกครับ
แต่ก็รู้สึกยังถือหุ้นอยู่นิดหน่อยครับตอนขาย


รายละเอียดไม่แน่ใจ แต่น่าจะราวๆแค่สาขาแรกมั้งที่แกทำ
ที่เหลือเป็นนายทุนทำหมดเลย ไม่แน่ใจลูกหลานแกได้ส่วนแบ่งไหม :o
แม็คโดนัลก็คล้ายกันครับ
ได้ทุนมาและขยายสาขาไปทั่วโลก แลกกับการต้องลดคุณภาพสินค้าลง ???
สรุปง่ายๆครับ มันจะมีเฟสของธุระกิจทุกอัน


ง่ายๆตามสไตล์ผมคือ ก่อตั้ง เติบโต สงคราม ปกครอง  ;D


ส่วนใหญ่ไปตายช่วงเฟส สงคราม กับ ก่อตั้งครับ


คือหลายธุระกิจ โมเดลโอเค แต่ยังไม่ทันจะสร้างตลาดก็ตายก่อน เพราะวางแผนเปิดตัวพลาดมั่ง เงินทุนไม่พอมั่งนู่นนี่นั่น


พอเปิดตัว สร้างฐานได้ ก็จะขยายๆ
จนในที่สุดก็ไปเตะตาขาใหญ่ ที่อาจจะไม่ได้อยู่ในตลาดเดียวกัน หรือ อาจจะเป็นคู่แข่งต่างเมืองก็ช่าง


สุดท้ายก็จะมีคู่แข่งที่โหดๆโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
พอทำสงครามจบ ก็ขยายๆจน ปกครองทั่วประเทศได้


สรุปคือ บททดสอบมันเยอะครับ
หลักๆคือต้องเก่ง แถมต้องชนะคู่แข่ง
แล้วธุรกิจ 99% เป็นธุรกิจที่ขอแค่ทุนถึง ก็ลงมาแข่งได้


ญาติผมเจอเบทาโกร ทุบตลาดยอมขายขาดทุนเป็นปีๆ
จนคู่แข่งตายไป 80% แล้วมันค่อยหยุด
ส่วนใหญ่จะไม่เจ๊งได้ไงครับ เล่นทุบตลาดกัน
หากให้ผมวิเคระาห์เงินทุนนี่สำคัญ หากไม่มีคนช่วยตอนที่ขาดทุนมาหลายปี อีลอนมัสก์ก็ไม่ได้มาถึงตรงนี้ที่ปล่อยจรวดสู่อวกาศได้
ของมันดูเพ้อฝันและแพงเอามากๆ แต่คนเห็นประโยชน์ว่ามันเอาไปทำได้หลายอย่างในเทคโนโลยีนี้
[quote/]
ความจริงมันต่ำกว่า1%อีกครับเอาจริงแค่หนึ่งในหมื่นยังไม่ได้เลยครับ คนที่ทำสำเหร็จต่างหากครับที่เรียกว่าลงทุนร้อยครังทำสำเหร็จ1ครังนะ ไม่ไช่คนลงทุนร้อยคนมีคนทำสำเหร็จ1คนครับคนที่ทำสำเหร็จแล้วไม่ว่าใครก็จะมีการล้มเหลวในการลงทุนครับ เช่นอิชิตันล้มเหลวในการขายน้ำจับเลี้ยงโอเลี่ยงชาดำเย็นถัวต้มขนมอืมราวๆเกือบร้อยรายการ ที่ตันลงทุนมีแค่1ที่ลงทุนได้ผลตอบแทนสูงที่เหลือไม่ล้มเหลวก็ได้กำไรนิดหน่อย นี่คือความหมายของหนึ่งในร้อยที่แท้จริงครับในความเป็นจริงคนปกติลงทุนทำอะไรสักอย่าง ไม่มีคนประสบความสำเหร็จได้กำไรกลับมาจนเรียกว่าประสบความยำเหร็จง่ายๆครับ คนไทยกี่ล้านคนครับที่ลงทุนแล้วคนทำได้หลักร้อยผมว่ายังไม่ถึงเลย ต่างชาติก็เช่นกันเหตุผลคือผู้มาที่หลังจะยากกว่าคนเริ่มจนสำเหร็จไปก่อนแล้วยากมาก ผมยกตัวอย่างง่ายๆ7-11มันก็คือการลงทุนร้านสะดวกซื้อในไทย ที่ต่างชาติมีสาระพัทแบรนและเงินลงทุนหรือเส้นสายไม่น้อยไปกว่า7-11แต่ทำใมเค้าถึงไม่มาลงทุน เพราะ7-11คุมตลาดไปแล้วการจะสร้ามาแข่งจึงยากและไม่คุ้มทุนสู้ไปเปิดตลาดใหม่จะลงทุนน้อยกว่ากำไรเยอะกว่านั้นเอง นี่ขนาดพวกทุนหนายังคิดแบบนี้การลงทุนใหม่ๆจึงยากจะทำแข่งกับเจ้าเดิมครับ
ขอบคุณครับ
ผมไปเจอนิติกรว่าแม่ค้าส้มตำมาในศาลผมถึงคิดเรือ่งนี้น่ะครับ
หรือตอนทีเ่พื่อนผมปฏิิเสธการให้เงินกู้ sme ว่าเงื่อนไขไม่คบเลยดดนเจ้านายเรียกไปดุ
หากมองว่าธุรกิจเจ๊งมากกว่ารุ่งเรือง การปล่อยกู้อาจจะเป็นความเสี่ยงเอามากๆก็ว่าได้
[quote/]


