อัพเดตข่าวยูเครน วันที่ 77 ของสงคราม Part 1
1. เมื่อวานนี้มีการจัดการประชุมใหญ่ของคณะกรรมาธิการกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาสหรัฐ (Senate Armed Services Committee) โดยนางเอวริล เฮนส์ (Avril Haines) ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence) ได้เข้าอภิปรายต่อคณะกรรมาธิการในประเด็นเรื่องสงครามในยูเครน และความเป็นไปได้ของท่าทีของรัฐบาลรัสเซีย
นางเฮนส์ได้กล่าวว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐประเมินว่าทางการรัสเซียกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามระยะยาวในยูเครน พร้อมกับที่ ปธน.ปูตินกำลังวางแผนจะขยายกรอบเป้าหมายของกองทัพให้ไกลกว่าแค่ในภูมิภาคดอนบาส โดยมีความเป็นไปได้ว่าปูตินอาจต้องการขยายการรุกของรัสเซียให้ไปถึงรัฐทรานส์นีสเตรีย ประเทศบริวารของรัสเซียทางตะวันตกของยูเครน
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่ารัสเซียอาจทำการประกาศกฎอัยการศึกและออกระเบียบควบคุมด้านเศรษฐกิจ เพื่อโยกย้ายทรัพยากรที่จำเป็นไปใช้ในด้านการทหาร แทนที่จะใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่ของประชาชน (น้ำมัน เหล็กกล้า ยารักษาโรค ฯลฯ) อย่างไรก็ดี หน่วยข่าวกรองสหรัฐประเมินว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนจริงๆ อย่างที่ออกมาข่มขู่อยู่บ่อยครั้ง ยกเว้นแต่ว่ารัสเซียจะเผชิญกับภัยคุกคามที่ปูตินมองว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศ (เช่นการแทรกแซงของนาโต้)
ขณะที่พลโทสก็อต เบอร์เรีย (Lieutenant-General Scott Berrier) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาโหม (Director of the Defense Intelligence Agency) ได้อภิปรายต่อคณะกรรมาธิการว่ากองทัพรัสเซียได้หันมาใช้ความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเผชิญกับการต่อต้านที่เข้มแข็งจากกองทัพยูเครน (เช่นการโจมตีโกดังเก็บธัญพืช โรงพยาบาล หรือที่หลบภัยสำหรับประชาชน) นอกจากนี้ข่าวกรองสหรัฐยังประเมินว่ามีนายพลรัสเซียถูกสังหารโดยกองทัพยูเครนไปแล้วประมาณ 8-10 นาย (ใกล้เคียงกับที่ยูเครนอ้างว่าสามารถสังหารนายพลรัสเซียได้ 11 นาย)
2. นายดมีโตร คูเลบา (Dmytro Kuleba) รมว.การต่างประเทศยูเครน ได้ออกมาแถลงผ่านบัญชีเทเลแกรมส่วนตัว ว่าตอนนี้รัฐบาลและกองทัพยูเครนได้เปลี่ยนแปลงเป้าหมายของสงครามใหม่ จากเดิมที่ยูเครนตั้งเป้าไว้ว่าต้องการให้รัสเซียถอนกำลังออกไปจากยูเครน ก่อนหน้าที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ. และทำการเจรจาตกลงเรื่องดินแดนในไครเมียกับดอนบาส โดยมีชาติตะวันตกคอยรับประกันความมั่นคงของยูเครนให้ในขณะที่ทำการเจรจากับรัสเซีย
แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งความเข้มแข้งของกองทัพยูเครนและความอ่อนแอของกองทัพรัสเซียที่มากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ทั้งสภาพกองทัพรัสเซียปัจจุบันที่ยังสาหัสจากการรบและยังไม่มีการฟื้นฟูให้กลับมามีสภาพพร้อมรบ ทั้งการสนับสนุนเต็มกำลังจากนานาชาติต่อยูเครน ทำให้นายคูเลบาประกาศ ณ ตอนนี้ เป้าหมายสูงสุดของยูเครนคือการปลดแอกดินแดนยูเครนทั้งหมดจากรัสเซีย ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียยึดไปจากยูเครนตั้งแต่ปี 2014 ด้วย
