อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 222 ของสงคราม (สถานการณ์ในยูเครน & การสนับสนุนจากชาติตะวันตก) 1. หลังจากที่เมื่อวานนี้กองทัพรัสเซียไม่สามารถต้านทานการรุกของกองทัพยูเครนได้ และท้ายที่สุดต้องทำการล่าถอยในเมืองไลมาน (Lyman) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ดูเหมือนว่าในวันนี้สถานการณ์คล้ายคลึงกันกำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดเคอร์สัน (Kherson Oblast) ที่กองทัพยูเครนได้เปิดฉากการรุกใหญ่ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา มีรายงานว่ากองทัพยูเครนได้เปิดฉากการรุกด้วยหัวหอกรถถังและยานเกราะ จากแนวรบทางตะวันออกเฉียงเหนือของเคอร์สัน ก่อนทำการรุกลงใต้ ทะลวงแนวตั้งรับของรัสเซียตลอดแนวแม่น้ำนีเปอร์ (Dnieper River) ไปจนถึงเมืองดุดชานี (Dudchany) คิดเป็นระยะทางประมาณ 25 กม. จากแนวหน้า
ภาพประกอบ 1 แสดงเส้นทางการรุกครั้งใหม่อันรวดเร็วของยูเครนในเคอร์สัน
(ลูกศร) กรอบสีแดงคือเมืองดุดชานี ที่รัสเซียกำลังพยายามตั้งแนวรับเพื่อต้านทานการรุกครั้งใหม่ของยูเครน
ทั้งนี้ รายงานบางกระแสบอกว่า กองทัพยูเครนสามารถยึดเมืองดุดชานีได้เรียบร้อยแล้ว และกำลังมุ่งหน้าเข้าตีเมืองเบรีสลาฟ (Beryslav) อยู่ในตอนนี้ ซึ่งหากเป็นจริง จะเท่ากับว่ากองทัพยูเครนทำการเคลื่อนทัพในระยะทางไกลถึง 72 กม. ภายในคืนเดียว ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเบรีสลาฟในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตัวเมือง แต่น่าจะหมายถึงแนวพรมแดนของเขตเบรีสลาฟ (Beryslav Raion) มากกว่า
ภาพประกอบ 2 แสดงระยะทางการเคลื่อนทัพของยูเครน จากแนวหน้าทางเหนือลงใต้มายังดุดชานี
(ลูกศรตัวหนา) ก่อนพุ่งลงใต้ไปยังเบรีสลาฟ
(ลูกศรตัวบาง) นักวิชาการส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าการเข้าตีเบรีสลาฟนั้นน่าจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดพลาดในการสื่อสารมากกว่า
(จาก “เคลื่อนกำลังประชิดเขตแดนของอำเภอ” กลายเป็น “เข้าตีตัวเมืองหลักของอำเภอ” ไปแทน) และเชื่อว่ากองทัพยูเครนในตอนนี้ยังคงปะทะกับกองทัพรัสเซียในดุดชานีอยู่
ทั้งนี้ หากว่ายูเครนสามารถควบคุมพื้นที่ในเมืองดุดชานีได้จริง จะถือเป็นภัยอันตรายต่อกองทัพรัสเซียอย่างมาก เพราะเมืองดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากโนวาคาคอฟกา (Nova Kakhovka) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา (Kakhovka Hydroelectric Power Plant) จังหวัดเคอร์สัน และรวมไปถึงสะพานเขื่อนคาคอฟกา (Kakhovka Dam Bridge) หนึ่งในสะพานไม่กี่แห่งที่รัสเซียใช้เพื่อลำเลียงกำลังสนับสนุนและยุทธปัจจัยต่างๆ เข้าไปยังเมืองเคอร์สัน นอกจากนี้การเข้ายึดดุดชานีจะทำให้เมืองชาพลินกา (Chaplynka) ซึ่งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำนีเปอร์ ที่ตั้งของฐานทัพอากาศและศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพรัสเซียในเคอร์สัน ตกอยู่ในระยะยิงของเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS และ M270 MLRS ของยูเครนพอดิบพอดี
