[quote/]
ประเด็นคือดูท่า อเมริกาก็จะขาดทุนครับ
คืออเมริกาจ่ายไปก่อน อุดหนุนเงินให้ยืม
ให้ยืม 100 แล้วกลับมาซื้อของตัวเอง เงินเข้าบ.อาวุธจริงๆ 20
คือมันต้องจ่ายค่าวัตถุดิบ
แต่ถ้ายูเครนไม่ชนะ สุดท้ายยูเครนจะไม่มีจ่ายให้อเมริกา
แล้วเงินที่อเมริกาเพิ่มเพดานมันจะหมดก่อน
คือถ้ายื้อนานๆกลายเป็น อเมริกาจะได้เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ขึ้นๆ ถึงจุดๆนึง ยูเครนก็จ่ายไม่ไหว
แถมถ้าไม่ชนะ สิ่งที่ควรจ่ายได้ก็จ่ายไม่ได้
เพราะงั้นถ้าจบที่เจรจาแบ่งผลประโยชน์ในช่วงที่ยูเครนจ่ายไหว อเมริกายังกำไร
แต่ถ้าทำสงครามต่อนานๆ จนงบเกินกว่ายูเครนจะจ่ายครบ อเมริกาก็ไม่อยากรอเหมือนกัน
อย่างสมมุติ ยูเครนคืนหนี้ไหวแค่ทรัพย์สิน 1 ล้านๆ
แล่ะจ่ายอีกปีละ 1 แสนล้าน แต่ถ้าไปยึดทรัพย์หมด ยูเครนก็จ่ายได้แค่นั้น
ถ้างบการรบมันแค่ 2 แสนล้าน ยูเครนจ่ายไหว
แต่ถ้า งบรบ 1 ล้านๆ ยูเครนก็เอาสัมปทานสมบัติต่างๆไปแลกจนหมด ก็จบหนี้ได้
แต่ถ้าสงครามไม่ชนะ ยูเครนก็ให้สัมปทานอะไรไม่ได้เลย
แล้วเงินอเมริกา ต้องจ่ายดอกด้วยนะเออ
แล้วพอไม่อุดหนุนยูเครนๆก็แพ้ ถ้ายืดสงครามไปนานๆ เงินก็ไม่ได้คืนมีแต่ ลูกหนี้กู้เพิ่มๆ แล้วไม่จ่าย
เงินอเมริกาปรกติก็ไม่พอใช้อยู่แล้ว ยังเจอลูกหนี้ไม่มีไม่หนีไม่จ่ายจนกว่าจะชนะสงครามแล้วฟื้นตัว
แต่ถ้าเปลี่ยนผู้นำ สงบศึก แล้วบังคับใช้หนี้เลย อเมริกาก็ไม่ต้องเอาเงินจำนวนมากๆไปแช่ในสงครามนานๆ
แล้วตอนนี้มีเรื่องอิสราเอลอีก ยูเครนลงมากไปกว่านี้ถ้าไม่ชนะจะไม่คุ้มเอา
เหมือนแบ่งเค้กกัน ก้อนละ 100 บาท ตอนแรกใช้เงิน 20 บาท ขอประมูลแบ่งเค้กกัน 2 คน ก็สู้ราคาได้เรื่อยๆ
แต่ถ้าราคาดีดไป 50 บาท แบ่งคนละครึ่งก็ยังคุ้มอยู่ แต่ถ้าปล่อยไปจนทะลุ 100 บาท ได้ทั้งหมดยังไม่คุ้มเลย
แทนที่จะรอไปจนเข้าเนื้อเอง ยอมที่ 40 บาท แล้วแบ่งกันคนละครึ่งดีกว่าไหม
คุณก็เกลียดและอคติกับเมกาเกินไปครับ
แน่นอนครับว่าสงครามมันมีต้นทุนทั้งสองฝ่าย
ที่นี้ผมถามคำถามง่ายๆ เมกา กับ รัสเซีย ใครมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่ากัน?
