[quote/] ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือฝรั่งไม่สนใจเรื่องซิงมากเท่าคนเอเชียแต่ถ้าจะเอามาเป็นแม่ของลูกผมว่าส่วนมากคงจะไม่เลือกนางเอก AV หรอกครับ
ก็นั่นล่ะครับ
ความจริงแนวความคิดฟรีเซ็กส์มันยกที่จะมีคู่ที่อยู่ได้อย่างจรีิงจัง
เพราะแนวคิดแบบสามีภริยาคือแนวคิดอนุรักษ์นิยมทว่างั้น
จนมีมุกหลายคนกลายเป็น born again christian หลังจากใช้ชีวิตเสเพลมาช่วงวัยรุ่น ตอนายุเยอะขึ้นเลยกลายเป็นคนเค่งศาสนาไปเลย
ซึ่งไม่แปลก สังเกตไหมครับ พอคนเราแก่ตัวจะชอบไปวัดไปวามากขึ้น?
ไม่เกี่ยงว่าชนชาติไหน เพราะรู้ว่าเราใช้ชีวิตเปลืองเกินไๆปไม่ว่าเรื่องเซ็กส์ก็การดื่มเหล้าของพวกห้าวๆในวัยรุ่นที่พยายามจะเลิกฟังธรรมเพราะตับไม่ไหว
ผมนึกถึงเรื่องที่น่าสนใจคือ
อ.นาโอโกะภริยาของอ.โทงาชิ
ที่ติสท์กันทั้งคู่
อ.โทงาชิติสท์ถึงขนาดบอกว่า ต่างคนแต่งแต่ไม่ผูกมัด ต่างมีชีวิตของตนเอง เล่นเอาอ.นาโอโกะโกรธจนเกือบจะยกเลิกงานแต่งเลย
ทั้งที่เรียกว่าอ.นาโอโกะนี่ลูกคุณหนูของแท้
ถ้าไม่เป็นนักเขียนการ์ตูนก็ไปเป็นนักเคมีได้ว่าอยบ่างนั้นล่ะครับ
แต่ก็อยากแต่งงานมีคู่ ไม่ใช่อยู่กันแบบต่างคนต่างไป
สำหรับผมเรื่องซิงไม่ซิงพอโตมามันพูดไม่ได้หรอกครับ คนเรามันก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ทั้งทางใจ ทางเพศ คนเราจะมีอะไรกันมันเรื่องของเขาละนะครับมันเรื่องธรรมชาติ
เเค่บ้านเราสมัยก่อนมันเห็นผู้หญิงเป็นสิ่งของมากไปเลยติดมาปัจจุบัน หากให้เท่าเที่ยมผู้ชายควรรักษาความ ซิงไว้ด้วยจะได้พิสูจน์ว่ามีค่าเหมือนกัน(เเน่นอนชายหญิงใครทำได้สมัยนี้เเรห์เคสจนน่านำจับออกมาทางทีวี)
เเต่ๆ ก็ใช้ว่าจะเอาไปมั่วมันใช้เรื่องนะครับหากไม่รักใครจริงอย่าลดศักดิ์ศรีความเป็นคนเอาไปทั่ว มันลดคุณค่าของตัวเอง ผมถือหลักการไม่มีใครอยากเป็นที่สองหรอก หากจะรักใครจริงมองมุมมองเขาด้วยว่าหากเป็นเราเห็นเขาไปเกี่ยวผันกับคนอื่นจะทำไงรับได้เหรอบอกว่า โอเคเหรอ ไม่มีทาง
ไอ้พวกลองใจนั้นมันเเค่ความคิดของคนเห็นเเก่ตัวนิสัยเวิ่นเว้อมากกว่าครับ ผู้หญิงปัจจุบันผมเห็นว่าบางส่วนค่อนข้างโดนเลี้ยงเอาใจเขาเป็นฝ่ายรับตลอดครับหากไม่ได้อย่างหวังเขาจะพยายามชูคอให้เขาสนใจให้ได้ ซึ่งตามตรงผมเกลียดชิบเลยครับ ในละครดราม่าหากมีนางเอกคนไหนทำกระทำเเบบนี้ผมไม่เชียเด็ดขาดเพราะเธอรักตัวเองเกินไปเธอไม่เด็กขาดเพียงพอที่จะเลือกคนที่รักจริงๆครับ(คือรักตัวเองมากกว่ารักเขานะเเหละ)
