เหตุการณ์สมมุตินะครับ
ณ โรงเรียนรัฐแห่งหนึ่ง ได้สร้างโครงการตลาดสุขสันต์ขึ้น เป็นตลาดที่เปิดภายในโรงเรียนทุกวันศุกร์ ตั้งแต่ช่วงเวลา 15.30 น. ที่ตรงกับคาบสวดมนต์เดิม (ซึ่งยุบไปรวมกับการสวดหลังเคารพธงชาติทุกครั้ง) จนถึงช่วงค่ำ เวลา 19.00 น. ให้นักเรียนนำสินค้าใดๆก็ตามมาขาย หรือจะอวดความสามารถด้านต่างๆ เช่น นวด สปา ตัดผม ฯลฯ ใช้พื้นที่ของหอประชุมเป็นจุดตั้งตลาด concept คือเน้นความหลากหลายในสินค้าและบริการ เมื่อเข้าซื้อของต้องซื้อคูปองที่ด้านหน้าทางเข้าก่อนทุกครั้ง (ขายโดยพนักงานโรงเรียน) ร้านค้าต่างๆก่อนจะตั้งแผงต้องได้รับการอนุมัติจากกรรมการนักเรียนก่อน
โครงการนี้มีขึ้นเพื่อตอบรับนโยบายที่ไม่อนุญาตให้นักเรียนเดินเร่ขายของอันจะเกิดภาพไม่ดีในสายตาผู้ตรวจการที่ส่วนกลางจะส่งมาสุ่มตรวจ ประกอบกับเพื่อให้ตัว ผอ. และคณะปกครองมีเครดิตดีๆที่ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม และอีกด้านคือให้นักเรียนที่ยากจนมีรายได้เสริม
แต่ก็มีวาระซ่อนเร้นเช่นกัน คือการหารายได้เสริมเข้ากระเป๋าตัวเอง คือเมื่อขายเสร็จช่วงค่ำก็จะนับยอด แล้วแบ่ง % ให้แต่ละร้านตามยอดขาย ในจำนวน 1/3 หากมีเงินเกิน เช่น บางคนซื้อคูปองแล้วใช้ไม่หมดและลืมคืน ก็จะดึงเงินเข้าส่วนกลางเช่นกัน
ทั้งนี้ยังมีนโยบายแฝงที่รู้กันแค่กลุ่มกรรมการนักเรียน ว่าแต่ละแผงต้องมีรายได้จากการขาย 500 บาทขึ้นไป หากต่ำกว่านั้นทางฝ่ายกรรมการนักเรียนต้องรวมเงินเก็บมาโปะตรงนั้น
ส่งผลให้เกิดการอนุมัติที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น คืออนุมัติแค่ร้านที่ขายดีจริงๆเท่านั้น แต่ถ้าศุกร์ไหนยอดร่วงก็โดนสอยในศุกร์ถัดไป คือจะไม่ได้อนุมัติเมื่อเสนอการขาย
ในขณะเดียวกัน บางร้านก็ขายได้ไม่เท่าไหร่ ยอดไม่เคยตามเป้า แต่ก็ยังได้อนุมัติเรื่อยๆเพราะเบื้องหลังจ่ายใต้โต๊ะให้กรรมการนักเรียนเป็นเงินเอาไปโปะ บางร้านใช้วิธีจ่ายเงินซื้อคูปองเข้าร้านตัวเองเพื่อรับตรวจให้ยอดถึง
สุดท้ายก็เหลือแค่ไม่กี่เจ้าของแผงในการขายของ แต่ศูนย์ขายของเต็มเหมือนเดิมเพราะที่เหลือคือพวกทุนใหญ่ที่เปิดที 2-3 แผงได้