เศรษฐกิจพอเพียงเหรอ อืม จะว่าไปหลายคนทราบมั้ยครับว่า นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงที่่ว่าถูกคิดค้นโดยใคร และถูกใช้ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อไหร่
เศรษฐกิจพอเพียง(Sufficient Economy) จริงๆแล้วมีที่มาจาก Self-Sufficient ของ John Seymour
๋John Seymour ได้ทดลองปฏิบัติและค้นคว้าเศรษฐกิจแนว Self-Sufficient เมื่อปี 1961
ส่วนเศรษฐกิจพอเพียงของไทย ถูกใช้ครั้งแรกที่ มหาลัยฯเกษตรศาสตร์ และ มหาลัยฯขอนแก่น เมื่อปี 1974 หรือ ก็คือ ปี 2517 (รู้สึกคุ้นๆปีพ.ศ.นี้มั้ยครับ รู้สึกมั้ยว่ามันใกล้เคียงกับเหตุการณ์อะไร)
แน่นอนว่ารัฐไทยนำเข้าองค์ความรู้นี้เข้ามาใช้ โดยหวังผลนัยยะทางการเมือง เพราะ มันถูกใช้หลังจากเหตุการณ์ตุลามหาวิปโยค 14 ตุลา 2516 ในฐานะเครื่องมือ Propaganda อย่างหนึ่ง
เนื่องจากหลังเหตุการณ์นั้น กองทัพได้เสียความชอบธรรมไปมาก ขณะที่สหพันธ์นิสิตและนักศึกษาแห่งประเทศไทยเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีอำนาจต่อรองทางการเมืองที่มาแทนที่
นอกจากนั้นในเอกสารวิชาการหลายชิ้นได้มีหลักฐานตรงกันว่า เศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้ผูกแนวคิดและค่านิยมกับศาสนาพุทธ
และหลายเอกสารที่เป็นหลักฐานทางวิชาการและเอกสารทางการทูตก็เขียนตรงกันว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้คนเกิดแนวคิดกษัตริย์นิยม
และทำให้เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ในภายหลังต่อมา
เรียกว่า Buddhist Economy โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจพอเพียง คือ เศรษฐกิจที่เดินทางสายกลาง ผู้คนทั้งหลายจึงรู้สึกคล้อยตามได้ไม่ยากเนื่องจากถูกผูกเข้ากับความเชื่อทางศาสนาเดิม
นอกจากนั้นในเอกสารทางวิชาการอื่น ยังมีแหล่งอ้างอิงว่า มีการใช้โฆษณาให้ผู้คนเชื่อและทดลองปฏิบัติตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ด้วยวาทะกรรม "ปิดทองหลังพระ"
ยิ่งไปกว่านั้นศาสตราจารย์ ดร.เควิน เฮวิสัน(Kevin Hewison) อธิบดีแห่งศูนย์แคโรไลนาเอเชีย ณ มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ได้เขียนวิพากย์วิจารณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงนี้ว่า
"Sufficiency Economy is essentially about keeping the poor in their place"
แปลเป็นไทยนะครับ "เศรษฐกิจพอเพียงคือการกดหัวคนจนให้อยู่ในที่ที่พวกเขาควรอยู่อย่างมีนัยยะสำคัญ"
นอกเหนือไปจากนี้ หลังเหตุการณ์การรัฐประหาร 2006 หรือ 2549 นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ จุลานนท์ ก็ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับเศรษฐกิจพอเพียง 10,000 ล้านบาท
หรือ คิดเป็น 300 ล้านดอลลาห์ สำหรับเศรษฐกิจพอเพียงเพียงอย่างเดียว (บางกอกโพสต์ วันที่ 10 มีนาคม 2007)
ถึงจุดนี้ผมของถามหน่อยครับว่าถ้าเศรษฐกิจพอเพียงมันมีจริงๆ แต่ทำไมถึงมีรายจ่ายมากถึงขนาดนี้ ที่ไม่ Make Sense กับคำว่าพอเพียง
เพราะถ้าเศรษฐกิจพอเพียง มันพอเพียงตามชื่อของมันจริงๆ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีรายจ่ายอะไรมากไม่ใช่เหรอครับ?
แต่ทำไมเศรษฐกิจพอเพียงถึงต้องมีรายจ่ายในการโฆษณามากถึงขนาดนี้? ไม่เคยตั้งคำถามกันหน่อยเหรอครับ?