(ประมาณ 90 กม.) ภาพประกอบ 3 แสดงตำแหน่งของดุดชานี จะเห็นตำแหน่งของเมืองโนวาคาคอฟกา และชาพลินกานั้นอยู่ไม่ไกลมากนัก
2. ยูเครนยังคงได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐบาลเยอรมนี เดนมาร์ค และนอร์เวย์ ได้ร่วมกันประกาศเจตจำนง ในการระดมทุนร่วมจำนวนทั้งสิ้น 92 ล้านยูโร (3,430 ล้านบาท) เพื่อทำการจัดซื้อปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 155 ม.ม. “ซูซานา 2” (Zuzana 2) ของบริษัทสัญชาติสโลวาเกีย “คอนสตรัคตาดีเฟนซ์” (KONŠTRUKTA-Defence, a.s.) จำนวนทั้งสิ้น 16 คันให้แก่ยูเครน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม รัฐบาลสโลวาเกียได้ประกาศการส่งมอบปืนใหญ่อัตตาจร “ซูซานา 2” จำนวน 8 คันให้กับยูเครน จากทั้งหมด 16 คันที่ยูเครนยื่นเรื่องขอสั่งซื้อในตอนแรก
เมื่อรวมกับปืนใหญ่อัตตาจร “ซูซานา 2” จำนวน 8 คันแรกที่ยูเครนได้รับจากสโลวาเกีย จะทำให้จำนวนของ“ซูซานา 2” ที่มีประจำการในกองทัพยูเครนเพิ่มขึ้นเป็น 24 คันในทันที อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยการสั่งซื้อครั้งนี้เป็นการผลิตอาวุธขึ้นมาใหม่จากศูนย์ ไม่ใช่การส่งมอบแบบเร่งด่วน ทำให้คาดว่าปืนใหญ่อัตตาจร “ซูซานา 2” ชุดแรกจากจำนวนทั้งหมด 16 คัน จะสามารถทำการส่งมอบให้กองทัพยูเครนได้อย่างเร็วที่สุดภายในปี 2023
ภาพประกอบ 1 ปืนใหญ่อัตตาจร “ซูซานา 2”
นอกจากปืนใหญ่จากสโลวาเกียแล้ว ยังมีรายงานจากสำนักข่าว “เลอมองเด” (Le Monde) ของฝรั่งเศส กล่าวว่ารัฐบาลฝรั่งเศส ยูเครน และเดนมาร์คกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาส่งมอบปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 155 ม.ม. “ซีซาร์” รุ่น 8 ล้อยาง (CAESAR 8x8) จำนวน 6 - 12 คันให้แก่ยูเครน จากจำนวนทั้งหมด 15 คันที่กองทัพยูเครนยื่นคำร้องขอสั่งซื้อกับรัฐบาลฝรั่งเศส โดยปืนใหญ่ชุดนี้จะมาจากปืนใหญ่อัตตาจร “ซีซาร์” ที่กองทัพเดนมาร์คสั่งซื้อจากบริษัท “เนกซ์เตอร์” (Nexter S.A.) รัฐวิสาหกิจด้านการพัฒนาอาวุธของฝรั่งเศสในปี 2017 และ 2019 จำนวนทั้งสิ้น 19 คัน และปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการส่งมอบให้แก่กองทัพเดนมาร์ค
จนถึงปัจจุบัน กองทัพยูเครนได้รับมอบปืนใหญ่อัตตาจรขนาด 155 ม.ม. “ซีซาร์” รุ่น 6 ล้อยาง (CAESAR 6x6) จากฝรั่งเศสจำนวนทั้งสิ้น 18 คัน หากการเจรจาส่งมอบครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะทำให้จำนวนของปืนใหญ่อัตตาจร “ซีซาร์”ในกองทัพยูเครนเพิ่มขึ้นเป็น 24 - 30 คันเลยทีเดียว
ภาพประกอบ 2 และ 3 ปืนใหญ่อัตตาจร “ซีซาร์” รุ่น 6 ล้อยางของกองทัพฝรั่งเศสที่ยูเครนใช้งาน
(ภาพ 2) เปรียบเทียบกับ “ซีซาร์” รุ่น 8 ล้อยางของเดนมาร์คและกำลังจะถูกส่งไปอยู่ในมือของกองทัพยูเครน
(ภาพ 3) จะเห็นว่ารุ่นของเดนมาร์คนั้นมีขนาดใหญ่กว่า ทำให้มีเกราะหนากว่า และมีพื้นที่ในการลำเลียงกระสุนมากกว่า
(18 นัดสำหรับรุ่น 6 ล้อยางของฝรั่งเศส และ 32 นัดสำหรับรุ่น 8 ล้อยางของเดนมาร์ค) ที่มา: