แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"  (อ่าน 1057 ครั้ง)

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
ผมไปเจอคนหนึ่งในโซเชียลถามว่า การแจกเงินดิจิตอล 10,000 บาท กับ แจกเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท แตกต่างกันตรงไหน?
ก็เลยเกิดไอเดียว่า คนจำนวนมาก ยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือประชานิยม อะไรคือสวัสดิการ

ประชานิยม หรือ Populism มาจาก 2 คำรวมกัน คือ คำว่า Population ที่แปลว่าประชากร กับ คำว่า -ism ที่มีความหมายว่า ลัทธิ,ความเชื่อ,ศรัทธา
มันเลยมีความหมายจริงๆว่า "แนวคิดเพื่อประชากรส่วนมาก"

แล้วประชากรส่วนมากเนี่ย หมายความว่าอย่างไร ก็หมายถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะ 99% หรือ 51% ก็ล้วนตรงความหมายของประชากรส่วนมากทั้งสิ้น
ดังนั้นความหมายมันคือ "คนส่วนใหญ๋ต้องได้ ขณะที่คนส่วนน้อยจะได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของมัน หรือช่างแม่งมันก็แล้วแต่"

ดังนั้นโครงการอะไรที่ผลประโยชน์เกิดกับประชากรบางกลุ่มที่เป็นกลุ่มใหญ่ แต่บางกลุ่มอาจจะไม่ได้หรือเสียประโยชน์ล้วนเป็น "ประชานิยม" ทั้งสิ้น
ซึ่งแนวคิดของประชานิยม มันก็ไม่ได้ผิดหรืออะไรหรอกนะ แค่มันเป็นแนวความคิดหนึ่งเท่านั้นในการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

.....................

ส่วนสวัสดิการเนี่ย ความหมายของมัน คือ "ทุกคน 100% ต้องได้" ได้มากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญว่า "ทุกคนต้องได้" นี่คือ Keyword สำคัญที่เป็นจุดแตกต่าง
เช่น การศึกษาขั้นต่ำฟรี การรักษาพยาบาลขั้นต่ำ ข้าวอาหารกลางวัน นมโรงเรียน อะไรประมาณนี้ ทุกคนได้หมด แต่จะเอาไม่เอาอีกเรื่องหนึ่ง

คำถามสำคัญ ทำไมเงิน 3,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุถึงเป็นสวัสดิการ
ดูเผินๆ เงิน 3,000 บาท ผลประโยชน์ตกแก่คนชราอย่างเดียวใช่มั้ย ถ้าคิดอย่างนั้นคือเข้าใจผิดนะครับ
เพื่อนๆทุกคนล้วนมีพ่อมีแม่ มีผู้ปกครองกันหมดทุกคนจริงมั้ยครับ คงไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ใช่มั้ย(555)

เป้าหมายจริงๆ ของ เงิน 3,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุเนี่ย มันทำให้ทั้งคนชรามีเงินดูแลตัวเองมากขึ้น
และเป็นการลดรายจ่ายของคนวัยทำงานที่จะเลี้ยงพ่อแม่หรือผู้ปกครองของตัวเองลง
ถ้าทำเป็นแขนสองข้าง ข้างหนึ่งคนวัยทำงานจะมีรายจ่ายในการเลี้ยงดูพ่อแม่ลดลง 3,000 บาท ขณะที่แขนอีกข้างหนึ่งคนชรามีเงินดูแลตัวเองมากขึ้น 3,000 บาท
จะเห็นได้ว่าทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะมองในมุมมองของคนวัยทำงานที่ต้องเสียภาษีได้ลดรายจ่าย กับ คนวัยชราที่หมดสภาพทำงานแล้วแต่ได้เงินดูแลตัวเองเพิ่ม
พอเป็นทุกคน ดังนั้นมันจึงเป็นสวัสดิการ

................

แต่ผมไม่ได้บอกว่าอย่างไหนดีกว่า หรือ แย่กว่านะ เพราะเรื่องนี้เป็นแนวคิดในการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งคู่
จะมองในมุมมองว่าคุณต้องเอาทรัพยากรมาทำให้เกิดผลประโยชน์ที่ได้รับทุกคนก็ได้แต่ได้คนละไม่มาก
หรือจะเอาทรัพยากรที่มีให้เฉพาะคนส่วนใหญ่ได้รับ เพื่อให้แต่ละคนได้ก้อนที่ใหญ่กว่าก็ได้ มันแล้วแต่มุมมอง

แล้วจริงๆ ประชานิยม ไม่ได้หมายความว่าต้องแจกเงินเสมอไปนะครับ
บิดาแห่งการประชานิยมที่ดังที่สุด ที่ทุกคนต้องรู้จักก็คือ จูเลียส ซีซาร์
นโยบายของเขาไม่ใช่การแจกเงิน แต่มันคือการปราบเผ่ากอลล์ เนื่องจากคนบริเวณชายแดนและอิตาลีทางเหนือถูกเผ่าอนารยชนเหล่านี้ปล้นเป็นประจำ
ซึ่งมันไม่ใช่คนโรมันทุกคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการปราบเผ่ากอลล์ ถ้าเป็นคนโรมันที่อยู่ทางใต้อิตาลี หรือแอฟริกา(คาร์เทจเก่า) หรือ อียิปต์ ก็คงไม่ได้เดือดร้อน
ดังนั้นนโยบายการปราบกอลล์ของจูเลียส ซีซาร์ จึงเป็นประชานิยม เพราะมันแค่คนส่วนใหญ๋ ไม่ใช่คนโรมันทุกคนที่เดือดร้อนจากเผ่ากอลล์
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: AlexW

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,679
  • ถูกใจแล้ว: 2830 ครั้ง
  • ความนิยม: +187/-0
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 02:43:41 AM »
3000 บาทใกล้เคียงกับประชานิยมครับ
เพราะคนที่ได้ประโยชน์มัน 30-40% ของประชากรทั้งประเทศได้
น่าจะราวๆ 20-30 ล้านเสียงได้มั้งลืมๆละ มากกว่าคะแนนพรรคอันดับ 1 อีก  ;D
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 09:50:39 AM »
3000 บาทใกล้เคียงกับประชานิยมครับ
เพราะคนที่ได้ประโยชน์มัน 30-40% ของประชากรทั้งประเทศได้
น่าจะราวๆ 20-30 ล้านเสียงได้มั้งลืมๆละ มากกว่าคะแนนพรรคอันดับ 1 อีก  ;D


แสดงว่าไม่ Get


3000 บาท เนี่ย คุณ Deaddy คิดว่าคนชราเท่านั้นได้ประโยชน์ใช่มั้ยครับ
จริงๆ คนวัยทำงานเองก็ได้ประโยชน์ เพราะได้ลดรายจ่ายของคนวัยทำงานที่จะต้องจ่ายเงินดูแลพ่อแม่วัยชราเหมือนกันครับ
มันถึงเป็นทุกคนไงครับ คนชราได้เงินดูแลตัวเอง ส่วนคนวัยทำงานมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น


