ระบบจรวดหลายลำกล้อง อเมริกา มันร้าย แค่ไหน กันครับ เห็น รัสเซีย ทำท่าไม่พอใจมาก
หลังมีข้อตกลงไม่เอาไปโจมตีนอกยูเครนแล้ว อเมริกาเลยจะส่งมอบให้
จรวดหลายลำกล้องของสหรัฐอย่าง MLRS กับ HIMARS เนี่ย โดยตัวมันเอง ไม่มีผลอะไรมากนักครับ เพราะทั้ง MLRS กับ HIMARS มีระยะยิงเทียบเท่ากับจรวดหลายลำกล้องของรัสเซียอย่าง BM-27 Uragan กับ BM-30 Smerch ที่ประมาณ 70 กม. แถมเอาตรงๆ คือ Smerch ยิงไกลกว่าด้วยซ้ำด้วยระยะยิงมากถึง 90 กม.
ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นอยู่ว่าหากสหรัฐมอบจรวดขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบ MGM-140 ATACMS ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 300 กม. ให้ยูเครน จะช่วยให้กองทัพยูเครนมีขีดความสามารถในการโจมตีเป้าหมายในแนวหลังของรัสเซียเพิ่มมากขึ้น (เช่นคลังเก็บน้ำมัน ค่ายเสบียง ฐานบัญชาการ คลังสรรพาวุธ สถานีรถไฟ โรงไฟฟ้า ฯลฯ) เพราะปัจจุบันยูเครนมีเพียงแค่จรวดขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบ OTR-21 Tochka ในประจำการ ซึ่งมีระยะยิงอยู่ที่ประมาณ 120-185 กม. เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับว่าเป็นจรวดรุ่นไหน) ซึ่งสหรัฐก็ออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้มอบจรวด ATACMS ให้ยูเครนแต่อย่างใด ให้แต่จรวดรุ่นมาตรฐานแก่ยูเครนเท่านั้น
แต่พูดตามตรงแล้ว ต่อให้สหรัฐมอบ ATACMS ให้ยูเครน ก็ไม่ได้ทำให้ยูเครนได้เปรียบรัสเซียมากมายอะไร เพราะรัสเซียก็มีขีปนาวุธพิสัยใกล้อื่นๆ เช่นจรวด Tochka ของตนเอง หรือจรวด 9K720 Iskander ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 500 กม. เยอะกว่า ATACMS เสียอีก ไม่ต้องพูดถึงจรวดขีปนาวุธพิสัยกลางต่างๆ อีกมากของรัสเซีย
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญจริงๆ ที่ทำให้การมอบ HIMARS กับ MLRS ให้ยูเครนเป็นตัวเปลี่ยนเกมของสงคราม (หลายคนเขามองว่าแบบนั้นนะ) คือการส่งสัญญาณแก่รัสเซียว่าสหรัฐและพันธมิตรเช่นสหราชอาณาจักรหรือเยอรมนี พร้อมจะส่งมอบอาวุธหนักที่มีขีดความสามารถพอสำหรับโจมตีลึกเข้าไปในแผ่นดินรัสเซียได้ให้แก่ยูเครน เป็นการส่งสัญญาณอ้อมๆ ว่าถ้ารัสเซียยังไม่ยุติสงครามในทันทีละก็ ความเสียหายจากสงครามอาจไม่จำกัดวงอยู่แค่ในยูเครน แต่สามารถลามเข้าแผ่นดินรัสเซียได้
หากว่ายูเครนต้องการ (จุดนี้ต้องเน้นย้ำเลย เพราะต่อให้สหรัฐมอบอาวุธร้ายแรงแค่ไหนให้ยูเครน แต่ถ้ายูเครนประเมินว่าการโจมตีแผ่นดินรัสเซียนั้นได้ไม่คุ้มเสีย พวกเขาก็จะไม่โจมตีรัสเซีย และสหรัฐย่อมไม่บ้าจี้พอจะเป็นคนเปิดสงครามด้วยตัวเองแน่นอน)
อีกประการหนึ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องประสิทธิภาพของอาวุธ คือเรื่องของปริมาณครับ และนี่คือปัญหาร้ายแรงของรัสเซีย การคว่ำบาตรอย่างหนักทำให้รัสเซียไม่สามารถนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยนต์ และระบบนำร่องของจรวดมิสไซล์และขีปนาวุธจากชาติตะวันตกได้ ทำให้ทุกครั้งที่รัสเซียใช้มิสไซล์และขีปนาวุธโจมตียูเครน ปริมาณจรวดในคลังสำรองของกองทัพจะลดน้อยลงเรื่อยๆ และไม่สามารถทำการผลิตทดแทนได้ หรือผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและช้ามาก แต่เรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นปัญหามากนักสำหรับชาติตะวันตก ผลพวงของสงครามและปัญหา Covid-19 อาจทำให้ราคาสินค้าต่างๆ แพงขึ้น ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการผลิตอาวุธลดลงแต่อย่างใด ฉะนั้นชาติตะวันตกจะสามารถผลิตอาวุธต่างๆ ออกมาให้ยูเครนได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหมด ซึ่งในตอนแรกสายการผลิตอาวุธให้ยูเครนอาจมีแค่มิสไซล์ Stinger หรือ Javelin หรือยานเกราะกับรถยนต์เท่านั้น แต่เมื่อสหรัฐและพันธมิตรอนุญาตให้ยูเครนสามารถใช้งาน HIMARS กับ MLRS ได้แล้ว สายการผลิตของอาวุธสองชนิดนี้ย่อมเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานโดยยูเครนตามไปด้วย