[quote/]
เรื่องเมาแล้วสร้างผลงาน จริงๆ มีให้ได้ยินมาหลายคน
ไม่ว่าจะ เอลตั้นจอร์น อัดกัญชา จนเสียงไม่มียังเคย
จอห์น เลนนอนวง4เต่าทอง คล้ายๆ ได้ยินว่าใช้ LSD เห็นว่าแม้แต่ บิลกับจ๊อป ก็เคยใช้กระตุ้นจินตนาการ
ทางตะวันตกก็มีเหล้าพิเศษอันนึง กินแล้วหลอนจัดมาก มีชื่อแปลตรงตัวภาษาไทยคือ ดื่มไม่ได้
หลักๆ คือมีสมุนไพรหลอนประสาทผสม + แอลกอฮอล 95% ขึ้นไป จนมีคำเตือนข้างขวด พร้อมกระโหลกไขว้ติดไว้ ว่าห้ามกินเกินวันล่ะ 2ช้อน บางประเทศเคยมีกฏหมายห้ามขาย หรือกินเกินกำหนดด้วยซ้ำ เพราะมันแรงสัดๆ แต่มีเรื่องเล่าว่า นักประพันธ์เพลงดังๆ หรือจิตรกรชื่อก้องโลกหลายคน ชอบกิน
เห็นว่าแวน โก๊ะ ก็เป็น 1 ในนั้น
บางครั้งมันต้องการอะไรในการกระตุ้นจิตนาการแบบเกิน สามัญสำนึก เลยต้องพึงของพวกนี้บ้าง
ไปดูคลิปใน youtube แล้วน่าคิดเรื่องนิยายที่พี่โป่งหินเหล้กไฟเขียนลงหนังสือเมหือนกัน
สัญญาปีศาจ
ตีความได้อย่างหนึ่งคือยา อีกอย่างหนึ่งคือด้านมืดในใจของเรา
..
ผมไปเจอจากคำพูดบางท่าน พวกอาจารย์หรือข่าวนักศึกษาที่โดนจับยาบ้า คือพวกที่เอาไว้อ่านหนังสือน่ะครับ
หากมองงในแง่หนึ่ง ยาโด๊ปหรืออะไรอย่างนี้ของนักกีฬาก็คือการพยายามทำให้มีความสามารถสูงกว่าเวลาปรกติ...แต่ผลข้างเคียงก็อย่างที่เห็นกันนั่นล่ะครับ
ไปเจอคำกล่าวของคนที่ไฮเปอร์หรืออยู่่นิ่งไม่ได้ บอกว่าพอทานยาที่หมอให้มาแล้วบอกว่า นี่หรือคือความรู้สึกของคนปรกติ ที่สงบกว่าที่เคยเป็น
แต่นั่นหมอให้มาทานและใช้อย่างระมัดระวัง
คนเราไม่ควรเอาไปทานเองหรอกเพราะไม่รู้ว่าผลกระทบจะมีอะไรบล้างไปลเ่นกับการทำงานของร่างกายนี่
ในไทยที่ชัดๆ นอกจากพี่เสก วงมาลีฮวนนา ก็มีใครอีกหว่า?? น้าแอ๊ด น้าแอ๊ดคาราบาว
เห็นว่ากันว่ามักดื่มไวน์ก่อนแสดงคอนเสิร์ต คนที่แต่งบทเพลงมีเยอะเลยแฮะที่ขายวิญญาณ
ให้กับปีศาจสุรา
พอเอ่ยคำว่าปีศาจสุราแล้ว ก็นึกถึงโกวเล้งแฮะ เพราะได้ชื่อว่าปีศาจสุรา น่าเสียดายที่ถูก
ปีศาจสูบวิญญาณจนลาโลกด้วยวัยน้อยนิด ไม่งั้นพวกเราคงมีนิยายจีนดีๆให้อ่านมากกว่านี้
มีใครอีกหว่า ที่เด่นๆดังๆขายวิญาณให้ยาเสพติด
ขอบคุณครับท่านโฉลง
ตอนผมคอยศึกษาเรื่องยาเสพติด
ผมพอเข้าใจว่าโคเคนมันคงสร้างความสุขมากวก่าความสุขทุกอย่างที่สามารถมีได้ในภาวะปรกติ
หากเคยเสพโคเคนไปแล้ว อย่างอื่นชีวิตประจำวันจะดูไร้สีสันหากเทียบกับโคเคน
ไปเจอแนวคิดหนึ่ง ศิลปินต้องอารมณ์อ่อนไหว เพระาหากไม่อ่อนไหว จะไม่สามารถประพันธ์เพลงที่ทำให้คนดูมีอารมรืร่วมได้ สรุปคือต้องบ้านั่นเอง
the show must go on
คำนี้ราวกับบัญญัติของศาสนา ว่าเกิดอะไรขึ้นต้องแสดงต่อไป และเลยต้องพึ่งยา
ผมพยายามมองกลางๆ
ขนาดในวงการนักกีฬายังมีคนพูดประมาณว่า
คนอื่นก็โด๊ปกัน ทำไมมาจับผมคนเดียว?
จนมีคนมองว่า เรายกเลิกกฎไปเลยดีไหม เอาแบบจัดข่งพิเศษเาแบบคนเราโด๊ปกันให้ตายไปข้างไม่มีขีดจำกัดและดูว่ามนุษย์จะวิ่งได้เร็วกี่วินาทีกันแน่
สำหรับผม การได้อะไรมาโดยไม่ได้มาจากความคิดและน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมันไม่มีความหมายหรอกครับ เพราะมันไม่ใช่ของผม
สิ่งนั้นต่อให้มากในสายตาคนอื่นแต่มันไม่มีค่าอะไรในสายตาของผม
มันไม่เท่ห์แถมดูน่าสมเพชที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากสิ่งอื่น ผมไม่ชอบอะไรที่ได้มาฟรีๆ โดยไม่ลงทุนด้วยตัวเองไม่ว่าจะด้วยเงินตัวเองสมองตัวเองหรือแรงงานของตัวเอง
ถ้าผมต้องการอะไร ผมจะไขว่คว้าพยายามด้วยตัวเอง ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่มีวันก้มหัวขอร้องใคร เกิดเป็นมนุษย์ต้องหลังตรงอย่างคนมีกระดูกสันหลัง ยืนหยัดสองขาอย่างภาคภูมิ
นี่แหละคือวิถีนินจาของฉัน
"สิ่งที่คนอื่นมอบให้นั้นไ้คุณค่า"
แนวคิดท่านคล้ายๆแนวคิด starship trooper เหมือนกันนะครับ ฮา
ผมมองอย่างนี้ ตามแนวนิยายท่านผลลัพธ์ของการโดนคำสาปดึงพลังมาได้มันก็ร้ายแรงนั่นล่ะ
ข้อเสียอาจจะเกินมากกว่าที่ร่างกายจะรับไหว
อาจจะต้องบำบัดกันยาวๆ
[quote/]
เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน บ้างต้องการรุ่งโรจน์ บ้างอยากอยู่นานๆ
[ทำสัญญากับปีศาจ-ท่านคิดอย่างไรกับการทำสัญญากับปีศาจแลกกับชื่อเสียงและความสามารถ?]
คิดว่าเป็นสิทธิที่เขาจะเลือก เพราะมันไม่ได้มาฟรี เขายอมแลก ส่วนถ้ามีคนบ่น ก็บ่นเพราะ
ไม่ยอมแลกแล้วไปบ่นกับคนที่เขายอมสละบางอย่างเพื่อเป้าหมายชีวิต
อืม.....ท่านความคิดน่าสนใจแฮะ ที่ว่าปีศาจมันคือยาเสพติดที่ทำให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆเกิดขึ้น
พี่เสพ วงไฮโล เอ๊ย พี่เสก วง โลโซ ก็แต่งเพลงโคตรเก่ง
วงมาลีฮวนน่า นี่ก็มีเพลงไพเราะกินใจเยอะมาก
ไทยเราก็ใช่ย่อยแฮะ ทำสัญญากับปีศาจ
ผมมองว่ามันคือคำถามว่า สิ่งที่เรายอมเสียกับสิ่งที่เราอยากได้คืออะไรน่ะครับ
คนธรรมดามีเรื่องให้เสียเยอะเกินไป จนไม่ได้อยากได้ของทีเ่กินกว่าที่ตนเองจะปกป้องได้
น่าเสียได้ พวกเขาก็โดนคนที่มีพลังปีศาจแย่งของที่ตนเองรักไปอยู่ดี
ผมว่าเราพยายามสร้างภาพว่าดาราศิลปินมีภาพพจน์ที่ดีมานาน
แต่ที่แท้จริงแล้วพวกเขาจัดปาร์ตีั้ยา สุดสวิงริงโก้กันบ่อยๆนี่ก็ทำให้ผมหดหู่ใจเหมือนกัน
ทำนองเดียวกับเพอร์ซี่แจ๊คสันครับ มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า "เวลาที่เทพมาหาเรา คือ เวลาที่เทพต้องการอะไรบางอย่างจากเรา"
การทำสัญญากับปีศาจก็เช่นกัน บางที่ก็ถึงกับต้องถามว่าปีศาจต้องการอะไรจากเรา เพราะถ้าเราไม่มีอะไรที่มีค่าพอ ปีศาจคงไม่อยากเสียเวลามายุ่งกับเราหรอก เหมือนกับที่เราเองก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนไร้ค่าเช่นกัน
สัญญาส่วนใหญ่ของปีศาจจะชัดเจนมาก คือ พวกมันอยากได้วิญญาณของเราไปเป็นของมันในนรก ซึ่งถ้าเป็นคนที่สติดีๆหรือพอใจกับชีวิตตัวเอง ก็คงจะไม่มีทางตอบรับกับสัญญาที่มีราคาแพงแบบนี้แน่ เพราะการต้องไปอยู่ในนรกกับปีศาจที่มีอายุขัยเป็นอมตะ มันก็หมายถึงตลอดไปจริงๆ
ดังนั้นมีปีศาจจึงมักเข้าหาคนที่ไม่เห็นค่าของชีวิต หรือไม่ก็พร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ต้องการ โดยไม่สนว่าจะต้องแลกกับอะไรและจะมีผลที่ตามมาแบบไหน
ถามว่าคุณอยากจะยิ่งใหญ่และมีทุกอย่าง แต่ทุกอย่างจะจบลงในช่วงอายุขัยของมนุษย์ แลกกับการทุกข์ทรมานตลอดไปในนรกกับปีศาจเหรอ?
สั้นๆสามคำเลยครับ โคตรไม่คุ้ม
ก็นั่นล่ะครับ ตลอดกาลมันนานเกินไป
แต่อย่างที่อบกเราตีความได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์อีกอย่างคือการพึ่งยาเสพติด หรือการสละคุณธรรมของเราหรือสิ่งสำคัญ เพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างหนึ่ง
มีคนบอกว่า คนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้น่ะ ไม่ใช่คนปรกติ เพราะเขาต้องสละอะไรบางอย่างไป จนมายืนจุดนั้นได้
สัญญาปีศาจ=ทุกสิ่งล้วนมีราคาในการแลกเปลี่ยนและการตัดสินใจในการแลกเปลี่ยนมักแว้บเมื่อไหร่ก็ได้และคุณต้องตัดสินใจในตอนนั้น
เป็นคำพูดของปหี่โป่งในคลิปเลยล่ะครับ
น่าสนใจเหมือนกันว่าเราต้องสู้กับด้านมืดของตนเองแบบการ์ตูนโชวเน็นนั่นล่ะ
ด้านมืดของเราแข็งแกร่งกว่าเรา แต่อาจะจทำลายตนเองได้เพระาความแข็งแกร่งนั้นเหมือนกัน
มันก็แค่เรื่องขี้โม้ของคนที่ประสบความสำเร็จ หรือดังแล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไป
ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมพยายามสังเกตว่ามันมีการใช้ยาน่ะครับ
ตอนแรกผมพยายามมองแบบในแง่ดี
แต่พอศึกษาพฤติกรรมคนติดยาและยาเสพติด
ผมแทบจะเรียกว่า พอจะมองออกแล้วว่าต้องมีการใช้ยาแน่ๆ