โบอิ้งประกาศระงับการผลิต 737 แม็กซ์ ส่อเค้ากระทบเศรษฐกิจ-ห่วงโซ่อุปทานเอเจนซีส์ – โบอิ้งประกาศระงับการผลิต 737 แม็กซ์ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป นับเป็นการพักสายการประกอบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี หลังเครื่องบินขายดีที่สุดรุ่นนี้ที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงถูกห้ามขึ้นบินยาวจนถึงปีหน้า และยังเป็นการตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนว่า โบอิ้งอาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการฟื้นจากวิกฤต นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ
โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของอเมริกาแห่งนี้ที่ทำการผลิตเครื่องบิน 737 ในโรงงานทางใต้ของซีแอตเทิล แถลงเมื่อวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ว่าจะไม่ปลดพนักงานระหว่างการระงับการผลิต อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้จะส่งผลกระทบต่อซัปพลายเออร์ชิ้นส่วนเครื่องบินและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
โชคชะตาที่พลิกผันของโบอิ้งที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปีกำลังกดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการทำให้ผลผลิตอุตสาหกรรมลดลง เช่นเดียวกับมูลค่าการค้าและยอดขายสินค้า
การตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารโบอิ้งระหว่างการประชุมนาน 2 วันครั้งนี้มีขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานบริหารการบินสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ออกแถลงการณ์ตำหนิโบอิ้งโดยกล่าวหาว่า บริษัทกำหนดกรอบเวลาที่ไม่เป็นจริงสำหรับการกลับไปให้บริการอีกครั้งของแม็กซ์ อีกทั้งยังป่าวประกาศข่าวดังกล่าวเพื่อกดดันทางการ ซึ่งเอฟเอเอสำทับว่า ไม่สามารถอนุมัติให้แม็กซ์กลับไปให้บริการก่อนปี 2020
โบอิ้ง 737 แม็กซ์ถูกระงับการให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังประสบอุบัติเหตุตกในอินโดนีเซียและอุรุกวัยภายในเวลา 5 เดือน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 364 คน และโบอิ้งสูญเสียกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์
การตัดสินใจระงับการผลิตจะส่งผลเฉพาะหน้าเพียงเล็กน้อยต่อสายการบินที่ถูกระงับการจัดส่งเครื่องบินรุ่นนี้อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งทำให้หลายแห่งต้องยกเลิกเที่ยวบินหรือเช่าซื้อเครื่องรุ่นเก่ากว่ามาใช้แทน
การระงับการผลิตส่งผลให้วิกฤตเลวร้ายลงสำหรับโบอิ้งที่เผชิญคำสั่งห้าม 737 แม็กซ์ ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของบริษัทขึ้นบินทั่วโลก ประวัติความปลอดภัยถูกตรวจสอบ ถูกลูกค้ากดดันให้จ่ายค่าชดเชย มิหนำซ้ำความสัมพันธ์กับเอฟเอเอยังสั่นคลอน
ทั้งโบอิ้งและเอฟเอเอต่างถูกตรวจสอบเข้มงวดเกี่ยวกับมาตรการรับมือปัญหาที่เกิดกับ 737 แม็กซ์ ซึ่งรวมถึงระบบจัดการการบิน “เอ็มแคส” ที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฎกรรมทั้งสองครั้ง ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า แนวโน้มของโบอิ้งจะยังคงมืดมนจนกว่า 737 แม็กซ์จะได้รับอนุญาตให้กลับขึ้นบิน
จนถึงตอนนี้โบอิ้งยังคงผลิต 737 แม็กซ์เดือนละ 42 ลำ และจัดซื้อชิ้นส่วนจากซัปพลายเออร์เดือนละ 52 รายการ แม้มีการระงับการจัดส่งจนกว่าทางการจะอนุญาตให้เครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบินอีกครั้งก็ตาม
โบอิ้งไม่ได้ระบุว่า จะระงับการผลิตนานแค่ไหน โดยย้ำว่า ขึ้นอยู่กับเอฟเอเอ ขณะที่เอฟเอเอของดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจทางธุรกิจของโบอิ้ง แต่บอกว่าจะร่วมกับหน่วยงานคุมกฎทั่วโลกตรวจสอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลง 737 แม็กซ์ที่โบอิ้งเสนอมาต่อไป
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า การระงับการผลิตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากโบอิ้งถูกบีบให้ยกเลิกเป้าหมายในการนำ 737 แม็กซ์กลับมาให้บริการอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้
ในวันจันทร์ โบอิ้งยังแถลงว่า จะทุ่มเทความสนใจกับการจัดส่งเครื่องบินราว 400 รุ่นที่ผลิตเสร็จแล้วและจัดเก็บอยู่ ทันทีที่เอฟเอเออนุมัติให้ 737 แม็กซ์กลับขึ้นบิน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นข่าวดีสำหรับโบอิ้งที่กำลังต้องการเงินสดอย่างมาก แต่ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ ตามมาหลังจากขึ้นสายการผลิตอีกครั้ง เช่น ห่วงโซ่อุปทานที่เปราะบางเนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ และการเปลี่ยนแปลงความเร็วในการผลิตกะทันหันที่อาจทำให้เกิดการติดขัด
สำหรับผลกระทบทางการเงินจากการระงับการผลิตนั้น โบอิ้งระบุว่า จะเปิดเผยระหว่างการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสช่วงปลายเดือนหน้า
ที่มา
https://mgronline.com/around/detail/9620000120315