ตำนานเทพที่เก่าที่สุด อาจจะเป็นของอียิบ นอกจากเก่ากว่า 4000 ปีแล้ว ยังแปลกอีกด้วย
ตำนานเทพของ อียิบ พูดถึงพวกเทพที่เดินทางมายังโลกด้วยเรื่อที่เดินทางข้ามท้องฟ้า
พวกเทพนั้นเดิมอยุ่ในเรือจะไม่มีร่างกาย การที่พวกเทพจะออกมาอยุ่ภายนอกและปกครองผู้คน พวกเทพนั้นจะต้องสร้างร่างกายขึ้นมา แต่การมีร่างกายจะทำให้พวกเทพมีอายุขัย แก่ และตายในที่สุด พวกเทพจึงได้ตกลงกันว่าจะทะยอยกันออกมาทีละคนหรือทีละคู่ พวกเทพนั้นแม้จะสร้างร่างกายที่ดูคล้ายมนุษย์แต่ไม่สามารถมีลูกกับมนุษย์ได้จำเป็นต้องแต่งงานกันเองเท่านั้น ปัญหาต่อมาคือ เมื่อเทพรุ่นหนึ่งสิ้นอายุขัย บุตรของเทพนั้นเกิดไปตีกับเทพที่ออกมาจากเรือเพื่อแย่งบัลลังกัน
ดังนั้นพวกเทพเลยพากันตกลงกันใหม่ว่าจอทิ้งระยะออกจากเรือมาให้นานมากๆ
สังเกตุนะครับ
1. กษัตริย์ คือสายเลือดเทพแท้ๆ และต้องแต่งงานกันเองในหมู่พี่น้อง หรือญาติใกล้ชิดกันเท่านั้น หรืออีกความหมายคือเป็นต่างสปีชี่ย์กับมนุษย์นั่นเอง
2. ตำนานผู้ปกตรอง หรือผู้ชี้ทาง ที่จะทะยอยกันปรากฏตัวขึ้นในอนาคต และคนสุดท้ายชื่อ "เมสิยาห์"
3. วัฒนธรรมทางอินเดีย เกิดจากกษัตริ์จากทาง อีหร่าน-อีรัก (อริยะกะ) นำทัพโรฮานต์(อะระหันต์)ไปทำสงครามรบชนะเหนือชนพื้นเมืองอินเดีย และสร้างการกดขี่วรรณะขึ้น แต่ยังคงรักษากฏอันหนึ่งเอาไว้ นั่นคือ กษัตริ์ต้องแต่งกันกันเองในหมู่พี่น้องแลเครื่อญาตื
4. วัฒนธรรมเทพเจ้าฝั่งยุโรปเกิดทีหลัง และในตำนานต่างๆก็มีการพูดถึงคณิตศาสตร์และเวทย์มนต์ที่มาจากทางตะวันออกกลางและอียิบ โดยเทพเจ้าฝั่งยุโรปมักเป็นการรับเอาเทพของลัทธิอื่นๆเข้ามา เช่น อะพอลลโล่ <- รูซิเฟอร์ <- เทพเจ้าราห์ ต่างก็เป็นเทพดวงอาทิตย์ ซึ่งบูชาโดยสังคมเกษตรกรรม เฮสเตียผู้เฝ้าเตาไฟอาจจะไม่คุ้นกันนักแต่ถ้าโซโลแอสเตอร์ลัทธิบูชาไฟ เราจะพบว่าสมัยก่อนแพร่หลายและทรงอิทธิพลมาก เฮอเมสเทพเจ้าแห่งเวทย์มนต์และอุปกรณ์เวทย์ ก็สอดคร้องกับพวกชนเผ่า magi ที่ศึกษาเวทย์มนต์และชอบสร้างอุปกรณ์เวทย์ อาจจะเป็นผู้สร้างไหแบตเตอรี่โบราณก็ได้ โพเซดอน และเนปจูน ก็เป็นเทพของพวกเดินเรือและประมง
อีกสิ่งที่หลายอารยะธรรมในยุดแรกเริ่มมีเหมือนๆกัน คือการแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น อียิบ ยิว magi โซโลแอสเตอร์ ไปจนถึงอินเดีย เหล่านี้ล้วนเป็นวัฒนะรรมโบราณที่มีร่วมกัน จนดูคล้ายว่า สายเลือดเทพต้องแต่งงานกันเองจนกลายเป็นวัฒนธรรมมาตรฐาน
5. เทพเจ้าโบราณ ไม่ได้แสดงออกถึงคุณธรรมที่สูงส่ง หากแต่แสดงออกถึงอำนาจ และวิทยาการ
ถ้าตีความโดยเอาตำนานเทพที่อาจจะเก่าที่สุดของอียิป บางทีเทพ-ปีศาจ อาจจะเป็น เอเลี่ยนที่มีวิทยาการสูง ที่หวังเพียงอยู่อาศัยบนโลกใบนี้ก็เป็นได้
ปล. ในศาสนาพุทธ ถ้าใครศึกษาดีๆจะพบว่า โดยหลักแล้วไม่ใช่เรื่องเทพเทวา หากแต่เป็น จิตวิทยา
ทว่าทั้งๆที่เกือบทั้งหมดจะเป็นการเปรียบเปรยอธิบายจิตวิทยา แต่มันจะมี 2 เรื่องที่ไม่เข้าพวกกับจิตวิทยาเลย
1. มีพอค้าชาวจีน ได้ฟังธรรมแล้วถวายน้ำอ้อย จากนั้นก็ทิ้งคาราวานสิ่งของไว้ แล้วเดินทากลับจีนไป เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้วก็จะส่งสัยว่าเล่าไว้ทำไม พอมาได้ฟังตำนานเล่าจื้อผู้ก่อตั้งลัทธิเต๋า ปรากกว่าเล่าจื้อเคยไปอินเดีย หนำซ้ำยังอาจจะเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ด้วย ลัทธิเต๋าสอนให้คนศึกษาโลก ศึกษาธรรมชาติ เพื่อให้คนอยู่เหนือโลกเป็นเซียน ศาสนาพุทธสอนให้คนศึกษาข้างในตนเองเพื่อให้คนอยู่เหนือโลกเป็นอะระหันต์
2. ตั้งแต่ก่อนพุทธการ ในอินเดีย จะมีตำนานของ ผู้ชี้ทางคนถัดไป "พุทธะ" และ ผู้ชี้ทางคนสุดท้าย "เมสิอาห์" นอกจากนี้ยังมีตำนานเรื่อง "มหาจักรพรรดิ์ผู้ทรง(โดยสาร)จีกรแก้ว" ไอ้เรื่องมหาจักรพรรดิ์ที่เกิดมาพร้อมนางแก้ว(เมีย) จักรแก้ว(เป็นทั้งบ้านและพาหนะ) เกิดแล้วกษัตริย์ทั่วแผ่นดินจะต้องยอมศิโรราบยกบ้านเมืองและปราชาชนให้นี่แหละ ฟังดูเหมือนเรื่องเทพอียิป ข้างบนนู้นเลยไหม
เรื่องที่ 2 ที่ว่าไม่ได้อธิบายจิตวิทยา คือเรื่องที่ มีคนนั่งจักรแก้วมาบวช(มาจากอุตะระทวีป) พอออกบวชจักรแก้วอันนั้นก็ดำลงใต้ดินเอง โดยเจ้าตัวบอกว่าจักรแก้วนั้นจะรอจนกว่าจะถึงเวลาของ"คนสุดท้าย"หรือลูกชายของเขา เมื่อถึงเวลาการมาของเขาจักรแก้วจะลอยขึ้นเหนือพื้นดินอีกครั้ง
เท่าที่ผมเจอจากมุมมองของพวกฝรั่ง
มองว่าชาวยิวรับเอาวัฒนธรรมการบูชายัญวัวแดงสัญลักษณ์ของวันสิ้นโลกมาจากฮินดูน่ะครับ
และมีการบันทึกว่าบาบิโลเนียของกิลกาเมธมีการส่งนกยุงมาจากอินเดีย
หากเราจะยืนยันตจัวตนของกันและกันผมว่าต้องอ่านเอกสารของหลายๆวัฒนธรรมประกอบกันเราจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น