3000 บาท เนี่ย ให้มองว่ามันเป็นบำนาญดีกว่าครับ
สมัยก่อนราชการเนี่ยมีบำนาญถ้าเกษียณ คราวนี้มันเลยเปลี่ยนเป็นบำนาญแบบถ้วนหน้าแทน
ไม่ว่าจะทำงานเอกชน หรือ รับราชการก็จะได้หมด เป็นบำนาญอันเกิดจากประชาชนทำงานมาทั้งชีวิต และรัฐตอบแทนชีวิตบั้นปลายเมื่อเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงทำงานในวัยชรา
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,679
  • ถูกใจแล้ว: 2830 ครั้ง
  • ความนิยม: +187/-0
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 12:40:26 PM »
[quote/]


แสดงว่าไม่ Get


3000 บาท เนี่ย คุณ Deaddy คิดว่าคนชราเท่านั้นได้ประโยชน์ใช่มั้ยครับ
จริงๆ คนวัยทำงานเองก็ได้ประโยชน์ เพราะได้ลดรายจ่ายของคนวัยทำงานที่จะต้องจ่ายเงินดูแลพ่อแม่วัยชราเหมือนกันครับ
มันถึงเป็นทุกคนไงครับ คนชราได้เงินดูแลตัวเอง ส่วนคนวัยทำงานมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น


3000 บาท เนี่ย ให้มองว่ามันเป็นบำนาญดีกว่าครับ
สมัยก่อนราชการเนี่ยมีบำนาญถ้าเกษียณ คราวนี้มันเลยเปลี่ยนเป็นบำนาญแบบถ้วนหน้าแทน
ไม่ว่าจะทำงานเอกชน หรือ รับราชการก็จะได้หมด เป็นบำนาญอันเกิดจากประชาชนทำงานมาทั้งชีวิต และรัฐตอบแทนชีวิตบั้นปลายเมื่อเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงทำงานในวัยชรา



ไอ้ข้อดีทั้งหมดที่กล่าวนั่น เงิน 10000 ก็ได้เหมือนกัน


แต่ข้อเสีย เงิน 3000 จ่ายมากกว่า ใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่า


เพราะงั้นถึงจะเป็น เงินสวัสดิการ แต่มันมีผลไม่ต่างกับประชานิยม


เพราะถ้ามันเป็นสวัสดิการสำหรับผู้ส่งประกันสังคมอันนี้โอเค
แต่นี่คือสวัสดิการตอบแทนผู้มีชีวิตอยู่จนวัยเกษียณ
ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่เสียภาษีหรือไม่
ไปอยู่ต่างประเทศ 60 ปีไม่เคยเสียภาษีให้ไทยก็กลับมารับเงิน 3000 ได้


คือจุดประสงค์โครงการเป็นสวัสดิการ
แต่รายละเอียดมองยังไงก็ประชานิยม ;D
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 12:59:55 PM »
[quote/]


ไอ้ข้อดีทั้งหมดที่กล่าวนั่น เงิน 10000 ก็ได้เหมือนกัน


แต่ข้อเสีย เงิน 3000 จ่ายมากกว่า ใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่า


เพราะงั้นถึงจะเป็น เงินสวัสดิการ แต่มันมีผลไม่ต่างกับประชานิยม


เพราะถ้ามันเป็นสวัสดิการสำหรับผู้ส่งประกันสังคมอันนี้โอเค
แต่นี่คือสวัสดิการตอบแทนผู้มีชีวิตอยู่จนวัยเกษียณ
ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่เสียภาษีหรือไม่
ไปอยู่ต่างประเทศ 60 ปีไม่เคยเสียภาษีให้ไทยก็กลับมารับเงิน 3000 ได้


คือจุดประสงค์โครงการเป็นสวัสดิการ
แต่รายละเอียดมองยังไงก็ประชานิยม ;D


คุณ @deaddy คุณทำงานราชการครบ 60 ปี คุณคาดหวังว่าจะได้บำนาญในบั้นปลายถูกมั้ยครับ แต่มันเฉพาะราชการไง
แล้วผมถามง่ายๆ มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าทุกคนไม่ว่าราชการหรือเอกชนมีบำนาญหลังเกษียณอายุ


เขาทำงานต่างประเทศ 60 ปี ต่า่งประเทศเขามีสวัสดิการดีกว่าบ้านเราอีกนะครับ เขาจะกลับมาทำไมก่อนครับ
เอาอย่างตั้งอาชีวะก็ได้ จบปวช ปัจจุบันย้ายไปนิวซีแลนด์มีบ้านมีลูกมีเมีย มีสวัสดิการที่ดีกว่า 3000 บาทไทยเสียอีก เขาจะย้ายกลับมาทำไมก่อนครับ


3,000 บาท นี่ถือเป็นอะไรที่ขั้นต่ำของขั้นต่ำมากนะครับ ต่างประเทศเขาให้บำนาญถ้วนหน้าเยอะกว่านี้อีกครับ
มันเยอะพอจนบั้นปลายถ้าคุณไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือยคุณมีพอใช้ต่อเดือนแบบชิวๆเลยครับ
เยอะจนคนแก่ๆต่างชาติ สามารถมาเที่ยวไทยและแต่งเมียมีเมียเป็นสาวไทยได้ เขาจะมาเอา 3,000 บาททำไมก่อน
แม้เขาจะแต่งงานกับคนไทย แต่เขายังคงถือสัญชาติเดิมของเขาเพราะเขาได้สวัสดิการที่มากกว่าครับ


การเอา 3,000 บาท เท่ากับคุณต้องถือสัญชาติไทยก่อนนะครับ นั่นเท่ากับว่าคุณสละสัญชาติอื่นเดิมของคุณที่ให้สวัสดิการมากกว่า ไม่มีใครทำหรอกครับ
เพราะกฎหมายไทย มันบังคับว่าถ้าคุณจะถือสัญชาติไทย จะต้องสละสัญชาติอื่นเสียก่อน


ดังนั้น 3,000 บาท มันต่ำมากๆเลยนะ มัน Basic ของ Basic มากๆ เอาจริงๆ 3,000 บาทต่อเดือนเนี่ยเลี้ยงชีวิตพอมั้ย คำตอบคือไม่พอ
แต่อย่างน้อยมันสามารถลดรายจ่ายยามแก่เฒ่าได้ อย่างน้อยให้ประเทศชาติที่คนแก่เหล่านี้รับใช้มานานได้รับการตอบแทนก็ยังดี


