มีคนวิจารณ์ไว้น่าคิด
Irondome ป้องกันได้ 99.97%
แต่หากอิหร่านส่งมา 10000 ลูกเท่ากับจะหลุดมาสาม
และความเป็นจริงคงไม่ใช่ 99.97% อย่างที่คาด
แค่หลุดมา 1% อิสราเอลก็คงรับไม่ไหวแล้ว
เขาไม่ได้วัดกันที่ % เขาติดตั้งไว้เท่าไหร่ต่างหาก เช่นติดไว้ 1000 ลูก ยิงมา 1100 ลูก 100 ลูกก็เข้าเป้าหมด
คือมันไม่ใช่แค่ซื้อมาเยอะๆแล้วจะกันได้เพิ่มขึ้นเสมอไปนะ
แบบ พอเป้ามา 1000 เป้า คอมจะต้องคำนวน จะใช้ลูกไหนยิงก่อนหลัง
พอตรวจเจอแล้วไล่ลำดับอาจจะดูทำได้ แต่เรื่องจริงคือความไวและทิศทางยิงมาไม่เท่ากัน
เช่น ลูกแรกที่โดนสกัด จะมีแรงระเบิด รัศมี 20 เมตร เป็นเวลา 0.5 วินาที แต่เป้าลูกที่ 2 ทับเส้นทางระเบิด
และถ้ายิงที่ความเร็วเสียง 0.5 วินาที คือห่างกันเป็น 150 เมตรก็ยังอาจโดนผลกระทบ คืออาจจะโดนแล้วระเบิดหรือ เบี่ยงเลี้ยว
คือระบบสกัดมันต้องยิงชนกัน การเปลี่ยนทิศจากแรงระเบิดกระทันหัน แค่ 1% จาก 100 เมตรก็ห่างเป้าเป็นเมตรละ
แน่นอนว่าถ้าใช้วิธีล็อกเป้ามันก็วิ่งไปจุดนัดพบใหม่ได้
แต่ถ้าเป้ามันเปลี่ยน ด้วยแรงระเบิด กับตัวช่วยเปลี่ยนวิถีหัวรบ คิดว่าอันไหนจะเปลี่ยนทิศหักเลี้ยวได้แรงกว่ากันล่ะ
เพราะงั้นมันไม่ได้วัดกันที่ % ความแม่นยำ
แต่มันวัดกันที่เตรียมระบบพร้อมยิงกี่ลูก กับเป้าถูกยิงมากี่ลูกพร้อมๆกัน
และความคลาดเคลื่อนหน้างาน มันมากแค่ไหน
แน่นอนส่วนใหญ่ก็คาดว่าสกัดได้นั่นแหล่ะ แต่ระบบป้องกันมันมีขีดจำกัดในแต่ระรอบอยู่
ในขณะที่การยิงใส่เป้าหมาย มันยัดลงไปได้มหาศาลกว่ามาก
เช่นยิง ขีปาวุธ ระยะไกล้ กลาง ไกล แต่คำนวนให้ไปโดนสกัดที่น่าฟ้า เป้าทำลายเวลาห่างกันแค่ไม่กี่วินาที
แล้วให้ แบบความเร็วสูงมาถึงทีหลังจากเกิดการยิงสกัด ในจังหว่ะเวลาใกล้ๆกัน
แรงระเบิดจากชุดก่อนหน้าอาจจะทำให้ระบบที่จะสกัดแบบ ไฮเปอร์โซนิค อาจจะเพี้ยน
ระบบเรด้า อาจจะทำงานพลาดไปไม่ถึงวิ แต่ขีปนาวุธ อาจจะวิ่งไปมากกว่า 2 กม.แล้วก็ได้
แต่ระยะยาวยิงข้ามประเทศ ยังไงก็แพงกว่า แต่ใครจะรู้ ที่ยิงๆไปรอบก่อนๆอาจจะเพื่อการทดสอบและประเมิณหา ว่าขีดจำกัดการป้องกันคือกี่ลูกก็ได้
รอบหน้าที่จะเอาจริงจะได้ เตรียมให้ถูกว่าจะต้องยิงพร้อมกันกี่ลูก ระบบป้องกันถึงจะหยุดทำงาน
ถ้าแบบในหนังคงมีขีปนาวุธแบบ EMP หรือแบบรบกวนเรดาร์ชั่วคราว ทำให้ระบบเอ๋อตอนของจริงวิ่งมาถึงแนวป้องกัน