พูดถึงเรื่อง AI ถ้าคนที่เป็น dev น่าจะรู้กันว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์เนี่ยต้องอยู่ในระดับ DL หรือ Deep Learning / การเรียนรู้เชิงลึก (การเรียนรู้ด้วยตนเอง) ก่อน ถึงจะเรียกว่า AI ที่แท้จริงได้ AI ในปัจจุบันเป็นเพียง LLM หรือ Large Language Module / โมดูลภาษาขนาดใหญ่ (หมายถึงโมดูลที่สามารถโต้ตอบบทสนทนาได้ ซึ่งนั่นหมายความว่า AI แบบ LLM กำลังใช้ Big Data ในการสร้าง Conversation ซึ่งเกิดขึ้นจากฐานข้อมูลและ case stament (เงื่อนไขแบบ case) เพื่อสร้างการตอบโต้ทางสถิติกับผู้ใช้ขึ้นมา ซึ่งนั่นหมายความว่าการลงทุนใน AI อันมหาศาลในปัจจุบันของบริษัท Tech ทั่วโลกกำลังวนอ่างอยู่ในขอบเขตของ Narrow AI (LLM) แต่ไปไม่ถึง AGI / Artifacial General Intelligence (ซึ่ง Deep Learning ในความหมายดั้งเดิมอยู่ในจุดนี้) แล้วบริษัท Tech ต่างๆ ก็ออกหุ้นกู้เพื่อเพิ่มทุนไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็น AI Bubble ขึ้นมา โดยเป้าหมายในการพัฒนา AGI ก็ไปขัดแย้งกับผลประโยชน์ของสังคม ทั้งอัตราการว่างงาน และอื่นๆ อีก บลาๆ มันจึงไม่ไปไหนเลย และวนอ่างอยู่ในขอบเขตของ Narrow AI (LLM) เท่านั้น ซึ่งนั่นไม่พ้องกับมูลค่าที่แท้จริงแต่อย่างใด เพียงแต่รอเวลาให้มันระเบิดเท่านั้นเอง
ตอนนี้ บริษัท Tech มุ่งเน้นไปที่ Scaling Engineering / วิศวกรรมขยายขนาด ซึ่งเป็นกระแสหลัก ทำให้เกิดการวนลูปในอ่างของ LLM ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปถึง AGI เพราะ AGI ต้องการการคิดในเชิงนามธรรม ซึ่งมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ไม่ใช่การเลียนแบบรูปแบบทางภาษา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ LLM จะทลายกำแพงกลายร่างเป็น AGI ตามความคาดหวังได้ เหมือนลงทุนไป 100 บาท ได้กำไรมาแค่ 1 บาท ปัจจุบัน การลงทุนในตลาด AI โดยเฉพาะการเพิ่มความสามารถของ LLM มีมูลค่าอยู่ในระดับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่รายรับกลับอยู่ในระดับปัจเจกแค่ระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ปล. Deep Learning ตามที่พูดไปคือความหมายดั้งเดิมที่มีคามลึกซึ้งมากกว่า โดยเป็น Deep Learning จริงๆ โดยไม่ต้องมี Input / Prompt เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ปัจจุบัน คำว่า Deep Learning กลับถูกนำไปใช้ในเชิงกลายเป็นแขนงย่อยของ Machine Learning แทนซะอย่างนั้น
ผมเคยฟัง นักฟิสิกส์ เขาบอกว่า มนุษย์ทุกวันนี้กำลังชดใช้ความผิดพลาดของ คนรุ่นก่อน
ที่คิดว่าสมองทำงานแบบดิจิตอล และเราสร้างคอมไปคนล่ะทางกับการทำงานของสมองเลยด้วยซ้ำ
สมองไม่ต้องการโปรแกรม อะไรเลย แต่มันเรียนรู้ได้เองตามสภาพแวดล้อมกับการเอาตัวรอด
ถ้าตอนนั้นเราสร้างคอมที่เลียนแบบสมองขึ้นมา คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้อาจจะแรง แบบล้ำโลกไปแล้ว
เพื่อนร่วมเวปสมัยก่อน มันเรียนด้านไรจำไม่ได้ นะมันว่า สมองคนเรานี่น่ะสุดยอดมาทั้งๆ ที่เป็นแค่ก้อนไขมัน อย่างนึง
แต่กลับบันทึกข้อมูลได้มหาศาล เรียนรู้ได้แบบไม่ต้องลงโปรแกรม แต่ขนะที่ชิบคอมตอนนี้ยังต้องสร้างด้วยแร่หายาก กับเทคโนระดับสูง
ถ้าสร้างคอมที่เหมือนสมองได้นี่คือปฏิวัติอย่างแท้จริงเลย
ผมเองก็ยังคิดเลยว่าถ้าเราจะสร้างปัญญาประดิษฐ์แบบที่มันคิดได้เองจริงๆ ล่ะก็
บางทีเราน่าจะต้องสร้าง สถาปัตยกรรมใหม่ขึ้นมาเลย ที่ไม่ใช่แบบปัจจุบันที่ใช้กันอยู่
ถ้าทำได้จริงตอนนั้น ผมยังคิดเลยนะว่า มนุษย์อาจจะกลายเป็นเหมือนพระเจ้าของคอมพิวเตอร์ล่ะมั้ง
เราอาจมีสิ่งมีชีวิตแบบดิจิตอล ก็เป็นไปได้