คอนเซปของบำนาญถ้วนหน้าเนี่ย มันคือว่าไม่ว่าคุณจะรับราชการเป็นทหาร ตำรวจ หรือราชการพลเรือน หรือ คุณทำงานเอกชน เป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง จะเป็นนายทุน หรือเป็นอะไรก็ตามแต่
ทุกคนล้วนรับใช้ชาติเหมือนกันครับ ทุกคนต่างทำหน้าที่พลเมืองของตัวเอง ไม่ว่าจะเสียภาษี ทำตามกฎหมาย บลาๆ ฯลฯ
ดังนั้นเมื่อเขาแก่ตัวไปอย่างน้อยคนที่รับใช้ชาติทุกคนก็ควรจะได้รับการตอบแทนจากชาติที่เขารับใช้ เพราะนี่คือคอนเซปของรัฐชาติสมัยใหม่
ไม่ใช่ชาติเอาจากประชาชนอย่างเดียว แต่ไม่ตอบแทนประชาชนกลับเลย มันก็ดูไม่แฟร์ถูกมั้ยครับ

ทุกชาติมันมีสวัสดิการเลี้ยงตัวเองยามแก่เฒ่าหมดเลยนะครับ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ต้องตื่นเต้นอะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่ไทยเราไม่มีไงครับ เราเลยคิดว่ามันเป็นประชานิยม มันเป็นของแปลก เอาจริงๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ควรยกย่องอะไรก้าวไกลด้วยหรือก้าวไกลควรได้เครดิตตรงนี้ด้วยซ้ำ
เพราะมันควรมีตั้งแต่แรกแล้วครับ จริงๆในเค้าโครงเศรษฐกิจฉบับแรกของไทย มันมีเรื่องนี้บำนาญถ้วนหน้า ซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า เบี้ยบำนาญราษฎร ตั้งแต่เริ่มเลย
แต่จู่ๆ มันถูกเอาออกครับ อันนี้คือเรื่องจริงนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2024, 01:06:24 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,409
  • ถูกใจแล้ว: 2102 ครั้ง
  • ความนิยม: +194/-400
  • เพศ: ชาย
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 01:13:13 PM »
จขกททำงานต่างประเทศไม่ใช่รึ จะมาสนใจเรื่องของอีกประเทศทำไม


ผมเห็นคนตั้งมากมายที่เค้าสนใจ แล้วก็เลิกไปแล้วเพราะประเทศนี้มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ คุยเรื่องยิบย่อยเยอะแยะ แต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของประเทศนี้ก็คุยไม่รู้เรื่อง

ไม่เคยคิดว่าคนที่มาบริหารประเทศจะโง่ ไร้สมอง จริงๆทำได้หมด แต่เลือกที่จะไม่ทำ เพราะต้องการจุดประสงค์ที่แท้จริง


มาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้ มันเปล่าประโยชน์ครับ


ไม่รู้ว่าเป็น citizen ประเทศอื่นอยู่แล้วมั้ย ถ้าเป็นก็ดีแล้ว ถ้ายังไม่เป็น ก็ไปเป็นซะ แล้วก็ช่างหัวประเทศนี้ แค่นี้แหละ เห็นสู้ในนี้มานานแล้ว ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์อะไร

จะบอกว่า educate บางทีมันก็เหมือนพยายามสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองด้วยการ educate คนอื่นที่ตัวเองมองว่าโง่กว่า(เห็นบ่อยมากใน X) ซึ่งจริงๆอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเลย (ถึงแม้คนไทยส่วนใหญ่มันจะโง่ชิบหายก็เหอะ)

ต้องเข้าใจก่อนว่าคนไทยส่วนใหญ่การศึกษาห่วยแตก ต่อให้เข้าใจตรงนี้ ก็มักไปตกม้าตายเรื่องไม่น่าเชื่อก็มีให้เห็นเยอะแยะ

จะมาเข็นคนไทย ไปสอนควายให้พูดภาษาคนยังดูเป็นไปได้กว่า 8)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2024, 01:20:33 PM โดย providence_gundam »
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 01:30:58 PM »
จขกททำงานต่างประเทศไม่ใช่รึ จะมาสนใจเรื่องของอีกประเทศทำไม


ผมเห็นคนตั้งมากมายที่เค้าสนใจ แล้วก็เลิกไปแล้วเพราะประเทศนี้มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ คุยเรื่องยิบย่อยเยอะแยะ แต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของประเทศนี้ก็คุยไม่รู้เรื่อง

ไม่เคยคิดว่าคนที่มาบริหารประเทศจะโง่ ไร้สมอง จริงๆทำได้หมด แต่เลือกที่จะไม่ทำ เพราะต้องการจุดประสงค์ที่แท้จริง


มาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้ มันเปล่าประโยชน์ครับ


ไม่รู้ว่าเป็น citizen ประเทศอื่นอยู่แล้วมั้ย ถ้าเป็นก็ดีแล้ว ถ้ายังไม่เป็น ก็ไปเป็นซะ แล้วก็ช่างหัวประเทศนี้ แค่นี้แหละ เห็นสู้ในนี้มานานแล้ว ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์อะไร

จะบอกว่า educate บางทีมันก็เหมือนพยายามสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองด้วยการ educate คนอื่นที่ตัวเองมองว่าโง่กว่า(เห็นบ่อยมากใน X) ซึ่งจริงๆอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเลย (ถึงแม้คนไทยส่วนใหญ่มันจะโง่ชิบหายก็เหอะ)

ต้องเข้าใจก่อนว่าคนไทยส่วนใหญ่การศึกษาห่วยแตก ต่อให้เข้าใจตรงนี้ ก็มักไปตกม้าตายเรื่องไม่น่าเชื่อก็มีให้เห็นเยอะแยะ

จะมาเข็นคนไทย ไปสอนควายให้พูดภาษาคนยังดูเป็นไปได้กว่า 8)


ก็ไม่ได้ทำงานต่างประเทศตลอดนะ งานต่างประเทศเป็น Offshore บางโครงการก็แค่ไปอยู่ต่างประเทศหลายปี เช่น บังคลาเทศ
แต่บ้านผมจริงๆก็ยังอยู่ไทยนะ ผมก็ยังต้องแคร์ประเทศไทยอยู่ดีแหละ


ประเทศนี้เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ผมว่าไม่จริงนะ เอาจริงๆ ถ้าเทียบกับปี 57 กับ ปี 67 มันก็เปลี่ยนแปลงมาเยอะมากนะ ในเวลาอันสั้น
ปี 57 ยุคนั้นล่าแม่มดกันกระจาย ทุกคนต้องแสร้งแสดงความรักทั้งที่ไม่ได้รักจริง ปี 67 ทุกคนอยากทำอะไร รักใครชอบใครเกลียดใครก็ทำได้มากขึ้น
ค่านิยม+แนวคิดของคนในประเทศก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก การเมืองเองตอนนี้ก็มีทางเลือกมากขึ้นมีหลายโทน ไม่ใช่แบบเมื่อก่อนที่มีแค่ แดงกับเหลือง
เอาจริงๆ ผมโอเคนะที่การเมืองมันมีหลายโทน เพราะสุดท้ายประเทศมันจะก้าวหน้าได้มันก็มาจากความแตกต่างทางความคิดนี่แหละ


