ผมเจอบทความหนึ่งที่น่าสนใจครับ เกี่ยวกับคำพูดเจ็บๆที่เป็นดาบสองคม คมนึงก็อาจจะนำไปในทางดี อีกคมก็อาจจะไปในทางที่แย่ลงได้
https://web.facebook.com/workpoint/photos/a.369239386331/10157145216381332/?type=3&theater7 คำพูดที่ลูกไม่อยากได้ยินจากพ่อแม่1.ทำไมสร้างแต่ปัญหา
2.ไม่มีวันทำได้หรอก
3.ทำไมทำไม่เหมือนเพื่อน
4.ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
5.ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลย
6.ไปตายซะ จะไปไหนก็ไป
7.ทำแบบนี้พ่อแม่ไม่รักนะ
ซึ่งก็มีความเห็นที่หลากหลาย ทั้งในเชิงเห็นด้วยและเชิงไม่เห็นด้วย เช่น...
"จริงๆคำเหล่านี้เด็กสมัยก่อนจะโดนกันบ่อยไปแต่เหมือนสร้างแรงผลักดันตัวเองมากกว่าแต่เด็กสมัยนี้เซ้นซิทีฟเกินไปพูดนิดพูดหน่อยก็นอยส์แล้วต่อไปจะมีภูมิต้านทานในการเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบหลายๆอย่างได้ยังไง น่าเป็นห่วง"
"ต้องบอกก่อนว่า เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันค่ะ บางคนเค้าก็รับได้ แต่บางคนเค้าฟังก็รู้สึกไม่โอเค ความเซนซิทีฟแต่ละคนมันไม่เหมือนกันน่ะค่ะ แต่ในความคิดเห็นของเรา เรามีความรู้สึกว่าประโยคเหล่านี้ไม่ได้สอนอะไรเลย มันเป็นประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกด้อย ไม่มีคุณค่ามากกว่านะคะ นอกจากจะเป็นประโยคที่สร้างความคิดทางลบให้เด็ก มิหนำซ้ำมันไม่ได้สอนอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถ้าจะสอน สู้พูดดีๆ สอนดีๆยังดีกว่าที่จะมาใช้ประโยคแบบนี่อีกค่ะ(โดยเฉพาะข้อ5-6 ลองคิดดูนะคะว่าถ้าพ่อแม่แท้ๆที่เรารัก เค้าพูดแบบนี้ใส่เรา เราจะรู้สึกยังไง บางคนเก็บไปเครียดจนเป็นซึมเศร้าเลยนะคะ) แล้วผลกระทบมันก็จะตามมาอีกเพียบ เช่น เด็กมองโลกในแง่ลบ ซึมเศร้า เครียด ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ต่อไปเวลามีปัญหาอะไรก็จะไม่กล้าบอกผู้ใหญ่อีก มาแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เราก็เป็นเด็ก+โดนครูที่รร.พูดแบบนี้ใส่ค่ะ"
"จริงๆ ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือสมัยนี้ ผมว่าก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันหรอกนะครับ ที่บอกว่าเด็กสมัยก่อนโดนประจำเรื่องนี้ผมไม่เถียง เพราะ ผมก็ได้ฟังผู้ใหญ่หลายๆ คนพูดมาเหมือนกัน แต่ลองมองในมุมของเด็กบ้างนะครับ บางทีที่เด็กสมัยก่อนไม่ต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ อาจจะไม่ใช่ว่าเค้ากลัวหรือเกรงใจผู้ใหญ่นะครับ
แต่เพียงเค้าอาจจะคิดว่าเถียงไป เอาชนะไป สุดท้ายผลลัพธ์ คือ ผู้ใหญ่ถูกเสมอเหมือนเดิม แล้วเค้าจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร และยิ่งเด็กสมัยนี้ ได้รู้ได้เห็นอะไรมากกว่าเด็กสมัยก่อนเยอะนะครับ เค้าจะโต้ตอบผู้ใหญ่กลับมาบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ด้วยคนสมัยก่อนจะไม่ชอบเรื่องพวกนี้ ก็เลยมองว่าเด็กแบบนี้ เป็นเด็กที่แข็งกร้าว ดื้อ ชอบเถียง ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ก็เลยมักจะโดนตัดบทด้วยการกระทำแบบนี้จากผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็อยู่ที่ภูมิต้านทานจิตใจของเด็กแต่ละคนด้วยว่ามีมากแค่ไหน อย่าลืมนะครับว่าคนทุกคนเติบโตมาในสังคมที่ต่างกัน ความคิดความอ่านก็ต่างกัน ฉะนั้นอย่ามองอะไรแต่เพียงด้านเดียว ลองมองในหลายๆ มุม หลายๆ ด้าน แล้วทัศนคติต่างๆ ในตัวเราจะเปลี่ยนไป"
"อย่าสร้างลูกให้อ่อนแอ.เด็กสมัยนี้ถูกหล่อหลอมด้วยเทคโนโลยี เราคนหนึ่งที่ใช้คำแบบนี้.(บางประโยค)เพื่อให้เด็กได้คิดและแข้มแข็งเพื่อสู้กับสังคมจอมปลอมในปัจจุบัน เผื่อวันหนึ่ง เราไม่ได้อยู่กับเขาๆจะใช้ชีวิตในโลกความจริง (ความคิดส่วนตัวนะคะ)"
"ขึ้นอยู่สภาพสังคมและการเลี้ยงดูมากกว่านะ ลูกไม่จำเป็นต้องเลี้ยงให้เป็นเทวดา"
"คำพวกนี้ก็โดนมาแต่เด็กนะ...คือจะไม่ให้เด็กยุคใหม่เจอปัญหาอะไรเลยว่างั้น?แล้วภูมิต้านทานทางจิตใจมันจะสร้างยังไงอ่ะ...#อย่ากลัวคำด่าว่าเพราะมันคือแรงผลักดัน"
"คำพูดแบบนี้ ไม่มีออกจากปากผมแน่นอน ประสบการณ์ มันจะสอนเด็กๆเอง ว่าควรจะทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจ เราเป็นพ่อแม่ เราก็ต้องทำให้ลูกเราเห็นเป็นแบบอย่าง แล้วเด็กก็จะจำว่าควรทำยังไง ให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเค้า"
"เด็กสมัยนี้!!! เอ๊ะอ๊ะ มึงเหยียดกู นู๋โดน บลูลี่ค่ะ นู๋ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ. ภูมิต้านทานต่ำ เพราะขาด7คำนี้และ จากพ่อแม่"
"เด็กสมัยนี้มันเลยเป็นโรคหลงตัวเอง ไม่อยู่บนความเป็นจริง บอกสอนอะไรไม่ได้เลย หน้างิกหน้างอ ชักสีหน้า แล้วว่าครูด่า แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่า. ดุด่าว่ากล่าว กับ อบรมสั่งสอน ต่างกันอย่างไร"
"เด็กสมัยนี้ภูมิคุ้มกันน้อยขนาดนี้เลยเหรอรู้มั้ยทุกคำพูดนี้สร้างคนมานักต่อนักแล้วนะ"
"โดนด่าแค่นี้แล้วชีวิตทำไรไม่ได้โทษแต่คนอื่นไม่โทษตัวเองถือว่าอ่อนแอมากเลยนะครับ สำหรับวิถี #ลูกผู้ชาย"
"คนที่บอกนิดหน่อยไม่ได้ นี่ยังไง แต่ละคนเหมือนกันหรอ อย่าว่าแต่สมัยนี้เป็นกันเลยสมัยไหนก็เป็นแต่คุณแค่ไม่รู้ป่าว ถ้าจะสอนให้อยู่ในสังคมได้ ต้องใช้แต่7คำนี้หรอ สมองขี้เลื่อยจนหาคำอื่นไม่ได้แล้วหรอ"
หรือแบบฮาร์ดคอร์ให้มองมุมกลับก็มี อันนี้เด็ดสุด
"1.แก่แล้วก็ยังสร้างแต่ปัญหา"
2.ทำมาตั้งหลายปีทำได้แค่นี้เหรอ"
3.ทำไมทำไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นบ้าง"
4.ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหรอ จ้องจะใช้อย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง"
5.ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่เลย"
6.ไปตายซะ แก่จะลงโลงอยู่ละ"
7.ทำแบบนี้ลูกไม่รักนะ"
"หัวร้อนมั้ย ใจเขาใจเราครับ ภูมิต้านทานของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน สิ่งแวดล้อมที่เจอมันส่งผลต่อจิตใจเขานะครับ ทั้งหมดมันก็อยู่ที่คนในครอบครัวแหละครับว่าจะจัดการยังไง"
ความเห็นส่วนตัว ไอ้ตรงที่บอกว่าคำพูดนี้สร้างคนมานักต่อนัก อันนี้เหมือนไปโฟกัสชนกลุ่มน้อยเกินไปนะ คนที่ผงาดเพราะคำพวกนี้ก็เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง หรืออาจจะเทียบได้กับผู้รอดชีวิตจากเรือไททานิคที่รอดแค่หลักร้อย แต่ตาย+หายสาปสูญหลักพัน ในขณะที่บางคนฝังใจกลายเป็นปมก็คือส่วนที่เหลือที่เรามองไม่เห็น เหมือนสังคมเราจะเพิกเฉยเรื่องนี้มากเกินไป พอให้มองมุมกลับบ้างก็อ้างบาปบุญทันที กลายเป็นเด็กโดนอยู่ฝ่ายเดียวเลย