ส่วนเรื่อง Free Sex ตามตรงเจอการ์ตูนเกาหลีที่มั่วเซ็คไปทั่วเเล้ว บอกเเบบค่อนข้างหยาบหากมีไปทั่วเอาเเบดบอยเเบดเกรอเเบบนั้นมันต่างจากสัตว์ตรงไหน ไม่รู้คนเกาหลีมันมีรศนิยมด้านความรักยังไงเห็นหลายเรื่องละ ผู้ชายผู้หญิงเหมือนเขาสนเเต่วัตถุภายนอกชอบผู้ชายเเบดเเต่งตัวหรู เอาไปทั่วสร้างพล็อต NTR งี่เง่าอยากรู้จริงคดีหย่าในเกาหลีมันจะสูงขนาดไหน
ผมเจอคนวิเคราะห์ไว้นิดหนึ่งน่าสนใจครับ
ว่าญี่ปุ่นเราต้องการการผ่อนคลายเราก็ได้ผ่อนคลายสโลไลฟ์
จีนเราได้ปลดปล่อยเราก็ได้ปลดปล่อยโดยการชกนายน้อย ถล่มห้าสำนักใหญ่
เกาหลีชอบแทรกดราม่ามาแม้แต่ในเรื่องที่ตอนแรกสโลไลฟ์และ ntr
ผมเชื่อว่าโลกปัจจุบันสร้างไว้เพื่อผู้หญิง เพราะผู้หญิงคือลูกค้าชั้นดีที่สุดของโลกทุนนิยม
กม.ต่างๆมีไว้เพื่อปกป้องพวกคุณเธอ
และเรื่องศีลธรรมมันไม่ใช่แค่ฟรีเซ็กส์ครับแต่มันเป็นทำแท้งเสรีตามสะดวกไปแล้ว
ไม่ใช่แบบเมื่อก่อนที่ในภาวะที่จำเป็นเท่านั้น
ตอนผมจะคิดเรื่องผมคิดว่าต้องลดโทนเรื่องลงนิดหนึ่งเลยเพราะพฤติกรรมแย่กว่า Otome อีก
ตัวอย่างที่ผมยกมาคือ บัฟฟี่ครับ
ที่ทำแท้งจากวันไนท์สแตนด์
ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ
https://ew.com/article/2012/02/08/buffy-season-9-joss-whedon/ท่านเคยเห็นนางเอกที่ทำแท้งไหมล่ะครับ? แถวมเพราะท้องจากการไปปาร์ตี้อีกต่างหาก?
หากมังงะเขียนอย่างนี้ท่านว่าคนอ่านจะเผาบ้านคนเขียนไหมครับ?
[quote/]
ไม่ดีใจเหรอ ชอบเรียกแขกดีนักนี่
บางครั้งผมก็สับสนท่านสองคนเหมือนกันครับ
แปลงร่างกันบ่อย ฮา
[quote/]
เด๋วเจอแฟมินีสท์ พาทัวร์มาลง 555
ปล..ทำไม มันเพิ่มอีก-3วะเนี่ย
เรื่องแฟมินิสม์ ผมมองว่าลีออนใน Otome mob นั้นยังกระจอกมากในด้านการสุ้กัยบค่านิยมสังคม
isekai ไปอเมริกาสิลำบากกว่าเยอะ
นางเอกทำแท้งเพราะวันไนท์สแตนด์
ท่านไม่สามารถเจออิมแ็คที่ใหญ่กว่านี้ได้แล้วล่ะครับ
ผมยังงว่าเรื่องเหนือธรรมชาติ ยอมรับว่าวิญญาณมีจริง
ทำไมถึงยังทำแท้งได้โดยไม่คิดว่าเป็นการฆ่าคนอีก?