ผมจึงไม่เคยหมดหวังไงครับ เหมือนเชฟมาโก้ ปิแอร์ ไวท์ หรือ เชฟกอร์ดอน แรมซี่ ที่เขาดุด่าก็เพื่อให้พัฒนาไงครับ
การจะสร้างเชฟที่เก่งๆ มันต้องผ่านการเคี่ยวกรำ ฝึกฝน และเรียนรู้จากความผิดพลาด
ประเทศไทยก็เหมือนกันครับ ต้องทะเลาะ ต้องถกเถียง ถึงจะพัฒนา
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,409
  • ถูกใจแล้ว: 2102 ครั้ง
  • ความนิยม: +194/-400
  • เพศ: ชาย
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 05:46:31 PM »
[quote/]


ก็ไม่ได้ทำงานต่างประเทศตลอดนะ งานต่างประเทศเป็น Offshore บางโครงการก็แค่ไปอยู่ต่างประเทศหลายปี เช่น บังคลาเทศ
แต่บ้านผมจริงๆก็ยังอยู่ไทยนะ ผมก็ยังต้องแคร์ประเทศไทยอยู่ดีแหละ


ประเทศนี้เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ผมว่าไม่จริงนะ เอาจริงๆ ถ้าเทียบกับปี 57 กับ ปี 67 มันก็เปลี่ยนแปลงมาเยอะมากนะ ในเวลาอันสั้น
ปี 57 ยุคนั้นล่าแม่มดกันกระจาย ทุกคนต้องแสร้งแสดงความรักทั้งที่ไม่ได้รักจริง ปี 67 ทุกคนอยากทำอะไร รักใครชอบใครเกลียดใครก็ทำได้มากขึ้น
ค่านิยม+แนวคิดของคนในประเทศก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก การเมืองเองตอนนี้ก็มีทางเลือกมากขึ้นมีหลายโทน ไม่ใช่แบบเมื่อก่อนที่มีแค่ แดงกับเหลือง
เอาจริงๆ ผมโอเคนะที่การเมืองมันมีหลายโทน เพราะสุดท้ายประเทศมันจะก้าวหน้าได้มันก็มาจากความแตกต่างทางความคิดนี่แหละ


ผมจึงไม่เคยหมดหวังไงครับ เหมือนเชฟมาโก้ ปิแอร์ ไวท์ หรือ เชฟกอร์ดอน แรมซี่ ที่เขาดุด่าก็เพื่อให้พัฒนาไงครับ
การจะสร้างเชฟที่เก่งๆ มันต้องผ่านการเคี่ยวกรำ ฝึกฝน และเรียนรู้จากความผิดพลาด
ประเทศไทยก็เหมือนกันครับ ต้องทะเลาะ ต้องถกเถียง ถึงจะพัฒนา


ยุคนี้ก็ไม่ต่างครับ เพราะพื้นฐานไม่ดี การคิดวิเคราะห์บัดซบ แม้แต่ในคนที่ระดับจบปริญญาเองก็ยังไม่ดี


ยิ่งวัยรุ่นหรือเด็กลงไปคือหนักครับ ไม่รับฟังความเห็นต่างเต็มไปหมด ทุกประโยคที่โต้ตอบ จะแถมการเหยียดหรือเหน็บแนมมาด้วยตลอด ทั้งๆที่เราคุยด้วยเหตุผล


ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็สอดคล้องกับจุดประสงค์มาตลอด
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,228
  • ถูกใจแล้ว: 3932 ครั้ง
  • ความนิยม: +299/-402
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 15, 2024, 04:25:18 AM »
เอาง่ายๆครับทุกคนต้องแก่ไช่ไหมครับดังนั้นโดยหลักการสวัดิการผู้สูงอายุเท่ากับเเจกทุกคนไงครับ มันไม่ไช่แจกแค่30%แต่ถ้าคุณแก่คุณก็ได้รับ แต่ประชานิยมมันไม่แจกไห้ทุกคนแต่แจกไห้กลุ่มเป้าหมายเป็นครังๆ มันก็แค่นี้จะไห้มีสวัสดิการแบบไม่มีเงื่อนไขผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ต่อไห้ยกบำนานมาอ้าง แต่สุดท้ายก็ถ้าทำงานอายุไม่ถึงก็ไม่ได้มันต่างกันยังไง
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Pacifist

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 86
  • ถูกใจแล้ว: 18 ครั้ง
  • ความนิยม: +2/-2
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 15, 2024, 07:04:33 AM »
ในฐานะที่เป็นชนชั้นกลางที่เป็นผู้เสียภาษีหลักให้กับประเทศนี้ แต่ไม่เคยเข้าข่ายได้รับการแจกอะไรเลย ผมค่อนข้างมีความ bias ต่อประชานิยมนะ


ไม่รู้สิ ตัวหลักการอาจจะไม่ได้แย่ แต่มันเอามาใช้เป็นการซื้อเสียงทางอ้อม แจกแค่ฐานเสียงที่ไม่ค่อยมีความรู้เงี้ย


ส่วนสวัสดิการจะดีหรือเปล่าก็น่าจะลองดู แม้จะดีในต่างประเทศแต่กับที่นี่มีปัจจัยหลายอย่างที่น่ากังวลว่าจะทำได้จริงมั้ย


แต่ก่อนอื่นทำให้ทุกคนเข้าสู่ระบบภาษีให้ได้ก่อนเหอะ!! :-\
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, NyoronXD, Black7nos และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 15, 2024, 02:24:15 PM »
ในฐานะที่เป็นชนชั้นกลางที่เป็นผู้เสียภาษีหลักให้กับประเทศนี้ แต่ไม่เคยเข้าข่ายได้รับการแจกอะไรเลย ผมค่อนข้างมีความ bias ต่อประชานิยมนะ


ไม่รู้สิ ตัวหลักการอาจจะไม่ได้แย่ แต่มันเอามาใช้เป็นการซื้อเสียงทางอ้อม แจกแค่ฐานเสียงที่ไม่ค่อยมีความรู้เงี้ย


ส่วนสวัสดิการจะดีหรือเปล่าก็น่าจะลองดู แม้จะดีในต่างประเทศแต่กับที่นี่มีปัจจัยหลายอย่างที่น่ากังวลว่าจะทำได้จริงมั้ย