ป๋าเทพ เป็นตำนานเพราะอีโก้สูงเข้าขั้นดักดานเลย เจ๊งเพราะตัวเองล้วนๆ
เหมือนแนวพจน์อานนท์หรือผู้กำกับที่คนดูว่า แต่นายทุนชอบน่ะครับคนทั่วไปมองว่าแกทำหนังไม่ดีห่วยแตก
แต่ก็ระดมทุนมาได้หลายครั้ง แสดงว่าความสามารถในการระดมทุนแกไม่ธรรมดานั่นเอง
อย่างที่ท่าน deaddy ว่า มีเงินทุนพอก็ทำธุรกิจได้
ทักษิณก็เคยขู่ว่าหากลงทุนในสื่อสาร ต้องยอมเผาเงินนับร้อยล้านดอลลาร์ มาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้ว
อีกคน ตำนาน เจ้าของผู้สร้างแบรน ช็อกโกแลท เฮอร์ชี่ 


ถ้าประวัติพี่แกผมฟังมาไม่ผิดคือ สมัยหนุ่มๆ ลงทุนทำธุรกิจเจ๊ง ไป 2 ครั้ง


ตั้งกลับไปอยู่บ้านเก่า เป็นคนส่งนมอยู่ราวๆ 20 กว่าปี จนมาทำนมช็อกโกแล็ตขาย
แล้วก็มาทำ ช็อกโกแล็ท เฮอร์ชี่ ขายนี่แหละ


แม็คโดนัลก็ ตามแบบในหนัง ครับ คือ2พี่น้องที่สร้างแบรนมา ก็เอาตัวไม่รอดตอนขยายสาขา
ส่วนคนที่มาทำให้ดังตอนหลังนั่นก็เอาตัวไม่รอดพอกันในเรื่องคุมคุณภาพ จนได้ที่ปรึกษา
เปรี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจ จากร้านอาหาร กลายเป็นแนวอสังหา (แต่จริงๆก็ร้านอาหารนั่นแหละ)
เลยไปรอดได้ และคุมคุณภาพได้อยู่หมัด   หลักๆ มาจาก เปรี่ยนจากมิลเช็ค ที่ต้องใช้ไอติมทำ
ไปใช้มิลเช็คแบบซองผสมน้ำแข็งแทน ทำให้ลดต้นทุนไปได้เยอะมาก(สมัยก่อนค่าไฟจากห้องแช่แพงมาก)
เลยขยายสาขาได้ เพียบ  แต่พอดัง รวยแล้วก็กลับมาทำมิลเช็คจากไอติมเหมือนเดิม

ขอบคุณครับ
บางทีผมคิดว่าการมีแนวคิด
"ทำธุรกิจท้องถิ่น" ของพี่นอ้งแม็คโดนัลด์ คงไม่สามารถทำให้แม็คโดนัลดังได้อย่างทุกวันนี้จริงๆนั่นล่ะ
คนที่ทำให้ขยายกิจการได้ ดันเป็นคนสายทนายความเสียได้
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,178
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มกราคม 15, 2022, 11:08:37 AM »
[quote/]


ตำนานนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด
ที่ kfc เจริญรุ่งเรืองได้ทุกวันนี้ เพราะผู้พันขายกิจการทิ้งครับ ;D 


ถ้าจำไม่ผิดแกโตแค่ระดับ sme พอขายให้นายทุนมันเลยเติบโตไปทั่วโลกครับ
แต่ก็รู้สึกยังถือหุ้นอยู่นิดหน่อยครับตอนขาย


รายละเอียดไม่แน่ใจ แต่น่าจะราวๆแค่สาขาแรกมั้งที่แกทำ
ที่เหลือเป็นนายทุนทำหมดเลย ไม่แน่ใจลูกหลานแกได้ส่วนแบ่งไหม :o

ผู้พันถ้าผมจำไม่ผิด เท่าที่เคยดูประวัติ แกเป็นคน ควบคุมคุณภาพครับ
เหมือยเคยมีช่องทำอยู่ว่า หลังๆ แกก็แค่ตระเวณไปดูตามสาขาต่างๆ เพื่อดูมาตรฐานการทำเฉยๆ ซะมากกว่าน
ตรงตามสูตรอเมริกันดรีมแป๊ะเลย ดังมีชื่อเสียง รวย (ขายกิจการ แต่ก็ยังมีส่วนร่วมอยู่หน่อยๆ)
และตำแหน่ง ผู้พัน ได้มาเพราะ แกไปยื่นเรื่องขอ เพราะยังไงซะแกก็เคยเป็นทหาร
แถมสร้างชื่อเสียงให้แก่รัฐ (ตรงชื่อร้านแกนี่แหละ สมัยก่อนนั้นต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ชื่อร้านให้กับรัฐเคนตักกี้
เพราะร้านชื่อ เคนตักกี้ ชิกเกน ไฟลน์  (ต่างกับบ้านเราเอาชื่อเมืองชื่อ สถานที่มาตั้งแบลนได้ แต่จดลิขสิทธิ์ไม่ได้นี่แหละมั้ง )
  ทางรัฐเลยต้องจำใจมอบตำแหน่งผู้พันให้แกไป

เมียเก่าแกจำไม่ผิดแกฟ้องหย่าแล้วแต่งงานใหม่  ;)  ครับ

ส่วนแม็คโดนัล ประวัติก็ราวๆ ตามแบบหนัง นั่นแหละครับ





นึกถึงเจ้าของลูกชิ้นนายฮั่งเพ้ง 
สมัยแรกๆ ทำแล้วทิ้ง ทิ้งจนหมาไม่แดก คือแกบอกว่าทิ้งเยอะจนหมาไม่กิน
จนกระทั่งมาทำจนดังได้นี่แหละ

บางอย่างนี่มันต้องดื้นดันทุรังไปจนสุด ไม่ชิบหาย ก็ดังกระฉูดเลยสินะ  ;)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2022, 11:18:33 AM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,593
  • ถูกใจแล้ว: 3454 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-286
Re: อัตราการสำเร็จของการทำธุรกิจจริงๆมีเท่าไร?
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มกราคม 15, 2022, 11:59:31 AM »
ธุรกิจจะเจ๊ง มันเจ๊งได้แค่ 2 วิธีครับ
1.Equity = 0 หรือ ติดลบ
2.ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลาจนโดนฟ้องร้อง(จะหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาวก็ถือเป็นหนี้หมดครับ) ซึ่งส่วนใหญ่ธุรกิจที่เจ๊งจะเจ๊งเพราะหนี้ระยะสั้น อันเกิดจากการซื้อวัตถุดิบหรือจ้างผรม.ย่อยจาก Supplier หรือ Subcontractor แล้วเราชำระช้าจนเขาฟ้องร้องทางแพ่งครับ


ส่วนใหญ่มักจะเป็นข้อ 2 กันมาก


ปัจจุบันการซื้อวัตถุดิบมักจะไม่ได้ซื้อด้วยเงินสด แต่ซื้อด้วยเครดิต จะ 1 เดือน หรือ 2 เดือน ก็แล้วแต่ความเชื่อใจที่ Supplier มีให้กับผู้ซื้อครับ
ถ้าอยากให้เขาเชื่อใจมากๆ เราต้องพยายามจ่ายเงินให้ตรงเวลาครับ


การทำธุรกิจ เราจะต้องเข้าใจพื้นฐาน 3 ตัว
1.บัญชี(Account)
2.ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง(Procurement)
3.ภาษี(Tax)


คนที่ทำธุรกิจแต่ไม่เข้าใจ 3 เรื่องนี้ ทำให้ตายก็เจ๊งครับ เป็นไปตามซุนวูครับ ไม่รู้เขา ไม่รู้เรา รบร้อยครั้ง แพ้ทุกครั้ง
การเข้าใจบัญชีกับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง คือ การรู้ตัวเองครับ
ไม่รู้ตัวเอง ทำอะไรก็ล้มเหลวครับ
เหมือนคนเล่นไพ่ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีไพ่ในมือ และไม่รู้ว่าจะเอาไพ่ในมือตัวเองใช้ออกเมื่อไหร่นั่นแหละครับ


ผมถึงย้ำนักย้ำหนาว่าการศึกษาไทยต้องเปลี่ยนหลักสูตรครับ ถ้าอยากสร้างนักธุรกิจใหม่ๆ ต้องให้เรียนพื้นฐานบัญชี พื้นฐานการจัดซื้อจัดจ้าง และพื้นฐานโครงสร้างทางภาษี
ไม่ว่าธุรกิจประเภทไหน หรือ จะทำธุรกรรมที่ไหนในโลก 3 เรื่องนี้ เหมือนกันทั่วโลก เพราะถูกกำหนดเป็นสากลว่าคุณต้องทำตามขั้นตอนอะไรบ้าง


1.บัญชี ต้องเข้าใจ งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด
2.การจัดซื้อจัดจ้าง คุณต้องเข้าใจลำดับขั้นตอนว่า กว่าวัตถุดิบจะมาถึงมือคุณ คุณต้องทำอะไรบ้าง และจะจ่ายเงินเมื่อไหร่ โดยวิธีอะไร และอย่างไร
ยกตัวอย่างหยาบๆ เช่น PO(คำสั่งซื้อ) > GRPO(รับของ) > A/P(ตั้งหนี้) > Outgoing(จ่ายเงิน)
3.โครงสร้างภาษีของธุรกิจที่เราทำนั้นเป็นอย่างไร เช่น Material เรา Import หรือไม่ ภาษี Withholding Tax ภาษี VAT เป็นอย่างไร



ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: NyoronXD, Put1996

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก