ของประเทศเราบางอย่างไม่ยอมให้จดได้ง่ายๆหน่ะ เพื่อให้เราสามารถผลิตเพื่อรักษาได้ในราคาที่
ผู้ป่วยเอื้อมถึง บางอย่างก็ใช้ตัวยาหมดสิทธิบัตร เช่นยาต้านไวรัสเอดส์ ของจาก?

?มั้งที่เรา
ได้รับอณุญาตให้ผลิตได้ถูกว่าสามถึงสี่ห้าเท่า ของ?

?เราไม่ยอมให้จดสิทธิบัตรในไทย และ
มีที่เป็นผลจากข้อตกลงซึ่งจำไม่ได้อะไร ที่ทำให้เราขายให้คนของเราในราคาที่สามารถเอื้อมถึง
รู้สึกตอนนี้ราคาอยู่แค่หลักสิบบาท (

??คือจำชื่อประเทศไม่ได้ขออภัย)
จีนจดไปงั้นๆ ไม่ใช่อะไร แค่ป้องกันเรื่องอนาคต(บางอย่างการเมืองประเทศ การต่อรอง บลาๆๆ)
และก็ไม่ห้ามต่อยอด พร้อมร่วมสนับสนุนและวิจัยเพื่อให้ได้ยาที่ดีกว่าเดิม อีกอย่างจีนก็เป็นการ
นำสูตรของหลายๆที่มาต่อยอดพัฒนา ที่จดก็เพื่อให้มีอำนาจการต่อรองเท่านั้น
ตอนรู้ข่าวเรื่องถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสในรูปแบบ 3D ทำให้คิดเกี่ยวกับ#18ในหน้าแรก ว่าถ้าเกิด
มันลามทั่วโลก แล้วทั่วโลกก็เผชิญเป็นแฟสสามแฟสสี่ จะเกิดอะไรขึ้น?? แล้วถ้าตอนนั้น ผู้ที่ทั้ง
ไม่ใช่ประเทศที่มีตัวอย่างของผู้ติดเชื้อจำนวนมากในตอนแรก ซ้ำยังไม่ใช่ประเทศแรกๆที่คลุกคลี
กับปัญหาโรคระบาดนี้ ได้บอกชาวโลกว่า ถึงประเทศตัวเองจะมีตัวอย่างเชื้อน้อย ถึงเราจะพัฒนา
โดยอาศัยพื้นฐานจากหวัดซาส์ หวัดเมอรส์ นั่นทำให้เราวิจัยได้ไว และเราก็ขึ้นชื่อในเรื่องแลป
ระดับโลกนะ เราตอนนี้เลยสามารถผลิตวัคซีนได้แล้วนะเออ และเรายินดีแจกจ่าย แล้วพร้อมยินดี
ที่จะเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับบริษัทเอกชนรายนั้น ซึ่งเป็นสัญชาติของเราให้ขายราคามนุษย์ธรรม
ความคิดเห็นต่อไปนี้ ขอมโนเรื่องถ้าผลิตวัคซีนสำเร็จแล้วหน่ะ การมีส่วนร่วมวิจัยอาจส่งผลถึง
อำนาจการต่อรองที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสิทธิบัตร ที่ก็จะเอามาใช้ยืนยันการร่วมพัฒนาด้วยก็ได้
ทฤษฏีสมคบคิดหน่ะ เพราะคิดว่าพอมีวัคซีนก็คงจะทำการแจกจ่ายด้วยต้นทุนซะมากกว่า แต่
คิดว่ายังไงๆก็ต้องคิดราคาที่แพงด้วยเหตุผลด้านงานวิจัย กำไรเพราะเป็นเอกชน เหตุการณ์
ประวัติศาสตร์ในอดีต ส่อให้เห็นแล้วว่า ยังไงๆมันก็ไม่ถูก ต่อให้ทั่วโลกจะชิปหายก็เถอะ อย่าง
มันก็เคยมีเกิดขึ้นมาก่อนในสมัยราคายาต้านเอดส์ที่ผลิตขึ้นได้ ยาต้านมะเร็ง หรืออะไรทำนองนี้