แต่ก่อนอื่นทำให้ทุกคนเข้าสู่ระบบภาษีให้ได้ก่อนเหอะ!! :-\


มันต้องทำให้ประชาชนรู้สึกคุ้มว่าที่จ่ายภาษีไป ได้สิทธิหรือสวัสดิการกลับมาคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปครับ คนถึงอยากจะจ่ายภาษี
แต่ก่อนหน้านั้นหลายสิบปีที่ผ่านมา คนไทยหลายคนรู้สึกว่าภาษีที่จ่ายไปถูกคนมีอำนาจเอาไปละลายน้ำเล่น ไม่ก็เอาเข้ากระเป๋าตัวเองผ่านการคอรัปชั่น


อย่างที่ผมเคยบอกไง ถ้าคุณจ่ายไป 100 บาท แล้วได้กลับมา 200 บาท ทุกคนก็ต้องเอาถูกมั้ยครับ คุ้มขนาดนี้ กำไรตั้ง 100 บาท
แต่กลับกัน ถ้าคุณจ่าย 100 บาท แต่ได้กลับแค่ 50 บาท คุณขาดทุน 50 บาท ใครจะอยากจ่ายจริงมั้ยครับ


ผมถึงบอกไงว่าการทำให้คนทุกคนอยากเข้าระบบเสียภาษี รัฐน่ะต้องทำตัวให้ดูน่าเชื่อถือเสียก่อนว่า ภาษีที่ประชาชนจ่ายไป มันจะตอบแทนกลับมาหาประชาชนแบบคุ้มๆ

.............

เหมือนที่เราซื้อคอนโด หรือ บ้านในหมู่บ้านจัดสรร แล้วเราต้องเสียค่านิติบุคคลส่วนกลาง
คำถามก็คือทำไมเราต้องเสียค่านิติบุคคลส่วนกลางเพิ่มด้วย นั่นก็เพราะ เราต้องการให้เงินที่ลงไปในกองทุนส่วนกลางเอาไปใช้ประโยชน์
เช่น ไฟฟ้าแสงสว่างในหมู่บ้าน ค่าเก็บขยะ ค่ารปภ. สิทธิในการใช้สระว่ายน้ำของส่วนกลาง สิทธิในการใช้ฟิตเนสของส่วนกลาง
มันก็คือสวัสดิการ ทุกคนในหมู่บ้านหรือคอนโดจ่ายแล้วได้ใช้ ถูกหรือเปล่าครับ เราจ่ายค่าส่วนกลางเราถึงได้สิทธิที่จะได้ใช้งานหรือได้รับประโยชน์จากมัน

ภาษีก็เหมือนกับการที่เราจ่ายค่านิติบุคคลส่วนกลางให้แก่คอนโดหรือหมู่บ้านนั่นแหละครับ เพียงแค่มันขยายสเกลจากคอนโดหรือหมู่บ้านให้ใหญ่ขึ้นเป็นระดับประเทศก็เท่านั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2024, 02:42:38 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: NyoronXD

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,228
  • ถูกใจแล้ว: 3932 ครั้ง
  • ความนิยม: +299/-402
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 16, 2024, 12:29:29 AM »
คือถ้าถามผมไทยเก็บภาษีโหดมากครับถ้าคิดเป็น%ต่อรายได้คนชั้นล่างรายได้ต่ำ เสียภาษีเยอะกว่าคนชั้นกลาง และสูงมากแบบขั้นบันได ประเทศไทยมีโครงสร้างการเสียภาษีเป็นรูปแบบปิรามิทกลับหัวคนมีรายได้เยอะจะเสียภาษีน้อยคนมีรายได้ปานกลางเสียภาษีเยอะคนรายได้น้อยเสีภาษีเยอะที่สุด

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 16, 2024, 11:14:01 AM »
คือถ้าถามผมไทยเก็บภาษีโหดมากครับถ้าคิดเป็น%ต่อรายได้คนชั้นล่างรายได้ต่ำ เสียภาษีเยอะกว่าคนชั้นกลาง และสูงมากแบบขั้นบันได ประเทศไทยมีโครงสร้างการเสียภาษีเป็นรูปแบบปิรามิทกลับหัวคนมีรายได้เยอะจะเสียภาษีน้อยคนมีรายได้ปานกลางเสียภาษีเยอะคนรายได้น้อยเสีภาษีเยอะที่สุด


อย่างแรกเลย ผมคิดว่าภาษีควรเก็บแปรผันตามการใช้ทรัพยากรของประเทศครับ
อย่างนักธุรกิจเจ้าของโรงงานเนี่ย ต้องใช้รถบรรทุกเยอะ ถนนก็ได้รับความเสียหายเยอะกว่ามนุษย์เงินเดือนปกติ ไฟฟ้าใช้มากกว่า น้ำใช้มากกว่า
ก็ควรจ่ายค่าซ่อมแซมถนนหรือสาธารณูปโภคอื่นๆมากกว่ามนุษย์เงินเดือนปกติแบบขั้นบันไดน่ะถูกแล้วครับ
เขาจะได้เอาเงินส่วนนี้ไปซ่อมหรือปรับปรุงสาธารณูปโภค


ถ้าคิดเป็น % บางที คนรวยอาจจะเสียภาษีเมื่อคิดเป็น % เทียบกับรายได้ อาจจะน้อยกว่าก็ได้ครับ
เพราะการคิดภาษีบุคคลได้ กับ ภาษีนิติบุคคลมันต่างกันครับ
ถ้าคิดภาษีบุคคลได้ มันเอา "รายได้ทั้งหมดเป็นตัวตั้งครับ"
แต่ถ้าคิดภาษีนิติบุคคล มันเอา "กำไร หรือ รายได้ - รายจ่าย"


ลองคิดสิว่าบริษัทคนรวยมีรายได้ 1,000,000 บาท มีรายจ่าย 500,000 บาท ฐานที่ตัวเลขเอามาคิดคือกำไร คือ 1,000,000 - 500,000 = 500,000 บาท


ขณะที่มนุษย์เงินเดือนทั่วไป สมมุติว่ามีรายได้ เท่ากับคนรวย 1,000,000 มีรายจ่าย 500,000 บาท เท่ากัน
ฐานที่ตัวเลขที่เอามาคิดคือรายได้ ก็คือ 1,000,000 บาทเต็มๆ โดยไม่สามารถหักรายจ่ายได้


คนชั้นกลางจริงๆโดน % สูงกว่าคนรวยนะครับ อันนี้คือเรื่องจริงเลย เพียงแต่ปริมาณเงินคนรวยมันเยอะ มันเลยทำให้ดูเสียภาษีมากกว่า


แล้วในกฎหมายของไทย การเสียภาษีบุคคลได้สูงสุดคือ 35% นะครับ ขณะที่การเสียภาษีนิติบุคคลสูงสุดคือ 20%