3. GTSOU (Gas Transmission System Operator of Ukraine) บริษัทผู้ให้บริหารขนส่งก๊าซธรรมชาติผ่านท่อก๊าซสายรัสเซีย-ยูเครน-ยุโรป ได้ออกมาประกาศวานนี้ ว่าสถานีชั่งตวงก๊าซสาขาโซครานิฟกา (Gas Metering Station - Sokhranivka) และสถานีบีบอัดก๊าซสาขาโนวอพสกอฟ (Gas Compression Station - Novopskov) บริเวณชายแดนจังหวัดลูฮันสก์ (Luhansk Oblast) ของยูเครนกับรัสเซีย และปัจจุบันอยู่ใต้การยึดครองของกองทัพรัสเซีย ได้เกิดอุบัติเหตุบางอย่างขึ้น ทำให้ทั้งสองสถานีไม่สามารถใช้การได้ชั่วคราว ส่งผลให้ปริมาณก๊าซที่ส่งผ่านจากรัสเซียไปยังยูเครนและเข้าสู่ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้นั้นลดน้อยลงกว่า 1/3 (32.6 ล้าน ลบ.ม./วัน)
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว ทาง GTSOU ได้ประกาศยุติการให้บริการท่อส่งก๊าซสายโซครานิฟกาทั้งหมด เนื่องจากเขตโซครานิฟกานั้นอยู่ใต้การยึดครองของรัสเซีย และทางบริษัทไม่สามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสาเหตุของการหยุดทำงานของสถานีได้ พร้อมกันนั้นจะโยกย้ายก๊าซธรรมชาติบางส่วนจากสถานีชั่งตวงก๊าซสาขาซุดจา (Gas Metering Station - Sudzha ตั้งอยู่ทางเหนือและอยู่ใต้การควบคุมของยูเครน และยังมีปริมาณการนำเข้าก๊าซที่ 77 ล้าน ลบ.ม./วัน) ที่นำเข้าก๊าซจากรัสเซียและส่งต่อไปยังชาติยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก เพื่อทดแทนแก่ชาติในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้แทน
ขณะเดียวกัน Gazprom รัฐวิสาหกิจรัสเซียผู้ให้บริการส่งออกก๊าซธรรมชาติ ออกมาตอบโต้ประเด็นดังกล่าวต่อยูเครน โดยกล่าวว่าสถานีโซครานิฟกาและโนวอพสกอฟนั้นยังคงอยู่ใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่จาก GTSOU และไม่ได้ถูกควบคุมโดยทหารรัสเซียแต่อย่างใด พร้อมกับยืนยันว่า Gazprom ไม่ได้รับรายงานเรื่องอุบัติเหตุใดๆ ในสถานีดังกล่าว
ภาพประกอบที่ 1 แสดงตำแหน่งของสถานีก๊าซซุดจาและโซครานิฟกา ส่วนภาพ 2 แสดงที่ตั้งของทั้งสองสถานี จะเห็นว่าสถานีก๊าซซุดจา (Sudja ในแผนที่ 2) ตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของเมืองซูมี (Sumy) ซึ่งยูเครนสามารถยึดคืนได้ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ขณะที่สถานีก๊าซโซครานิฟกานั้น (Sokhranovska ในแผนที่ 2) ตั้งอยู่ทางเหนือของลูฮันสก์ ในเขตยึดครองของกองทัพรัสเซีย
4. กองบัญชาการทหารยูเครนออกมาแถลงข่าวว่าตอนนี้ กองทัพยูเครนในแนวรบเมืองคาร์คิฟ (Kharkiv Frontline) ได้ยกทัพเข้าประชิดเมืองเทอร์โนวา (Ternova) ติดกับชายแดนรัสเซียแล้ว และตอนนี้กองทัพรัสเซียที่เหลืออยู่ทางเหนือของคาร์คิฟกำลังทำการถอยทัพกลับรัสเซีย เพราะไม่สามารถต้านทานการรุกของยูเครนได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ ยังต้องรอหลักฐานยืนยันอื่นๆ เช่นคำยืนยันจากฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐหรือชาตินาโต้อื่นๆ คำแถลงการณ์ของฝ่ายรัสเซีย หรือภาพหลักฐานต่างๆ แต่ถ้าหากว่าแถลงการณ์นี้เป็นความจริง จะเท่ากับว่ายูเครนได้รับชัยชนะต่อรัสเซียอีกครั้งหนึ่ง และยูเครนยังสามารถยกทัพต่อเนื่องไปทางตะวันออกของคาร์คิฟ เพื่อโจมตีแนวหลังของกองทัพรัสเซียในแนวรบเมืองอิซิอุม (Izium Frontline) ในภูมิภาคดอนบาสได้อีกด้วย
ภาพประกอบ แสดงตำแหน่งแนวรบในปัจจุบัน ณ เมืองคาร์คิฟ อ้างอิงจากคำกล่าวของฝ่ายยูเครน