ไม่ต้องใส่ใจหัวข้อประมาณนี้นักก็ได้ ถ้านึกย้อนถึงกระทู้ที่ตัวจะได้แนวคิดที่คุณพบเองหลายอย่าง เช่น
1. วรรณกรรม (Literacy); ผลิตจาก Materialism และเรียกชื่อเสียงด้วย Consumerism แล้วถูกลืมใน 1 ปีครับ
2. ประวัติศาสตร์และตำนานพื้นบ้านกับบันทึกศาสนา; ยิ่งกว่าวรรณกรรมใดๆ ตัวอักษรและพยัญชนะอาจน่าเกลียดกว่าภาพวาดแต่ก็มีความเที่ยวตรงและเหตุผลในตัวเอง
3. สมมุติฐานให้กำเนิดปรัชญาสู่ทฤษฎี; แม้หลักวิธีวิจัยจะต่างกัน ผลลัพธ์ก็มีโอกาสเหมือนกันและสามารถใช้ด้วยกันได้หลายครั้ง
4. ศิลปินวรรณกรรมจำนวนมาก; มองสิ่งที่พวกเค้ารับรู้ว่าเป็นสังคมส่วนใหม่ <—> ขณะที่ข้อเท็จจริง สังคมส่วนใหญ่แค่เอาใจนิดหน่อยเพราะสมเพชพวกเค้าครับ = คนวัยอายุ 13+ ส่วนใหญ่ล้วนแต่พยายามที่จะค้นหาวิธีที่จะศึกษาและทำตามค่านิยม สิ่งที่คนแก่กว่าแสดงให้เห็นนั้นเป็นสิ่งดี
ขณะที่ส่วนน้อยกลับตกลงสู่สภาวะ Immaturity และพยามยามที่จะเป็นคน Inventive — Innovative เพื่อการแข่งขันไร้จุดหมาย
‘เงิน ความโลภ และ บริโภคนิยม (Consumerism) ไม่สามารถขโมยและเลียนแบบความรู้ขอฝผู้ศึกษา‘
ผปมเชื่อเรื่องดารสังเ้กตวรรณกรรมน่ะครับ
และเชื่อเรื่องรายละเอียดเล้กน้อยในนิยายที่เผินๆไม่ใส่ใจนั้นจะแสดงความคิดของคนเขียนได้ดีกว่า
ผมว่าเรื่องวัตถุนิยมทนั้นน่าสนใจ
อย่างที่บอกว่า ทำแท้งเพราะวันไนท์สแตนด์
ทั้งที่ตนเองก็เคยเจอวิญญาณ ภูตผีปีศาจและอื่นๆ
ทำไมทำแท้งได้อบ่างง่ายดายแบบเดียวกับพวกวัตถุนิยมอีก?
หลักการสนับสนุนของการทำแท้งคือ เด็กยังไม่รู้สึกตัว ยังรับรู้ตระหนักไม่ได้
เป็นการโต้เถียงในด้านวัตถุไม่เกี่ยวกับศีลธรรมก็โอเคในโลกความจริง
ในโลกนิยายที่วิญญาณแอละเทพเจ้าตจัวเป็นๆโผล่ออกมา
ทำไมถึงเลือกการทำแท้ง?
ทั้งที่วิญญาณต้องมีอยู่ในตัวทารกแน่ๆ
แบบมุกบางตอนที่เด็กในท้องเป็นมนุษย์พลังจิตมั้ง?อาจจะคนละเรื่องแต่ว่ามันก็น่าคิด
ผมถึงว่าแฟมินิสม์ อยากจะสนับสนุนบางเรื่องจนรลืมเรื่องพื้นฐานไป
เหมือนกับจะบอกว่า เสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นเสรีภาพเด็ดขาด
แต่ในเรื่อง เซารอนมีตัวตนอยู่จริงและคนนับถือจะกลายเป็นสาวกที่กลายเป็นต้นกำเนิดของความชั่วและทำลายโลกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา่
เรื่องเหนือธรรมชาติคือการเชื่อเรื่องจิตวิญญาณเป็นรากฐานของความขัดแย้งทั้งหมดเพราะมีปีศาจและเวทยือยู่จริง
แต่ดันสนับสนุนวัตถุนิยมโดยให้นางเอกของเรื่องทำแท้ง
มันดูแปลกๆ