..ผมไปอ่านเจอมาว่าแนวของจีนก็มีกากล่าวเกี่ยวกับเรื่องการตัดเส้นทางปรภพกับโลกมนุษย์โลกคนเป็นกับคนตายไม่ให้เกี่ยวข้องกันเมหือนกัน
แต่ระดับเอกสารเป็นระดับที่อ๋องในยุครณรัฐอ้างอิงจากตำราเหยาซุ่นอีกทีหนึ่งเลยล่ะครับ
ว่าร่างทรง นักพรต ตัดเส้นทางเชื่อมทต่อปรภพไปทำให้คนเป็นกับคนตายไม่มาเกี่ยวข้องกันอีก
ทั้งวัดเต๋า วัดพุทธ ในจีน ต่างก็อยู่กันตามยอดเขา เน้นสันโดษ เลยยากที่จะขัดแย้งกัน ยกเว้นก็แต่เส้าหลินที่เคยสนับสนุนการกบฏจนเคยถูกเผาวัดมาแล้ว
ผมมว่ายุคสมับก่อนหน้านี้ศาสนายังอยู่กันแบบพอถูไถกันไปมายุคปัจจุบันเมหือนคนต้องการเป็นศัตรูกันมากขชึ้น
ผมมองว่า ตำนานของพวก เมโสโปเตมียเก่ากว่าแต่เหลือรอดมาน้อยกว่า จริงๆแล้วเราจะพบว่า
ไม่ว่าอินโดอารยัน ศาสนาอับราฮัม หรือ ตำนานอียิปต์ มีตำนานเมโสโปเตเมียมาปนทั้งนั้น
ส่วนเต๋าเต๊กเก็งแท้ๆ ผมมองว่าเป็นลัทธิ Dualism ดังนั้นไม่คิดว่าจะเกี่ยบกับพุทธที่เน้นไปทางรูปกับนาม
เล่าจือ เป็นบรรณรักษหอสมุดหลวงผมว่าในห้องสมุดน่าจะมีปรัชญาอินเดียเก็บไว้จำนวนมาก ดังนั้น
ทำผลสรุปออกมาใกล้เคียงกับ พวก คุรุ ในอินเดียลัทธิเต๋าที่เราเห็นในปัจจุบันเป็นเต๋าสายธรรมชาติ
ที่เหลือรอดมาผสมกับแนวคิดปรัชญาอื่นๆ
แต่ยุค 2500 ปีก่อน เป็นยุคของปราชญจริงๆ ไม่รู้ว่ามีสงครามเทวาตัดทางสวรรค์แบบนิยายจีนชอบพูดกันหรือเปล่า
บางทีห้องสินอาจเป็นพวก เทพเซียนสู้กันจริงๆ
ข้อสังเกตแปลกๆ คือผมรู้สึกนิยายจีนเทพเซียน ยุคหลังๆ ปัจจุบันจะเน้นเต๋าข่มพุทธ ไม่รู้ทำไม
ทั้งๆที่ตามวัฒนธรรมจีนจริงๆ เต๋ากับพุทธจะค่อนข้างเท่าเทียมกันจะว่าเพราะศรัทธาก็ไม่น่าใช้
เพราะวัฒนธรรมจีน ก็โดนระเบิดไปพร้อมกันหมดตั้งแต่ปฎิวัติวัฒนธรรมแล้ว
ไปเจอตามคนแต่งนิยายจีนหรือซีรี่ย์นี่ล่ะมั้งพระเอกพูดประมาณว่าเต๋ามีกำเนิดจากชาวจงหยวนเรา พุทธกำเนิดจากต่างชาติ
ว่ากันอย่างนั้นล่ะครับ
...
ลองไปอ่านคัมภีร์ซานไห่จิงของจีนก็มีการบันทึกของต้นอิกดราซิลการว่ากล่าวของต้นไม่โลกเอาไว้ด้วยนะครับ
ตำราของพวกวงหนูที่ว่าหมาป่าเลี้ยงดูหัวหน้าชนเผ่ามา
เป้นตำนานเดียวกับตำนานต้นกำเนิดโรมันเป๊ะๆเลยครับ
มาไทยกลายเป็นหลวิชับ คาวีด้วยนั่นล่ะ
เราอาจจะมองการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมแบบที่เราไม่รู้ตัวมาตลอดเลยก็ได้
เพื่อนผมที่ศึกษาประวัติศาตร์มันก็บอกว่าตำนานของราชา ไทย ลาว นั้นคล้ายๆกันแค่สะกดต่างกันเท่านั้นล่ะ