สถานการณ์โดยรวมทั่วโลกตอนนี้
-เกาหลีใต้กักบริเวณสมาชิกของโบสถ์ลัทธิชินชอนจิ 1 หมื่นคน --> พบผู้ป่วย 893 คน โดยมี 60% มีความเกี่ยวข้องกับลัทธินี้
-อิตาลี 220 คน ตาย 6 เป็นประเทศในแถบยุโรปที่มียอดผู้ติดเชื้อมากที่สุด ซึ่งทางการยุโรปเองก็ยังงง มามันกระจายขนาดนี้ได้ยังไง เพราะมีแค่คนติดเชื้อรายแรกเท่านั้น ที่มีความสัมพันธ์กับคนจีน คนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าติดมาจากทางไหน ---> ผมว่าเคสนี้น่ากลัวนะครับ ถ้าเป็นกรณีที่ติดมาจากสัตว์ประเภทอื่นอีกทีเนี่ย
-ปัจจุบันรัฐบาลอิตาลีประกาศปิดเมืองแล้ว
-เมืองจีนตอนนี้น่าสงสารมาก เขาอุสาพยายามถีบตัวเองจนมีสถานะร่ำรวย อยู่ดีกินดี แต่เพราะไวรัสตัวเดียว เลยทำให้ระบบเศรษฐกิจสะเทือนทั้งระบบ คนจีนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเขตการระบาดเริ่มกลับสู่สภาวะก่อนช่วงร่ำรวย คือยากจน ไม่มีเงินอีกครั้ง
-ถึงจะคาดการว่าสาเหตุน่าจะมาจากการกลายพันธ์ุของเชื้อ แต่ข่าวลือที่ว่าต้นเหตุมาจาก lab ทดลองอาวุธชีวภาพของอเมริกาหรือไม่ก็จีนยังคงมีอยู่ (เดาว่าคงเป็นมุขที่พูดกันเอาฮาแก้เครียดมากกว่า)
****อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว
เพื่อนผมที่เป็นแพทย์เริ่มออกมาเตือนกันแล้ว
อยากให้ล้างมือทุกครั้งก่อนหยิบจับอะไรสักอย่างครับส่วนใหญ่มาร์คปิดหน้าป้องกันได้ระดับหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คนมักติดเชื้อผ่านทางการใช้มือหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ แล้วเผลอเข้าปาก ขยี้ตา อะไรทำนองนี้ครับ
ในทางหลักการ การล้างมือด้วยสบูคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมันทำความสะอาดมือได้ดีที่สุด แต่ในทางปฏิบัตินั้น พวกเราคงไม่สามารถวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือได้ตลอดเวลา เลยแนะนำว่าควรหาซื้อเจลล้างมือพกติดตัวเอาไว้จะดีที่สุดครับ
ตอนนี้เจลยังไม่ขาดตลาด ถ้าใครยังไม่มี ก็ขอแนะนำให้หาซื้อเก็บเอาไว้สักขวดสองขวดกันนะครับ
***
เรื่องกิจกรรมที่รวมตัวคนหมู่มาก ไม่ว่าจะม็อบ งานหนังสือ หรือแม้แต่งานไหว้เจ้าเชงเม้ง พูดตามตรงว่าทุกกิจกรรม ณ เวลานี้มันมีความเสี่ยงทุกตัวเลยครับ
ส่วนตัวแล้ว ผมไม่อยากเห็นภาพที่ทุกคนตื่นตระหนกจนหยุดการใช้ชีวิต แต่ก็ไม่อยากเห็นการรวมตัวอย่างไม่ระวังจนเกิดการแพร่ระบาดกระจายแบบหยุดไม่อยู่เช่นกัน
เพราะยังไงโลกก็ต้องหมุนต่อไป คนเราต้องทำมาหากิน ต้องออกมาข้างนอกเพื่อทำกิจกรรมสักอย่างในการดำรงชีพ
ดังนั้น ผมมองว่าถ้ามันเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่ต้องมีคนมาชุมนุมเยอะ ๆ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ควรมีเตรียมการป้องกันตัวจากเชื้อด้วยครับ ผ้าปิดจมูก เจลล้างมือ การระวังภัยพื้นฐานเป็นสิ่งที่ควรพึงปฏิบัติในเวลานี้มากครับ
***
ต่อมาคือเรื่องแนวคิดการตรวจเชื้อที่ผมว่าน่าสนใจ
คือตอนนี้มันมีเคส ซุปเปอร์ สเปรดเดอร์ เกิดขึ้น เลยทำให้หลายคนตระหนกตกใจมาก
มีคนที่เป็นหวัดเล็กน้อย แล้วอยากรีบไปตรวจหาหมอเลยก็มี
ทีนี้ มันแตกออกเป็นสองวิธีคิดอยู่...
1. กลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ก็อยากให้รีบไปตรวจแต่เนิ่น ๆ เลย เพื่อเฝ้าระวังเอาไว้
กับ
2. ถ้าไม่ใช่ว่าตัวเองเคยไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ก็ไม่อยากให้ไปตรวจ เพราะถ้าคนหลายคนตระหนกจนไปออกันที่โรงพยาบาล คราวนี้จากที่ไม่ได้มีเชื้อ จะกลายเป็นไปติดกันที่โรงพยาบาลแทน...
ซึ่งไอวิธีคิดที่สองเนี่ยมันก็ถูกอยู่ แต่ถ้าเกิดตัวเองดันมีเชื้อขึ้นมาจริง ๆ แล้วระหว่างนั้นดันไปแพร่โดยไม่รู้ตัวเข้าละ ?
กลายเป็น ซุปเปอร์ สเปรดเดอร์ อีกรายเลยนะนั่น
แต่มันก็ถูก ที่ว่าถ้าไม่ได้ติดเชื้อ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่เป็นหวัดหรืออ่อนแอ พอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาเชื้อเพราะกลัว คราวนี้จะยิ่งหนักกว่าเดิมหรือเปล่า ?
อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีคิดไหนคือสิ่งที่ดีที่สุดเวลาที่พบว่าตัวเองมีอาการ แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เคยไปประเทศหรือสัมผัสผู้ติดเชื้อมาก่อนนะครับ
***
เพิ่มเติม อันนี้เป็นแนวทางสำหรับคนที่ควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเชื้อนะครับ
1.มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงโรคระบาด
2.ทำงานสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
3.มีอาการปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ
4.ก็ยังมีการเพิ่มในส่วนของคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเดินทางไปประเทศที่เสี่ยงด้วย
อ้างอิงจาก
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/867843