คุณลองอ่านกฎหมายการเสียภาษี แล้วจะเข้าใจ Hidden Agenda ว่าทำไมการเสียภาษีของไทยถึงเป็นแบบนี้? ทำไมชนชั้นกลางถึงเสียภาษีใน%ที่มากกว่าคนรวย?
ทั้งที่ปกติแล้ว คนชั้นกลางควรเสียภาษีใน % ที่น้อยกว่าคนรวย ถูกมั้ยครับ แต่ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้?
สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 16, 2024, 11:22:39 AM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,228
  • ถูกใจแล้ว: 3932 ครั้ง
  • ความนิยม: +299/-402
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 17, 2024, 12:38:12 AM »
ภาษีในไทยไม่ไช่แค่เก็บโดยตรงครับแต่เก็บโดยอ้อมนี่แหละตัวดีคนเราไช้น้ำมันเท่ากันไช่ไหมครับ และภาษีตรงนี้หักณ.ที่จ่ายน้ำมันนี่เก็บภาษีตรงๆเกิน100%เลย หลายอย่างในไทยครับไม่สิทุกอย่างในไทยพลักภาษีมาไห้ผู้บริโภค ดังนั้นอย่าบอกว่าคนรายได้ร้อยไม่เสียภาษีความจริงพวกเราเสียภาษีกันอยู่แล้วทุกคน ปีๆหนึ่งหลายพันหลายหมื่นบาทถ้าคำนวนง่ายฟทุกบาทที่ไช้จ่ายในไทยหักภาษีอัติโนมัติอย่างต่ำ20% ผมถึงบอกว่าไทยเราเนี่ยเก็บภาษีโหดมากและคนรวยจะได้ส่วนลดทางภาษีเยอะมากแถมพลักภาษีไห้คนจนและคนชั้นกลางอีก?ี
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Pacifist

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 86
  • ถูกใจแล้ว: 18 ครั้ง
  • ความนิยม: +2/-2
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 17, 2024, 07:04:04 AM »
ตามที่คุณ @Black7nos ว่าเลย โครงสร้างมันถูกออกแบบมาเพื่อเอื้อนายทุนซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของพรรคการเมืองและ Elite


รวมหัวกันกดประชาชน ที่แย่หนักก็คือระบบตรวจสอบที่ไว้คานอำนาจดันไปร่วมด้วยอีก


ผมเข้าใจความรู้สึกที่ไม่อยากจ่ายภาษีไปให้พวกนี้คอรัปชั่นนะ แต่การเลี่ยงหรือหนีภาษีมันคือการทำผิดกฎหมายอะ
สมมติ รบ. นี้ผมไม่ได้เลือกมา ผมไม่จ่ายภาษีได้มั้ยล่ะ ก็ไม่ได้อีก :/
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: NyoronXD, Black7nos

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 17, 2024, 08:52:53 AM »
ตามที่คุณ @Black7nos ว่าเลย โครงสร้างมันถูกออกแบบมาเพื่อเอื้อนายทุนซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของพรรคการเมืองและ Elite


รวมหัวกันกดประชาชน ที่แย่หนักก็คือระบบตรวจสอบที่ไว้คานอำนาจดันไปร่วมด้วยอีก


ผมเข้าใจความรู้สึกที่ไม่อยากจ่ายภาษีไปให้พวกนี้คอรัปชั่นนะ แต่การเลี่ยงหรือหนีภาษีมันคือการทำผิดกฎหมายอะ
สมมติ รบ. นี้ผมไม่ได้เลือกมา ผมไม่จ่ายภาษีได้มั้ยล่ะ ก็ไม่ได้อีก :/


@Pacifist
ถ้าเป็นต่างประเทศ เราสามารถเลือกที่จะเลือกได้ว่าเราจะเสียภาษีให้หน่วยงานไหน เช่น ญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่นเนี่ยสมมุติ 50%(สัดส่วนจริงๆผมไม่ชัวร์นะ) เราเสียภาษีเข้าคลังกลางของประเทศ แต่อีก 50% เราสามารถเลือกหน่วยงานที่จะเสียให้ได้ ถ้าเราคิดว่าหน่วยงานนั้นทำงานได้ดี


ผมเสียภาษีทั้งหมด 10,000 บาท ผมเสีย 50% เข้ากองกลางไป 5,000 บาท ที่เหลืออีก 50% ผมสามารถจิ้มเลือกได้ว่าจะเสียภาษีให้ใคร
เช่น จังหวัด A ที่ผมอยู่ทำงานได้ดี ผมเลือกจะเสียภาษีให้ A 25% และ หน่วยงานปราบปรามทุจริตปีนี้ทำงานได้ดี ผมเลือกเสียให้ 25%


ถ้าทำแบบนี้ ราชการจะมีกำลังใจในการทำงานเพื่อประชาชน หน่วยงานไหนทำงานดี ประชาชนเห็นผลงาน ประชาชนรัก หน่วยงานนั้นก็จะได้งบจากภาษีเพิ่ม
จะเอาไปเป็นโบนัสเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ หรือ เอาเป็นงบเพื่อมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือใหม่ๆมาใช้งานก็ได้ แถมระบบแบบนี้มันแฟร์ด้วย
หน่วยงานไหนทำงานดีก็ควรได้รับสิ่งตอบแทน หน่วยงานไหนทำห่วยก็ไม่ควรได้รับ แถมรัฐบาลจะได้ประเมินได้ด้วยว่าหน่วยงานทำงานดีทำงานห่วย
ดีกว่าไปใช้ KPI ที่มันตั้งเกณฑ์อะไรแปลกๆมา แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่ได้สะท้อนความต้องการประชาชน


....................


ผมไม่ได้รังเกียจทุนนิยมนะ หลายคนอาจจะเข้าใจผิด จริงๆ ผมโอเคกับทุนนิยม
ดังนั้นถ้าบอกอยากเป็นทุนนิยม ก็ช่วยมองประชาชนเป็น "ผู้ถือหุ้น" และรัฐบาล+ราชการเป็น "ผู้บริหารกองทุนรวม"
ถ้าผู้บริหารกองทุนไปซื้อหุ้นตัวห่วยๆ ผู้ถือหุ้นจะรู้สึกยังไงครับ ก็เหมือนกับที่รัฐไปออกโครงการอะไรแปลกๆ แล้วประชาชนผู้เสียภาษีรู้สึกนั่นแหละครับ
อยากให้เกรงใจประชาชนบ้างอะไรบ้าง เหมือนกับที่เกรงใจผู้ถือหุ้นบ้างครับ