เมกาใหญ่อันดับ 1 ของโลก ขณะที่รัสเซียมีขนาดพอๆกับแคนาดาหรือเกาหลีใต้เองนะ
คิดว่าใครจะเงินหมดก่อนครับ? นี่ยังไม่นับว่ารัสเซียเป็นประเทศที่มีการทุจริตคอรัปชั่นติดอันดับ Topๆ ของโลกเลยนะ
และตัวประเทศของเมกาไม่ได้เสียหายนะครับ ขณะที่รัสเซียตีกับยูเครน ชายแดนมันติดกัน พวกที่ดินและอาคารเสียหายเยอะนะครับที่โดนลูกหลงจากโดรน
ไหนจะเรื่องประชากรอีก เมกาเกณฑ์ประชาชนพลเรือนทั่วไปของเขาเข้ามาร่วมรบในสงครามยูเครน-รัสเซียนี้เหรอครับ?
ขณะที่รัสเซียเกณฑ์ทหารรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ถามจริงจบสงครามจะเหลือประชากรผลิตสินค้าและงานบริการเท่าไหร่กันเชียวครับ
การจะฟื้นฟูจากผลกระทบสงครามยังไงมันก็ต้องพึ่งปริมาณการผลิต แล้วประชากรหายไปมากๆ มันก็เกิดการขาดแคลนคนทำงาน
ไลน์การผลิตก็หยุดชะงักเพราะขาดคน
ไม่ต้องเป็นห่วงเมกามากนักหรอกครับ มันเอาตัวรอดเก่ง มันผ่านยุคสมัยที่ยาก มันก็ผ่านมาได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็น First Depression จากสงครามโลกครั้งที่ 1, สงครามโลกครั้งที่ 2, สงครามเย็น ฯลฯ
มหาลัยฯที่สอนเศรษฐศาสตร์และการเงินอันดับหนึ่งของโลก มันอยู่เมกานะครับเช่น MIT, Havard, Chicago, Princeton, Stanford, Yale ฯลฯ
มันจึงไม่น่าแปลกใจที่นักลงทุนที่มีชื่อเสียงดังๆ จะเป็นคนเมกา ผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆแปลกๆเมกาก็เป็นคนคิด เช่น อนุพันธ์ต่างๆ
ผมไม่ได้พูดอวยเมกานะ แต่ผมพูดตามความจริงตามเนื้อผ้าเลย
อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ Soft Power ที่ผมเคยพูดว่าของเมกาคือ ธนบัตรดอลลาห์ ใช่มั้ย
จริงๆ มันมีอีกอย่างหนึ่งที่ไม่แพ้ธนบัตรดอลลาห์เลย ทราบมั้ยมันคืออะไร?
มันคือ การศึกษาด้านวิชาสายคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของโลกไงครับ
ทุกคนเกือบทั้งร้อยถามว่าอยากเรียนต่อต่างประเทศที่ไหน ผมว่าเกือบ 8 ใน 10 จะตอบว่าเมกาเป็นอันดับหนึ่ง
องค์ความรู้ซึ่งเป็นของมหาลัยผ่านงานวิจัยมันสืบทอดและมันก็มีเยอะมาก มันเยอะขนาดไหนลองคิดเอาว่าบางมหาลัยฯเก่าแก่กว่ากรุงรัตนโกสินทร์เสียอีก เช่น Havard ก็ปาไป 373 ปีแล้ว
373 ปี สมัยอยุธยา เรายังไม่มีโรงเรียนที่มีการจัดการรูปแบบการสอนที่เป็นระบบระเบียบเลย แต่เมกาเขามีมหาลัยฯแล้ว
ก็คิดเอาว่าองค์ความรู้ที่มันสะสมไว้จนถึงปัจจุบันมันจะเยอะขนาดไหน มันจึงไม่แปลกว่าทำไมการศึกษาของเมกา คือ Soft Power อีกอันหนึ่งที่ดึงดูดต่างชาติมาเรียนต่อที่เมกา
พอมาเรียนเมกา นักศึกษาทำการศึกษาวิจัยเพื่อจะจบการศึกษา งานวิจัยเหล่านี้มันก็เป็นลิขสิทธิ์ของมหาลัยเขา แค่เอกชนมาขอซื้อลิขสิทธิ์มาขอซื้อความรู้งานวิจัย
มหาลัยเขาก็กำไรบานแล้ว