[quote/]
อันนี้เห็นด้วยจริงๆ ก่อนจะทำอะไรที่การณ์ใหญ่ ควรพร้อมซะก่อน ถ้าตอนแรก
รอทนไปก่อน กระจายข่าวไม่ดีของทั้ง...และเมียใหม่สามัญชนไปเรื่อยๆ และให้
พวกเขาโดนขุดคุ้ยจนหมดศรัทธา ให้รู้กันทั้งบาง ทั้งชาวบ้านทั่วไป ชาวไร่ชาวนา
กลายเป็นว่า ตอนนี้ทั้งสองคน พยายามสร้างประวัติให้สวยหรู กลบเรื่องไม่ดี
ค่อยๆคุยกับกลุ่มทุนใหญ่ให้แอบเป็นคลังทุน คุยกับคนที่มีกำลังทางทหารที่
โดนสองคนนั้นทำ เห็นข่าวปลดโยกย้ายริบคืนยศเป็นว่าเล่นมั๊ย อันนั้นควรหา
คนที่เขาไม่ชอบใจสองคนนี้ สร้างความแตกแยกในหมู่ทหาร ไม่ใช่แบบในตอนนี้
ที่ดันทำให้ทหารสามัคคีกัน เรื่องชนชั้นสูงก็ด้วย ควรทำให้แตกแยกมากๆ
ไม่ใช่ทำให้ชนชั้นสูงหันมารวมตัวกันเพราะรู้สึกถึงภัย อาจหลอกชูถือหางใครสักคนนึง
แล้วสร้างความชอบธรรมให้ สังคมจะได้แตกแยกและหันไปเลือก จะทำให้ปลด
สองคนนั้นได้ง่ายขึ้น ไม่น่าชิงสุกก่อนห่ามเลย น่าเสียดาย
edit : นึกๆไป คล้ายๆนิยายเรื่องเพื่อให้ได้ครอบครองนางร้าย ผมจึงตัดสินใจยึดครองประเทศ
พระเอกเตรียมการณ์รอบคอบ คอยทำลายชื่อเสียงเจย์ซอนกับนิโคล เข้าไปช่วยพวกเขา
แต่เข้าไปช่วยแบบทำดีประสงค์ร้าย ดึงขุนนางให้เข้าพวกตน ดึงทหารเข้าพวกตน ดึงพ่อค้า
คุยกับต่างประเทศ นี่พระเอกทำครบทั้ง 4 อย่าง ลดศรัทธาสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
ลดกำลังทหารอีกฝ่ายดึงทหารขุนนางมาเป็นพวก ใช้ทั้งสื่อนอกสื่อในสร้างภาพลักษณ์ตน
ให้ดูดีและให้อีกฝ่ายดูแย่ คุยกับพ่อค้า เตรียมการมาดีมากถึงค่อยทำการณ์ใหญ่
บางทีนิยายก็ให้อะไรดีๆกับคนอ่านเยอะ
นี่คือสิ่งที่ผมทำมาตลอด คือ การเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนแปลงด้วยการ Educate คน ให้ทราบข้อเท็จจริงทั้งประวัติศาสตร์และปัจจุบัน
แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าปุปปัปจะสามารถเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย
เพราะฝรั่งเศษเองนับตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศษ 1789 ก็กินเวลากว่าร้อยปีกว่าจะเป็นสาธารณรัฐและเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ในรูปแบบประชาธิปไตยที่เป็นต้นแบบกฎหมาย Civil Law
อย่างประเทศอังกฤษเองก็นับตั้งแต่ เหล่าขุนนางร่วมกันกดดันให้กษัตริย์จอห์น(น้องชายของกษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์) เซ็นมหากฎบัตร Magna Carta ในปี ค.ศ. 1215
หลังจากนั้นกษัตริย์ ขุนนางและประชาชน ก็ตีกันเองยับ ค่อยๆเรียนรู้กันไป ถอดบทเรียนกันไป
กว่าอังกฤษจะเริ่มทำให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญจริงๆด้วยการปฏิวัติแห่งการรุ่งโรจน์(Glorious Revolution)ก็ปาเข้าไป ค.ศ.1688
และอังกฤษก็เป็นประชาธิปไตยที่เป็นต้นแบบกฎหมาย Common Law
ผมเองก็มองประเทศไทยเองก็เช่นกันว่าการที่ประชาธิปไตยมันไม่ได้มาง่ายๆหรอกครับ มันต้องผ่านการเรียนรู้ของคนเรา มีขึ้นมีลง ซึ่งเราเริ่มต้น พ.ศ. 2475
แต่ถ้าเราเริ่มพูด เราเริ่มเดินก้าวแรก เริ่มให้ Educate สังคมของเรามันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้
ประชาธิปไตยเองก็ต้องมีการ Update Patch เพิ่มตรงนู้น แก้ตรงนี้ ตั้งแต่อดีตกว่าจะเป็นปัจจุบัน ไม่ใช่ปุปปัปได้มา
ส่วนการไปม้อบ ใครใคร่ไปก็ไป ใครไม่ใคร่สะดวกก็ไม่เป็นไร เพราะมันคือการปกป้องคนที่ออกมาพูด เพราะถ้าคนพูดคนเดียว ฝ่ายรัฐจะรู้สึกว่าคนพูดอ่อนแอและจะกระทำอะไรที่ Underground
เช่น เคสอุ้มหาย อุ้มฆ่า หรือ บังคับให้กลายเป็นคนบ้า(เคสของคุณทิวากร) ม้อบมีเพื่อปกป้องไม่ให้พวกเขาถูกทำอันตรายง่ายๆ
อย่างน้อยก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมายแบบซึ่งหน้าดีกว่าครับ ดีกว่าให้เจ้าหน้าที่ทำอะไรแบบสีดำใต้ดิน อันนั้นอันตรายกว่า
แต่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คือ ขอให้คนเราเริ่มเรียนรู้ เริ่มหันมามองสังคมที่เราอยู่นั้นคืออะไร อะไรหล่อหลอมสังคมให้เดินมาถึงจุดนี้ แล้ววิธีแก้ไขให้มันดีกว่านี้ทำได้อย่างไร
ผมถือคติว่า "ไม่มีก้าวแรก ก็ย่อมไม่มีก้าวสุดท้าย"
ผมขอยืมคำพูดของอ.โยดาใน Star Wars มาหน่อยนะครับ
"Do or not do. There is no try" มีแค่ทำหรือไม่ทำ ไม่มีการทดลองทำ
ดังนั้นในความคิดของผมคือ ขอให้มีจุดเริ่มต้น แล้วจุดสุดท้ายมันจะมาเอง ไม่มีจุดเริ่มต้น ย่อมไม่มีจุดสุดท้าย