นอกจากนี้นักวิจารณ์คนอื่นในต่างประเทศได้วิจารณ์หลักๆอยู่ 2 ข้อ
1.แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมันไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างคงเส้นคงวาเป็นระยะเวลายาวนาน เนื่องจากไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงกับเศรษฐกิจของไทยที่เป็นแบบทุนนิยมในปัจจุบัน
2.ไม่มีใครเข้าใจความหมายจริงๆ ว่าเศรษฐกิจพอเพียง มันหมายถึงอะไรกันแน่ๆ และมีการตีความหมายที่คลุมเครือและครอบคลุมไปเสียทุกเรื่อง
Ref
https://www.newmandala.org/interview-with-professor-kevin-hewison-part-two/https://www.newmandala.org/royal-misrepresentation-of-rural-livelihoods/เมื่อเราเอาองค์ประกอบจุดต้นกำเนิดในไทย และการใช้งานของมันจะเห็นได้ชัดว่า เศรษฐกิจพอเพียงของไทย แท้จริงแล้วคือโฆษณาชวนเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นมาหลังเหตุการณ์ตุลามหาวิปโยค 14 ตุลา 2516 เพื่อที่จะทำให้เกิดแนวคิดกษัตริย์นิยมเกิดขึ้นเพื่อสู้กับอำนาจของสหพันธ์นิสิตและนักศึกษาที่มีอำนาจต่อรองมากขึ้นเรื่อยๆ โดยแนวคิดนี้ได้ถูกตีแผ่และเผยแพร่ด้วยการผูกเข้ากับ "การเดินสายกลาง" และ "การปิดทองหลังพระ" ของพุทธศาสนาในไทย มันจึงทำให้คนคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ได้เฉลียวใจไตร่ตรอง เพราะ มันเกิดจากความคุ้นเคยศาสนาพุทธที่มีอยู่ในไทยอยู่แล้ว หรือ ถ้าจะให้กล่าวคือมันคือการเอาศาสนามาใช้ในการเมืองอย่างหนึ่ง และเพื่อที่จะสร้างความชอบธรรม ก็เลยจงใจทำให้ความหมายเศรษฐกิจพอเพียงนั้นคลุมเครือและสามารถตีความหมายได้ครอบจักรวาล อะไรก็อ้างเป็นเศรษฐกิจพอเพียงได้หมด
การที่คนเราถกเรื่องอะไรกันแน่คือเศรษฐกิจพอเพียง นั่นหมายความว่าคุณกำลังตกอยู่ในอำนาจของการ Propaganda นะครับ เพราะเขาต้องการให้ความหมายคลุมเครือและคุณตีความตามความรู้สึกที่คุณคุ้นเคยและสบายใจที่จะเชื่อไปกับมัน เนื่องจากพอคุณไปตีความหมายด้วยตัวเองคุณก็จะติดอยู่ในกับดัก Propaganda ไปเอง เนื่องจากคุณไม่เคยค้นคว้าหาต้นตอและที่มาว่ามันถูกใช้เมื่อไหร่ ใช้เพื่ออะไร และแท้จริงแล้วทำไมต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายที่มากมายถึงขนาดนี้ซึ่งมันไม่ Make Sense และตรงกันข้ามกับคำพูดจนเกิดความย้อนแย้ง
เอ่อ หลายคนอาจจะไม่ทราบ ปกติแล้วรัฐบาลไทยมักจะกู้เงินเกือบทุกๆปี(ยกเว้น สมัยทักษิณ) และหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายที่ต้องกู้มาจ่ายก็คือ เศรษฐกิจพอเพียง ตามพรบ.งบประมาณรายจ่ายในทุกๆปี
ผมขอถามเพื่อนทุกคนหน่อยครับว่า การบอกว่าเราจะทำเศรษฐกิจพอเพียง แต่ต้องกู้เงินจำนวนมากมายทำทุกๆปี โดยไม่หวังผลรายได้ หรือรายได้ไม่แน่นอน
ผมถามหน่อยว่านี่มัน Make Sense กับโลกทุนนิยมตรงไหนกันครับ? อย่าลืมว่า คุณกู้มาคือคุณต้องหาเงินไปใช้เขาคืนในอนาคตนะครับ หรือกล่าวคือคุณเอาเงินอนาคตมาใช้ในปัจจุบัน
ถ้าไม่หวังผลรายได้ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนกู้นะครับ เพราะคุณจะแบกรับความเสี่ยงไปทำไมถ้าคุณแค่อยู่อย่างข้าวสารกรอกหม้อ