แต่หลายครั้งฝ่ายรัฐเก็บภาษีเหมือนเก็บค่าคุ้มครองไพร่ในยุคกลาง แล้วรัฐก็เหมือนลอร์ดที่เอาเงินค่าคุ้มครองเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้
หรือไม่ก็เอาเงินเข้ากระเป๋าลอร์ดเอง หรือเอาไปส่งบรรณาการแก่ใครก็ไม่รู้ที่ให้คุณให้โทษแก่ลอร์ด
มันเลยทำให้ประชาชนที่อยู่ยุคใหม่แล้วเนี่ยรู้สึกแย่ไปด้วย ไม่มีใครอยากเสียภาษีเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นผู้อยู่ใต้การคุ้มครองหรอกครับ มันรู้สึกแย่
ทุกคนอยากเสียภาษีแล้วอยู่ในฐานะ "ผู้ถือหุ้น" ต่างหากครับ
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: NyoronXD, Pacifist

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,228
  • ถูกใจแล้ว: 3932 ครั้ง
  • ความนิยม: +299/-402
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 18, 2024, 04:51:43 AM »
[quote/]


@Pacifist
ถ้าเป็นต่างประเทศ เราสามารถเลือกที่จะเลือกได้ว่าเราจะเสียภาษีให้หน่วยงานไหน เช่น ญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่นเนี่ยสมมุติ 50%(สัดส่วนจริงๆผมไม่ชัวร์นะ) เราเสียภาษีเข้าคลังกลางของประเทศ แต่อีก 50% เราสามารถเลือกหน่วยงานที่จะเสียให้ได้ ถ้าเราคิดว่าหน่วยงานนั้นทำงานได้ดี


ผมเสียภาษีทั้งหมด 10,000 บาท ผมเสีย 50% เข้ากองกลางไป 5,000 บาท ที่เหลืออีก 50% ผมสามารถจิ้มเลือกได้ว่าจะเสียภาษีให้ใคร
เช่น จังหวัด A ที่ผมอยู่ทำงานได้ดี ผมเลือกจะเสียภาษีให้ A 25% และ หน่วยงานปราบปรามทุจริตปีนี้ทำงานได้ดี ผมเลือกเสียให้ 25%


ถ้าทำแบบนี้ ราชการจะมีกำลังใจในการทำงานเพื่อประชาชน หน่วยงานไหนทำงานดี ประชาชนเห็นผลงาน ประชาชนรัก หน่วยงานนั้นก็จะได้งบจากภาษีเพิ่ม
จะเอาไปเป็นโบนัสเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ หรือ เอาเป็นงบเพื่อมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือใหม่ๆมาใช้งานก็ได้ แถมระบบแบบนี้มันแฟร์ด้วย
หน่วยงานไหนทำงานดีก็ควรได้รับสิ่งตอบแทน หน่วยงานไหนทำห่วยก็ไม่ควรได้รับ แถมรัฐบาลจะได้ประเมินได้ด้วยว่าหน่วยงานทำงานดีทำงานห่วย
ดีกว่าไปใช้ KPI ที่มันตั้งเกณฑ์อะไรแปลกๆมา แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่ได้สะท้อนความต้องการประชาชน


....................


ผมไม่ได้รังเกียจทุนนิยมนะ หลายคนอาจจะเข้าใจผิด จริงๆ ผมโอเคกับทุนนิยม
ดังนั้นถ้าบอกอยากเป็นทุนนิยม ก็ช่วยมองประชาชนเป็น "ผู้ถือหุ้น" และรัฐบาล+ราชการเป็น "ผู้บริหารกองทุนรวม"
ถ้าผู้บริหารกองทุนไปซื้อหุ้นตัวห่วยๆ ผู้ถือหุ้นจะรู้สึกยังไงครับ ก็เหมือนกับที่รัฐไปออกโครงการอะไรแปลกๆ แล้วประชาชนผู้เสียภาษีรู้สึกนั่นแหละครับ
อยากให้เกรงใจประชาชนบ้างอะไรบ้าง เหมือนกับที่เกรงใจผู้ถือหุ้นบ้างครับ


แต่หลายครั้งฝ่ายรัฐเก็บภาษีเหมือนเก็บค่าคุ้มครองไพร่ในยุคกลาง แล้วรัฐก็เหมือนลอร์ดที่เอาเงินค่าคุ้มครองเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้
หรือไม่ก็เอาเงินเข้ากระเป๋าลอร์ดเอง หรือเอาไปส่งบรรณาการแก่ใครก็ไม่รู้ที่ให้คุณให้โทษแก่ลอร์ด
มันเลยทำให้ประชาชนที่อยู่ยุคใหม่แล้วเนี่ยรู้สึกแย่ไปด้วย ไม่มีใครอยากเสียภาษีเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นผู้อยู่ใต้การคุ้มครองหรอกครับ มันรู้สึกแย่
ทุกคนอยากเสียภาษีแล้วอยู่ในฐานะ "ผู้ถือหุ้น" ต่างหากครับ
จริงครับตัวอย่างกองทุนน้ำมันที่เก็บทันที่4บาทต่อลิทธนี่คือสาเหตุที่น้ำมันแพง เพราะราคาตลาดเท่าไหร่ก็ช่างเอาราคาตลาดบวกภาษีบวกกองทุนน้ำมันอีกสี่บาท จุดที่ร้ายกาจคือเอาเงินไปไช้อะไรไม่รู้เก็บมาสิบกว่าปี มีเงินเท่าไหร่ไม่รู้เป็นกองทุนที่ลึกลับมากบอกเอาไว้อุ้มตอนน้ำมันแพงแต่ผมก็ไม่เห็นว่าเอามาไช้ตอนไหน น้ำมันแพงถูกก็เก็บตลอด

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,679
  • ถูกใจแล้ว: 2830 ครั้ง
  • ความนิยม: +187/-0
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: เมษายน 18, 2024, 08:08:10 AM »
[quote/]
จริงครับตัวอย่างกองทุนน้ำมันที่เก็บทันที่4บาทต่อลิทธนี่คือสาเหตุที่น้ำมันแพง เพราะราคาตลาดเท่าไหร่ก็ช่างเอาราคาตลาดบวกภาษีบวกกองทุนน้ำมันอีกสี่บาท จุดที่ร้ายกาจคือเอาเงินไปไช้อะไรไม่รู้เก็บมาสิบกว่าปี มีเงินเท่าไหร่ไม่รู้เป็นกองทุนที่ลึกลับมากบอกเอาไว้อุ้มตอนน้ำมันแพงแต่ผมก็ไม่เห็นว่าเอามาไช้ตอนไหน น้ำมันแพงถูกก็เก็บตลอด


ตอนนี้เห็นว่าขาดทุนสะสมแสนล้านแล้วครับ
ลึกลับไหมผมไม่รู้ๆแต่ ตอนน้ำมันดิบราคา 30-40 เหรียญ
ราคาดีเซล 20-25 บาท
ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบแถวๆ 90 เหรียญ
ราคาดีเซล 30 บาท


https://www.globalpetrolprices.com/diesel_prices/

ถ้าดูตามข้อมูลนี้จะเห็นว่าในอาเซียน ที่ถูกกว่าไทยมีแค่มาเลเซีย
ขนาดอินเดียที่รับน้ำมันถูกจากรัสเซีย และใกล้ตะวันออกกลางยังแพงกว่า
จีนที่รับน้ำมันรัสเซียมาก็แพงกว่าไทย

คือไม่ได้ว่าไทยเก่งกว่าหรือไม่ แต่จะเห็นได้ว่า
ไทยน่าจะแทรกแซงค่าน้ำมันดีเซลแล้ว

พอไปเทียบกับประเทศผู้ส่งออกน้ำมันแบบอเมริกา
เขาแพงกว่าเรา 27%
ส่วนเราแพงกว่ารัสเซีย 19%


คือผมว่าทุกประเทศแทรกแซงหมดแหล่ะ
แต่คงไม่ค่อยมาประเทศที่เพิ่มราคากันมากมายหรอก
แต่ที่รัฐ ช่วยอุดหนุนให้ราคาถูกลงน่าจะเยอะกว่า 


เพราะงั้นถ้าดูประเทศที่ค่าน้ำมันแพงกว่าไทยทั้งที่อยู่ใกล้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือเป็นผู้ส่งออกเอง
แปลว่าเขาน่าจะไม่อุดหนุน หรือช่วยน้อยมาก
อย่างอินเดีย หรืออเมริกา


ราคาน้ำมันดีเซลไทย ควรจะราวๆ  1 เหรียญขึ้นไป หรือราวๆ 40 บาทต่อลิตร
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,359
  • ถูกใจแล้ว: 3346 ครั้ง
  • ความนิยม: +214/-280
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: เมษายน 18, 2024, 09:09:05 AM »
[quote/]


ตอนนี้เห็นว่าขาดทุนสะสมแสนล้านแล้วครับ
ลึกลับไหมผมไม่รู้ๆแต่ ตอนน้ำมันดิบราคา 30-40 เหรียญ
ราคาดีเซล 20-25 บาท
ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบแถวๆ 90 เหรียญ
ราคาดีเซล 30 บาท


https://www.globalpetrolprices.com/diesel_prices/

ถ้าดูตามข้อมูลนี้จะเห็นว่าในอาเซียน ที่ถูกกว่าไทยมีแค่มาเลเซีย
ขนาดอินเดียที่รับน้ำมันถูกจากรัสเซีย และใกล้ตะวันออกกลางยังแพงกว่า
จีนที่รับน้ำมันรัสเซียมาก็แพงกว่าไทย

คือไม่ได้ว่าไทยเก่งกว่าหรือไม่ แต่จะเห็นได้ว่า
ไทยน่าจะแทรกแซงค่าน้ำมันดีเซลแล้ว

พอไปเทียบกับประเทศผู้ส่งออกน้ำมันแบบอเมริกา
เขาแพงกว่าเรา 27%
ส่วนเราแพงกว่ารัสเซีย 19%


คือผมว่าทุกประเทศแทรกแซงหมดแหล่ะ
แต่คงไม่ค่อยมาประเทศที่เพิ่มราคากันมากมายหรอก
แต่ที่รัฐ ช่วยอุดหนุนให้ราคาถูกลงน่าจะเยอะกว่า 


เพราะงั้นถ้าดูประเทศที่ค่าน้ำมันแพงกว่าไทยทั้งที่อยู่ใกล้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือเป็นผู้ส่งออกเอง
แปลว่าเขาน่าจะไม่อุดหนุน หรือช่วยน้อยมาก
อย่างอินเดีย หรืออเมริกา


ราคาน้ำมันดีเซลไทย ควรจะราวๆ  1 เหรียญขึ้นไป หรือราวๆ 40 บาทต่อลิตร


น้ำมันดิบคิดเป็นหน่วย Barrel (ถังน้ำมัน) 1 บาเรล = 158.987 ลิตร
ถ้าน้ำมันดิบ 82.75 เหรียญ(ณ วันนี้) = 82.75/158.987 = 0.52 เหรียญ/ลิตร
คิดเป็นเงินไทย ณ เวลาปัจจุบัน = 0.52 x 36.82 = 19.16 บาท/ลิตร ครับ


ราคาน้ำมันดีเซล ในวันนี้ = 30.44 บาท/ลิตร
ดังนั้นส่วนต่างจริงๆของน้ำมันดีเซล กับ น้ำมันดิบ = 30.44 - 19.16 = 11.28 บาท/ลิตร


ผมว่ามันเยอะแปลกๆอยู่ดีนะ ต่อให้รวม Cost การกลั่นน้ำมันดิบเป็นดีเซล + VAT + ภาษีหัก ณ ที่จ่าย + กองทุนน้ำมัน
ราคามันเปลี่ยนจากน้ำมันดิบ มาเป็นน้ำมันดีเซล เกือบ 11.28/19.16 = 58.87% อันนี้แพงเท่ากับภาษีสรรพสามิตรเก็บพวกเหล้าบุหรี่จากต่างประเทศเลยนะ


ผมว่าอันนี้แปลกแล้ว แทรกแซงยังไงให้แพงกว่าเดิม มาเล 16.60 บาท/ลิตร ประหลาดแล้ว เหมือนจงใจให้เกิดธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนเลย
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ DDAvatar

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 591
  • ถูกใจแล้ว: 275 ครั้ง
  • ความนิยม: +11/-20
Re: ความแตกต่างระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการ"
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: เมษายน 18, 2024, 09:55:39 AM »
3000 บาท ต่อเดือนปัจจุบันคนแก่ 13 ล้านคน คือปีละ 5 แสนล้านนะ ปีละนะไม่ใช่ 5 แสนล้านโครมเดียว แบบเพื่อไทย
แบ่งเป็นงบปีละ 1.6 ล้าน 2 ปี และงบใช้หนี้ ธกส ปีละ 60000 ล้าน ไปอีก 10-20ปี



รายได้ ต่อปีของรัฐบาล แค่ปีละ 2.66 ล้าน และมีแนวโน้มว่าจะลดลงต่อเนื่องจากสังคมผู้สูงอายุ และตัวเลข
ที่ต้องจ่าจะต้องมากขึ้น ตามโครงสร้างประชากร


คนคิดนโยบาย เคยคิดบ้างไหม ว่า อีก 20 ปี นโยบายนี้จะเป็นไง


แต่ พี่ชายผมพูดไว้ทำให้ผมคิดได้ว่าจะแคร์อะไรเราเป็นคนรุ่น ที่ยังทันรับผลประโยชน์ คนที่ต้องใช้หนี้มันคือพวกเฮโล
เลือกก้าวไกลนั่นแหละ เขาพอใจกับ นโยบายแบบนี้ก็ปล่อยไป


 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก